นิยามของการพักผ่อนสำหรับคุณนั้นเป็นอย่างไร สำหรับพวกเราการพักผ่อนคือการหลีกหนีออกจากความวุ่นวายในเมืองหลวง ออกไปหาสถานที่สงบๆ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ออกไปนั่งโง่ๆฟังเสียงคลื่น เสียงภูเขา
กินอาหารอร่อยๆ นอนตื่นสายๆ ตื่นเมื่อร่างกายพร้อม โดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุก เพื่อชาร์ตพลังกายและใจให้เต็มเปี่ยม โดยใช้ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆที่มีอยู่อย่างจำกัดให้คุ้มค่ามากที่สุด
พวกเราเริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพมุ่งหน้าไปยังอ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึง L'AIR DU PRAN (แลดูปราณ) ที่พักของพวกเราในคืนนี้
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว จึงเข้ามานั่งพักที่ห้องอาหาร พนักงานเสิร์ฟ Welcome Drink ด้วยน้ำสับปะรดปั่น เป็นสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย ผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นั่งตากแอร์จนหายเหนื่อย พนักงานจึงเริ่มนำอาหารกลางวันออกมาเสิร์ฟ
โดยพระเอกของมื้อนี้คือ หมึกแดดเดียวทอด อาหารขึ้นชื่อของอำเภอปราณบุรี
ต่อด้วยของหวานและผลไม้
จากห้องอาหารสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่หันหน้าออกทะเล
มีเก้าอี้และเบาะผ้าให้นอนชมวิว
ทานอาหารเสร็จจึงขนของเข้าที่พัก ห้องพักของที่นี่มีให้เลือก 3 แบบ คือ Superior, Deluxe และ Family
โดยห้องของพวกเราเป็นแบบ Deluxe ขนาด 40 ตารางเมตร กว้างและโปร่งสบายมาก
ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นทีวี ตู้เย็น กาต้มน้ำ ไวไฟ ไดร์เป่าผม และเครื่องปรับอากาศ
เตียงนอนมีให้เลือกทั้งแบบเตียงเดี่ยว (King bed) และเตียงคู่ (Twin bed) สามารถเสริมได้อีก 1 เตียง
ภายในห้องตกแต่งโทนสีขาว ใช้ไฟแสงสีส้ม ช่วยเพิ่มความอบอุ่น
เตียงนอนและหมอนนุ่มมาก มีค่าแรงดึงดูดของเตียงประมาณ 637.65 นิวตัน หลับสบายจนไม่อยากลุกออกจากเตียง
ห้องน้ำมีการแบ่งสัดส่วนออกเป็น 3 ส่วนอย่างชัดเจน คือ อ่างล้างหน้าอยู่บริเวณตรงกลางระหว่างห้องอาบน้ำและห้องส้วม
ห้องอาบน้ำอยู่ทางด้านขวามือ มีประตูกั้นแยกส่วนแห้งและเปียกเป็นอย่างดี และมีฝักบัวให้เลือกสองแบบ พร้อมน้ำอุ่น
ด้านขวามือคือห้องส้วม พร้อมสายฉีดชำระ และมู่ลี่ช่วยเพิ่มแสงสว่าง
มีชุดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับรับประทานอาหารภายในห้อง
และมีชุดโต๊ะและเก้าอี้ให้นั่งเล่นที่ระเบียงด้านนอก
ด้วยอนุภาพของแรงดึงดูดจากเตียงนอนและหมอนนุ่มๆ ทำให้พวกเราหลับไปหลายชั่วโมง ตื่นมาอีกทีพระอาทิตย์ก็ใกล้จะลับขอบฟ้า จึงออกมาเดินเล่นชายทะเลบริเวณหน้าที่พัก โดยมีสะพานไม้เล็กๆทอดข้ามแนวหินแกรนิตกันคลื่นไปยังชายหาด
แนวชายหาดบริเวณนี้จะมีแนวหินแกรนิตก้อนใหญ่ๆที่ถูกจัดเรียงอย่างมีระเบียบ เพื่อช่วยป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งในช่วงมรสุม
เป็นแนวกันคลื่นที่ดูดีและกลมกลืนกับบรรยากาศโดยรอบจนไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง แต่ช่วยสร้างความโดดเด่น
บางจุดมีดอกหญ้าชูช่อออกมาตามแนวซอกหิน พลิ้วไหวไปตามสายลม
ถัดจากแนวกันคลื่นก็คือแนวชายหาดที่ทอดตัวยาวจากเขากะโหลกไปจนถึงเขานมสาว
ความขาวสะอาดของผืนทรายเราให้แปดเต็มสิบ ส่วนบรรยากาศโดยรวมเราให้สิบเต็ม
นอกจากแนวชายหาด ยังมีทางเฉพาะสำหรับจักรยานและวิ่งออกกำลังกาย ขนานไปตามแนวชายหาดยาวหลายกิโล
แถวนี้มีโรงแรมอยู่ไม่กี่แห่ง ผู้คนและรถราไม่พลุกพล่าน จึงทำให้บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อนอย่างแท้จริง
บริเวณด้านหน้าของที่พักมีต้นตาลอยู่สองต้น เปรียบเสมือนกับคู่รักที่อยู่เคียงข้างกัน สามารถมาจัดงานแต่งงานที่นี่ได้นะ
อาคารด้านซ้ายคือ Lobby ส่วนด้านขวาคือห้องอาหาร ทั้งสองอาคารมีดาดฟ้าสำหรับจัดปาร์ตี้
ภายใน Lobby มีมุมนั่งเล่นที่ตกแต่งได้อย่างน่ารัก โดยมีหมอนน้องเมฆคอยต้อนรับ
สำหรับมื้อเย็นเป็นปาร์ตี้ซีฟู้ดบนดาดฟ้าของโรงแรม หากสนใจต้องแจ้งโรงแรมเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อจะได้จัดเตรียมไว้รองรับ
บนโต๊ะประดับด้วยเทียนและดอกไม้ช่วยสร้างบรรยากาศ
อาหารทะเลทั้งหมดนี้รับซื้อโดยตรงมาจากชาวบ้านที่ทำอาชีพประมง
นอกจากจะได้รับประทานอาหารทะเลที่สดและสะอาด ยังเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนละแวกนั้นอีกด้วย
เช้าวันที่ 2 พวกเราตื่นค่อนข้างสาย ตื่นโดยไม่ใช้นาฬิกาปลุก
อาบน้ำแต่งตัว เก็บของ และออกมาเดินเล่นสำรวจรอบๆที่พัก
บ้านพักแต่ละหลังจะมีสองชั้น ชั้นละ 1 ห้อง ผนังห้องทำด้วยกระจกบานใหญ่ เปิดรับแสงสว่างได้อย่างเต็มที่ ช่วยทำให้ภายในห้องโล่งโปร่งสบาย
สำหรับใครที่ชอบตื่นเช้า สามารถยืมจักยานของโรงแรมไปปั่นเล่นชมวิวริมทะเลได้
บริเวณด้านข้างของโรงแรมมีคาเฟ่เล็กๆ ให้มานั่งชิลจิบเครื่องดื่มเย็นๆ รับลมทะเล
นอกจากเครื่องดื่มและขนมเค้ก ยังมีขนมจีบให้ทานเล่นด้วยนะ อร่อยมากขอบอก
L'AIR DU PRAN ชื่ออันสื่อความหมายถึง "สายลมแห่งปราณบุรี" ในภาษาฝรั่งเศส และสามารถอ่านพ้องเสียงในคำไทย ให้มีความหมายในภาษาไทยว่า "แล ดู ปราณ" ชื่อที่สื่อความหมายให้คุณมาสัมผัสปราณบุรีด้วยตัวคุณเอง
สำหรับมื้อกลางวันพวกเราทานที่โรงแรม โดยมีเมนูให้เลือกมากมาย บางเมนูไม่สามารถหาทานได้ในกรุงเทพ
เพราะจุดเด่นของอาหารที่นี่ก็คือการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นมาประกอบอาหาร และแสดงฝีมือโดยพนักงานซึ่งเป็นคนในพื้นที่
ทำให้เราได้ชิมรสชาติของอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น อย่างข้าวผัดเคย (ลักษณะคล้ายกุ้ง แต่ตัวเล็กกว่ามาก) ปกติตัวเคยจะนิยมนำมาทำเป็นกะปิ แต่ที่นี่นำมาผัดกับข้าว ทำให้ข้าวมีสีออกแดงๆ และใส่กุ้งตัวใหญ่ตามลงไป
หลังจากทานเสร็จเรียบร้อย ก็ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ
แวะถ่ายรูปนิดหน่อยบริเวณหมู่บ้านชาวประมงข้างเขากะโหลก
และแวะชายหาดเขากะโหลกอีกหนึ่งจุดเป็นจุดสุดท้าย
สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีค่ามากสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ 2 วันที่ผ่านมา ได้หมดไปกับการพักผ่อนอย่างคุ้มค่า ได้ชาร์ตพลังกายและใจจนเต็มเปี่ยม พร้อมกลับมาต่อสู้กับภาระหน้าที่ได้ต่ออีก 1 เดือน
หากคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนชาร์ตพลังให้กับตัวเองอยู่ L'AIR DU PRAN ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะจุดเด่นของที่นี่คือความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ประกอบกับความสะดวกสบายของที่พัก และบรรยากาศของท้องทะเล ช่วยทำให้การพักผ่อน คือ การพักผ่อนอย่างแท้จริง
ข้อมูลการติดต่อที่พัก
Tel : 032-900-480, 032-900-479, 092-260-1253
Facebook : https://www.facebook.com/Lairdupran/
Website : http://www.lairdupran.com
คิ้วหนา & ตากลม
Love is a journey | เพราะความรัก คือ การเดินทาง...
ติดตามการเดินทางของพวกเราได้ที่ : LOVE IS A JOURNEY
LOVE & LIFE IS A JOURNEY
วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 02.43 น.