ออนเซ็น ซูชิ เนื้อ และฟูจิ สามสี่อย่างที่ทำให้เราอยาก มาญี่ปุ่นอีกซ้ำแล้ว ซ้ำอีก มากี่ทีก็มีแค่นี้แหละเหมือนว่าจะเหมือนเดิมนะ เหมือนจะเหมือนเดิม แต่ก็นั่นแหละไม่เคยมีครั้งไหนที่เหมือนเดิมสักที เหมือนทุกที่ที่เคยไป ปกติเราจะชอบเที่ยวแนวแอดเจอร์หน่อย กันดารกันดาร น้ำไฟไม่มี คมนาคมลำบาก พูดกับใครไม่รู้เรื่อง มันรู้สึกสาแก่ใจดี จะไม่ถนัดประเทศที่เรียบร้อยสะดวกสบายสักเท่าไหร่ ยกเว้นญี่ปุ่นนี่แหละ ที่ตกหลุมรักนางมากเพราะ

"ออนเซ็น

ซูชิ / เนื้อ

ฟูจิ"

และมนุษย์ญี่ปุ่น น่ารักมากกกกมากกกก คิดว่าหลายๆคนก็เป็นเหมือนกัน ญี่ปุ่นครั้งที่สามของเราก็ยังมีสามอย่างนี้เหมือนเดิมเลย


การเตรียมตัวก่อนไปญี่ปุ่น

ตั๋วเครื่องบิน

การไปญี่ปุ่นไม่ได้แพงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จริงๆไปง่ายมากๆพอพอกับประเทศเพื่อนบ้านแบบสิงคโปร์ ฮ่องกง หรือเวียดนาม AirAsia มีโปรโมชั่นมาบ่อยๆ ญี่ปุ่นทั้งสามครั้งของเราก็ได้ตั๋วมาจากแอร์แอเชียนี่แหละ จองล่วงหน้านานๆ วางแผนให้ดี แล้วตั๋วเวลาดีดี ราคาดี๊ดี จะมาหาเราเอง

ญี่ปุ่นรอบนี้เราจึงได้ตั๋วมาแค่ 6,800 บาทไม่รวมโหลดกระเป๋า บวกเพิ่มค่ากระเป๋าตามความเหมาะสมนะคะ ชอปเยอะก็ซื้อน้ำหนักกระเป๋าไปเลย ญี่ปุ่นกระตุ้นต่อมเราได้ทุกเวลา เชื่อเราเหอะ ซื้อน้ำหนักเผื่อไปเลยน๊า ซื้อพร้อมตั๋วถูกกว่าด้วยค่ะ ถึงยังไงก็ถู๊กกกกกก บางทีถูกกว่าเราบินกลับพัทลุงบ้านเกิดช่วงเทศกาลด้วยซ้ำ เอาเป็นว่า บิ๊กเซลล์มาเมื่อไหร่ ขอให้เฝ้าเลยค่ะ ถึงจะอดนอนก็ขอให้ทราบว่าความคุ้มค่ามีอยู่จริง ( สมัคร

อินเตอร์เน็ต

เมื่อก่อนคิดว่า เวลาไปเที่ยวไม่อยากใช้โซเชี่ยลเลย อยากปิดทุกการติดต่อแล้วเสพย์บรรยากาศตรงนั้นให้มากที่สุด แต่ แต่ แต่ ด้วยความที่เราชอบเปลี่ยนแผนตลอดเวลา อินเตอร์เนตสำคัญตรงเช็ครอบรถไฟจาก hypedia ( http://www.hyperdia.com/en/) นี่แหละ เพราะฉะนั้น เอาไปเถิดจะเกิดผล ไปเป็นกลุ่มจัด pocket wifi ไปเลย จองล่วงหน้านานๆเห็นเหลือแค่วันละร้อยบาท ( คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม) ส่วนเราเดินทางคนเดียวก็ใช่ sim card เลยค่ะ ที่ใช้แล้วอินเตอร์เน็ตดีลื่นปรี๊ดก็มีของ EB SIM JAPAN (https://www.facebook.com/ebsimbangkok/) กับ SIM2FLY ของ AIS อินเตอร์เน็ตดีดีช่วยให้ทริปของเราสนุกขึ้นมาก

ตั๋วรถไฟ

ญี่ปุ่นมี PASS ที่เยอะมากมาก ก่อนซื้อ PASS เราควรเลือกให้เหมาะสมกับทริปที่ต้องการค่ะ ทริปเรารอบนี้กะเที่ยวสบายๆเลย ก็ไปซื้อที่โน่นเอา

หมายเหตุ :: ใครมีเป้าหมายที่ชัดเจน เดินทางญี่ปุ่นครั้งแรก และอยากเดินทางหลากหลายที่แนะนำเตรียมพาสไปล่วงหน้าค่ะ เพราะ pass บางชนิต้องซื้อนอกประเทศญี่ปุ่นเท้านั้น !! เดี๋ยวงบเกินแล้วน้ำตาไหลแน่นอนนนค่ะ ( ตั๋วรถไฟญี่ปุ่นแพงจริง แพงกว่าตั๋วบินระหว่างประเทศอีก เค้าเตือนแล้วน๊าา)

เงิน

สุดท้าย เตรียมเงิน เงินจะบันดาลทุกอย่างให้เรา ทั้งอาหารเด็ดๆ เนื้อย่างเอย ซูชิเอย ปลาดิบเอย ไอศครีมเอย ขนมเอย และการชอปปิ้งใดๆ รองเท้าเอย เสื้อผ้าเอย กระเป๋า ประเทศนี้ขูดเลือดขูดเนื้อเราได้ตลอด ตลอด ไม่รู้จักเวล่ำเวลา ไอประเทศแมงดา!!! ( เราไม่ได้เที่ยวแบบสไตล์ถูกที่สุด นี่ชอบคิดว่านานๆไปทีเอาให้เต็มคราบเลย เพราะฉะนั้น เตรียมเงินไปเผื่อกว่าแผนไว้ อยากจะทำอะไรจะได้ไม่เสียโอกาส นานาจิตตังนะอันนี้ กลับมาก็ไม่ยาก แดกแกลบกันสักเดือนก็ทนได้ค่ะ)

เช็คสภาพอากาศ

สำหรับใครที่ไปฟูจิ ด้วยความที่นางเป็นคนขี้อาย ใช่ทุกคนจะได้พบได้เจอนาง เทคนิคง่ายๆของเรา ก่อนจัดทริปเช็คพยากรณ์อากาศก่อนค่ะ จัดแพลนฟูจิลงไปก่อนเลือกวันที่ฟ้าใสที่สุด แล้วค่อยมาแพลนวันอื่นๆลงค่ะ พยากรณ์อากาศญี่ปุ่นเชื่อถือได้ค่อนข้างมากค่ะ จะทำให้เรามีโอกาสเห็นฟูจิได้สูงมาก ทริปที่ผ่านมาเราก็เลยได้ชมฟูจิ ฟ้าในกิ๊ง ( บางทีทุกอย่างก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ทำการบ้านเพิ่มอีกนิด ชีวิตจะดีมากขึ้น )


THE BEST PLAN IS NO PLAN

NO PLAN IS PLAN , PLAN IS NO PLAN

ทริปนี้เราตั้งใจจะไปดูซากุระ แต่อันไดไหนเล่าาาจะเป็นดั่งใจหมาย การเดินทางก็เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ ไม่มีอะไรเหมือนแบบที่เราคาดฝันเสมอ แต่เราว่ามันคือความสนุกของการเดินทางนะ ซากุระที่เราจินตนาการ ถึงจะไม่เหมือนซากุระที่เราเจอ แต่ก็สวยงาม พร้อมกับการพลาดซากุระทำให้เราได้เจอสิ่งอื่นๆที่สวยงามแบบไม่ได้คาดหมายพอกัน





การ unplan จากซากุระของเราทำให้เราเปลี่ยนใจไปหาหิมะ เราเดินทางช่วง 25 -31 มีนาคม เป็นปลายหนาวต้น spring ยังมีหิมะหลงเหลืออยู่ เด็กหนีร้อนอย่างเราเลยเปลี่ยนแพลนไปหาที่หนาวกว่า ( ทั้งที่โตเกียวก็หนาวจนตัวลอกล๊าววว ) เนื่องจากเราจองโรงแรมไปหมดแล้ว เราเลยต้องยึดโตเกียวเป็นเมืองหลักและเดินทางแบบเช้าไปกลับเอา ตัวเลือกสำหรับการเดินทางของเราก็คือ JR Wide PASS ใช้ได้ 3 วัน ราคา 10,000 JPY คำนวนณจากสถานที่ที่อยากไปแล้วคุ้มเวอร์ค่ะ

** หมายเหตุ JR Wide PASS สามารถหาซื้อได้ที่ สนามบิน / สถานทีรถไฟ JR หลักๆ Uneo / shinjuku / Tokyo / Shibuya มีหมดจ้าาา ซื้อในญี่ปุ่นก็ได้ค่ะ เจ้าหน้าที่แนะนำอย่างดี ซื้อเสร็จ เดินทางได้เลย สะดวกมากๆสำหรับเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ได้หลายที่ เช่น Mt. Fuji, Izu,Karuizawa,Nikko,Gala Yuzawa และยังใช้ได้กับ shinkansen (บางเส้นทาง),รถไฟที่ให้บริการโดย JR รวมไปถึง Narita Express ที่ใช้เดินทางระหว่างโตเกียวและสนามบินนาริตะด้วย

ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.jreast.co.jp/e/tokyowidepass/



Happy Holiday - HAPPY FROM UNPLAN

Happy holiday with Happy Fuji MT.

ฟูจิซัง เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องมาเมื่อมาญี่ปุ่น เราเองเป็นคนชอบภูเขามาก ปีนเขามานักต่อนักเพื่อไปเจอความสวยงามของเขาแต่ละลูก แต่ที่นี่ไม่ต้องใชความพยายามอะไรเลย แต่ก็ได้เจอความงามแบบตะลึง ตึง ตึง ( ถึงใบไม้ไม่เปลี่ยนสี หรือไม่มีซากูระ เราก็ขอรับประกันว่าที่นี่สวยทั้งปี สวยทุกวัน ไปญี่ปุ่นแล้วขอให้ไปเถอะ มันเป็นแลนด์มาร์คที่ทรงพลังมากจริงๆ)

Kawaguchiko Lake

คนทั่วไปนิยมเดินทางไปชมฟูจิกันที่ Kawaguchiko Lake หรือ Saiko Lake แน่ล่ะสองที่นี่ทั้งสวยและมีสเน่ห์มากๆ แต่เราอยากแนะนำอีกที่ที่สามารถชมฟูจิใหญ่ๆ และเงียบสงบ สวยงามมมมมมมมมมมมมม ( ม.ม้า ล้านตัว)นั่นก็คือ Yamanaka Lake

Yamanaka Lake

Yamanaka Lake เป็นทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดในทะเลสาปทั้ง 5 ของ Fuji ใหญ่สุดแต่สงบที่สุด เป็นทะเลสาปที่สามารถเห็นฟูจิสะท้อนน้ำได้สวยที่สุดค่ะ ( แต่เราตื่นช้าไปหน่อย เลยอดเห็น) แนะนำไปช่วงเช้าจะดีที่สุด แต่ถ้าไม่อยากเช้ามาก ไปเวลาที่สะดวกแบบเราก็ยังสวยมากอยู่ดีค่ะ ยังไงทุกเวลามีความสวยงามในตัวเองทั้งนั้น เอาเราสะดวกดีสุด


ที่นี่ส่วนใหญ่จะนิยมมาเล่นกิจกรรมกลางแจ้งกันค่ะ พายเรือ ตกปลา สกีน้ำ วินเซิร์ฟ และอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงการตั้งแคมป์ ตีเทนนิส ไปเจอสนามเทนนิสริมทะเลสาปมา กรี๊ดลั่นเลยค่ะ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรักการออกกำลังกายอะไรมากนักแต่วิวตรงนี้มันเห็นแล้วตายไปแล้ว ถ้ามีแถวบ้านคงออกมาวิ่งทุกวัน


ส่วนกิจกรรมของเราสำหรับที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ วิวสวยๆแบบนี้นั่งมองเก็บความสวยงามเข้าปอดอย่างเดียวก็อิ่มมมมมม มากแล้วค่ะ นั่งชิลนอนชิลไป ดูเป็ดว่ายน้ำ ดูหงส์เล่นน้ำ มีกาแฟดีดีสักแก้ว ก็เพลินมาแล้ว ที่นี่สงบมากนานๆจะเดินเจอนักท่องเที่ยวสักคน ถ่ายรุปได้สบาย สบาย ไม่ต้องแย่งฟูจิกันเลยค่ะ


การเดินทาง ขึ้นรถบัสสาย 52 จาก kawaguchiko station นั่งไปประมาณ 30 นาที ค่าตั๋ว ~ 800 JPY เราก็จะเจอฟูจิวิวล้านนนนนนนนนน ( Taxi ~ 4,00 JPY ) ใครไม่รีบเราแนะนำนั่งบัสชิลๆเลยค่ะ เส้นทางระหว่างรถวิ่งนี่สวยงามไม่แพ้กัน เหมือนที่เขาว่า ระหว่างทางสำคัญไม่แพ้จุดหมาย


Happy Holiday - GALA YUZAWA

สกีรีสอร์ทที่ใกล้โตเกียวมากที่สุด เดินทางไปง่ายมากนั่งชิงกันเซนจากโตเกียวต่อเดียวไปถึงเลย ถ้าเทียบความง่ายในการเดินทางแล้ว เอาไป 1,000 คะแนน

หิมะ สำหรับคนเมืองร้อนแบบเรา ที่เดินออกไปซื้อกระเพราปากซอยก็ต้องกลับมาอาบน้ำใหม่ เจอหิมะทีไรก็ตื่นเต้นทุกที ชอบก็ชอบ ( แต่ขอลมอย่าแรงเลย พี่หนาวววววววว)

ที่นี่ยังมีคนไปไม่เยอะมาก เราเลยครอบครองพื้นที่บนลานสกีและร้านอาหารได้อย่างเต็มที่

ใครเล่นหิมะเสร็จแล้วเหนื่อย แนะนำเดินเข้าไปในอาคารค่ะ จะเห็นวิวชัดสวยงาม ขึ้นไปชั้นสองเป็นโซนร้านอาหารค่ะ อาหารเป็นเรทปกติไม่มีการอัพราคาเพิ่มค่ะ นั่งทานอาหารไปชมวิวไป สวยยยยยยยยยยยยยยยยยมากกกกกกกกกก


การเล่นสกี สำหรับคนที่เล่นครั้งแรกจะมีแยกโซนให้ค่ะ โดยจะขึ้นไปไม่สูงมาก เพื่อให้ฝึกร่างกายก่อน


การเดินทางไป Gala Yuzawa



จากสถานี Tokyo นั่ง Joetsu Shinkansen (Toki, Max Toki, Tanigawa และ Max Tanigawa) ไปลงที่สถานี GALA Yuzawa ใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาที (วิ่งตรงไม่ต้องเปลี่ยนขบวน) รถไฟสายนี้จะจอดที่สถานี GALA Yuzawa ในช่วงที่สกีรีสอร์ทเปิดให้บริการเท่านั้น (20 ธันวาคม – 6 พฤษภาคม) ราคาตั๋วรถไฟแบบระบุที่นั่ง ไป-กลับ คนละ 14,180 เยน ค่ะ ( แต่เราใช้ JR Wide pass แค่วันเดียวก็เกินคุ้มมมมแล้ววว )




ข้อมูลเพิ่มเติม



หลังจากลงรถไฟ Shinkansen เราจะอยู่ในอาคาร 3 ชั้น (พื้นที่สีฟ้าในรูปด้านบน) ที่เป็นทั้งสถานีรถไฟ GALA Yuzawa และ Ski Center ในแต่ละชั้นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกดังนี้ค่ะ



ชั้นที่ 1 : สถานีรถไฟ GALA Yuzawa (Joetsu Shinkansen), สถานีรถบัส



ชั้นที่ 2 : ทางเข้าสถานีรถไฟ GALA Yuzawa, Information, ร้านขายของใช้ – ของที่ระลึก, ร้านอาหาร, ร้านเช่าอุปกรณ์สกี, Locker, สถานีกอนโดล่า (Gondola Diligence Station)



ชั้น 3 : SPA GALA-NO-YU, ห้อง Locker, ร้านเช่าอุปกรณ์สกี



หมายเหตุ เผื่อเวลาไปเดินเล่น Echigo Yuzawa เป็นหมู่บ้านที่น่ารักมากค่ะ สถานีอยู่ก่อนถึง GALA Yuzawa เล่นสกีเสร็จ จะนั่งรถไฟกลับมา 1 สถานี หรือลงลิฟไปชั้นหนึ่ง นั่งบัสมาประมาณ 10 นาที ชมวิวเปลี่ยนบรรยากาศก็ไ้ด้ค่ะ ( บริการฟรี)


ใครที่เดินทางมาด้วย JR TOKYO Wide Pass จะมีส่วนลดด้วย มี 3 แบบให้เลือก เราอยากสบายๆ เลือกแบบแรก จะรวมค่าเช่า รองเท้า ถุงมือ กระเช้า

ขั้นตอนการขึ้นลานสกี

1. โชว์ JR Wide Pass ตอนซื้อตั๋วเพื่อรับส่วนลด

2.เราเลือกแบบที่ 2 จะได้ตั๋วมาละ 3 ใบค่ะ จะมีตั๋วสำหรับเช่าอุปกรณ์ และตั๋วขึ้น -ลง กระเช้า Gondola อย่างละใบ

3.กรอกเอกสารสำหรับการเช่า รองเท้า ถุงมือ และกระดานเลื่อน ( แบบฟอร์มสีน้ำตาล สำหรับคนไทย เป็นภาษาไทยเลยจ้า ) ระบุข้อมูลส่วนตัว และขนาดเท้าค่ะ ( ขนาดเท้าระบุเป็น ซม.น๊าา) 1 กลุ่ม กรอกอันเดียวแล้วระบุจำนวนไปเลยค่ะ

4.ยื่นแบบฟอร์มที่กรอกพร้อมพาสฟอร์ตให้เจ้าหน้าที่
5. ได้รับรองเท้า + ถุงมือ และบัตรสำหรับแลกลางเลื่อนค่ะ ( บัตรรางเลื่อน รับข้างบนค่ะ)

5 ขั้นตอนนี้ ก็พร้อมขึ้นไปลุยบนลานสกีแล้วค่ะ

หมายเหตุ ที่ลอคเกอร์สำหรับฝากกระเป๋า และ กรณีรองเท้าใหญ่ไป สามารถเปลี่ยนได้ค่ะ ใครเอาเสื้อหนาวมาไม่พอ มีบริการให้เช่าเพิ่มเติมด้วยเลย ครบถ้วน

เราไม่เน้นเที่ยวให้ครบ แต่เน้นเที่ยวให้เต็มที่ในสิ่งที่อยากไป ชอบตรงไหนก็อยู่อย่างนั้น ช่วงกลางทริปของเราหลังจากใช้ wide pass ครบสามวันแล้วแนะนำตั๋ว metro
เอาเป็นว่าเที่ยวแบบไหนก็ได้ ให้ถูกจริตของตัวเอง ให้เหมาะสมกับงบที่มี และให้มีความสุขในการเดินทาง

การเดินทางในเส้นทางเดิม หรือเส้นทางใหม่ สนุกเสมอ เรามักได้เพื่อนใหม่ ได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ และโตขึ้นทุกครั้งหลังเดินทาง
บางทีการเดินทางของเราก็แค่มานั่งดูเม็ดฝน ก็มีความสุขแล้ว



ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั๋วรถไฟฟ้าใต้ดินโตเกียว(Tokyo Subway Ticket) สามารถนั่งรถไฟใต้ดินได้โดยไม่จำกัดทั้งของ Toei และ Tokyo Metro รวม 13 สาย โดยต้องใช้ติดต่อกัน 1-3 วัน(ดูวันหมดอายุบนบัตร) สามารถนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินทั้ง 13 สายของบริษัท Tokyo Metro และ Toei

เราว่าครอบคลุมสถานที่สำคัญๆ ทั้งหมดในโตเกียวเลยล่ะ สำหรับคนขี้หลงอย่างเราเหมาะสมมาก เพราะขึ้นลงกี่เที่ยวก็ได้ภายในเวลาของบัตร นับเป็นชั่วโมงด้วยคุ้มค่าค่ะ

หมายเหตุ: ที่สนามบินฮาเนดะและสนามบินนาริตะ จำหน่ายให้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งต้องแสดงพาสปอร์ตก่อนซื้อ ส่วนที่สนามบินโยนาโกะ จำหน่ายให้แก่ผู้โดยสารเฉพาะสายการบินเท่านั้น กรณีไม่ได้เปิดใช้ สามารถมาเปลี่ยนคืนได้ โดยจะมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยค่ะ ใครลืมซื้อสามารถซื้อได้ตามร้าน Big camera หรือ โรงแรมใหญ่ๆค่ะ




ทั้งหมด อยากให้ทุกคนหยิบจับแต่ละสถานที่ อาหารแต่ละร้าน ตามความชอบนะคะ customize ทริปด้วยตัวคุณเอง เที่ยวในแบบที่เป็นตัวเอง เลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง อยากนอนก็นอน อยากกินก็กิน แล้วความสนุก ความสุขจะตามหาเราทุกการเดินทางค่ะ อย่าลืมว่า ชอปปิ้งซื้อของฝากน้อยลง เที่ยวได้มากขึ้น ทริปนี้เราเลย นอนกินบรรยากาศ นั่งกินบรรยากาศ และกิน อย่างเต็มที่มากๆ เต็มที่แล้วพร้อมกลับเมืองไทยไปทำงานเก็บเงิน

แล้วคงได้เจอกันอีก กับญี่ปึ่นครั้งที่สี่

รีวิวหน้า ว่างแล้วจะมาเล่าเรื่องอาหารให้ฟังค่ะ หรอยอย่างแรงง !


ความคิดเห็น