สวัสดีเพื่อนๆพันทิปอีกครั้งครับ กับรีวิว...ที่เท่าไหร่ไม่ทราบละครับ
รอบนี้มากับ "ไอซ์แลนด์ ดินแดนแห่ง น้ำแข็ง แสง และรอยยิ้ม" เป็นสิ่งที่พบเจอกันได้ทั่วไปในไอซ์แลนด์
น้ำแข็ง หิมะ ก็เห็นกันแทบทั้งเกาะไอซ์แลนด์ , แสง ทั้งแสงเหนือ แสงอาทิตย์ขึ้น อาทิตย์ตกตามสถานที่ต่างๆ ก็สวยงามตลอดๆ,
ส่วนรอยยิ้มนี่...ก็พบได้ทั่วไปจริงๆ ทั้งจากนักท่องเที่ยวที่และเจ้าถิ่นมีความสุขจริงๆ
## ไอซ์แลนด์ ที่จริงผมเล็งจะไปมา 7 ปีละครับ ก่อนจะดังเป็นพลุแตกในไทยสามสี่ปีที่ผ่านมา พอดีมีพี่ๆ มาบิ้วท์ซะเขว...เลยถึงเวลาต้องมาละ ##
ถ้าคนติดตามเพจประจำก็คงเห็นภาพบางส่วนกันบ้างแล้ว จากเพจเฟส http://www.facebook.com/witgoaway
ส่วนที่นี่ เพิ่งรวบรวมข้อมูลเสร็จ หลังจากกลับมา...ครับ
พร้อมแล้วก็เริ่มกันเลยครับ....แต่รีวิวผมจะไปช้านิดนึงนะครับ แหะๆ
เอาคลิป Time-lapse สั้นๆ...มายั่วก่อน...
นำโดยแสงเหนือ...
การเดินทางทริปนี้เริ่มต้น วันที่ 23 กพ. จนถึง 5 มีนาคม 2017 ที่ผ่านมานี่เอง
แต่ก่อนจะเริ่มต้นทริปได้ ก็ต้องขอเกริ่นนำนิดนึงว่า ก็ไม่ง่ายนัก...
เพราะก่อนหน้านี้ผมไปรัสเซีย ตั้งแต่ 15 กพ. แต่เจ้ากรรมโดนล้วงกระเป๋าเงินไป
ทั้งเงินสด บัตรเครดิต และใบ ตม. ขาออกรัสเซีย...ก็เป็นเรื่องสิครับ ดีที่ Passport แยกไว้อีกที่
...กว่าจะนำตัวออกจากรัสเซียได้...ก็หืดขึ้นคอเลยทีเดียว....
===================================
กลับมาที่ ไอซ์แลนด์กันดีกว่า....มายิ้มกันต่อ....
#เส้นทาง
Bangkok >Moscow (Trip) > Latvia (ต่อเครื่อง) > Oslo, Norway (ต่อเครื่อง) > Reykjavik > Grundarfjörður > Geysir > Skógafoss > Vik > Black Sand beach > Jokulsarlon Glacier Lagoon > Hofn > Hali > Blue Lagoon > Reykjavik > Oslo (1 night) > Bangkok
**** อันที่จริงข้อมูลต่างๆอย่างละเอียด หลายกระทู้ในพันทิปรีวิวไว้ได้ดีมากอยู่แล้วครับ แต่ผมขอเอาที่อยากเน้น หรือพบเจอแบบแปลกๆมาเล่าให้ฟังละกันครับ***
สิ่งสำคัญในการเทียวประเทศนี้คงมีหลายๆกระทู้รีวิวไปแล้ว คือ
1) สภาพอากาศ ต้องเช็คดีๆจากเวป http://en.vedur.is/weather/forecasts/elements#teg=precip
2) สภาพถนน http://www.road.is/travel-info/road-conditions-and-weather/
แค่นี้สำหรับน่าจะเพียงพอสำหรับการเดินทาง การเตรียมตัว และการล่าแสงเหนือ
...แต่สำคัญคือ ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ***ห้ามคิดว่าไม่เป็นไร ค่อยๆไป*** โดยเฉพาะสภาพถนน
ถ้าคิดว่าเสี่ยงก็ไม่ควรไป ส่วนตัวผมจะขับเฉพาะ ที่ขึ้นสถานะว่า...
Easy Passable / Spot of ice / Slippery เท่านั้น ส่วนมากกว่านั้นผมไม่ไปครับ เพราะไม่ชำนาญ และรถตู้ด้วย
ซึ่งจากที่ขับมา Spot of ice คือถนนจะมี Ice กลุ่มกองเป็นช่วงๆ หากขับเร็วมาเจอกะทันหันระวังไม่ทัน ก็อันตรายมาก
ส่วน Slippery ชื่อก็บอกว่าลื่นอยู่แล้ว...ดังนั้น ก็ต้องระวังให้มาก แต่ก็ขับพอได้ความเร็วไม่เร็วมาก แต่สิ่งที่เจอก็คือ ถนนแบบนี้เวลาขึ้นเข้าเนินชันๆ จะอันตรายมาก เพราะลื่น ประกอบกับความชัน ล้อรถมีฟรี...หากหลีกเลี่ยงถนนแบบนี้ ช่วงที่เป็นเนินจะดีกว่าครับ...Safety First!
Picture from : http://www.road.is/travel-info/road-conditions-and-weather/west-iceland-road-conditions-map/
for example only.
==========
การล่าแสงเหนือ
==========
1) แสงเหนือหาไม่ยาก แต่อยู่ที่เราจะเห็นรึป่าว เพราะแค่ KP1-2 แล้วฟ้าใส ต้องบอกว่าเห็นแน่นอนครับ แต่ตาเราบอกว่าใช่รึป่าวเท่านั้น บางทีก็คล้ายๆกลุ่มเมฆลางๆ เลยไม่ได้สนใจอะไร ...วิธีผมก็คือหยิบกล้องละถ่ายดู ออกเขียวๆ นั่นล่ะใช่เลย....ย้ำนะครับ KP1-2 ก็มองเห็น แต่อาจจะเรื่อๆ ไม่เขียว ออกขาวๆ ลางๆมากกว่าครับ
2) หากฟ้าใส KPมากกว่า 2 ก็ตามเปล่าสบายๆเลย
3) เมฆเยอะ KP 4-5 แสงเข้าขั้นทะลุเมฆให้เห็น แต่จะไม่พุ่งๆ เป็นเส้นๆ แต่เมฆจะออกเขียวๆแทน...
4) หลายคนสงสัยเรื่องการตั้งกล้องถ่าย เพราะก่อนไปก็ส่องไปหลายเวป หลายท่าน ก็มีเทคนิคแตกต่างกันไป....ดังนั้น จากการถ่ายจริง ผมแนะนำว่าตั้งไปก่อน แล้วค่อยปรับตามแสงเหนือ เพราะแสงเหนือก็มาไม่เท่ากันอยู่แล้ว ผมตั้งค่าเริ่มต้นละลองถ่าย f2.8 / iso2500 / focus infinity / ระยะเวลา 5-10 sec (กล้องผม Canon5D mark II , 24-70 f2.8) หากยังไม่พอใจหรือก็ปรับที่ shutter speed หรือ iso เอาครับแค่สองค่านี้ ...นี่คือตอนผมถ่าย ส่วนท่านอื่นๆอาจมีเทคนิคแตกต่างกันไปครับ...
5) การล่าแสงเหนือในที่นี้ คงต้องดูพยากรณ์ความแรง + พยากรณ์อากาศ เมฆในพื่นที่ที่เราอยู่ และการอยู่ในที่มืดสนิท
*ในเรื่องของงบประมาณนั้น ทริปนี้ใช้ไปรวมๆ ทุกอย่างประมาณ แสนนิดๆ กับช่วงเวลา 10-11 วัน (เพราะตั๋วก็ไปเกือบ สามหมื่น) ถือว่าโอเคร บางท่านอาจจะไปได้ถูกกว่านี้หรือแพงกว่านี้ อันนี้ขึ้นกับ ที่พัก อาหารการกิน เลยไม่สามารถระบุได้ว่า แค่ไหนจึงจะเหมาะสม... ทริปนี้ก็มีทำอาหารทานกันเองบ้าง กินหรูบ้าง สลับกันไปครับ*
=============
ข้อสำคัญที่อยากแนะนำ
=============
1) ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ทุกอย่าง เช่น ความเร็ว การห้ามจอดบนไหล่ทาง สะพานต่างๆ
2) การขับรถที่ไอซ์แลนด์ ที่รถเช่าเน้นย้ำ คือ ประตู เนื่องจากลมแรงมาก บางทีเปิดประตู แล้วลมพัดพังไป อันนี้ประกันไม่รับนะครับ ส่วนยาง ก็ไม่อยู่ในประกันเช่นกัน ดังนั้นเช่ารถแบบไหน วิ่งถนนนั้น เช่น รถปกติ วิ่งถนนปกติ ห้ามออก F-Road เพราะประกันไม่รับอยู่ดี เพราะผิดข้อตกลง..
3) การจอดรถข้างทาง เข้าใจว่าวิวสวย จนอดไม่ได้ แต่ต้องอดทนครับ อันตรายมาก เพราะถนนแคบ รถเร็ว ผิดกฎจราจรอีกตะหาก และข้างทางปกคลุมด้วยหิมะ ระวังจะติดหล่มได้ง่าย (เห็นมาเยอะระหว่างทาง)
4) ลม ลมไอซ์แรงน่ากลัว กว่าสิ่งใดๆ อันตรายมาก รถเป๋ได้ ขับรถจับพวงมาลัยดีๆ มีสติตลอดๆ
5) ขับรถต้องเปิดไฟหน้าตลอด ลืมเปิด ผิดกฎหมายครับ...
6) Wifi ที่มากับรถเช่า ถือเป็นสิ่งจำเป็นไว้อัพเดท สภาพถนน และอากาศ เช่ารถเอาไวไฟมาด้วยครับ
7) sim card ก็จำเป็น บางครั้งต้องติดต่อกับที่พัก ว่าเราติดถนนปิด หรือ late check-in หรือใดๆ ก็ตาม สามารถซื้อที่ร้านสะดวกซื้อที่สนามบิน
8) รถเช่า ส่วนใหญ่เจ้าใหญ่มากๆ ก็จะมีเคาน์เตอร์ที่สนามบิน หากหาไม่เจอ ถาม information เพราะที่เหลือเค้าจะให้นั่ง Shuttle bus ไปลงที่สำนักงานรถเช่านั้น ซึ่งตั้งอยู่รอบๆสนามบิน วนไป...
เดี๋ยวนึกออก ละจะมาเพิ่มให้นะครับ
ส่วนรายละเอียดเดียวจะอยู่ในรีวิวต่อจากนี้ไปนะครับ#Day1 (23Feb2017) : มาถึงฟ้าใสๆ แต่ไหง หิมะถล่มกลางคืน...
ผมเดินทางมาจาก Moscow มาเจอเพื่อนๆพี่ๆที่จะไปด้วยกัน ที่บินมาจากกรุงเทพ อีก 6 คน ที่ Oslo เพื่อต่อเครื่องไป Reykjavik - Iceland
ก่อนเดินทางก็เช็คสภาพอากาศ ว่าอากาศไม่ค่อยจะดีนัก....
แต่พอมาถึง Keflavik Airport (KEF) อากาศค่อนข้างดี มีกลุ่มเมฆบ้างนิดหน่อย ก็หลงดีใจ...พยากรณ์ไม่ตรง อิอิ...รอดด...
พวกเราเช่ารถตู้สำหรับ 8 ที่นั่งเกียร์ธรรมดา ยิ่งมาเจอกะพวงมาลัยซ้าย ขับเลนขวาอีก...ก็เกร็งตามระเบียบ แม้จะเคยขับมาแล้วที่นอร์เวย์
ที่เคยรีวิวไปแล้ว แต่นั่นรถเล็ก...อันนี้มาซะรถตู้เลยย ขับเข้า Reykjavik ประมาณ 40 km. แต่ผมรู้สึกว่าเหมือนขับ 100kmเลยย
แต่พยากรณ์ก็คือพยากรณ์ หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ....
#Day2 (24Feb2017) : ถนนปิด ชีวิตเปลียน
เช้าใน Reykjavik หลังหิมะตกหนักเมื่อคืน....
ขับมาได้ซักพัก 15km. อืมมมีรถเจ้าหน้าที่ จอดขวางทาง...คือ ...ถนนปิดไปไม่ได้ ยังไม่ได้เคลียร์ + ลมแรง
เลยลงไปถาม มีทางอื่นมั๊ย...> โน แค่ทางนี้
คาดว่าจะเปิดได้เมื่อไหร่ > ด้อนโน.... จบการสนทนาด้วยความงง
....ชีวิตเปลียนนนนน...
พวกเรากะว่าจะย้อนกลับทางเดิม แต่พอดีเจอปั๊มก็แวะก่อนละกัน....
สรุปแวะปั้มนั้น...รอเวลาประมาณ 5 ชม. พร้อมกับเพื่อนๆเพียบชะตากรรมเดียวกัน....
ได้แต่นั่ง refresh road.is รัวๆ ....พอสเตตัสเขียวปุ๊บ ว่าทางเปิดแล้ว....
ทุกคนก็โดดขึ้นรถกันทันทีอย่างรวดเร็ว ^^
...เพื่อไปต่อ Grundarfjörður
ระหว่างทางมีลมแรงมาก เรียกได้ว่าแรงจนอันตราย รถเป๋เพราะแรงลม....
เลยเข้าใจว่าทำไมถึงต้องปิดถนน....ทั้งที่เปิดมาหิมะที่พื้นถนนแทบไม่มี...
อย่างที่เกริ่นตั้งแต่แรกครับเรื่องการขับบน Slippery Road...
พอมาถึงถนนสาย 56 ที่จะถึง Grundarfjörður เป็นลักษณะขึ้นเขา + ถนน Slippery + ลมแรง + หิมะ
เลยมีเหตุการณ์ล้อฟรี ให้เลือดสูบฉีด
...หลังจากนั้น พี่ๆทุกคนก็ช่วยกันดูทางทั้งคัน 55+
ระหว่างทางเจอโครงการถนนสีขาว...ไอซ์แลนด์ก็มีนะ...55+
ถึงที่พัก...เย็นๆ แต่ก็อากาศก็ยังไม่ดีขึ้น ดูพยากรณ์ ตั้งแต่คืนนี้ไป หิมะจะถล่มหนัก...โอกาสหิมะตก 100% เอิ่ม....นอนยาววว....
แต่ช้าก่อน....คืนยังก่อนหิมะจะถล่ม...ก็มีช่องว่างอันน้อยนิด ให้มองเห็นแสงเหนือ...
พี่คนนึง นอนเฝ้าดูแสงจนเทียงคืน...ก็ชักไม่แน่ใจว่าใช่รึป่าว....
...เรียกผมไปดู ก็ยังไม่ชัวร์ เลยต้องลองตั้งกล้องดูจากห้องพักเลย...นั่นไง ชัดเลย....
คืนนี้ตามพยากรณ์ KP.2 ของจริงจะเห็นเรื่อๆ แต่จากกล้องจากชัดกว่าครับ
...จบภาระกิจคืนแรกที่เห็นแสงเหนือ....
หลังจากนั้นสภาพก็เหมือนดาวอังคาร...
-- Day 3 (25Feb2017) : พยากรณ์ว่า...ยังคงหิมะตกหนัก....
หลังจากเมื่อคืนวาน เราเห็นแสงเหนือตอนประมาณเที่ยงคืน ได้ซักครึ่งชั่วโมว ฟ้าก็ปิดพร้อมกับหิมะตกอย่างหนัก
จนสภาพตอนเช้า....แบบนี้...
--- วันนี้พยากรณ์อากาศว่าช่วงประมาณ 10 โมงเป็นต้นไปหิมะจะหยุด จนถึงบ่ายสี่ ---
พอได้เวลาก็ออกไป Kirkjufell ที่ขึ้นชื่อว่า landmark ของไอซ์แลนด์
แสงแดด ก็มีแว๊บๆ ....
สุดท้ายกลับที่มั่น ตั้งหลักต่อไป รอจนบ่ายสามกว่าๆ ดูทีท่าว่าอากาศน่าจะยังโอเค...เลยรีบออกไปต่อที่
--- Búðakirkja ---
ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ มีตามกล้องชอบมาถ่ายแสงเหนือตอนกลางคืน....
อยู่ได้ซัก 15 นาที ก็ต้องรีบขับรถกลับไปที่พัก อีกประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากถ้าดูตามพยากรณ์แล้วหิมะจะตกหนักตั้งแต่ 1 ทุ่มไปตลอดคืนนนน...
เพราะพวกเรากลัวว่าจะติดอยู่ระหว่างทาง จะยุ่งไปกันใหญ่ครับ...
ระหว่างทางกลับ หิมะก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้ที่พักแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า....
จนมาถึงที่พัก...ค่อยโล่งหน่อย...^^
จากสภาพอากาศ ...คืนนี้ได้ตอนเต็มอิ่มแน่ๆ เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะต้องตื่นมาเฝ้าแสงเหนือ...55+
-- Day 4 (26Feb2017) : อากาศเริ่มเป็นใจ...
หลังจากวันนี้ไป อากาศจะดีขึ้นเรื่อยๆ จนฟ้าใส ประกอบกับเช็คความแรงของแสงเหนือ..ก็จะแรงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ไปจนถึง KP.5
ว่าแต่...สภาพเช้าวันนี้....ถนนหายยยย หิมะเมื่อคืนตกหนา เกือบฟุต
เมื่อไปไหนไม่ได้....อยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย.. ปั้นสโนว์แมน...(น่าจะใช่นะ)
จนเที่ยวกว่า...ฟ้าก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับสภาพถนนเริ่มดีขึ้น เพราะเมื่อเช้ามีแบบ Extreme Slippery เลยไม่กล้าออก...
เราก็ออกเดินทางไป ....ที่พักแถว Skaholt เพื่อวันพรุ่งนี้จะไปต่อ Geysir , Bruarfoss & Gullfoss ... จริงๆ เป็นแผนวันนี้
แต่ด้วยติดหิมะ เลยต้องเลื่อนไปวันถัดไปครับ...
ระหว่างทาง..อากาศก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากวันนี้แสงไม่แรง กับมีแสงกวนเยอะ....เลยเข้านอนดีกว่า เอาแรง...
...ปั้ง ๆๆๆๆๆๆ !!! ...เสียงเคาะประตู..ราวกับมีไฟไหม้....
รีบเด้งออกจากเตียง...มาเปิดประตู...
"วิทๆ ....แสงเหนือมา!.... พี่ว่าน่าจะใช่นะ..." พี่ข้างห้องเรียกก...
ด้วยความตื่นเต้น....วิ่งออกมาทั้งกางเกงขาสั้น กะเสื้อยืดด....ทั้งที่อากาศภายนอกประมาณ -2c
เอิ่ม..รู้ตัวตอนลมปะทะหน้า กะร่าง.....วิ่งกลับแทบไม่ทัน..55+
วันนี้มาน้อย และอยู่ไกล เลยได้มาเท่านี้เอง... แต่ใจยังสั่นอยู่เลยยยย...55
-- Day 5 (27Feb2017) : ฟ้าใสๆ ก็ลุย Bruarfoss - Geysir - Gullfoss - Skogarfoss
แค่เปิดประตูห้องเจ้าถิ่นวิ่งมารอ พร้อมเล่น .....
ถ้าไม่เล่นด้วยก็มี.....มองบน....
อากาศดีแต่เช้า...
ออกไปเป้าหมายแรก
--Bruarfoss--
น้ำตกนี้ ไม่ได้เป็นถูกทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ แต่ก๋็มีนักท่องเที่ยวเคยรีวิวไว้ ทั้งไทย และต่างชาติ เลยต้องไปหาซักหน่อย...
แต่หลายท่านก็บอกว่าหายาก บางท่านก็ไม่เจอ....แต่ก็อยากจริงๆ ตาม Google ยิ่งงง เพราะอยู่ๆ ถนนก็หาย...
ใครที่จะไปแนะนำคร่าวๆ นะครับ ว่าดูแผนที่ตาม Google ก่อน พอใกล้ๆ ก็หาป้าย Bruar ( ไม่ต้อง Bruarfoss นะครับ หายังไงก็ไม่มี เพราะผมหาแล้ว) ไปตามทางเล็กๆ เรื่อยๆ เหมือนเข้าอุทยานแห่งชาติ ก็มองป้าย Bruar ไปครับ ...จนสังเกตุว่ามีรถจอด หรือมีรอยเท้า ทางคนเดินเยอะๆ ก็อันนั้นแหละครับ...
แต่...ยังไม่ถึง ต้องเดินไปตามทางอีก ข้ามสะพานไม้ รอบนึง ....แล้วขึ้นอีกฝั่ง เดินตามทางรอยเท้าที่คนเดินเยอะๆ ต่อไปครับ...ฟังเสียงดังๆ น้ำตก 55+ พยายามเดินตามเสียงไปครับ เจอแน่นอน...แต่นานแค่ไหนไม่รู้....55+
จากนั้นก็เดินทางต่อไป.... น้ำพุร้อนสันกำแพง....55+ ไม่ใช่ๆ
--- Geysir ---
มีว๊าวว...น้ำพุจะพุ่งขึ้นประมาณ 5-10 นาทีต่อครั้ง แต่ละครั้งก็เอาแน่นอนไม่ได้ว่าจะสูงใหญ่แค่ไหน นี่รอเป็นคร้ังที่สาม ....เอาซะเกือบหลุดเฟรม
--- Gullfoss ---
เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่มีชื่อเสียงมาก หนาวมากก ลมแรงมากเช่นกัน แรงและหนาวจนทนแทบไม่ไหว....
จบจาก Gullfoss ต้องรีบเดินทางต่อ เพราะระยะทางอีกไกล เพื่อไปนอนที่ Skogarfoss
แวะเช็คอินเรียบร้อยยยย....ก็ออกไป
--- Solheimasandur Plane Wreck ---
ที่นี่...ไม่ใช่เล่นๆ ...เหนื่อยไม่ใช่เล่นๆ เพราะจากจุดจอดรถไปถึงจุดที่เครื่องบินอยู่ ประมาณ 3.5km. ไปกลับรวม 7 km.
ใช้เวลาขาละ 35-45 นาที....อืมมม...
อากาศเริ่มหนาวขึ้น หลังจากพระอาทิตย์ มาพร้อมกับลม.... เราต้องรีบกลับเพราะตอนนี้ ทุ่มกว่าๆ แต่ครัวที่พักปิด 3 ทุ่ม...
แต่...ที่ไหนทางระหวางเดินเท้ากลับที่จอดรถ เกือบถึง ....
เจ้าแสงเหนือก็มามาปรากฎ...หลอกล่อ.. เอาซะหลงเลยยย...
ถ้าเจอแบบนี้ใครไม่หลง....ให้รู้ไป เค้าว่า KP 2-3 แต่ผมว่ามันน่าจะแรงกว่านั้นนะ มาซะชัดตาเปล่าชัดเจน...
ผลจากการหลอกล่อ ของแสงเหนือ...ทำให้เราอดข้าวเย็น...ครัวปิดไปแล้วววว เหลือแต่ซุปผัก กะหนมปัง(ก็ยังดีนะ)
แต่ภาระกิจยังไม่หมดเท่านี้...เมื่อนอนติด Skogarfoss ก็ต้องถ่ายแสงกับ น้ำตกให้ได้สินะ..
สุดท้ายไปน้ำตก แทบไม่เห็นอะไรเลยมืดสนิด แสงไม่มา...
แต่เดี๋ยวกลับมาที่พักเท่านั้นแหละ แสงมาโชว์ตัวอีกรอบ...
---หมดวันไปด้วยรอยยิ้ม ของแสงเหนือที่มาโชว์การแสดงอย่างเต็มตา แต่หิววครับ...อดกินข้าวเย็นเลยยย แต่ก็คุ้มมม
-- Day 6 (28Feb2017) : ได้ข่าวว่าวันนี้ แสงเหนือจะแรงสุดๆ KP 4-6 ---
Skogarfoss - Black Sand Beach - Svartifoss - Jokulsarlon - Hofn
วันนี้ต้องเดินทางไปถึง Hofn และแวะอีกหลายที่
เช้ามาขอแวะ Skogarfoss ก่อนเลย...ก่อนจะเดินทางต่อ...
เดวมาต่อให้นะครับ...<ต่อครับ>
จาก Skogarfoss เดินทางต่อไป Reynisfjara Black Sand Beach....
คือฟ้าใสมาก แตกต่างจากสองวันแรกสิ้นเชิง...
ระหว่างทางนี่ก็แทบละสายตาไม่ได้เลย...สวย
ถึงแล้วครับ Black Sand Beach ก็ดำจริงๆ...เหมือนหาดกรวดกลมดำ..
นี่ก็เป็นอีกหนึงแลนด์มาร์ค...เห็นกันบ่อย...
แท่งหกเหลี่ยม ดูแปลกตา...สวยไปอีกแบบ
...ออกเดินทางต่อไปยัง Svartifoss และต่อไป Jokulsarlon Glacier Lagoon แต่วันนี้กะแค่แวะดูบรรยากาศหาดริมทะเล บริเวณนั้นก่อน แล้วเดี๋ยวขากลับเราจะแวะ Lagoon ให้เต็มอิ่มครับ...
--- Svartifoss ---
เป็นอีกน้ำตกที่ต้องเดินเข้าไปพอสมควร ใช้เวลากับที่นี่รวมเดินไปกลับ 2-3 ชั่วโมงได้..
เสร็จจากที่นี่รีบเดินทางต่อไปยัง Diamond beach อยู่ตรงข้ามกับ Jokulsarlon เป็นหาดที่มีก้อนน้ำแข็งที่ไหลออกมาจาก Lagoon นั่นแหละครับ
ก้อนน้ำแข็งเพียบบ..มาพร้อมกับลมหนาววว อุณหภูมิ -2c ก็งึก..
จบจากที่นี่เราก็เดินทางต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ 80km. ไปเมือง Hofn...---คืนนี้ตั้งใจว่าจะต้องออกล่าแสงเหนือจริงจัง เพราะว่าเท่าที่เช็คความแรงของแสงเหนือถึงระดับ 4 เลย---
ผลที่ได้มาคุ้มค่ามากกกก...
แหงนหน้าขึ้นไป...ก็
มาแบบ Full HD
มาแบบเหลือๆ..เต็มท้องฟ้า ทุกทิศทาง... คนถ่ายก็ลนลาน ไม่รู้จะเอาทางไหน...ถือว่าเป็นโชคดีมากกครับ....
--- เวอร์วัง อลังการ ล้านแปด เจ็ดแสน แปดหมื่น...
ขอเบรคแปร๊บครับ...ขนาดนั่งรีวิว
ยังคิดถึงว่าตอนนั้น เหนื่อยหายใจไม่ทั่วท้องเลย 55+...
ปิดฉากคืนนี้...ด้วยแสงเหนืออย่างเต็มตา จุใจ จริงๆแสงมาตั้งแต่ทุ่มแล้ว แต่เราขอกินข้าวก่อน 55+
เดี๋ยวอดอีก....
---- Day 7 (01Mar2017) : Jokulsarlon...เป้าหมายหลักของวันนี้....
ตื่นเช้ากับอากาศดีๆ...แสงแดดอุ่นๆ....ที่นี่อุ่นของจริง เพราะข้างนอกมันหนาวมากอ่ะ
เตรียมตัวออกเดินทางได้..วิวหน้าที่พัก...
ไปลุยย....โอ๊ย แค่ระหว่างทางก็สวยมากๆ...
ที่นี่เป็นจุดหมายหลัก...ส่วนตัวชอบที่นี่มาก เพราะตาม ig ของตากล้องต่างประเทศ...เลยตามหาว่าที่ไหน ที่นี่คือ... Stokksnes
ถ้าใครเคยติดตามรีวิวทริปเลห์ ของผมเมื่อปีที่แล้ว ลักษณะสะท้อนน้ำก็จะคล้ายๆกัน ส่วนพี่ๆ ที่มากับผมก็มีชุดเดิม...เลยจัดท่าไปเหมือนเดิม... ไม่มีพลาดด...55+ LoL
หลังจากนั้น ...ก็ย้อนทางเดิมออกมา ไป Viking Movie Set กันต่อเป็นฉากของซีรีส์ไวกิ้ง ที่ทำขึ้นที่นี่ และยังคงอยู่ ...เลยมาดูให้เห็นกะตา...
มันต้องอลังการจริงๆ ถึงจะเป็นฉากหนังได้...นะเนี๊ยะ..
อยู่ๆเจ้าถิ่น ก็ออกจากฝูงมา...ซะใกล้...ก็กลัวโดนดีดเหมือนกันนะ...
ส่วนม้ามีคู่..ก็หนุงหนิงกันไป...
ภายใน movie set.. ยืนดูไปนึกภาพไปตามหนัง...
ทีนี้ ตรงดิ่งไป Jokulsarlon ได้ซะที..
ถึงแล้วววววว...
ด้วยความทนหนาว บวกลม ไม่ค่อยไหวเลยกลับไปที่พักก่อน เดี๋ยวค่ำๆค่อยออกมาใหม่....
ได้เวลาออกไปล่าแสงละ....ยังไม่ทันไร....มาเรียกถึงหน้าบ้านพักเลย....มาเต็มซะด้วย
หน้าบ้านขนาดนั้น...ต้องรีบออกแล้วล่ะ
ได้ซักพักใหญ่ เมฆก็เริ่มมาเยอะขึ้นๆ ....เลยกลับไปนอนเอาแรงดีกว่า....
แต่ตลาดยังไม่วายครับ....แสงยังคงมาแบบทะลุเมฆ...เมฆซะเขียวเลยย..
#Day8 (2Mar2017) : ถึงเวลาแช่ Blue Lagoon... มันยอดจริงๆนะ....
เราขับรถออกจาก Hali ใกล้ๆ กับ Jokulsarlon กลับ เพื่อไปยัง Blue Lagoon ที่เราซื้อตั๋วล่วงหน้าก้ันมาแล้ว
ตั๋วจะมีการระบุวันและเวลาชัดเจน โดยระบุช่วงเวลาเข้า Lagoon ของเราเป็น 16.00-17.00 น.
มาถึงประมาณ 14.30น.นั่งรอซักชั่วโมง ก็เข้าเช็คอินได้ครับ...
เค้าก็ปล่อยให้ลงเลย เลยได้ลงตอน 15.30 น. ยาวไป...
น้ำอุ่นกำลังพอดีๆ คือพอดีจริงๆฮะ แต่ถ้าเป็นออนเซ็นญี่ปุ่น จะค่อนข้างร้อนกว่า....
...ที่นี่เลยแช่ได้นาน เอาแบบตัวเปื่อยไปเลย....
เสร็จละเพลียมากก...เดินทางกลับเข้าที่พัก....ก่อนออกไปหาขออร่อยกิน....
#Day9 (3Mar2017) : กลับแล้ววว...แต่เช้าตรู่ ...สวัสดีออสโล
วันนี้เดินทางกลับจากไอซ์แลนด์ แต่ต้องนอนที่ออสโล คืนนึง...
นอร์เวย์ เป็นอีกประเทศที่ชอบที่สุดประเทศนึง คราวที่แล้วดูแสงเหนือที่ประเทศนี้ Tromso ทางเหนือ และ Bergen
กลับมาครั้งที่สอง ก็ยังชอบ แต่เวลาน้อย แค่วันนึง เดินเล่นง่ายๆในเมืองละกันครับ
จากนั้นเดินไปยัง....Akershus Fortress...ไม่ไกลนัก. ซัก 15นาที เดิน.ก็ถึงแล้ว..
ส่งท้ายกับน้องนักร้อง ระหว่างเดินเที่ยวในกลางเมือง Oslo ...
#Day10 (4Mar2017) : กลับแล้ววว ปิดทริปได้อย่างประทับใจ
บินกลับบ่ายโมงกว่า ถึงไทย วันที่ 5 Mar 2017 เช้าตรู่
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ....
สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/witgoaway ครับ
....ขอบคุณพันทิป สำหรับพื้นที่แชร์ข้อมูล...
และขอบคุณพี่ๆ ร่วมทริปทุกคนครับ สนุกมากกกอยากไปอีก....แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้า....รัสเซีย....เรื่องราวเยอะมากกก ฝากติดตามด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
WitGoAway Traveller
วันพฤหัสที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.11 น.