ลิงค์ตอนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในทริปนี้อยู่ด้านล่างสุด
เมือง Ollataytambo เป็นเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งใน Sacred valley หรือหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินคา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองกุสโกและมาชูปิกชู เมืองนี้จึงเป็นหนึ่งในเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมค้างคืนเพื่อจะนั่งรถไฟไปมาชูปิกชูในเช้าวันถัดไป
เรื่องของการวางแพลนเที่ยวมาชูปิกชู เรามีอธิบายไว้ในตอนนี้ https://th.readme.me/p/75436
Ollataytambo เคยเป็นที่อยู่ของกลุ่มคนที่อาศัยก่อนหน้าชาวอินคาก่อนที่ชาวอินคาจะเข้ามายึดครอง ส่วนชาวอินคาเป็นอารยธรรมสุดท้ายก่อนที่เปรูจะถูกสเปนยึดครองในช่วงศตวรรษที่ 15
สมัยที่สเปนรุกรานเปรู กษัตริย์อินคาคนหนึ่งได้ถอยร่นจากกุสโกลงมาและยึดเมืองนี้เป็นที่มั่น และตั้งเป็นเมืองหลวง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทั้งกองทัพได้ย้ายไปเมืองอื่นก่อนที่เมืองนี้จะถูกสร้างเป็นเมืองหลวงเสร็จ
ที่นี่จึงมีสิ่งก่อสร้างของชาวอินคาและกลุ่มคนที่อาศัยก่อนหน้าชาวอินคาหลงเหลืออยู่ มีทั้งแบบที่เสียค่าเข้าและเข้าฟรี


บางจุดของเมืองนี้จะเป็นถนนวิ่งเลนเดียว จึงต้องมีผู้บอกทางว่าฝั่งไหนไปได้ ฝั่งไหนต้องหยุด

สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่นี่จะไม่ค่อยเสถียร มาๆ ไปๆ ตามกระแสลม แนะนำให้โหลดแผนที่ออฟไลน์ และปริ้นที่อยู่ที่พักเตรียมไว้เลยค่ะ ทันทีที่เรามาถึงเมืองนี้ ซิมเราก็ต่อเน็ตไม่ได้ ดีที่ปริ้นใบจองที่พักเป็นภาษาสเปนมา แลยสามารถพิมพ์หาที่พักในกูเกิ้ลแมปแบบออฟไลน์ได้ ไม่งั้นคงแย่เลย
การเดินทางจากกุสโกมา Ollataytambo
- รถส่วนตัว หรือรถแท็กซี่
- ซื้อ Sacred valley day trip tour จากุสโก แล้วขอลงที่ Ollataytambo ไม่กลับไปกุสโกอีก ราคาทัวร์รวมบุฟเฟ่ต์อาหารเที่ยง คนละ 20 ดอลล่าร์ หรือ 70 Sol แต่ไม่รวมค่าเข้าที่เที่ยว
- นั่ง Shuttle transfer ราคาคนละ 15 ดอลล่าร์
- นั่ง Collectivo จากถนน Pavitos ที่กุสโก (ถ้าเป็น Collectivo หรือรถตู้ ราคาจะอยู่ที่ 10 Sol/คน หากมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่จะถูกยกไปวางบนหลังคารถ แต่ถ้าเป็นรถส่วนบุคคลแบบแชร์ราคาจะอยู่ที่ 15-20 Sol/คน กระเป๋าเดินทางไว้หลังรถ
จุดขึ้น Collectivo ที่กุสโก

เราไปถึงเช้ามาก และในวันที่เขามีสไตรท์หยุดวิ่งกัน มันเลยเงียบเหงา แต่ปกติได้ยินว่าครึกครื้นมากค่ะ

จุดขึ้น Collectivo ที่ Ollataytambo จะอยู่ตรง Plaza de Armas ยืนรอไปสักพักจะมีคนขับมาเรียกเองค่ะ มีทั้งแบบรถส่วนตัวและรถตู้

ที่เที่ยวOllantaytambo
ถ้าพักในเมือง ทุกที่เดินเท้าถึงค่ะ
1.Sitio arqueológico Pinkuylluna
2.El Callejon
3.Punku Punku - ประตูอินคาจำลอง ตั้งตรงทางเข้าออกเมืองนี้
4.Inkapintay
5.Ollantaytambo Sanctuary - ที่เที่ยวเดียวในเมืองนี้ที่เสียเงินค่าเข้า ที่นี่จะรวมอยู่ใน Sacred valley day trip tour จากกุสโก ราคาทัวร์ประมาณ 20 US ต่อคน ทัวร์จะรวมที่เที่ยวอื่นๆ อีกประมาณ 3-4 ที่ขึ้นกับทัวร์แต่ละเจ้า ข้อเสียของการไปกับทัวร์คือเราจะได้ดูไม่ทั่วค่ะ ทัวร์จะพาเดินแค่ในจุดเด่นๆ เท่านั้น ไม่เดินจนครบ

ที่กุสโกและหุบเขาศักดิ์สิทธิ์จะใช้แพกเกจตั๋วท่องเที่ยวที่เรียกว่า Boleto Turístico Cusco หรือตั๋วท่องเที่ยวของกุสโก มีหลายแพกเกจขึ้นกับจำนวนวัน และจำนวนที่เที่ยวที่ต้องการเข้า หลักๆ แบ่งเป็น 2 แบบคือ
แบบระยะสั้นประมาณ 1-3 วัน ราคา 70 Sol - ประมาณ 700 บาท
แบบระยะยาวใช้ได้ 10 วัน เข้าได้ประมาณ 16 ที่เที่ยว ราคา 130 Sol - ประมาณ 1300 บาท
สามารถซื้อได้ทุกที่เที่ยวที่อยู่ในลิสต์ ต้องจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น และรับเฉพาะเงิน Sol ไม่รับจ่ายเป็นดอลล่าร์

Ollantaytambo Sanctuary

เราต้องมาซ์้อตั๋วก่อนเข้าไปค่ะ ทางซ์้อตั๋วอยู่ตรงนี้ มีป้ายระบุประเภทและราคาตั๋วแต่ละแบบไว้ด้วย

ซ์้อแล้วก็เดินเข้าไปได้เลย

แผนที่ที่นี่ แต่...เปิดไม่หมดทุกที่ค่ะ บางที่ก็ปิดเส้นทาง ไม่ให้เดินไป

นักโบราณคดีคาดเดาว่าที่นี่เคยถูกสร้างเป็นพระราชวัง เพราะหินที่ใช้สร้างงานละเอียดกว่าการก่อสร้างทั่วๆ ไป แต่มันถูกสร้างทิ้งไว้ครึ่งๆ กลางๆ
มุมด้านล่าง
ขั้นๆ ที่เราเห็นคือ ขั้นบันไดที่ใช้ในเกษตรกรรม นอกจากจะเอาไว้ปลูกพืชแล้ว ยังช่วยกักเก็บน้ำและป้องกันดินถล่มได้ดีอีกด้วย เหตุการณ์ดินถล่มปิดทางเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในเปรู

มุมด้านบน

จากด้านบนจะมองเห็น Sitio arqueológico Pinkuylluna ที่อยู่ภูเขาฝั่งตรงข้ามได้ด้วย

Templo del sol วิหารบูชาดวงอาทิตย์

มีรางน้ำด้วย

จริงๆ ข้างบนนอกจากวิหารบูชาดวงอาทิตย์ยังมีอาคารอื่นๆ อีก แต่เขาปิดไม่ให้เขา เลยอดไปค่ะ
เลยลงมาข้างล่างดูอาคารอื่นแทน
น้ำพุประกอบพิธีกรรม


ที่ๆ เราได้เจอกับจักรพรรดิกุสโกที่กลายเป็นลามะ (จากเรื่อง จักรพรรดิกลายพันธุ์ อัศจรรย์พันธุ์ต๊อง ของดิสนีส์)


สะพานข้ามน้ำที่ทำจากหินก้อนใหญ่ (มว๊าก)

และเจอเด็กๆ มาทัศนศึกษากัน

ฝั่งนี้จะเป็นโซนที่ทัวร์ไม่พาไปค่ะ ถ้าอยากมาเดินตรงนี้ต้องมาเอง


Inka Misana
เชื่อว่าเป็นจุดที่ผู้ปกครองชาวอินคาพูดคุยกับประชาชนของเขา


หากสังเกตบนภูเขา จะเห็นชัดเจนเลยว่า ยังก่อสร้างไม่เสร็จ
บันไดบางจุดจึงกลายเป็น บันไดไปไหนก็ได้ เพราะมันหายวับไปกลางอากาศเลย


ตรงนี้เจอทั้งลามะและอัลปาก้า

Sitio arqueológico Pinkuylluna
ที่นี่เข้าฟรี แต่ต้องเดินเทรกริมภูเขาขึ้นไป เดินไปไม่ไกล แต่มีจุดที่หวาดเสียงและอันตราย ควรใส่รองเท้าเดินป่าขึ้นไป จากที่เห็นมีคนเดินขึ้นไปทั้งเด็กและผู้ใหญ่
อาคารนั้นคือจุดหมายปลายทางของเรา

เมื่อถามว่ามันตั้งตรงส่วนไหนของภูเขาแล้วไซร์ มันตั้งอยู่ตรงนี้เลยจ้า
มันคือที่เก็บผลผลิต สร้างไว้บนเขาสูงเพราะยิ่งสูงยิ่งหนาว เก็บของได้ดี โดยเอาของเข้าทางนึง แล้วเอาออกมาอีกทาง

ที่นี่เราต้องขึ้นไปสองครั้ง ครั้งแรกขึ้นไปเจอจุดเสียวๆ แล้วไม่กล้าเดินต่อ แต่วันต่อมามีเวลาว่างครึ่งวัน เลยขอขึ้นไปอีกครั้ง
ประตูทางเข้าอยู่ในเมืองเลย ประตูนี้มีเวลาเปิดปิดเพื่อความปลอดภัย เพราะด้านบนไม่มีไฟเลย

ทางตอนแรกยังเฉยๆ ไม่มีอะไร

พอเดินขึ้นไปเจอจุดเสียวๆ ที่กลัวเมื่อวานแล้ว...ก็ยังกลัวเหมือนเดิม 5555555 มันมีจุดที่ไม่มีราวกั้น และพื้นเป็นหินที่มองหาที่เหยียบไม่ชัด เลยค่อนข้างกลัว มองไปมองมารู้สึกขาสั่นๆ คล้ายจะเข่าอ่อน 55 ต้องหยุดนั่งทำใจ มองคนอื่นขึ้นลงสักแปปค่อยเดินต่อ

ไกลถึงแล้ว ตรงนี้จะเป็นทางเดินริมผา ถือว่าน่าหวาดเสียวน้อยกว่าก่อนหน้านี้


กว่าจะขึ้นมาได้ต้องใช้กำลังใจเยอะ ขอถ่ายหลายๆ มุมหน่อย อิๆ

ภาพจากด้านใน ด้านในจะเป็นทางลาดจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง

หินที่ใช้ก่อสร้าง

บันไดขึ้นค่อนข้างชัน ถ้าเหยียบพลาดหงายหลังล่ะก็...เจอกันตีนภูเขาเลยจ้า

จากตรงนี้จะมองเห็น Ollantaytambo Sanctuary ด้วย

ขึ้นได้ก็ต้องลงได้ เอ้าฮึบ

แต่ขาลงไวกว่ากันเยอะ มันมองเห็นสเต็ปที่วางเท้าชัดเจนกว่าตอนขาขึ้น


นอกจากจุดนี้ยังมีจุดชมวิว และซากโบราณสถานอื่นๆ อยู่ด้านบนขึ้นไปอีก ระยะทางทั้งหมดเพียง 850 ม. แต่เป็นทางเดินขึ้นเขาหมดเลย ยิ่งเดินทางยิ่งแคบ และเดินริมไหล่เขามากขึ้น เราเลยยอมแพ้ แค่ขึ้นมาตรงจุดก็ใช้แรงใจมากแล้ว ข้าน้อยขอพอแค่นี้ กลัวขึ้นได้ลงไม่ได้จ้า
ลูกศรคือจุดที่เราหยุดในวันแรก

Quellorokay -ไม่เสียค่าเข้าฟรี
ที่นี่เป็นซากโบราณสถานที่ค่อนข้างร้าง เพราะไม่ใช่จุดที่ทัวร์ลง แต่เป็นหนึ่งในที่ๆ เราชอบ มันสงบและเป็นธรรมชาติดีค่ะ แต่ทางเดินในกูเกิ้ลแมปจะไม่ตรง ต้องใช้ Maps.Me หรือ Organic Maps นำทางค่ะ
ทางเข้า

เดินไปจนสุดทาง จะเจอป้ายเล็กๆ ตั้งอยู่ ถ้าไม่เจอป้ายนี้เราก็คิดว่ามาผิดทางค่ะ


เดินทางตามไปเรื่อยๆ ตลอดเวลาไปกลับ เราไม่เจอคนอื่นเลย นอกจากวัว

ป้ายบอกสร้างความมั่นใจ ว่าไมไ่ด้กำลังเดินสวนหลังบ้านใครอยู่

และแล้วเราก็มาถึง เดินไม่ไกลค่ะ แต่แดดร้อน





สิ่งมีชีวิตเดียวที่เราเจอ...วัวววววววววววววววว

Punku Punku

ประตูอินคาจำลอง ตั้งตรงทางเข้าออกเมืองนี้ ไม่ได้มีอะไรเด่น แค่เป็นทางผ่านเฉยๆ
จาก Punku Punku เดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ จะเจอกับ Inkapintay เป็นหนึ่งในซากโบราณของชาวอินคา
Inkapintay
เราคิดว่ากำแพงที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางด้านซ้าย ขณะที่เดินมาทั้งหมดก็เป็นผลงานของชาวอินคาค่ะ เพราะมันมีท่อส่งน้ำอยู่ด้วย

ถนนเส้นนี้ดูจะเป็นเส้นออกกำลังกายของชาวเมืองด้วย เราเจอทั้งคนขี่มอไซต์ คนปั่นจักรยาน คนพาหมามาเดินเล่น


อย่างที่บอกในตอนก่อนหน้าว่า ตามหลักความเชื่อของชาวอินคา เขาจะไม่แกะสลักลงไปบนหิน หินที่เจอจึงเรียบๆ ไม่มีลวดลาย แตกต่างจากอารยธรรมมายา และแอซเท็ก
Inkapintay เป็นจุดที่มีรูปวาดบุคคลที่เชื่อว่าเป็นขุนนาง...แต่เรามองยังไงก็หาไม่เจอ เลยเดินกลับค่ะ


เม้าท์มอย
เมื่อขนส่งสไตรท์ในวันที่เราแพลนจะเดินทางไป Ollantaytambo
ตอนแรกเราแพลนจะซื้อ Sacred valley เดย์ทริป แล้วขอโดดลงที่ Ollantaytambo ไม่กลับมากุสโก เราแพลนไว้ว่านั่งเครื่องบินมาถึงกุสโก พักที่กุสโกคืนนึงแล้ววันต่อไปก็เดินทางไป Ollantaytambo
ปรากฎพอมาถึงที่พักที่กุสโกตอนประมาณ 4 ทุ่ม พนักงานที่พักแจ้งว่า พรุ่งนี้มีนัดหยุดงานขนส่งกุสโก
เลยต้องไปนั่งรถสาธารณะ ต้องออกจากที่พักตอนตีห้า ไม่ก็ตอน 6 โมงเย็นไปเลย เราเลือกเดินทางตอนเช้า เท่ากับเราจะมีเวลานอน ไม่ถึง 5 ชม(และยังไม่ง่วง) ลงท้ายคือหลับๆ ตื่นๆ
ตอนตีสี่ครึ่ง นอนไม่หลับล่ะ ตื่นมาเตรียมตัวออกไปข้างนอก แต่ก็สงสัยตลอดคืนว่า มันจะมีรถเหรอวะ ถ้ารอ 6 โมงเย็น เกิดคำถามเดียวกันแหละ เมืองกุสโกสูง 3 พันกว่าฟุต ถ้าอยู่นานๆ หลายวันอาจเกิด high altitude sickness ต้องนอนซมปรับตัว 1-2 วันถึงจะหาย ส่วนใหญ่เลยจะหนีลงไปเมืองที่อยู่ต่ำกว่าคือ Ollantaytambo หนึ่งในจุดพักไป Machu Picchu ก่อน จะปรับตัวไวขึ้น
มาต่อ ถ้าออกตอนเช้าคือ the point of no return เลยนะ กลับโฮสเทลไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีกุญแจเข้า และไม่มีพนักงานตอนเช้านี้ แต่ก็เอาวะ เสี่ยงเป็นเสี่ยง
ที่พักที่เลือกไว้ค้างคืน คิดไว้แล้วจะเลือกให้ใกล้กับ ถนน Pavitos ที่เป็นแหล่งขึ้นรถ Collectivo หรือรถตู้ ไป Ollantaytambo ราคาอยู่ที่คนละ 10 Sol หรือ 100 บาท
ที่พักอยู่ห่างถนนนี้ 650 เมตร ระยะเดินไม่เหนื่อย แตตตต่
1.เนิน 60 องศา ขึ้นสุดลงสุด ถนนไม่เรียบ ขรุขระ
2.กระเป๋าลาก 25 นิ้ว น้ำหนัก 22 โล (เสบียงประมาณ 10 โล)
3.อยู่บนที่สูง เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
พอจังหวะสบาย ลงเนิน ฝั่งตรงข้าม เจอกลุ่มที่เหมือนวัยรุ่นเฮละโลวิ่งไปหารถที่ขับอยู่ เปิดประตูรถ แล้วไงต่อไม่รู้ ใจนึกว่า นี่มันปล้นรถกันเลยเหรอวะ อหหหห รู้ว่าที่นี่มีการจี้ปล้นบ้าง ถ้าไปโซนไม่ปลอดภัย แต่อันนี้ถามที่พักแล้วนะว่า ออกมาเดินตอนตี 5 ปลอดภัยใช่ไหม + รถราวิ่งขวักไขว่อยู่
ทั้งกลุ่มเฮละโลไปรถคันต่อไป ไอ้เราก็ ไอ้เสือ ถอยยย ลากกระเป๋าแถกๆ กลับขึ้นไปบนเนิน ไปหลบหลังรถบัสที่จอดอยู่รอดูท่าทีว่าเอาไงต่อดี
ระหว่างนั้นเห็นคนเดินผ่านไปเป็นปกติ เลยทำสัญญาณกับช ญ ที่เดินมาทางเดียวกันคู่นึง ว่าขอไปด้วยได้ไหม ไม่อยากไปคนเดียว 555 แกก็งง แล้วมาเข้าใจตอนเดินลงเนินเห็นกลุ่มวัยรุ่น แกเลยหันมาเรียกให้เดินตามไป แล้วบอกเป็นภาษาสเปนที่จับใจความได้ว่า "เธอไม่มีรถ ไม่เป็นไร เขาไม่โจมตีรายบุคคล" (ความพยายามเรียนสเปนผ่านแอป Duolingo ได้ใช้บ้างล่ะ 55)
แล้วก็ตามกันไปเป็นกลุ่ม เริ่มมีคนเดินไปมามากขึ้น และพอมาถึงถนน Pavitos ไม่มีรถจ้า ไม่มีเลยสักคันนึง (ภาพแรก) ถนนนี้จะมีรถตู้ตั้งแต่ช่วง ตี2 ของทุกวัน แต่วันนี้โบ๊เบ๊ และมีคนยืนอยู่ประปรายเผื่อมีรถมา
คนที่ให้ตามมาด้วยก็บอกว่า ไม่มีรถนะ เขาstrike กัน ให้กลับไปนอนเถอะ = = คือ ชั้นเลย the point of no return มาแล้วอ่ะ ขี้เกียจลากเป๋ากลับด้วยประเด็น เลยยืนรอกับคนอื่น
ถนนเส้นนี้ปกติจะเปิดตั้งแต่ตีสอง จากที่อ่านรีีวิวคือจะคึกคึกมาก แต่วันนี้คือเงียบกริบ

ฝั่งตรงข้ามมีคนเดินไปถาม คนเปรูที่ยืนข้างๆ (จะไปเมืองเดียวกัน) ก็หันมาบอก ไปถามกันๆ สรุปคือมีคนขับใจกล้า จะพาคนไป ราคาที่ตอนแรกบอก 20 Sol ขึ้นเป็น 40 Sol จบลงที่ 50 Sol (ประมาณ 500 บาท) ตามความเสี่ยงของงาน 555 (ดูคลิปได้ รถคันนั้นเหมือนโดนปล่อยลมยาง จนข้บไปไหนต่อไม่ได้)
มีผชที่ขนอุปกรณ์ช่าง ผญ ที่จองตั๋ว Machu Picchu ไว้ แต่รถไฟท้องถิ่น(ที่ห้ามนททขึ้น) strike หยุดวิ่งจากกุสโก ถ้าขึ้นรถไฟนักท่องเที่ยวก็แพงหูฉี่ (แพงแบบกรีดร้องงงง)
ทั้งสองคนเป็นคนกุสโก
รถขับรลงมารับไม่ได้ ขับลงมาพ่อโดนรุมหมด เลยต้องขึ้นไปหารถ แล้วขับเลี่ยงไปทางอื่น
ระหว่างขับเจอกลุ่มคนระหว่างทาง คนขับก็ถามไปที่นี่ไหม แต่ราคาแพงไปมั้ง เลยไม่มีใครไป

วิวระหว่างทาง

ประมาณชมครึ่งก็มาถึง Ollantaytambo และ ใช่มีสัญญาณมือถือ แต่ไม่มีสัญญาณเน็ต แล้วตรูจะหาที่พักยังไง search ในกูเกิ้ลแมปออฟไลน์ก็ไม่ขึ้น (รู้ทีหลังว่าใส่ชื่อผิด) เลยเปิดกระเป๋าหยิบใบจองที่พักที่ปริ้นออกมา (ปริ้นเป็นภาษาสเปนด้วย เผื่อต้องถามทาง ไม่งั้นเขาไม่รู้เรื่อง)
พอรู้ว่าชื่อผิดเลยพิมพ์ถูกล่ะ เดินตามแมปไปแปปเดียวก็ถึง
ส่วนขากลับ เจอดินถล่มปิดทางบางส่วน

ตอนอื่นๆ ในทริปเปรู คนเดียวก็เที่ยวได้
ตอน 1 รีวิวแพลนการเดินทางไปชมมาชู ปิกชู สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่อเมริกาใต้ ประเทศเปรู ทริปนี้ต่อเครื่องที่สเปน https://th.readme.me/p/75409
ตอน 2 รีวิวพระราชวังมาดริด และพิพิธภัณฑ์ของสะสมกษัตริย์สเปนPalacio real de madrid และ Royal collection gallery https://th.readme.me/p/75410
ตอน 3 Ollataytambo เมืองในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์หนึ่งใน Sacred valley หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินคา ประเทศเปรู https://th.readme.me/p/75443
ตอน 4 รีวิวการเดินทางและการเที่ยวมาชูปิกชู Machu Picchu หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ https://th.readme.me/p/75436
ตอน 5 เช้าไปเย็นกลับ Pisac โบราณสถานอินคาใกล้กุสโก https://th.readme.me/p/75452
ตอน 6 เช้าไปเย็นกลับ Tipón โบราณสถานด้านการชลประทานของชาวอินคา และเมืองลับ Pukara https://th.readme.me/p/75453
ตอน 7 กุสโก้ Cusco อดีตเมืองหลวงอันรุ่งเรืองของอาณาจักรอินคา https://th.readme.me/p/75454
ตอน 8 การเดินทางใน Lima เมืองหลวงที่(ไม่ค่อย)ปลอดภัยของเปรู และ Huaca Pucllana วิหารของอารยธรรมก่อนอินคา https://th.readme.me/p/75455
ตอน 9 ปั่นจักรยานชมอุทยานแห่งชาติ Paracas ดินแดนที่ทะเลทรายพบกับทะเล กาลาปากอสคนจน https://th.readme.me/p/75456
Duck's journey
วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 14.14 น.