กลอ...รี่ กลอรี่ แมนยูไนเต็ดดดด
กล่อ...รี่ กล่อรี่ แมนยูไนเต็ดดดด...
กลอ...รี่ กลอรี่ แมนยูไนเต็ด
แอสเดอะเร้ดโกมาร์ชชิ่งออน!!
เสียงเพลงเชียร์นี้ดังกระหึ่มอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งเวลาทีมชนะก็ยิ่งดังอย่างไรไม่รู้
เจ้ากรรมตรงที่ว่าทีมนี้ดันชนะบ่อยเสียด้วย เพลงนี้ก็เลยผ่านเข้ามาในโสตประสาทถี่เสียจนทำให้แฟนทีมคู่อริจากต่างเมืองอย่างเราจิตตกอยู่บ่อยครั้ง (แม้จะชาชินไปบ้างแล้วก็ตาม เฮ้อ...)
แต่ถึงจะเจ็บช้ำระกำใจอย่างไร ก็จำต้องยอมรับความเป็นจริงว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ปิดตำนานจ้าวยุทธจักรของลิเวอร์พูล และสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นมหาอำนาจลูกหนังแห่งเกาะอังกฤษในยุค 90 ต่อเนื่องมาจนถึงสหัสวรรษใหม่อย่างแท้จริง
เฮ้อ... (ขอถอนหายใจบ่อยหน่อยนะฮะ) พูดไปแล้วก็เศร้า แต่เมื่อมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด สังเวียนเหย้าของทีมปีศาจแดงสักครั้ง แม้จะไม่ได้รักไม่ได้เชียร์ทีมนี้ แต่ก็ต้องขอพิสูจน์สักหน่อยแล้วกันว่าจะสมชื่อสมราคาสมญานามที่ว่า "โรงละครแห่งความฝัน (Theatre of Dreams)" หรือไม่
ตามไปดูกันนนน
^ ขอขอบคุณ https://www.thesun.co.uk/sport/football/2737223/ol... สำหรับภาพสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ข้างบนนี้ครับ ^
สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นสนามฟุตบอลขนานแท้แต่ดั้งเดิม ที่เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1910 และเป็นรังเหย้าถาวรของสโมสรนิวตัน ฮีท ภายใต้นามใหม่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ต ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ตลอดระยะเวลาร่วมร้อยปีเศษที่ผ่านมา สนามฟุตบอลที่มีความจุประมาณ 75,000 ที่นั่งแห่งนี้มีความเปลี่ยนแปลงและได้รับการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้รับมาตรฐาน UEFA Elite Stadiums (มาตรฐานระดับสุดยอด) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสนามฟุตบอลระดับท็อปสุดๆ ของทวีปยุโรป และยังเป็นสนามฟุตบอลที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเกาะอังกฤษ เป็นรองเพียงแค่เมกกะลูกหนังอย่างเวมบลีย์เท่านั้นเองอีกด้วย
เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานนักเตะของสโมสร ได้เรียกสังเวียนแห่งนี้ว่า "โรงละครแห่งความฝัน" ซึ่งสมญานามนี้สะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสนามฟุตบอลแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายของแฟนบอลที่มีความคลั่งไคล้ในสโมสรฟุตบอลอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเขา
แต่ไม่ใช่แค่เพียงแฟนๆ ปีศาจแดงเท่านั้น... แฟนกีฬาจากทั่วทุกมุมโลกต่างเคยได้พบประสบการณ์อันน่าประทับใจในโรงละครแห่งความฝันแห่งนี้ เพราะมันเคยถูกใช้จัดมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างฟุตบอลโลก 1966 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996 ฟุตบอล UEFA Champions League รอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2002/03 ฟุตบอลโอลิมปิค 2012 และการแข่งขันกีฬาสำคัญๆ อีกหลายรายการด้วยกั
สำหรับการเดินทางไปโอลด์ แทรฟฟอร์ด นั้นก็แสนสะดวกสบายไปได้หลากหลายวิธีการ ทั้งรถโดยสารประจำทาง รถราง รถไฟ ฯลฯ ซึ่งวันนี้เราจะเดินทางด้วยรถไฟแล้วต่อด้วยรถโดยสารประจำทางกัน ^^
โดยหากต้องเดินทางโดยรถไฟจากเมืองอื่นๆ ในเกาะอังกฤษมายังเมืองแมนเชสเตอร์ ก็ให้เลือกลงที่สถานีปลายทาง Manchester Piccadilly Station แล้วเดินออกจากสถานีอีกราวๆ 5 นาที เพื่อไปขึ้นรถโดยสารประจำทางที่ Piccadilly Gardens ระหว่างทางที่เดินก็ท่องในใจไว้ให้แม่นว่า "ไปโอลด์ แทรฟฟอร์ด ขึ้นรถฯ สาย 250 ที่สแตนด์ K" แค่นี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยไม่มีพลาด และหลังจากขึ้นรถฯ แล้ว โชเฟอร์จะพาเราตะลอนๆ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาสักพักก็จะเห็นโอลด์ แทรฟฟอร์ดอยู่ลิบๆ (มั่นใจได้ไม่ต้องกลัวหลงเลย 55) รวมๆ ไม่เกิน 30 นาที รถก็มาจอดเทียบท่าข้างๆ สนาม
หลังลงจากรถฯ แล้ว เดินย้อนไปตามทางที่รถฯ แล่นมาก็จะพบกับ Pedestrian Footbridge ซึ่งเป็นทางเชื่อมที่จะพาเราข้ามลานจอดรถไปสู่ตัวสนาม จินตนาการถึงวันที่มีการแข่งขันที่ผู้คนนับหมื่นคนเดินผ่านสะพานแห่งนี้พร้อมเปล่งเสียงร้องเพลงเชียร์กันกระหึ่ม บรรยากาศต้องยิ่งใหญ่อลังการอย่างยิ่ง ฮึ่ยยยย ขนลุก!!
เมื่อเดินข้ามผ่าน Pedestrian Footbridge ไปก็จะพบกับทาง 2 แพร่ง ใครจะไป Museum & Stadium Tour หรือ Red Cafe ให้เข้าประตูทางด้านซ้ายมือ ส่วนประตูทางด้านขวามือเป็นห้องสวีทและเลาจน์ เราจองห้องฯ ไว้แล้วหละ แต่ไว้โอกาสหน้าค่อยมาจ่ายตังค์และใช้บริการทีเดียว ฮาาาา
เอ้า!! ตื่นๆ พอเข้าไปข้างในของประตูทางด้านซ้ายมือก็จะพบกับเคาเตอร์ขายตั๋ว Museum & Stadium Tour จัดแจงซื้อตั๋วและเลือกรอบเวลา Stadium Tour โดยเผื่อเวลาสำหรับเดินชมพิพิธภัณฑ์ และทานอาหารที่ Red Cafe ไว้สักหน่อย (เราเผื่อไว้ 3 ชั่วโมงแหนะ) เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากนั้นก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นบนเพื่อเริ่มต้นเส้นทางแห่งความทรงจำได้เลยยยย ^^
สำหรับ Manchester United Museum, Red Cafe และจุดเริ่มต้นของเส้นทาง Stadium Tour นั้นตั้งอยู่ภายในอัฒจันทร์ North Stand (ซึ่งภายหลังจากวันที่เราไปเยี่ยมเยือนเมื่อปี 2009 นั้น อัฒจันทร์แห่งนี้ก็ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น Sir Alex Ferguson Stand เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2011 เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านเซอร์ ในวาระคุมทีมครบรอบ 25 ปี ต่อมาในปี 2012 บริเวณด้านหน้าของอัฒจันทร์ก็จะมีการก่อสร้างอนุสาวรีย์ของป๋าด้วยนะ ว้าวๆๆๆ ยังไม่มีโอกาสได้ยลอนุสาวรีย์ของป๋าเลย เอาไว้วันหลังต้องไปดูให้ได้ ^^)
ความใหญ่โตอลังการของอัฒจันทร์ North Stand ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในดูโอ่โถงเวอร์วังมาก ด้วยความเป็นแฟนทีมคู่อริจากต่างเมืองพันธ์ุแท้จึงบอกได้เลยว่าแอบซ่อนความอิจฉาริษยาที่แผดออกมาทางสายตาได้ยากมว๊ากกกก เพื่อเป็นการระบายอารมณ์ ก็ขอเริ่มต้นด้วยการกินๆๆๆ ที่ Red Cafe ซะเลย
สำหรับบรรยากาศในภาพรวมของ Red Cafe นั้น ใครที่เป็นสาวกปีศาจแดงบอกได้เลยว่ามีฟิน เพราะตกแต่งแบบเอาอกเอาใจแฟนบอลทุกวัยโดยแท้ (ส่วนตัวผมก็พยายามเดินหาเก้าอี้ติดชื่อลี ชาร์ป อดีตนักเตะแมนฯ ยูฯ คนเดียวที่ผมชอบเอามากๆ ส่วนคุณผู้หญิงทั้งหลายก็คงพยายามมองหาเก้าอี้ติดชื่อเบ็คแฮม เป็นแน่ แค่เก้าอี้ก็มีกิมมิคน่าติดตามแล้ว) ส่วนอาหารก็มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่อาหารจานหนักๆ แบบฟูลคอร์ส ไปจนถึงแซนด์วิชเป็นชิ้นๆ กินกับกาแฟถ้วยๆ รสชาติอาหารถูกปากหรือไม่ก็แล้วแต่รสนิยมกันไป แต่มีโอกาสดื่มด่ำบรรยากาศแบบนี้ เชื่อว่าแฟนๆ ทีมนี้มีตกหลุมรักแบบโงหัวไม่ขึ้นเป็นแน่
เมื่อระบายอารมณ์จนท้องอิ่มดีก็ถึงคราวที่เราจะเข้าไปเยี่ยมชม Manchester United Museum กันแล้วววว
เพื่อความสบายใจของตัวเองและผู้อ่านทุกท่าน ขอบอกและออกตัวแรงๆ เลยว่าไม่มีการเปรียบเทียบพิพิธภัณฑ์แห่งนี้กับที่อื่นๆ แถวๆ เมืองข้างเคียงเลยยยย (เสียงสูงปรี๊ดดดด) เพราะมันก็แค่กว้างขวาง โอ่โถง สะอาด สว่าง เป็นสัดเป็นส่วนมว๊ากกกก เอิ่ม... ไม่รู้สึกอิจฉาหรืออะไรเลยจริงๆ ฮะ บอกตรงๆ (เสียงสูงปรี๊ดดดด)
ขอเริ่มเลยนะฮะ...
เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูทางเข้าสีแดงเข้าไปภายในก็จะพบกับ "โถงยินดีต้อนรับจากนักฟุตบอลระดับตำนานของสโมสร" (อันนี้เราเรียกของเราเอง เพราะดูแล้วอบอุ่นเหมาะกับบรรยากาศดี) รูปนักฟุตบอลระดับตำนานของสโมสรร่วม 10 ภาพ ถูกจัดตั้งวางเรียงในลักษณะครึ่งวงกลม ชอบใครรักใครก็เลือกชักภาพร่วมได้ตามสะดวกเลยจ้าาาา
พ้นจากโถงยินดีต้อนรับจากนักฟุตบอลระดับตำนานของสโมสร ห้องถัดไป คือ "ห้องพระเจ้าของชาวแมนคูเนี่ยน" (อันนี้เราก็เรียกของเราเองอีกนั่นแหละ เนื่องจากมันใช่เลย เหมาะกับบรรยากาศมาก)
ภายในห้องนี้ นอกจากจะมีพื้นที่บรรยายเรื่องราวของ United Trinity หรือสามสุดยอดตำนานของสโมสร อันประกอบไปด้วย จอร์จ เบสต์ เดนิส ลอว์ และเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน แล้ว ยังมีมุมเสื้อฟุตบอล รางวัลบัลงดอร์ และข้าวของเครื่องใช้ของจอร์จ เบสต์ ถัดไปอีกมุม เป็นตู้จัดแสดงของที่ระลึกที่น่าสนใจอีกหลายชิ้นของไรอัน กิ๊กส์ อาทิ เสื้อฟุตบอลรุ่นแรกที่ไรอัน กิ๊กส์ใส่ประเดิมสนามให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเตอร์ ก่อนสร้างประวัติศาสตร์ลงสนามครบ 800 นัด (สถิติ ณ เวลาที่เราไปเยือน ซึ่งถือเป็นสถิติอันน่าเหลือเชื่อที่ยากจะหาใครเทียบได้) และเสื้อที่ปีกจอมเลื้อยใช้ลงสนามในศึก UEFA Champions League ฤดูกาล 2007/08 ซึ่งก็เป็นปีที่แมนฯ ยูฯ คว้าแชมป์ยุโรป สมัยที่ 3 ได้
ทีเด็ดที่สุดของห้องนี้ คือ ภาพรอยเจิมในพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้โดยสุดยอดตำนานนักฟุตบอลเบอร์หนึ่งของโลกนามว่า เปเล่ ก็ขนาดเปเล่ที่ว่าแน่ๆ เจิมใครก็ดวงกุดเป็นวิบัติล้มเหลวตกรอบก่อนเวลาอันควรมาหลายทีมมานักต่อนักแล้ว แต่ความศักดิ์สิทธิ์ระดับเปเล่ก็ยังฉุดแมนฯ ยูฯ ไม่อยู่เลย ปีศาจตัวนี้เฮี้ยนจริงๆ บอกเลย
ถัดจากห้องพระเจ้าของชาวแมนคูเนี่ยนไปก็เป็นพื้นที่จัดแสดงกลุ่ม ประกอบด้วยห้องจัดแสดง 4 ห้อง ที่สามารถเดินไปเดินมาทะลุถึงกันได้ จะว่าไปก็ดูเหมือนไม่ใหญ่ไม่โตมากมาย แต่เราใช้เวลากับพื้นที่ตรงนี้เพลิดเพลินจนเกือบได้เวลาที่จองรอบ Stadium Tour ไว้เลยทีเดียว เรื่องราวสาระครบครันที่ถูกเลือกสรรมาให้ชมกันเพียบขนาดนี้ แฟนแมนฯ ยูฯ พันธ์แท้ที่ได้มายลต้องมีความสุขล้นๆ เป็นแน่บอกเลย
เอาหละ ขอเริ่มนำเสนอที่ห้องแรก ก่อนเข้าห้องปรากฏคำว่า Trophies อยู่บนพื้น ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลย ห้องนี้เป็นห้องที่รวบรวมถ้วยรางวัลที่สโมสรพาเหรดคว้าแชมป์มาสะสมไว้ให้แฟนนานุแฟนได้อิ่มเอมกับความสำเร็จของสโมสร จะโอ้โห ว้าวๆๆ ขนาดไหน ตามไปดูกันจ้าาาา
ห้องนี้มีถ้วยรางวัล UEFA Champions League 2008 ใบจำลองขนาดเท่าของจริงจัดแสดงอยู่ด้วยนะเธอวววว
ถ้วยแชมป์ Premier League 2008/09 ก็ถูกจัดแสดงอยู่ในห้องนี้ด้วย แต่ตอนที่เราไปเยือน สโมสรนำถ้วยรางวัลออกไป World Tour อยู่ เราก็เลยได้เห็นแค่แท่นรองตั้งถ้วยรางวัลเท่านั้น
นึกภาพร้านขายถ้วยรางวัลที่เห็นได้ทั่วไปในบ้านเราไว้ว่ามีถ้วยรางวัลก่ายกองแค่ไหน ห้อง Trophies ก็มีถ้วยรางวัลเรียงรายมากมายแบบนั้นเลย ต่างกันแต่เพียงว่านี่คือความสำเร็จที่สโมสรแห่งหนึ่งได้ไขว่คว้ามา ไม่ใช่ถูกทำขึ้นเพื่อซื้อหรือเพื่อขาย ใครที่เป็นแฟนแมนฯ ยูฯ อิ่มเอมล้นๆ จนฟินตาย บอกเลยยยยย
ห้องถัดมา ก่อนเข้าห้องปรากฏคำว่า United Years อยู่บนพื้น ห้องนี้เป็นห้องที่รวบรวมเรื่องราวต่างๆ ในรอบปีของสโมสรไว้ให้ชม อาทิ เรื่องราวของนักเตะที่เพิ่งย้ายเข้ามา ของที่ระลึกจากการอุ่นเครื่องในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล
ของที่ระลึกจากทีมชาติมาเลเซียในโอกาสที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินทางไปอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาลก็มี น่าเสียดายที่ปีนั้น แมนฯ ยูฯ ไม่ได้มาเยือนเมืองไทย ไม่เช่นนั้น เสื้อทีมชาติไทยคงได้มีโอกาสจัดแสดงในห้องนี้ในช่วงที่เราไปเยี่ยมเยือน
ห้องถัดมา ก่อนเข้าห้องปรากฏคำว่า Munich อยู่บนพื้น คำๆ นี้สำหรับชาวแมนคูเนี่ยนแล้ว ถ้าไม่นับปรากฏการณ์เมื่อปี 1999 ที่แมนฯ ยูฯ โกงความตายพลิกสถานการณ์กลับมาคว่ำบาเยิร์น มิวนิค ในช่วงทดเวลาเจ็บจนสามารถคว้าแชมป์ UEFA Champions League สมัยที่ 2 ของสโมสรแล้ว ก็คงกล่าวได้ว่ามีแต่เรื่องราวและความทรงจำอันเศร้าสร้อยหดหู่เท่านั้น ใช่แล้ว... ห้องนี้เป็นห้องที่รวบรวมเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับโศกนาฏกรรมที่มิวนิค (Munich Air Disaster) ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1958
อุบัติเหตุขณะเครื่องบินกำลังบินขึ้นจากสนามบินที่เมืองมิวนิคในวันนั้นเป็นเหตุให้คณะนักฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กองเชียร์ และนักข่าว ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการแข่งขันฟุตบอล European Cup กับทีมเรดสตาร์ เบลเกรด เสียชีวิตทันที 20 คน และเสียชีวิตในภายหลังอีก 3 คน ซึ่งในกลุ่มผู้เสียชีวิตนั้นเป็นนักฟุตบอล 8 คน และสต๊าฟโค้ชอีก 3 คน โดยมีผู้รอดชีวิตทั้งหมดเพียง 21 คน
ผลของเหตุการณ์ในวันนั้นต่อวงการฟุตบอล คือ การล่มสลายลงของ "บัสบี้ เบ็บ" ยุคแรก (ฉายาของนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคนั้นที่ถูกสร้างทีมขึ้นมาภายใต้การคุมทีมของเซอร์ แม็ต บัสบี้) ซึ่งเซอร์ แม็ต บัสบี้ ต้องใช้เวลาร่วม 10 ปี จึงสามารถสร้างทีม "บัสบี้ เบ็บ" ยุคที่สอง จนกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อีกครั้งในฤดูกาล 1964/65 และ 1966/67 ก่อนประกาศศักดาสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ในปี 1968
เฮ้อ... บรรยากาศชวนหดหู่จริงๆ TT
ห้องสุดท้ายของพิพิธภัณฑ์ ก่อนเข้าห้องปรากฏคำว่า Poll of Honour อยู่บนพื้น ภายในห้องแบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็นส่วนย่อยๆ หลายส่วน อาทิ ส่วนจัดแสดงผลผลิตนักฟุตบอลเยาวชนจากอคาเดมี่ของสโมสร ส่วนจัดแสดงของสะสมของนักฟุตบอลยุคปัจจุบัน และส่วนจัดแสดงไฮไลท์สำคัญๆ ของสโมสร
อยากบอกว่าข้าวของเครื่องใช้ในส่วนจัดแสดงของสะสมของนักฟุตบอลยุคปัจจุบันนั้นคงหาดูชมที่ไหนได้ยากมว๊ากกกก มีของใครและจัดแสดงอะไรกันบ้าง ไปชมกันจ้าาาา
ช่องนี้ของเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์
เสื้อ ถุงมือผู้รักษาประตู สตั๊ด และโล่ห์รางวัล ว้าวๆๆๆ
ช่องนี้ของเวนย์ รูนี่ย์
มีเสื้อ ถ้วยรางวัล เอ๊ะ!! นั่นเฝือกที่น้องรูนีย์เคยใช้เหรอนี่?!?!
ช่องนี้ของเนมันย่า วิดิช
เสื้อพร้อมลายเซ็น หนังสือพิมพ์ อันนี้ถือว่าเบาๆ
ช่องนี้ของไรอัน กิ๊กส์
โอ๊ะ!! เสื้อแขนยาวตัวนั้นมันคือเสื้อที่ปีกจอมเลื้อยใช้ในฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 1999 นี่ ว้าวๆๆๆ
ห๊ะ!! ยังมีเหรียญรางวัลและสตั๊ดอีก โอยๆๆ สุดยอดดดด
ช่องนี้ของแกรี่ เนวิลล์
ขุ่นพระ!! นี่มันคือเหรียญรางวัลทุกเหรียญของอดีตแบ็คขวาทีมชาติอังกฤษคนนี้หรือเปล่าเนี่ย?!?!
สำหรับส่วนจัดแสดงไฮไลท์สำคัญๆ ของสโมสร ก็มีการจัดแสดงของที่ระลึกระดับหายากมว๊ากกกกที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาสำคัญๆ ของสโมสร แฟนผีปีศาจได้ดูกันเพลินเจริญตาเจริญใจเลยฮะ
เราใช้เวลาที่ Red Cafe และ Manchester United Museum ไปอย่างเพลิดเพลินเจริญใจร่วม 2 ชั่วโมงเศษ จนจวนจะได้เวลารอบของ Stadium Tour ที่จองเอาไว้แล้ว จึงต้องจำใจจำลาเดินออกจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วยความรู้สึกอึ้ง (เพราะหนักใจแทนทีมคู่อริจากต่างเมือง จะเอาอะไรไปสู้เค้าาาา) และทึ่ง (ชื่นชมในวิธีการนำเสนอที่สื่อให้เห็นถึงรากเหง้าและความภาคภูมิใจในเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ของทีมได้เป็นอย่างดี) สรุปสั้นๆ ง่ายๆ ได้เลยจากทั้งสองส่วนที่ผ่านมาว่ามันเป็นความยิ่งใหญ่ที่ทำให้สาวกปีศาจแดงทุกคนต้องรู้สึกขนลุก ฮึกเหิม และรักสโมสรขึ้นอีกเป็นกองเลย
บริเวณทางออกจากพิพิธภัณฑ์ เป็นกำแพงสีแดงยาวเหยียดปรากฏรายชื่อนักฟุตบอลที่ย้ายเข้ามาหรือนักฟุตบอลเยาวชนจากอคาเดมี่ของสโมสรที่ถูกเลื่อนชั้นขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในแต่ละปี กำแพงนี้จึงมีรายชื่อของนักฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทุกคน เราขอเรียกมันว่า "Wall of the Reds" แล้วกันนะ รักใครชอบใคร ลองไล่เรียงหาดูแล้วเชิญชักภาพกันตามอัธยาศัยจ้าาาา
ที่ปลายกำแพง "Wall of the Reds" เป็นร้านขายของที่ระลึกขนาดย่อมๆ จะเรียกว่ามินิสโตร์ก็พอได้ ของที่ระลึกอื่นๆ ยังอาจพอหาซื้อที่อื่นได้ แต่ใครสนใจหนังสือที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีจำหน่ายที่นี่ที่เดียวนะจ๊ะ มีของดีแบบนี้อยู่ ร้านเล็กๆ แห่งนี้จึงดักเงินของใครต่อใครได้พอดู ^^
เผลอเดินไปเดินมาจนล่วงเลยใกล้ได้เวลารอบ Stadium Tour ที่จองไว้เข้าไปอีก ต้องเร่งกันสักหน่อยแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ได้เตือนไว้ตั้งแต่ตอนซื้อตั๋วว่า มาไม่ตรงรอบเวลาที่จองถือว่าสละสิทธิ์นะจ๊ะ
ระหว่างทางเดินก็ยังมีอะไรต่อมิอะไรให้ถ่ายรูปกันแบบนี้ แต่... เอ๊ะ!! เค้ามุงดูอะไรกันอยู่???
โอ๊ะ... ที่เค้ามุงๆ ดูกันอยู่มันคือ...
โอ้มายก็อดดดด!! ตู้จัดแสดงเสื้อฟุตบอลที่สโมสรเคยใช้ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา คาดว่าทุกตัวเป็นเสื้อที่นักฟุุตบอลเคยใช้จริงเลยด้วยซ้ำ!!
ขุ่นพระ!! คุณหลอกดาว ไหนว่าถึงจุดสิ้นสุดของพิพิธภัณฑ์แล้วไง แล้วนี่ทำไมถึงมีของดีมาแอบซ่อนจัดแสดงอยู่แบบนี้อีก
พุทโธ ธัมโม สังโฆ... สติๆๆๆ ต้องรวบรวมสติอย่างเต็มที่ แต่เพราะเวลาที่มีเหลืออยู่น้อยนิด เราจึงไม่มีเวลาพูดพร่ำทำเพลงดื่มด่ำว่าเสื้อตัวไหนเป็นของใคร อะไรเป็นอะไร ได้แต่รีบเก็บภาพไว้เป็นหลักฐานก่อน
หลังจากจัดแจงรีบถ่ายรูปเสื้อเกือบทุกตัวในตู้จัดแสดงเสื้อฟุตบอลแล้ว ใจก็นึกว่าคงจบแต่เพียงเท่านี้ จะได้เดินชิลๆ อีกสักนิด แต่หลังจากเดินผ่านโถงมืดๆ ไปอีกไม่ไกล เราก็เห็นอะไรแวบๆ
พระเจ้า!! อยากทำเรื่องร้องเรียนสโมสรขี้หลอกแห่งนี้จริงๆ โทษฐานติดป้ายแสดงข้อความอันเป็นเท็จ!! (แต่คิดดูอีกทีก็นะ ป้ายบอกว่าทางออกพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ้นสุดการจัดแสดงสักหน่อย ใช่มั้ย มันใช่มั้ยยยย)
ก็เหมือนเช่นเคย จัดแจงรีบถ่ายรูป ได้ภาพมาแบบชัดบ้างไม่ชัดบ้างเท่านี้จริงๆ
คิดว่าส่วนที่จัดแสดงอยู่ตรงนี้มีคุณภาพไม่แพ้พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงอยู่ทางด้านบนเลยทีเดียว รู้แบบนี้แล้วถ้ามีโอกาสมาเที่ยวอีกในคราวหน้า คงต้องขอเผื่อเวลาชมสัก 5 ชั่วโมง
ปิดท้ายในส่วนนี้ ณ ที่ตรงนี้ที่มีคนมุงๆ กันอีกแล้ว แอบตามเข้าไปดูสักหน่อย
อ๋อ!! เป็นท่านเซอร์ปรากฏกายบนจอสามมิติ พูดคุยอะไรกับเราอยู่ (ขออภัยจริงๆ ไม่ใช่ฟังไม่รู้เรื่องนะฮะ แต่เพราะไม่มีเวลาฟัง เลยไม่ทราบจริงว่าพูดอะไรบ้าง 555)
เอาหละฮะท่านผู้ชม พิพิธภัณฑ์และส่วนจัดแสดงต่างๆ ก็คงจะสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ได้จริงๆ เสียที เพราะเราเจอป้ายจุดนัดพบ Stadium Tour Meeting Point แล้ว
แต่... แต่อีกแล้วววว
ไอ๊หยาาาา!! บริเวณจุดนัดพบ Stadium Tour Meeting Point ก็มีเรื่องราวให้เราตื่นเต้นอีกแล้ว
เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย... นั่นมันคำว่า The Treble ที่หมายถึง 3 แชมป์ในปี 1999 ใช่มั้ยๆ
ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ... ห้อง The Treble แห่งนี้เป็นที่รวบรวมเรื่องราวอันน่าตื่นตาตื่นใจ ดราม่า ปาฏิหาริย์ ในช่วงฤดูกาลประวัติศาสตร์ 1998/99 ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้า 3 แชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่
บริเวณด้านหน้าทางเข้าห้องปรากฏรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าตัวจริงของปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ในชุดผู้รักษาประตู ฤดูกาล 1998/99 เหมือนสุดๆ ขอบอก
เจอห้องนี้เข้าไป ขออนุญาตเปลี่ยนคำพูดใหม่ว่า ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวคราวหน้า ต้องขอมาแต่เช้าเลยฮะ จะได้เผื่อเวลาเดินพิพิธภัณฑ์และส่วนจัดแสดงทั้งหมดทั้งวันแล้วค่อย Stadium Tour รอบสุดท้ายของวันเลยก็ได้
เอาหละฮะทุกท่าน ไกด์หรือผู้นำชมสนามในรอบของเรามาประจำตำแหน่งแล้ว ก็ขออนุญาตเตรียมตัวไปอึ้ง ทึ่ง กับ Stadium Tour ต่อก่อนนะฮะ แล้วจะมาเล่าเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของโรงละครแห่งความฝันในบันทึกต่อไป
ส่วนบันทึกนี้ ขอย้ำปิดท้ายแบบช้าๆ ชัดๆ สายตรงถึงแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทุกคนเลยว่า ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นี่คือสถานที่รวบรวมความภาคภูมิใจและเกียรติภูมิของสโมสรที่คุณรักไว้อย่างครบครันพร้อมมูลในที่เดียว ฟินลืมโลกแน่ๆ
แต่สำหรับแฟนทีมคู่อริจากต่างเมืองอย่างเรา ได้แต่แอบชื่นชมอยู่ในใจ ส่วนความอิจฉาตาร้อนนี่ปิดซ่อนกันไม่มิดเลยทีเดียวจ้าาาา
# # # # #
#VACAVACA #UK #England #Manchester #ManchesterUnited #OldTrafford #Museum
#สหราชอาณาจักร #อังกฤษ #แมนเชสเตอร์ #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #โอลด์แทรฟฟอร์ด #พิพิธภัณฑ์
# # # # #
เรื่องเล่าจากการไปเยือนโอลด์แทรฟฟอร์ด เมื่อปี 2009
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017
ข้อมูลต่างๆ และสภาพสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ดูรายละเอียดข้อมูลสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด และพิพิธภัณฑ์ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ที่
http://www.manutd.com/en/Home/History/The-Old-Traf... และ http://www.manutd.com/en/Visit-Old-Trafford.aspx
ดูรายละเอียดข้อมูลโศกนาฏกรรมที่มิวนิค (Munich Air Disaster) ได้ที่ http://www.manutd.com/en/History/Munich-Remembered...
# # # # #
สำหรับผู้ที่กรุณาอ่านรีวิวของเรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมตตาช่วยกดไลค์กดแชร์ เราต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบหรือถูกใจในรีวิว มีข้อแนะนำหรือติชม รวมทั้งสนใจพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก็ทักทายในกล่องข้อความด้านล่างรีวิวนี้หรือตามลิงค์ต่างๆ ด้านล่างได้เลย จักยินดีเป็นอย่างยิ่ง
อ้อ ฝากติดตามผลงานภายใต้ชื่อ VACA VACA นามปากกาใหม่ของเราบน Readme.me ด้วยน้าาาา
https://th.readme.me/id/sk38129
ขอบคุณมากครับ/ค่ะ ^/i\^
# # # # #
http://www.iamsk38129.com/
https://www.facebook.com/FootballandThailandLovers
https://instagram.com/ftls_store/?ref
https://twitter.com/FTLs_Store
https://plus.google.com/103925332040178584760/about
https://www.youtube.com/channel/UC_x851zlq7ufNa-dpQz04bQ
# # # # #
ดูรายละเอียดข้อมูลสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดและการเดินทางไปรังเหย้าชาวปีศาจแห่งนี้ได้ที่
http://www.manutd.com/en/Visit-Old-Trafford/Maps-A...
ดูรายละเอียดข้อมูลโครงข่ายการคมนาคมขนส่งมวลชนของเมืองแมนเชสเตอร์ได้ที่ Transport of Greater Manchester http://www.tfgm.com/Pages/default.aspx
VACA VACA
วันพฤหัสที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.05 น.