สวัสดีครับ เพื่อนๆ

อีกรอบกับคราวนี้ที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีรีวิวในพันทิปเยอะมากกับทะเลสาบไบคาล รัสเซีย

แต่...ที่พิเศษสำหรับทริปนี้ คือ " นั่งรถข้ามทะเลสาบไบคาล !! "

ใช่แล้วครับ...นั่งรถข้าม...อ่านไม่ผิดนะ...


นั่งรถข้ามเมื่อทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด ในฤดูหนาว

ก้าวผ่านจุดลึกที่สุดของทะเลสาบที่ 1,642 เมตร เท่ากับตึกประมาณ 547 ชั้น...

ซึ่งถือว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกที่สุดในโลก...


...บนพื้นน้ำแข็งที่หนาประมาณ 80-120 cm. (อันนี้ไกด์บอกมาฮะ)

ในอุณหภูมิติดลบ กว่า 30 องศาเซลเซียส...


บุกตะลุยสถานที่ใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ .... จะตื่นเต้น สนุกแค่ไหน....ลองตามมาดูกันครับ


ส่วนติดต่อสอบถามข้อมูลไกด์ หรือการเดินทาง ยินดีให้ครับ แต่รบกวนติดต่อหลังไมค์ไปที่เพจละกันนะคับ อันนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาเช็ค

จะมาทีก็ตอนจะรีวิวคับ ขอบคุณมากครับ

ฝากติดตามผลงานอื่นๆ ที่ http://www.facebook.com/witgoaway ด้วยคร๊าบบ...ขอบคุณครับ


พื้นน้ำแข็งลื่น ไม่ลื่นลองชมครับ

ที่มา...ที่ไป



เพราะปกติทะเลสาบไบคาล ก็ส่วนใหญ่จะไปฝั่งเกาะ Olkhon ซึ่งอยู่ทางตะวันตกกัน กับเมือง Lytvyanka ซึ่งเป็นจุดที่น้ำออกจากทะเลสาบไบคาล



...เกิดได้ยังไงสำหรับทริปนี้ ....

จากการเห็นไอจี ฝรั่งปั่นจักรยานข้ามทะเลสาบ พร้อมกับการตั้งแคมป์กลางทะเลสาบ

เฮ้ย...มันได้เหรอ..



เลยสอบถามไปยังไกด์...คำตอบคือว่าได้ แต่ ขึ้นกับสภาพน้ำแข็งด้วยย....

ถามว่าอันตรายไหม...อันตราย...แต่ไกด์ท้องถิ่นก็มีประสบการณ์ มีการสัญจรผ่านทุกปี....เป็นเรื่องปกติ แต่ไกด์ต้องชำนาญจริงๆ

(อันนี้เชื่อเลย เพราะเจอระหว่างเดินทางจริงๆ เดี๋ยวมีรายละเอียดต่อไปด้านล่าง)



เลืยดเริ่มสูบฉีด...ความอยากไปพุ่งปรี๊ด....น่าสนใจมาก...



เลยปรึกษากับไกด์ว่า...อยากข้ามทะเลสาบอ่ะ...

ไกด์ถามว่า....เอาจริงๆเหรอ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ข้ามนะมีแต่ คนพื้นที่กับชาวรัสเซียบางส่วน....

เลยตอบทันทีว่า...นี่แหละ เอา...ข้าม...ตามนี้



แผนการเดินทาง....

ลงเมือง Irkutsk, Russia บินตรงจากกรุงเทพเลย...กับสายการบิน S7

จากนั้นก็นั่งรถไป > Olkhon Island (Khuzhir) > ข้ามทะเลสาบไบคาลโดยรถ > Ust-Barguzin > Ulan Ude > นั่งรถไฟช่วงหนึ่งในสายทรานไซบีเรีย > Irkutsk > Bangkok



เราเดินทางกันช่วงวันที่ 13-19 กพ. 2561 แต่ทั้งนี้สภาพน้ำแข็งจนสามารถขับรถผ่านได้นี่ เอาแน่ไม่ได้นะครับ ต้องตรวจสอบก่อนทุกครั้ง



นอกจากข้ามทะเลสาบไบคาลแล้ว...ยังมาแถมด้วยนั่งรถไฟสายทรานไซบีเรีย แม้จะสั้นๆ แต่ก็เอานะ ได้บรรยากาศช่วงหนึ่งก็ยังดี...

วันแรก...เดินทางถึง Irkutsk, Russia

เดินทางถึง Irkutsk ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ...ก็ตรงดิ่งเข้าสู่ที่นอนเลย



วันที่ 2 Irkutsk - Olkhon Island

ออกเดินทางจากเมือง Irkutsk แต่แวะสถานที่สำคัญในเมืองเล็กน้อย

ริมแม่น้ำ Angara และ Sobor Bogoyavleniya Church ซึ่งเป็นโบสถ์นิกายออโทดอกซ์

+การถ่ายภาพภายใน ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนนะครับ... และห้ามถ่ายภาพคู่กับภายในโบสถ์

+การเข้าโบสถ์ ผู้ชายต้องถอดหมวก ส่วนผู้หญิง ต้องหาผ้าคลุมผม



ยามเช้าริมแม่น้ำ Angara ที่ไหลผ่านเมือง Irkutsk อุณหภูมิติดลบขนาดนี้ น้ำน่าจะเป็นน้ำแข็งแต่กลับเป็นน้ำ

สาเหตุที่แม่น้ำไม่เป็นน้ำแข็ง เพราะมีโรงไฟฟ้าอยู่ก่อนถึงเมืองนี้ ...



จากนั้น เดินทางต่อไปยัง Olkhon Island จุดหมายปลายทางพักที่เมือง Khuzhir...



ก่อนข้ามไปเกาะ แวะเปลี่ยนจากรถมินิบัส เป็นรถแวน ที่ใช้ในกองทัพรัสเซียเมื่อก่อน...

สัมผัสแรกบนพื้นน้ำไบคาลที่เป็นน้ำแข็ง ก็ตื่นเต้นนิดหนึง

Dragon Tail อีกจุดไฮไลท์ ใครมาไบคาล คงต้องไม่พลาดที่นี่ล่ะ....

ภาพในเมือง Khuzhir ยามพลบค่ำ... หนาวงึกๆ เตรียมตัวเดินทางต่อ เพื่อข้ามทะเลสาบในวันพรุ่งนี้แล้วววว...

วันที่สาม ของการเดินทาง วันนี้จะข้ามทะเลสาบไบคาล ละนะ...



ภาพเช้าเมือง Khuzhir จากห้องพัก ดูแล้วไม่กล้ายื่นมือออกนอกห้องเลยย...คงหนาวจัด..

แต่ดูเจ้าถิ่นยังชิลๆ

ขณะที่รอรถมารับตอน สิบโมง ก็เดินเล่นไปยังจุดชมวิวก่อนนน..



ลุยย...ออกเดินทางได้....

ขับรถลัดเลาะ บนเกาะ Olkhon เพื่อไปอีกด้านหนึงของเกาะ ก่อนข้ามทะเลสาบ...

ถึงแล้วอีกฟากฝั่งของเกาะ Olkhon ก่อนข้ามม....

ทะเลสาบน้ำแข็ง สีฟ้าใสๆ...

แต่ก่อนขับรถลงทะเลสาบ....แอร์โฮสเตส (คนขับ) ก็มาสาธิตวิธีการเอาตัวรอด และความปลอดภัย หากเกิดเหตุรถจมน้ำ หืมม....



เป็นการสาธิต แนะนำ วิธีการเอาตัวรอด ซึ่งถือว่าดีมาก มีทางออกตรงไหนของรถ ต้องทำอย่างไร...

สาธิตจบ...ก็ลุยคับ

ขับได้ซัก...15 นาที ก็จอดแวะ พักกินอาหารเที่ยงกัน บนน้ำแข็งกันเลยยย....หูยฟินน....



รอยแยกน้ำแข็งเดิม...

แต่....ในขณะที่กำลังฟิน....

เสียงดัง ปั้งงงง.... สนั่น พื้นน้ำแข็งสั่น มาพร้อมกันเสียงน้ำแข็ง

ที่ตกน้ำ จ๋อมๆๆๆๆๆ รัวๆ...



ทุกคนนิ่ง...สงบ มองไปทางที่เสียงมา.... มองที่ขาของตัวเองว่า แผ่นน้ำแข็งที่ยืนอยู่เนี๊ยะ ร้าวมารึป่าวว!! 555+



แฮร่ แผ่นน้ำแข็งชนกัน นั่นเอง...

ส่วนไกด์กับคนขับ ...ก็ไม่มีท่าทีอะไร แค่มอง ละก็ยิ้มๆ หัวเราะ... เป็นเรื่องปกติ...

แต่ใจพวกเราก็หายแว๊บไปตาตุ่ม ชั่วคราววว....



ความตื่นเต้น ได้เปิดฉากขึ้นแล้วววววว...

กินข้าวเสร็จ ทีนี้ของจริง ก็ออกเดินทางต่อ....

เนื่องจาก ต้องรีบไปให้ก่อนพระอาทิตย์ตก เพราะระหว่างทาง อาจมีรอยแยกน้ำแข็งที่แตกได้เสมอ...

ถ้ามืด ก็จะมองไม่เห็น อันตรายมาก...ไกด์ว่าไว้...



เนื่องจากเช้าวันนี้ เหตุที่ต้องออกสิบโมงเช้า เพราะ รถที่มารับเรา ข้ามมาจากฝั่งที่เรากำลังจะไป เป็นการตรวจสอบเส้นทางให้แน่ใจอีกครั้ง...

และขณะที่เราเดินทาง ก็เดินทางบนเส้นทางเดิมที่ คนขับรถ ซึ่งชำนาญทางมาก...มาในตอนเช้านั่นเอง...



เส้นทางไกล สุดลูกหูลูกตา...ปลายทางอยู่ไหน...เดินทางบนน้ำนี่ ฝั่งหาไม่เจอออออ....55+

การขับ ไม่ได้ขับเป็นเส้นตรงได้ตลอดเวลา แต่กลับต้องขับวนซ้าย ขวา หลบกองน้ำแข็ง ที่แตก ซึ่งอันนี้ เป็นความสามารถที่ชำนาญมากๆ ของคนขับในพื้นที่จริงๆ.

...ในที่สุด รถก็จอด กลางทะเลสาบเวิ้งวาง ไกลสุดตา...

--- จุดที่ลึกที่สุดของทะเลสาบไบคาล ---

1,642 เมตร นั่นคือความลึก ณ จุดๆนี้....



ไกด์ บอกว่า ถ้ายังไม่ได้ทำกิจกรรมนี้ คือยังมาไม่ถึงไบคาลลล... นั่นคือ เปิดบาร์วอดก้า กลางทะเลสาบ...



สักพัก...คนขับก็เอามีด มาเจาะน้ำแข็ง...เฮ้ยๆ... เพื่อเป็นหลุมแทนแก้ว นั่นเองงงง...

ซึ่งไม่ใช่รถเราคันเดียวที่จอดทำแบบนี้ คันอื่นๆ ก็ทำเช่นกัน... สงสัยจะจริงจัง..

รอยแตก ณ จุดๆ นี้ มันแลดูน่ากัว 55+ เพราะเราอยู่กลางไบคาลเลยยน่ะสิ..

ได้เวลาเดินทาง..ต่อ เพราะเดี๋ยวจะค่ำซะก่อน....

ระหว่างทาง เพราะอาทิตย์ใกล้จะตก....

อยู่ คนขับก็เบรคทันที.... ทุกๆคันที่ตามมาก็หยุดกันหมด....

ทายสิ เจออะไร....



---แผ่นน้ำแข็งแยกจากกัน นั่นเองงงง ----

เอาละไง.... รอยแตกนี้เพิ่งเกิดเอง.. น้ำแข็งยังไม่แข็งพอที่จะข้ามไปได้....เอ้าาาาาาาา.....



สอบถามไปมารู้ได้ไง...ว่าตรงนี้แตก....

ไกด์บอกว่า...เห็นหิมะฟูๆ นี่มั้ย มองเห็นแต่ไกล นั่นแหละ รอยแตกที่เพิ่งแตก ....เอ่า นั่นไง....

..เพราะน้ำด้านล่างทะเลสาบไบคาล จะทะลักขึ้นมา เจออากาศเย็นจัด จะกลายเป็นคล้ายๆหิมะฟูๆ นั่นเองงงง...



เดินไปบางจุดยังเป็นน้ำอยู่เลย...หากว่าแตกนานแล้ว...จะไม่ฟูๆแบบนี้ จะเป็นใสๆ

ด้วยความทีเป็นมืออาชีพของจริง....

ทุกคัน กระจายแยกย้ายไปตามรอยแตก เพื่อหาจุดที่สามารถข้ามผ่านได้

ทั้งคันที่มาถึงก่อน และตามมา...โดยไม่ต้องบอกกันเลย...



อยู่ๆก็มีคันนึงบีบแตรเรียกกกก..

.ประหนึ่งว่า เฮ้ย ทางนี้มาได้แล้วววว...ผ่านได้...

ทุกคันก็มุ่งหน้ามารวมจุดๆเดียวเพื่อข้ามไป... ส่วนบางคันเจอจุดที่ข้ามได้ ก็แยกกันข้ามไป...



โดยเอาน้ำแข็งฟูๆนี่แหละ ถมรอยแยกนิดหน่อย...



เฮ้ย...แบบนี้ก็ได้เหรอ....

ทุกคนลงจากรถ ละเดินข้าม น้องบางคนเดินผิดจุด น้ำแข็งยังไม่แข็งพอ จุ่มน้ำซะเลย...



หลังจากผ่านไปได้ ไกด์ก็มาเฉลยว่า ....หากไม่ชำนาญจริงๆเนี๊ยะ...พุ่งไปนี่จมเลยล่ะ....บร่ะ!!!

อ่านะ....รู้สึกดีใจ และโชคดีขึ้นมาทันทีเลยยย - -"



แต่โชคดีที่เจอ ได้ดูพระอาทิตย์ตก กลางทะเลสาบไบคาลล ....นี่มันก็ฟินนะ...

สุดท้ายต้องรีบเดินทางต่อ ก่อนพระอาทิตย์ตก....เพราะไม่งั้น เดี๋ยวหากเจอรอยแตกอีกจะอันตรายมาก....

สุดท้ายเดินทางถึงเมือง Ust-Barguzin ตอนเกือบหกโมง กับระยะทางประมาณ 60 กม.ในการข้ามทะเลสาบ ได้อย่างปลอดภัย...

คืนนี้นอนพัก ผ่อนคลายจากความตื่นเต้น...พร้อมกันความสวยงามของกลางทะเลสาบไบคาล....



พรุ่งนี้เดินทางต่อไปอีกจุดหมาย ที่สวยงามไม่แพ้กัน....

วันที่สี่.. ภาระกิจวันนี้หาถ้ำน้ำแข็งสวยๆ



เมื่อคืนนี้เรานอนบ้านแบบ Homestay เพราะแถบหมู่บ้านนั้นไม่มีโรงแรม



เจ้าของบ้านยิ้มแย้ม อารมณ์ดี พร้อมกับเอ่ยปาก ถามพวกเรา ด้วยความสงสัย ผ่านไกด์ว่า

"คิดยังไงมาเที่ยวที่นี่ฤดูหนาว เพราะมันหนาวมากนะ " 55 ตอนนั้นน่าจะติดลบประมาณ ลบ 25 - 37

เราก็เลยตอบกลับไปว่า เมืองไทยไม่น้ำหิมะ ไม่มีน้ำแข็งแบบนี้ ละตอนนี้ล่ะ อุณหภูมิบ้านเรานี่ 37 องศาเลยล่ะ เราก็เลยมาที่นี่ไง



เช้าออกเดินทางไปตามหาถ้ำน้ำแข็งสวยๆ ต่อ แต่ก็บอกไม่ได้หรอกว่า มันอยู่ที่ไหนยังไง ขึ้นกับสภาพอากาศ และถ้ำตอนนั้น

จริงๆ จะบอกว่าถ้ำก็ไม่เชิง... เพราะมันเป็นหินที่ยืนออก ละระดับน้ำต่ำกว่าหิน พอน้ำแข็ง ก็เลยอยู่ต่ำกว่าหิน กายเป็นถ้ำโดยปริยาย



หมู่บ้านนี่ หนาวจริงจัง หิมะคือเรื่องปกติ แต่การพบเจอแดดล่ะ ความสุขเลยย

วันนึงฉันนั่งรถเข้าป่า.... ที่ยังคงสมบูรณ์มากกก

อยู่ๆ คนขับก็จอดรถ ละบอกว่า มานี่ๆ จะให้ดูอะไร

มายืนให้อาหารนกตามธรรมชาติ

ขึ้นจุดชมวิว แต่ได้แค่มอง เอามือออกมาถ่ายไม่ไหวแล้ววว

ตอนนี้เวลาขับรถไปไหน ชักไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นักว่า

ที่เราอยู่นี่ มันคือบนถนน หรือในทะเลสาบกันแน่น่ะสิ....

ละก็รู้ว่า เราอยู่กลางทะเลสาบนี่เองงงงง นี่เรืออออ 555

กินอาหารกลางวันเรียบร้อยก็เดินทางต่อ ....

ขับไปขับมา...ก็เปิดทางใหม่ซะงั้น เดี๋ยวนะ นี่เราอยู่กลางทะเลสาบ จะขับไปไหนก็ได้ ใช่ป่าว....

สุดท้ายก็มาจอดตรงนี้ ตรงที่ที่ จะให้ดูวิธีการดักปลาของชาวรัสเซียกัน

จริงๆแล้ว เค้าได้เจาะพื้นน้ำแข็งลงไป เพื่อวางตาข่ายดักปลา ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ถึงเวลามาเก็บดู

แล้วก็ได้ปลามาสามตัว เป็นวิถีชีวิตละกันนะครับ ปลาก็ดินบนพื้นน้ำแข็ง แล้วก็ค่อยๆ แข็งไปต่อหน้าต่อตา นิ่งเลย

แต่ยอมพี่เค้าเลยล่ะ มือเปล่า ก็จุ่มน้ำได้ แค่เราเอามือออกจากกระเป๋าเสื้อ พร้อมถุงมือ ยังจะแย่

ลองสังเกตุดูว่า ตรงที่เค้าเจาะน้ำแข็งเนี๊ยะ หนาเท่าไหร่เอ่ยยยย....

ดูด้วยตา คิดว่าอย่างเก่งไม่เกิน 50 ซม. แน่นอน



แต่จำได้รึป่าวคับว่า ตอนต้นๆ ถนนรถสามารถวิ่งได้จะอยู่ประมาณ 80-120 cm แต่นี่ 50 cm มันก็น่าคิดนะ ว่ามาถึงนี่ได้อย่างไร

ละคนขับก็ชิลๆไป ขับมั่วๆ เปิดทางใหม่ไป นี่วิถีโลคอล จริงๆ

ออกเดินทางต่อหาถ้ำน้ำแข็ง แล้วก็เจอตามนี้เลย



มองขึ้นไปด้านบนมันก็จะ เสียวๆ นิดนึง ดูหนังเยอะไปนิด กลัวหักตกลงมาแทงงงงงง

จบภาระกิจวันนี้ กลับบ้านได้ ไปซาวน่าต่อกันดีกว่า

วันที่ห้า ของการเดินทาง วันนี้จะเดินทางเข้าไปที่เมือง Ulan Ude โดยรถมินิบัส



เริ่มออกเดินทางแต่เข้าแบบ ไม่อยากจะตืนจากที่นอน



การเดินทางค่อนข้างง่าย ถนนดี เลาะไปตามริมทะเลสาบไบคาล แต่ก็เห็นแต่ขาวๆล่ะ มีแต่น้ำแข็งที่ปกคลุมด้วยหิมะ

ยังคงมีความเชื่อสอดคล้องกับทางเอเชียอยู่ คล้ายๆกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทีดูแลเมืองที่เราเข้ามาอยู่ ประมาณหนึงศาลข้างทาง

คนที่ที่ก็จะ อธิษฐาน ขอให้เดินทางปลอดภัย ประมาณนั้น

แวะบ่อน้ำร้อน แต่ก็ประมาณน้ำผุด แต่เป็นน้ำร้อนมากกว่า

ต่อมาก็แวะหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึงระหว่างทางก่อนถึงที่หมายประมาณ 70 km. มีโบสถ์เล็กๆแห่งหนึงกลางหมู่บ้าน

ถึงแล้ว Ulan Ude คืนนี้นอน โอสเทลกันน

วันที่หก .... เยี่ยมหมู่บ้านเก่าแก่ของคนท้องถิ่น ที่ได้ขึ้นเป็นมรดกโลก

เป็นอีกวันที่ส่วนตัวชอบมาก และถือเป็นไฮไลท์เลยล่ะ

ก่อนที่ตอนเย็นจะผ่าประสบการณ์ขึ้นรถไฟสายทรานไซบีเซียจาก อูลานอูเด ไปยังเอียคุสต์

แม้สั้นๆ แต่ได้สัมผัสบรรยากาศรถไฟสายประวัติศาสตร์ ก็ไม่เลวนะ



หมู่บ้านเก่าแก่ที่ว่า วัฒนธรรมที่นี่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกจาก UNESCO เพราะยังมีการรักษาประเพณีมาถึงทุกวันนี้ได้

หมู่บ้านนี้ชื่อ "Tarbagatay"



ถือว่าโชคดีมากๆ วันที่เราไปถึง เป็นวันที่เค้าฉลองสิ้นสุดฤดูหนาว และต้อนรับฤดูร้อน (แต่อากาศนี่ไม่ร้อนนะ ยังคงติดลบ สิบกว่าๆองศาอยู่ ร้อนตรงไหน)

วันนี้มีการแสดง การละเล่น ของคนในหมู่บ้าน และการทำพิธีกรรมต่างๆ เลยได้มีโอกาสที่ได้สัมผัสวัฒนธรรมแบบเต็มๆ

การเผาหุ่นที่ไล่สิ่งชั่วร้าย ให้ผ่านพ้นไป รับสิ่งดีๆเข้ามา

กิจกรรมแข่งเลื่อยท่อนซุง ยกตุ้มน้ำหนัก เหมือนๆกับที่เห็นในสารคดี สนุก และฮามากก

ถึงเวลาอาหารเที่ยง....ถือว่าเข้าถึงวัฒนธรรมของชาว Buryatia อย่างแท้จริง



Buryatia เป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในแถบไซบีเรียมาก่อนที่ รัสเซีย จะเข้ามา โดยอาศัยอยู่ทางตะวันออก และทางใต้ของทะเลสาบไบคาล

ซึ่งเมืองหลักของชาว Buryatia ก็คือ Ulan Ude ก่อนที่รัสเซียจะมาสร้างเมืองหลักในแถบนี้ภายหลัง ก็คือเมือง Irkutsk นั่นเอง



หลังจากได้สัมผัสมาระยะหนึ่ง พอเข้าใจได้ว่า ชาว Buryatia มักจะบอกว่าเค้าไม่ได้เป็นชาวรัสเซีย ซึ่งจะแยกจากกัน

วัฒนธรรมต่างๆ ก็ต่างกัน บางอย่างจะออกมาทางเอเชียซะเยอะ ส่วนอาหารเป็นการผสมผสานระหว่างเอเชีย กับฟากฝั่งยุโรป...



ไกด์แปลให้ฟังว่า เค้าภูมิใจมากที่มีคนต่างถิ่นมาเยื่ยม และอยากรู้จักวัฒนธรรมของเค้า ซึ่งกลุ่มเราก็ถือว่าเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่เค้าจัดการเตรียมให้ขนาดนี้... ได้ยินแบบนี้ ยิ่งทำให้เราอยากรู้จักเค้า มากขึ้นไปอีก...



อาหารที่ตระเตรียมให้พวกเรา ก็มีทั้งขนมปังที่ทำสดๆ ปั้นสด ออกจากเต วอดก้าแบบโลคอล (จริงๆ เค้าเรียกว่าอะไรผมจำไม่ได้ละ แหะๆ)

ซึ่งก็จะมีวิธีการดืม ละต้องชน และดื่มกันทุกคน เค้าจะดีใจมาก...

เอาละคับ ตอนนี้มาถึงไฮไลท์ 55+ ที่น้องในทริปต้องเข้าพิธีวิวาห์แล้ว...555+

แต่.. เป็นเพียงการแสดงนะ แสดงวัฒนธรรมการ แต่งตัว สู่ขอ และพิธีการวิวาห์ (ทั้งหมดเป็นการแสดงนะคับ แต่ให้ดูหน้าน้องผมเอาเอง อิอิ)



มันคือการแสดงงงง จริงๆ โชว์การแต่งตัวของเจ้าสาว

ส่วนเจ้าบ่าวนั้น...เป็นนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส (เมีย และลูก ก็มา ดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ)

ไม่อยากจะคิดกลับบ้านไป จะเป็นยังไง 55+

หลังจากจีบกันเรียบร้อย ก็สู่พิธีวิวาห์

จบแล้ว ก็มีการโชว์สเต็ป ลูกคอซะหน่อย....สนุกดี

หมดเวลาปาร์ตี้ มาเดินทางกันต่อ

คราวนี้เส้นทางสายทรานไซบีเรีย จากเมือง Ulan Ude - Irkutsk

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชม.



ถึง Irkutsk ประมาณ 23.00 แล้วเข้า รร.



ส่วนวันสุดท้ายก็ออกเดินทางจาก Irkutsk ไฟลท์เช้า ถึงไทยประมาณบ่ายสามครับ



เล็กๆน้อยๆ กับทะเลสาบไบคาล

+ จุดที่ลึกที่สุด ประมาณ 1,642 เมตร เท่ากันตึกห้าร้อยกว่าชั้นแหนะ

+ ความลึกเฉลี่ยทั้งทะเลสาบ 745 เมตร โดยประมาณ ถือว่าลึกมาก

+ เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก 31,722 ตารางกิโลเมตร (กรุงเทพ 1,569 ตร.กม.) คิดดูว่าใหญ่กว่า กทม มากก

+ ถ้าต้องขับรถรอบทะเลสาบ จะเป็นระยะทาง 2,100 กม. (แม่สาย-เบตง 2,043 km.)

+ ความยาวทะเลสาบ 636 km เกือบๆ ประมาณ เชียงใหม่-กรุงเทพ

+ กว้างที่สุดอยู่ที่ 79 km.

+ อุณหภูมิเฉลี่ย สำหรับฤดูหนาวที่ -19 องศาเซลเซียส / ฤดูร้อน เฉลี่ยสูงสุด 14 องศาเซลเซียส

ที่มาข้อมูล : wikipeida, google



คงมองภาพชัดเจนขึ้นสำหรับขนาดอลังการของทะเลสาบแห่งนี้ครับ ซึ่งลองคิดดูว่า อุณหภูมิต้องติดลบ นานเท่าไหร่ จึงทำให้น้ำในทะเลสาบแข็งจนสามารถรถวิ่งได้....



ส่วนตัวผมนั้น อยู่ต่อในเมือง Irkutsk และเที่ยวต่ออีกหน่อย เดี๋ยวจะมารีวิวเมืองนี้อย่างละเอียดกันเลย

โปรดติดตามตอนต่อไปครับ



ขอบคุณ...สำหรับการติดตาม การเดินทาง ที่สนุกสนานครบทุกรสชาด

ขอบคุณ...เพื่อร่วมทริปทุกคน ที่เติมเต็มกับการเดินทางให้มีสีสัน และที่เรามาเจอกัน

ขอบคุณ...พันทิปสำหรับพื้นที่แชร์เรื่องราว

ขอบคุณ...การเดินทาง ที่สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ในชีวิตเสมอๆ



ไว้เจอกันรีวิวถัดไปครับ

ความคิดเห็น