สวัสดีทุกกกกกกกกคน :)


เนื่องเป็นคนที่ว่างเป็นต้องออกเที่ยว เพราะทำงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมมันก็น่าเบื่อนะ ต้องเติมสีสันให้กับชีวิตบ้าง หลายๆคนมักจะถามผมอยู่เสมอว่า "เที่ยวอีกแล้วเหรอ? ทำไมเที่ยวบ่อยจัง? ไม่ทำงานเหรอ? อยากมีเงินเที่ยวแบบน้องบ้างจัง,ไปคนเดียวอีกแล้วเหรอ? ทำไมไม่ชวนเลย" ก็อยากจะตอบนะครับว่า "คนเราถ้ามีใจอยากเที่ยวจริง เรื่องเงินมันหากันได้ วันหยุดก็มีเหมือนๆกัน แต่อยู่ที่ว่าคุณจะกล้าเสียเงินกับการท่องเที่ยวแบบผมหรือไม่ ซึ่งได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง อยากเที่ยวก็ต้องเสียเงิน ถ้าคุณไม่เสียดายเงินมากเกินไป แน่นอนคุณก็ไปเที่ยวได้ครับ" แต่ก้ได้แต่คิดในใจ ฮ่ะๆๆๆ

ทริปวันหยุดเมื่อ 11-13 FEB 2017ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปเที่ยวกระบี่และเป็นครั้งแรกที่กระบี่ด้วย ซึ่งไม่ได้เน้นเที่ยวทะเลเหมือนคนทั่วๆไปที่ไปเที่ยวกระบี่เพราะทะเลสวยๆแบบในรูปนี้นะครับ

แต่ที่ที่ผมไปคือเดินป่าเดินเขาที่ "เขาหงอนนาค" ยอดเขาที่ตั้งสูงตระหง่านเหนือทะเลอันดามัน กระบี่ ที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่าดงดิบ ยอดเขาหงอนนาคแห่งนี้ที่สูงประมาณ 500 เมตร แต่มีจุดชมวิวอันยิ่งใหญ่มหัศจรรย์รอคอยคุณอยู่บนนั้น ถ้าคุณเป็นคนชอบการเดินป่าผจญภัยล่ะก็ ที่นี่ตอบโจทย์คุณแน่นอนครับ ไปลุยเขากันสิครับรออะไร อิอิ

รูปนี้ถ่ายบน "ยอดเขาหงอนนาค" ซึ่งอยากบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า "กระบี่ไม่ได้มีดีเพียงแค่ทะเล" นะเออ

ระยะทางเดินเท้านั้นก็ไม่ใกล้ไม่ไกลที่ 3.7 กิโลเมตร แต่เป็นระยะทาง 3.7 กม. ที่เหมือนจะไกลมากกกกกกเพราะทางเดินขึ้นเขานั้นค่อนข้างงงงงงงงงชันนนนนนในหลายๆจุด ซึ่งขาขึ้นใช้เวลาเดินเท้าเกือบ 2.5 ชม.กว่าจะถึงยอดสูงสุด และขาลงอาจจะไวหน่อย ระยะเวลาไปกลับก็ประมาณ 4 ชม.


แต่ขอย้ำนะครับว่า ระยะเวลาในการเดินเท้าขึ้นยอดเขานั้นก็ขึ้นอยู่กับสถาพร่างกายของแต่ละคน ใครแข็งแรงก็ใช้เวลาน้อย ใครอ่อนแอก็ใช้เวลานานและแน่นอนโดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบการผจญภัยโดยเฉพาะการเดินป่า จึงทำเวลาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

กระบี่ไม่ได้มีดีแค่ทะเล ถ่ายคู่กับภูเขาหินปูนข้างทางในเมืองกระบี่ แจ่มมมมมมมมใช่เล่นนะเนียะ

เนื่องจากไม่เคยไปกระบี่มาก่อนเลยไม่รู้ว่าจุดศูนย์กลางของกระบี่คือที่ไหน และแน่นอนคนไม่เคยไปก็ต้องคิดว่าในตัวเมืองกระบี่แน่นอน ก็เลยนั่งรถมาลงในเมืองกระบี่ ไปเช่ามอไซแล้วขับไปยังจุดหมายปลายทาง ทริปนี้มีเพื่อนไปออกทริปด้วย ซื้อของกินไปเยอะเลย เพราะจะไปกางเต๊นท์นอนบนเขา แต่................


คือตอนแรกตั้งใจมาเขาหงอนนาคเพื่อกางเต๊นท์นอนบนเขา แต่พอแจ้งพี่เจ้าหน้าที่ปุ๊บ คำตอบของพี่เจ้าหน้าที่ทำเอาผมเข่าแทบทรุด คำตอบ: "ทางกรมอุทยานเขาปิด ไม่ให้นอนพักกางเต๊นท์บนเขาแล้วครับ" ผมก็ได้แต่บอกว่า "ห๊ะ!!!! นี่ผมมาเพื่อการนี้เลยนะคับพี่" เหมือนฝันสลาย

เลยคุยกับเพื่อนเอาไงต่อดี ที่พักก็ไม่ได้จอง แต่เรื่องที่พักพับเก็บไว้ก่อน เรามาโฟกัสเรื่องเดินขึ้นเขาก่อนดีกว่า เลยจัดการสัมภาระที่ต้องแบกขึ้นไป แล้วนำของไม่จำเป็นพวก"เต๊นท์นอน อาหารมื้อคำบนเขา(เยอะนะ) เสื้อผ้า" ฝากไว้กับพี่เจ้าหน้าที่ แล้วแบกไปเฉพาะ"น้ำ กล้อง มือถือ ขาตั้งกล้องและจะให้ดีควรมีกระเป๋ากันน้ำด้วยนะคับ"

เริ่มเดินทางขึ้นป่ากันเลย มีความฝนตกต้อนรับเดินขึ้นเขาด้วย เย็นชุ่มฉ่ำมากกกกกกกกกก(หนาวเหอะ)

เตรียมตัวพร้อมแล้วก็เริ่มเดินเท้าเวลา12.30น. เดินไปได้สัก10นาทีก็เจอเซอไพรซ์ "ฝนตก"ครับพี่น้อง และตกนานด้วย ตอนแรกคุยกับเพื่อนว่าเอาไงดี เดินกลับไปยังทันนะ แต่เดี๋ยวๆ อุตส่าห์มาถึงที่แล้วฝนจะตกหนักแค่ไหนก้ไม่หวั่น

เดินฝ่าฝนไปแบบชิวๆสบายๆ เดินไปถ่ายรูปไป ระหว่างเดินขึ้นก็แน่นอนต้องมีคนเดินลง ส่วนมากจะเป็นต่างชาติ เจอไปก็ทักทายกันไปด้วยคำว่า"Hi"ด้วยรอบยิ้มสุดปลายทาง

บอกแล้วว่าวิวบนเขานั้นสวยใช่ย่อยยยยยนะ อ้าวววโดดดดดดดดดดดดด เหนื่อยแต่ยังโดดไหว 555+

เมื่อเดินไปได้เกือบถึงก็เจอกับวิวที่สวยจับใจตลอดทาง มันหายเหนื่อยไปเลยนะ รู้สึกคุ้มค่ามากกับการเดินทางเพื่อมาเจอสิ่งเหล่านี้ สำหรับคนรักธรรมชาติอย่างผมแล้ว ผมบอกได้คำเดียวเลยว่า มันโคตะระสุดยอดดดดดดดดไปเลยครับ มีความสุขแบบสุขจริงๆ

เดินกันต่อไปเรื่อยๆก็เจอวิวสวยๆและจุดถ่ายรูปเรื่อยๆ โขดหินนี้สูงนะ ไม่รู้มีคนขึ้นไปถ่ายรูปแบบนี้ไหม ฮ่ะๆๆๆ


ยิ่งคนบ้าๆกล้าๆและชอบไปยืนบนขอบหน้าผา โขดหินแปลกๆสูงๆแบบผมแล้ว แค่เห็นก็รู้สึกตื่นเต้นไปใหญ่และมันส์มากกกกกกกกกกกกก อยากเก็บทุกความสวยงามไว้ในความทรงจำ หลงรักธรรมชาติแบบสุดๆ 555+

เป็นคนชื่นชอบสีเชียวและมีรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขทุกครั้งทุกเวลาที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

ห็นวิว 360 องศา บนเขาสวยแบบนี้แล้ว รู้สึกชุ่มฉ่ำใจมากกกกกกและคุ้มค่ากับการเดินฝ่าฝนมา 555+

อย่างที่บอกครับว่า "กระบี่" ไม่ได้มีดีแค่ทะเลจริงๆนะ ลองเปลี่ยนจาก "ทะเล" หันมามอง "เขา" บ้าง แล้วระวังคุณจะหลงไหลในความสวยงามของ "เขา" นะคับ อิอิ นี่แหละคับที่เขาเรียกกันว่า "เขาหงอนนาค" หินยื่นออกมานี่แหละที่เป็น "จุดไฮไลท์ของเขาหงอนนาค" อย่ากลัวที่จะไปนั่งบันทึกรูปเลยครับ มาถึงแล้วก็ต้องนั่งถ่ายรูปเป็นที่ระลึกนะ ไม่งั้นเขาว่ากันว่ามาไม่ถึง "ยอดเขาหงอนนาค" คนอื่นค่อยๆเดินไปที่หงอนด้วยความกลัวร่วง แต่ผมตื่นเต้นอยากสัมผัสความเสียวของความสูง รีบเดินตรงไปที่หงอนเลย 555

และแน่นอนต้องถ่ายรูปใน "มุมมหาชน" ที่ทุกคนที่มาเยือนเขาหงอนนาคจะทราบกันดีว่าต้องถ่ายชอตนี้มุมนี้ให้ได้ ท่านั่งจะไม่ค่อยรู้สึกหวาดเสียวเท่าไหร่ นั่งเพลินๆถ่ายรูปสบายๆได้ มีเชือกให้จับสำหรับคนกลัวตกครับ แต่ผมแทบไม่ได้ใช้งานมันเลย 555+

และท่าที่หวาดเสียววววววที่สุดของภาระกิจนี้คือ "ท่ายืน" ถ่ายรูปบนหงอนนาค เสียวเพราะว่าลมที่พัดผ่านมาค่อนข้างแรงและมันเหมือนพัดกระทบร่างกายจนทำให้ร่างกายรู้สึกโยกเยกเหมือนจะร่วงหน้าผาให้ได้ 555+ คำเตือน:คนกลัวความสูงอย่าเลียนแบบนะคับ เพราะอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันได้

นั่งหงอนแล้วมองลงสู่พื้นดินจากหน้าผาที่สูงงงงงง ต้องจำไว้นะคับว่าผานี้ผาจริง ไม่ใช่ผาหลอกลวงเหมือนที่อื่นๆ "ร่วงคือจบนะคับ" สำหรับคนกลัวความสูงไม่ควรไปนั่งเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจจะกลัวจนตัวสั่นและควบคุมตัวเองไม่ได้ ยังไงก็อยากให้คนที่ไปเที่ยว "เขาหงอนนาค" ระมัดระวังด้วยนะครับ


เหนื่อยแล้ว นั่งพักชมวิวสวยๆสักหน่อย ก่อนเดินลงและต้องเข้าไปหาที่พักกันต่อ ซึ่งไม่ได้พักที่อ่าวนาง แต่ขับมอไซต์กลับเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปหาที่พัก เอ่ออ ก็ งง นะว่าทำไมไม่หาที่พักแถวอ่าวนาง 555+ เสียเวลาขับไปมาชิปหาย หาที่พักนอนพักผ่อนเก็บแรงกันต่อ พรุ่งนี้ไปไหนต่อยังไม่รู้ ไว้ค่อยว่ากันอีกที

Good Morning เช้าวันใหม่ วันนี้ไปไหนดี แต่ที่แน่ๆคืนนี้ต้องไปนอนค้างสนามบิน เพราะมีไฟลท์บิน6โมงเช้าของวันถัดไป ก็เลยเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ร้านเช่ามอไซต์เพราะต้องมาคืนมอไซต์ตอนค่ำๆ

พอไปถึงอ่าวนางก็ไปเดินหาซื้อทัวร์ ตอนแรกคุยกันว่าจะไปพายเรือคายัก แต่คนขายทัวร์บอกไปทริปดำน้ำดูปะการังไหม เพิ่มเงินอีกแค่300บาทเอง ก็เลยตกลงกันซื้อทัวร์ แต่ออกทริปรอบบ่าย ซึ่งตอนนี้ก็มีเวลาครึ่งวัน ไปไหนดีล่ะ ก็เลยขับมอไซต์ไปเรื่อยๆจนถึงหาดนพรัตน์

เดินไปเรื่อยๆตามหาด เห็นทะเลน้ำใสสวยดีก็เลยไปเล่นน้ำกัน เดินข้ามน้ำไปเกาะกลางน้ำใกล้ๆ


ได้เล่นน้ำละเย็นชื่นใจมากกกกกก แต่แดดก็แรงม๊ากกกกกกกเช่นกัน ครีมกันแดดก็ไม่มี 555+


เที่ยงแล้ว ได้เวลาไปออกทริปดำน้ำดูปะการังแล้ว มันจะเป็นการออกทริปดำน้ำครั้งที่2ในชีวิตแล้วนะ คาดหวังไว้ค่อนข้างสูงมากเลยล่ะ เพราะกระบี่ขึ้นชื่องเรื่องทะเลสวยอยู่แล้ว


ขึ้นเรือหางยาวแล้วไปเปลี่ยนขึ้นเรือเฟอรี่อีกที


ที่แรกคือ ทะเลแหวก พอถึงปุ๊บโอ้โหหหหหหหหหหหหห โอ้โหคนเยอะมากกกกกกก มองไม่เห็นความสวยเลย ต้องหามุมถ่ายรูปกันอีกที

อยู่ที่จุดแรกได้ไม่นานนัก พอบ่ายโมงไกด์ก็เรียกขึ้นเรือแล้ว เพื่อไปยังจุดดำน้ำถัดไป แต่เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ คอคนขับเรือบอกว่าวันนี้น้ำลดไวผิดปกติ ทำให้เรือติดโขดหิน ไม่สามารถออกเรือได้ โอ่ววววว งานเข้าแล้วไง ต้องเปลี่ยนขึ้นเรือหางยาวอีกลำที่ลอยอยู่ในน้ำแล้วไปขึ้นเรือเฟอรี่อีกที

ดีที่เป็นคนลุยๆเลยได้ลุยน้ำไปขึ้นเรือก่อน แต่ยังตกค้างบนเกาะอีกหลายคนเลย ไม่ใช่ง่ายๆเลยที่จะถ่ายคนมาขึ้นเรือเฟอรี่ สรุปแล้วทริปของวันนี้คือยกเลิก เพราะเกิดปัญหานี้ขึ้นแบบไม่คาดคิด มันเกิดเรื่องดราม่ามากมายในวันนี้ ดราม่าบนเรือด้วยอีกมากมาย เพราะบนเรือมี นทท. ไทย+ต่างชาติเยอะมาก

ขึ้นมาบนเรือเฟอรี่ก่อนแล้วไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ ได้แต่รอทุกคนกลับมาขึ้นเรือก็เลยชมวิวพระอาทิตย์ตกบนเรือ มันเป็นพระอาทิตย์ตกที่สวยมากๆ บอกไปต้องไม่มีใครเชื่อแน่ว่ากว่าจะถ่ายคนมาขึ้นเรือเฟอรี่ได้ครบนี้ก็ปาเข้าไป2ทุ่มกว่าแล้ว จากนั้นก็กลับเข้าฝั่ง บางคนก็ลงหาดไร่เลย์ แต่ส่วนใหญ่ก็กลับอ่าวนาง พอกลับถึงฝั่งปุ๊บก็ไปรับเงินค่าทัวร์คืน เพราะทางบริษัทจะจ่ายคืนให้ทุกคนที่ออกทริปในครั้งนี้

จากนั้นก็ขับมอไซต์กลับเข้าไปในเมืองเพื่อคืนมอไซต์แล้วก็หารถเข้าไปสนามบินกระบี่ จบทริป : )

สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า"คนใต้ใจดีมากกกกกกประทับใจกับคนใต้ทุกคนที่ได้พบเจอ"

ความคิดเห็น