"สงกรานต์นี่ไปไหนดีอะฟ้า" คำตอบที่ได้กลับมาคือ "หยกเราไปไต้หวันกัน" จากการวางแผนกันปีที่แล้วว่าจะไปไต้หวันก็ผิดแผนเพราะความขี้เกียจที่ไม่อยากขอ Visa ไปไต้หวันเลยพากันไปฮ่องกงแทน แต่ แต่ แต่ เมื่อปีที่แล้วก็มีข่าวออกมาว่าไต้หวันยกเลิกขอ Visa ภายใน 1 ปี อ้าว‼ ตอนนั้นบอกเลยน้ำตาตกในเลยจ้า 555 ปีนี่เลยขอมาแก้มือละกัน เราเลยวางแผนไปไต้หวันกันในช่วงสงกรานต์ 8-13 เมษายน 2560 เป็นเวลา 6 วัน 5 คืน เย้เย้ได้เที่ยวแล้วโว้ย‼ โยนเล่มโปรเจคจบทิ้งไป (ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองซะแล้ว555) แล้วแพ็คกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวกัน ครั้งนี้เราขอบินกับสายการบิน NOKSCOOT เนื่องจากราคาตั๋วถูกที่สุดในทุกสายการบินที่บินตรง 555 ขนาดถูกค่าตั๋ว ไป-กลับ ราคา8,000 กว่าเลยค่ะท่านผู้ชมค่า T^T ไปเที่ยวช่วงเทศกาลก็ต้องทำใจ แต่เราได้ราคาที่พักค่อนข้างถูกถือว่าเจ๊ากัน ครั้งนี่เราสองคนพักกันที่โรงแรม GO Sleep Hotel Hankou ค่ะ เราว่าที่พักที่ไต้หวันค่อนข้างถูกเยอะ เหมาะกับคนที่ชอบ backpack ไปกันเอง หรือถ้าใครอยากได้ราคาที่ถูกมากๆ ก็แนะนำ hostel ค่ะจะช่วยประหยัดเงินเราไปได้อีก ครั้งนี้เราทำการจองโรงแรมกับ Agoda ช่วงที่จองลดราคาพอดีค่ะ หวานหมูเรา 555
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิค่ะ อุณหภูมิก็จะอยู่ช่วง 19-29 องศาเซลเซียลใครจะไปแนะนำเสื้อหนาว และที่สำคัญมากคือเสื้อกันฝน เพราะบางวันมีฝนตก ตอนเราไปมีครบรสค่ะทั้ง ร้อน ฝน และหนาว กลับมาไทยถึงกับปวดกันทีเดียว ดังนั้นจะไปไต้หวันลองเช็คอุณหภูมิก่อนไปก็จะดีมากนะคะ หลังจากวางแผนการเดินทาง เก็บกระป๋าเตรียมพร้อมแล้ว ก็เดินทางกันเลย08.04.60 วันแรกของการเก็บกระเป๋าออกนอกประเทศ
ตอนจองสายการบินของ NOKSCOOT เราก็ไม่ได้เช็คว่าบินไปไต้หวันกี่โมงหรอกค่ะ เพราะตอนนั้นขอแค่ถูกและคุ้ม บินตอนกี่โมงน้องไม่เกี่ยง 555 มารู้ตอนจองเสร็จละว่าเราเดินทางตอน 00.20 น. ค่ะ ถึงที่สนามบินเถาหยวน ประมาณ 05.10 น. ที่ไต้หวันจะเร็วกว่าเรา 1 ชม.
ตอนนี้ 05.30 ถึงสนามบินเถาหยวน เป็นที่เรียบร้อย ก็ทำการผ่านตม.ปกติค่ะ ที่แรกก็คิดว่าตม.ที่นี่น่าจะดุมาก แต่จริงๆก็ไม่มีอะไรเลยค่ะ ถามเราแค่ว่า What's your name. ชวนคุยประมาณนี่แล้วก็ทำการปั๊มตราเข้าไตหวันเรียบร้อย เฮ้‼ ถึงไต้หวันอย่างสมบูรณ์
ครั้งนี้เราวางแผนกับฟ้าไว้ว่าเมื่อมาถึงไต้หวันแล้วก็จะพากันเที่ยวไต้หวันกันเลยค่ะ ก็เลยวางแผนขอเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อนเพราะโรงแรมที่นู่นจะให้เราเช็คอินได้ตอน 15.00 น. เราเลยต้องเอากระเป๋าไปฝากไว้ ก็เลยต้องเดินทางเข้าตัวเมืองไปไทเปโดยการนั่งรถบัสสาย 1819 ลงที่สถานี Taipei Main ราคาอยู่ที่ 125 NTD ใช้เวลาเดินทางประมาณ 55 นาที ลงสุดสายเลยนะคะสะดวกดีค่ะ พอออกมาจากที่โหลดกระเป๋าแล้วให้เดินตามป้ายที่เขียนว่า "Bus to city"
พอลงบันไดเลื่อนลงไปข้างล่างแล้วก็จะเจอช่องขายตั๋วเยอะมากค่ะ เราก็เดินไปที่ช่องขายตั๋วที่ช่อง 7 ที่นั่นจะขายตั๋วไปที่ Taipie Main ก็บอกเขาว่าจะไปสายไหนค่ะ
ได้ตั๋วมาแล้วก็ทำการมารอที่ช่อง 5 ได้เลย ปล.ใครมีกระเป๋าลากใบใหญ่สามารถเก็บที่ใต้ท้องรถได้เหมือนที่ไทยเลยนะคะ และไม่ต้องกลัวหายเพราะคนขับจะมีตัวสติ๊กเกอร์ติดไว้ที่กระเป๋าเราและอีกใบจะให้เราเก็บไว้เพื่อจะได้ไม่หายค่ะ
รถมาแล้วเดินทางเข้าไทเปกัน
เรามาถึงที่สถานี Taipei Main เรียบร้อยแล้วพอลงรถบัสก็จะเจอ MRT เลยค่ะ เราก็ทำการต่อ MRT ไปลงที่ Ximen สายสีแดง เพราะที่พักเราอยู่ที่ Ximen ที่ MRT จะมีตู้ซื้อ Easy card ด้วยนะคะใครไม่อยากยุ่งยากก็สามารถซื้อที่ตู้ซื้อได้ และก็สามารถซื้อที่เจ้าหน้าที่ก็ได้ค่ะ แต่ของเรากับฟ้าไม่ต้องซื้อ เพราะได้ผู้ใจดีให้บัตรมายืมใช้ อิอิ (กราบป้างามๆที่ให้แพะยืมใช้ กราบๆ)
เราค่อนข้างชอบนิสัยคนที่นี่มากค่ะ เพราะ mrt ที่นี่จะมีที่นั่งสีน้ำเงิน ที่นั่งนี่จะเป็นของคนท้อง ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และเด็ก ไว้นั่งค่ะ โดยที่เราไม่สามารถนั่งได้แม้ตอนนั้นจะไม่มี คนท้อง ผู้พิการ ผู้สูงอายุและเด็ก ดังนั้นเวลาไปที่ไต้หวันระวังด้วยนะคะไม่ใช่แค่ mrt บนรถบัสก็เหมือนกันเลยค่ะไม่ควรนั่งเช่นกันค่ะ
ในที่สุดเราก็มาถึงย่าน Ximen เขาบอกว่าย่านนี้จะเหมือน สยาม บ้านเราค่ะจะมีของยี่ห้อแบรนด์เนม หรือยี่ห้อของไต้หวันเต็มไปหมดไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นของปลอมเลยค่ะเพราะทุกอย่างของแท้หมด ตอนกลางคืนคนจะเดินเยอะมากค่ะ
โรงแรมที่เราพักจะต้องออกทาง 6 ค่ะ พอออกมาแล้วก็ต้องเดินตามทางซอยขายของของ Ximen ไปเรื่อยๆ จนสุดทางจะเจอร้านขายน้ำมะม่วง ทำการเลี้ยวซ้ายและตรงไปเรื่อยๆเลยค่ะจะเจอ โรงแรมอยู่ข้างถนนเลยค่ะ เราก็ทำการฝากกระเป๋าและเตรียมออกเดินทางไปเที่ยวได้เลยค่ะ
"หยกเรากินข้าวที่ไหนดีอะ" คำถามจากฟ้าที่ทำให้เราคิดขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้กินข้าวเช้ากันเลย 555 ก็เลยขอฝากท้องที่ร้านรถเข็นของคุณลุง คุณป้าที่ขายในซอย Ximen สักหน่อยละกัน
คุณลุงคนนี้ที่แรกเป็นคนเรียกเรากับฟ้าให้เข้าไปหาครั้งแรกก็งงว่าให้เข้าไปหาทำไมทีแรกก็นึกว่าแกจะให้เราไปซื้อของกินของแกแต่ไม่ใช่ค่ะ ลุงแกเห็นว่าเราสองคนหลงทางแกก็เลยจะช่วย โหลุงหยกขอโทษที่เข้าใจลุงผิด T^T ขาเดินจะไปขึ้น MRT เลยขออุดหนุนลุงแกสักหน่อย ร้านคุณลุงขายของกินที่มีลักษณะเหมือนโรตีบ้านเราเลยค่ะแต่ของที่นี่เขาจะใช้ไข่เป็ดทอดลงไปด้วยทีแรกก็แค่จะลองชิม พอได้ลองจริงละติดใจเลยค่ะ อร่อยคนละแบบกับบ้านเราค่ะอาจจะเป็นเพราะไข่เป็ดที่ทำให้อร่อย ใครไปแถว Ximen ตอนเช้าก็ไปลองชิมกันนะคะ ปล.ลุงไม่ขายตอนเย็นนะคะ จะขายเฉพาะตอนเช้า หลังจากซื้อขนมของคุณลุงก็เดินเข้า 7-11 ซื้อชาเขียวใน 7-11 มาลองชิมที่ไต้หวันเขานิยมกินน้ำชากันมากค่ะ และเป็นน้ำชาที่ไม่ค่อยหวานใครที่ไม่ชอบหวานเหมือนเราก็จะชอบค่ะ และก็จะมีน้ำชาหลายยี่ห้อให้เราได้ชิมทั้งวัน และราคาก็ไม่แพงด้วยค่ะ เดินมาอีกนิดก็จะมีคุณป้าขายเกี๊ยวทอดกับ เกี๊ยวทอดที่ทอดด้วยน้ำค่ะ แต่ครั้งนี้เราลองกินของคุณป้าที่ขายเกี๊ยวทอดค่ะ เกี๊ยวทอดที่นี่ก็อร่อยคล้ายบ้านเราแต่แป้งอาจจะหนากว่าน้อยๆ แนะนำถ้ามาตอนเช้าให้มากินเกี๊ยวที่ทอดด้วยน้ำค่ะ เพราะเขาแนะนำให้กินร้านนี่กันแต่ช่วงที่เราไปป้าที่ขายเกี๊ยวมาขายวันที่เราไปวันแรกแค่วันเดียว พอวันที่เหลือป้าเขาก็หายไปไหนไม่รู้เราอดกินเลย ใครที่ไปลองกินแล้วอย่าลืมมาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ ว่าอร่อยไหม T^T
1. หมู่บ้านอูไหล (Wulai)
ที่แรกที่เราจะเที่ยวเป็นหมู่บ้านชนเผ่าพื้นเมืองบนภูเขาค่ะ ที่นี่มีความเป็นธรรมชาติสูง แนะนำค่ะหลังจากเดินแถวหมู่บ้านอูไหลเสร็จแล้วให้เดินไปอีกสักพักจะถึงน้ำตก Wulai (Wulai waterfall) มีความสูงถึง 85 เมตร สีน้ำตกที่นี่จะเป็นสีเขียวมรกตค่ะ เราชอบ 555 หลังจากถึงน้ำตกแล้วจะมีรถราง (Wulai Log Cart) ขึ้นไปด้านบนค่ะ ราคาไป-กลับอยู่ที่ 220 NTD ข้างบนสวยดีค่ะสามารถมองเห็นวิวข้างล่างได้ เมื่อขึ้นไปขึ้นข้างบนแล้วจะมีโรงแรมที่เคยไปสร้างไว้บนเขาค่ะ แต่ปัจจุบันร้างไปแล้ว เรากับฟ้าค่อนข้างชอบที่นี่ค่ะ เพราะบรรยากาศค่อนข้างดี วิวสวยที่นี่ถือว่าตอบโจทย์เราได้เลย ที่นี่สามารถเดินทางไป-กลับได้เดินทางไม่ลำบาก ใครชอบธรรมชาติที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่แนะนำเลยค่ะ
ตอนเราไปน้ำตกมีน้ำค่อนข้างน้อยค่ะเราคิดว่าถ้าน้ำเยอะคงสวยมากๆ
นั่งรถราง (Wulai Log Cart) ขึ้นไปด้านบนกันค่ะ วิวข้างบนสวยโคตร
เมนูแนะนำค่ะ หลังจากเราเดินดูน้ำตกเรียบร้อยเราก็มาเดินในหมู่บ้านกันค่ะท้องเริ่มโวยวาย 555 ก็เลยมาเจอร้านหนึ่ง เป็นร้านขายไส้กรอกหมูค่ะ (ปล.คนต่อแถวเยอะดี 555) ใครมาที่นี่แนะนำเลยค่ะ อร่อยดี รสชาติคล้ายๆกุนเชียงบ้านเรา มีหลายรสค่ะ หากไม่รู้ว่ามีรสอะไรบ้างให้ถามคนขายได้นะคะ คนขายสามารถพูดอังกฤษได้ค่ะ
แวะซื้อน้ำที่ Family mart ก็เลยได้ขวดนี้มา รสชาติคล้ายชาน้ำผึ้งผสมมะนาวบ้านเราเลยค่ะ แต่จะหวานน้อยกว่าหน่อย เราว่าดื่มแล้วสดชื่นดี
การเดินทาง : ลง MRT Xindian สายสีเขียว > ออกจาก MRT ก็จะเจอป้ายรถเมล์ค่ะให้นั่งรถบัสสาย 849 นั่งมาลงสุดสายเลยค่ะ (เดินทางประมาณ 40 นาที)
การเดินทางไปน้ำตก : จากหมู่บ้านอูไหลขึ้นไปน้ำตกสามารถเดินทางได้ 3 วิธีค่ะ คือ เดิน แท็กซี่ นั่งรถไฟเล็ก แต่ปัจจุบันรถไฟเล็กอยู่ในช่วงปรับปรุงค่ะ สำหรับเราพากันเดินไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าชมวิวไปเรื่อยๆ 555
การเดินทางจากน้ำตกไปบนภูเขา : นั่งรถรางขึ้นไป Wulai Log Cart จะมีป้ายบอกทาง "Cable car station" ไป-กลับราคา 220 NTD
2. วัดหลงซาน (Longshan Temple)
วัดนี้ถือว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของไต้หวันเลยค่ะ ใครที่ไปไต้หวันต้องไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่เพราะค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์มาก โดยเฉพาะเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่คู่กับวัดหลงซานมาเป็นเวลานาน วิธีการไหว้ควรเข้าประตูทางขวามือและออกทางซ้ายมือนะคะ ที่หลงซานจะดังอีกเรื่องคือ "เรื่องการขอเนื้อคู่" ที่นี่คนไต้หวันเชื่อว่าหากมาเอาด้ายแดงจากที่วัดหลงซานนี่ไป อีกไม่นานจะเจอเนื้อคู่ค่ะ นอกจากนี้ที่นี่จะให้ธูปฟรีนะคะสามารถรับได้ที่ทางเข้าได้เลย แต่ถ้าเป็นของอย่างอื่นต้องเสียตังค์นะคะ และถ้าหากหลังจากไหว้พระที่หลงซานเสร็จแล้วออกมาจากวัดจะเจอ ตลาดกลางคืนของที่นี่ก็สามารถเดินเล่นก่อนแล้วค่อยกลับที่พักเลยก็ได้ค่ะ แต่เราไม่ไหวแล้ว 555 เมื่อคืนก็นอนบนเครื่องมาแปบเดียวเราขอไปพักร่างที่โรงแรมก่อนแปบ บ๊าย บาย 555
*** หากใครต้องการมาขอเนื้อคู่ที่นี่แนะนำให้ขอที่เจ้าแม่กวนอิมได้เลยนะคะ โดยอธิฐาน บอกชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และบอกว่าต้องการนำด้ายแดงไปผูกเพื่อเสี่ยงท้ายให้พบเนื้อคู่ เมื่อถึงจุดไหว้เทพเจ้ากวนอู ที่อยู่ข้างหน้าเทพเจ้าเยว่เหล่า ให้ทำการโยนไม้เสี่ยงทาย ถ้าออกคว่ำหงาย 3 ครั้ง ก็หยิบด้ายแดงตรงกล่องไม้ขึ้นมาวนขวารอบกระถางธูป 3 รอบและนำด้ายแดงพกติดตัวไว้ คนไต้หวันเชื่อว่าจะได้พบเนื้อคู่ในเร็วๆนี้ (ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ "ไต้หวันเที่ยวตามใจชอบ")
นี่คือที่สักการะ เทพเจ้าเยว่เหล่าค่ะ
การเดินทาง : ลง MRT Longshan Temple สายสีน้ำเงิน exit 1หลังจากกลับมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดหลงซานเรียบร้อยเรากับฟ้าก็พากันแบกร่างที่วิญญาณเริ่มออกจากร่างมาทำการพักสักแปบที่โรงแรมค่ะ 555 ก็เลยพากันมาเช็คอินเข้าโรงแรม โรงแรมนี่ค่อนข้างปลอดภัยค่ะเพราะเวลาจะขึ้นลิฟต์ไปชั้นที่เราพักต้องทำการ นำคีย์การ์ดไปแตะก่อนกดลิฟต์ไม่งั้นลิฟต์จะไม่สามารถขึ้นไปชั้นที่เราต้องการได้ ภายในห้องพัก จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างเยอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น อุปกรณ์อาบน้ำ น้ำเปล่า 2 ขวด (น้ำเปล่าจะเปลี่ยนทุกวันค่ะ) ที่ไดร์ผม จะมีพนักงานมาทำความสะอาดห้องทุกวันค่ะ มีอาหารเช้าให้ฟรีทุกเช้า โดยรวมที่นี่ถือว่าโอเคค่ะแต่เสียดายห้องไม่ค่อยเก็บเสียงค่ะ
3. ย่านช้อปปิ้ง Ximending
หลังจากพักร่างกันเรียบร้อย ท้องมันก็เริ่มโวยวายว่า หิวแล้วโว้ย ก็เลยพากันมาหาของกินใกล้ที่พักกัน ย่าน ximending ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งช้อปปิ้ง ไม่เพียงแต่แหล่งช้อปเท่านั้นค่ะท่านผู้ชม แต่รวมไปถึงของกิน โอ้ยพูดแล้วน้ำตาก็ไหลเป็นทาง พูดเลยทริปนี่ไม่ได้หมดไปกับของช้อปแต่หมดไปกับของกินทั้งนั้น
การเดินทาง : ลง MRT Ximen exit 6
สิ่งแรกที่แวะซื้อคือ ชานมที่คนไทยชอบซื้อกันกลับไปเป็นของฝากกัน เราเลยขอชิมสักหน่อยว่าอร่อยอย่างที่เขาบอกกันไหม พอได้ชิมเราว่าอร่อยเลยค่ะ สำหรับเราเพราะเราไม่ชอบหวานเกิน คือชานมมีรสชาติที่ไม่หวานจนแสบคอ แต่หวานพอดี โดยรวมเราว่าอร่อยเลยค่ะ เลยเหมากลับมาไทยซะเลย 555
ร้าน Mixing drink เป็นร้านน้ำผลไม้ที่มีความเป็นผลไม้สูง 555 เพราะร้านนี้เขาใช้ผลไม้สดมาทำการปั่น เราจะได้กินทั้งน้ำและเนื้อของผลไม้ ร้านนี้แนะนำค่ะ เราได้ขวดกลับบ้านได้เลยค่ะ วิธีกินก็ง่ายๆค่ะ แต่เขย่าให้เข้ากันแล้วก็กิน 555
ร้าน Ji Guang Fried Chicken ร้านไก่ทอด ปลาหมึกทอด ที่เราว่าอร่อยเลย ไก่ทอดที่ไม่มีกระดูก มาชุบแป้งทอด และโรยด้วย พริกผงที่อร่อยเลยค่ะ ออกมาจาก MRT ก็จะเจอร้านเลยค่ะ ใครแวะไปแถวนั้นแนะนำร้านนี้เลย
ร้าน 50 Lan ร้านชานมไข่มุกชื่อดังของไต้หวันอีกเจ้า ทีแรกก็ยังไม่เชื่อว่าจะอร่อยมากไปกว่าที่ไทย แต่พอได้ลองชิม ของร้านนี้ ถือว่าอร่อยจริงค่ะ เราสามารถเลือกระดับความหวาน และระดับของน้ำแข็งได้ด้วย แนะนำใครไปต้องลอง
ร้าน Dream Color ร้านนี้จะคล้ายๆกับ Mixing drink แต่จะมีรายการน้ำให้เลือกหลากหลาย เราเลยขอลองดื่มน้ำ โซดากุหลาบ การกินก็คล้าย Mixing drink คือต้องทำการเขย่าก่อน แต่ที่นี้จะแตกต่างคือ คนขายกระซิบเบาเบา ว่า "เขย่าเบาๆ" แต่เราก็ดันลืมซะได้ ก็คนมันชิน ก็เลยเขย่าเหมือนบาร์เทนเดอร์ที่กำลังผสมเครื่องดื่ม ลืมค่ะลืม ลืมว่ามันเป็นโซดา 555 พอตอนเปิดเท่านั้นละ ฟองนี่แย่งกันพุ่งเลยทีเดียว
ร้าน Hot-Star Large Fried Chicken ร้านนี้จะขายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นชาร้อน ชาไข่มุก ของทอด แต่ที่เด็ดคือ ไก่ทอดค่ะ ด้วยความใหญ่ของไก่ทอดที่มีขนาดไซร์ XXL มีผงสไปซี่ไต้หวันโรยลดความเลี่ยนได้ดี อร่อยเลยค่ะใครไปต้องลอง มีหลายสาขานะคะ แต่เราชิมสาขา Ximen ร้านจะมีคนต่อแถวเยอะหาไม่ยากค่ะ 555
ร้าน Ay-Chung Flour Rice Noodle ใครมาเดินช้อปปิ้งตลาด ซีเหมินแล้วไม่แวะชิมบะหมี่อาจงถือว่ามาไม่ถึงนะคะ ร้านนี้บอกเลยอร่อยโคตร บะหมี่เขาจะคล้ายกระเพราะปลาบ้านเราเลยค่ะ แต่เส้นของเขาจะเหนียวกว่า และมีหนังไก่ โรยด้วยผักชี โอ้ย อร่อย ร้านนี้จะมีแค่เมนูเดียว ปล.ที่นี้ไม่มีเก้าอี้ให้นั่งนะคะ ต้องยืนกินเอา 555 ได้อารมณ์ยืนกินชิวชิว (หรออออ) 555
ร้าน Prince Cheese Potatoes ร้านนี้จะขายเมนูมันฝรั่งบดชุบเกล็ดขนมปังทอดค่ะ และมีเครื่องเคียงเช่น สับปะรด แฮม ถั่ว เบคอน ข้าวโพด ไข่ต้ม สุดท้ายราดด้วยชีส อร่อยค่ะ (สงสัยเราจะลิ้นจระเข้กินไรก็อร่อย 555)
ร้านปลาหมึกทอด และร้านไก่ทอด 2 ร้านนี้จะอยู่ติดกันเลยค่ะ ร้านปลาหมึกทอดก็จะเป็น ปลาหมึกชุบแป้งแล้วเอาไปทอด แล้วนำมาโรยเครื่องเทศที่เราอยากกิน เรากินแบบโรยด้วยผงสไปซี่ค่ะ รสชาติคล้ายๆ ร้าน Ji Guang Fried Chicken แต่อร่อยคนละแบบ ส่วนไก่ทอดก็โรยด้วยกระเทียม เกลือค่ะ
09.04.60 วันที่ 2 ของการเดินทาง
4. สวนเห่ยหลิ่ว (Yeliu Geopark)
ที่นี่จะมีรูปหินแปลกๆเยอะค่ะ หินแหลมที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก และเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลด้วย ที่นี่จะมีรูปหินที่เด่นๆเลย ก็หินเศียรราชินี หรือ Queen's Head เป็นสัญญาลักษณ์ของที่นี่เลยก็ว่าได้บอกเลยคนต่อแถวล้านแปด (คนเขียนโอเว่อร์ไปหน่อย 555) แต่ แต่ แต่ ที่นี่ไม่ใช่มีแต่หินรูปร่างประหลาดนะคะ แต่มีมุมสูงที่เห็นทะเลไต้หวันแบบกว้างๆด้วย แต่ต้องเดินไปอีกสักหน่อย แต่คุ้มที่เดินไปค่ะ
คนถ่ายกับ หินเศียรราชินีเยอะมาก เราไม่อยากต่อแถว เลยขอถ่ายมาอีกมุมหนึ่งที่คิดว่าเหมือนที่สุดแล้วค่ะ 555
การเดินทาง : ลง MRT Taipei Main exit M2 > ต่อรถบัส 1815 ค่าโดยสาร 96 NTD ใช้บัตร Easy card ได้เลย ลงป้าย "Yehliu" > เดินตามทางเดินอีก 700 m. > ค่าเข้าชม 80 NTD
หลังจากเดิน Yehliu ทางออกเลี้ยวขวา จะเจอตลาดปลา อยู่แถวนั้นค่ะ ที่นี้จะขายพวกปลาแห้ง อาหารทะเลแห้งคล้ายบ้านเราเลยค่ะ
น้ำส้มมะนาว มีวุ้นอยู่ข้างใน กินแล้วชุ่มคอ อร่อยค่ะ ใครไปต้องไปลองชิม 555
5. อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก (Chiang Kai-Shek Memorial Hall)
ใครมาถึงไต้หวันแล้วไม่มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึงไต้หวัน ก็คล้ายเมืองไทย ที่ถ้ามากรุงเทพฯ แล้วไม่ไปวัดพระแก้ว ก็เหมือนมาไม่ถึงกรุงเทพฯ เนื่องจากที่นี่สร้างขึ้นในปี 1977-1980 เพื่อระลึกถึงท่านเจียงไคเชก ประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวัน นอกจากมีรูปปั้นของท่านเจียงไคเชกที่ใหญ่โคตร และยังมีพิพิธภัณฑ์ของท่านเจียงไคเชก อยู่ภายในอาคารเดียวกับรูปปั้นเลยค่ะ หากใครไป ลองแวะเข้าไปชมกันนะคะ นอกจากนี้หากไปได้จังหวะพอดีจะได้ชมการเปลี่ยนเวรยามของทหาร จะมีทุกๆ 1 ชม.ค่ะ
แวะกินไอติมที่นี้ดูค่ะ ออกมาจาก MRT ก็จะเจอเลย ปล.อร่อยโคตร 555
การเดินทาง : ลง MRT Chiang Kai-Shek Memorial Hall Exit 56. เขาเซี่ยงซานหรือเขาช้าง (Xiangshan Elephant Moutain)
เคยเป็นไหมค่ะ อยากดูวิวสวยๆ แต่ไม่อยากเสียตังค์ แต่ไปเสียเหงื่อแทน 555 เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบของฟรี หากใครชอบแบบเราแนะนำที่นี่เลยค่ะ เพราะที่นี่เป็นจุดชมวิวที่เราชอบเลยค่ะ นอกจากตึก 101 แล้ว (เสียตังค์) ที่นี่ก็สวยไม่แพ้กัน แต่ต้องแลกมาด้วยความเมื่อยสักหน่อย แต่รวมๆแล้วคุ้ม 555 แนะนำให้มาตอนเย็นๆค่ะเพราะหลังจากรอพระอาทิตย์ตกดินก็รอตึกต่างๆ เปิดไฟ เราก็จะได้วิวที่เป็นสองอารมณ์เลยค่ะ หากใครมาที่นี่แนะนำพกน้ำขึ้นมาด้วยนะคะ ต้องได้ดื่มแน่นอน 555
จากตรงนี้ต้องเดินไปอีกประมาณ 5 นาทีค่ะ ลุยยยยยยยยยย
โอ้ย!!! ในที่สุดก็ถึงงง T^T
อันนี้ตึก 101 และตึกอื่นๆเริ่มเปิดไฟกันแล้วค่ะ รู้สึกคุ้มกับการขึ้นไป 555
การเดินทาง : ลง MRT Xiangshan Station Exit 2 > เดินทางป้ายบอกทางเลยค่ะ จะเขียนว่า Xiangshan Hiking Trail ระยะทางประมาณ 500 m.ตอนนี้ 20.00 อาหารเย็นคืนนี้เลยขอเป็นรางวัลให้ตัวเองสักหน่อย โดยฟ้าชวนไปกินหม้อไฟชื่อดัง Mala Yuanyang Hotpot ที่อยู่แถวโรงแรมเราพอดิบพอดี พอเราไปถึงร้าน เราก็บอกพนักงานว่ามา 2 คนค่ะ พนักงานก็แจ้งเราว่า ลื้อจะได้กินหม้อไฟตอน 22.30 นะ หลายคนคงสงสัยพิมพ์ผิดหรือเปล่าไม่ผิดหรอกค่ะ 22.30 จริงๆ ถามว่าเรากับฟ้าจะกินไหม ก็…. กินสิค่ะ 555 เขาบอกหม้อไฟเจ้านี้อร่อย ใครพักแถวนี้ก็ต้องมาลองกิน เราก็เลยรอกับฟ้า มารู้ที่หลังว่าหากเราไม่อยากจองก็ต้องไปตอนที่คนน้อยๆค่ะ หรือถ้าหากจะกินในช่วงที่คนเยอะควรจองล่วงหน้าก่อน ของกินที่นี้ค่อนข้างถูกคัดสรรมาอย่างดีค่ะ อร่อยจริง เขาจะให้เวลาเรากิน 2 ชม. ของที่เราชอบมากที่สุดในร้านนี้คือ ไอติมยี่ห้อ Häagen-Dazs หลายรสเลยทีเดียว โอ้ยแค่นี่ก็คุ้มแล้วค่ะ ร้านจะอยู่ชั้น 2 นะคะจะมีบันไดเดินขึ้นไปชั้น 2 ค่ะ
10.04.60 วันที่ 3 ของการเดินทาง
7. อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน (Yangming Shan National Park)
ใครชอบธรรมชาติ วิวสวยแนะนำที่นี่เลยค่ะ อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซานเป็นสถานที่เหมาะแก่การเดินป่าค่ะ ถ้ามาที่นี่จะเห็นผู้สูงอายุมาเดินป่าระยะไกลที่นี่กันเยอะ ใครอยากเดินป่าระยะไกลก็มีให้เดินนะคะ หรือจะนั่งรถบัสเที่ยวก็ได้ค่ะ การจะเที่ยวที่นี่แนะนำเตรียมตัวก่อนมาค่ะ เพราะเรากับฟ้าไม่ได้เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับ อุทยานหยางหมิงซานเลย 555 แถมตอนไปไต้หวันเราก็ไม่ได้ซื้อเน็ต หรือ wifi เลยค่ะ (เที่ยวแบบประหยัดก็อย่างนี้ละ 555) ดีที่เจอพี่สาวคนไทยไปเที่ยวพอดี เลยขอเกาะพี่เขาเป็นปลิงไปเที่ยวด้วยซะเลย 555 (ต้องขอบคุณพี่กวางและพี่กิ๊ฟท์ด้วยนะคะถ้าไม่มีพี่ๆวันนั้นหนู 2 คนคงหลงไม่ได้กลับบ้านแล้ว) คนไทยไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนความมีน้ำใจก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง กลับเข้ามาเรื่องการเดินทางกันเถอะ 555 เรากับฟ้าครั้งนี้เลือกการเดินทางโดยการนั่งรถบัสสาย 108 ตลอดการเดินทางราคาอยู่ที่ 15 NT ต่อเที่ยว
Xiaoyoukeng
ที่นี่เป็นภูเขาไฟ ที่มีไอน้ำและควันพุ่งออกมาจากปล่อง ภูเขาไฟค่ะ ที่นี่จะมีกลิ่นกำมะถัน และมีน้ำเดือดปุดปุด เล็กน้อย สวยไปอีกแบบเลยค่ะ
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 108 จากสถานีขนส่งหยางหมิงซาน > ลงป้าย Xiaoyoukeng ค่าโดยสาร 15 NT
Lengshuikeng
ที่นี่คือ hot spring น้ำพุร้อน ที่นี่สามารถเอาเท้ามาจุ่มแช่เท้าได้ค่ะ เดินมาเหนื่อยๆก็สามารถมาแช่น้ำพุร้อนได้ หรือจะแช่ทั้งตัวก็ได้ ใครเมื่อยมากๆ ให้มาแช่เลยค่ะ ฟ้าฝากมาบอกว่าดีจริงๆ 555 แต่ใครไม่อยากแช่เท้าหรือตัวก็แนะนำให้นั่งรถบัสสาย 108 ไปลงที่ Qingtiangang ได้เลยค่ะ เพราะเวลารอรถบัสสาย 108 ค่อนข้างรอนานเลยค่ะ
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 108 จากป้าย Xiaoyoukeng > ลงป้าย Lengshuikeng
Qingtiangang
เขาเรียกที่นี่กันว่า "grass land" ที่นี่วิวสวยค่ะแนะนำว่าต้องมา ชอบความเป็นภูเขาของที่นี่ค่ะ ให้อารมณ์เหมือนอยู่ภูเขาแถวๆอินเดีย 555 และที่นี่จะมี ควายเล็มหญ้าอยู่แถวนั้นด้วย 555
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 108 จากป้าย Lengshuikeng > ลงป้าย Qingtiangang > ขากลับหากใครไม่อยากกลับไปดูซากุระ ที่สถานีขนส่งหยางหมิงซาน ก็ให้ขึ้นรถสาย s15 ไปลงที่ MRT Shilin station ได้เลย
การเดินทางมาอุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน : ลง MRT Shilin Exit 1 > ขึ้นรถบัสสาย R15 ลงป้าย สถานีขนส่ง หยางหมิงซาน ป้ายสุดท้ายเลยค่ะ หรือ จะนั่งรถบัสสาย 260 จาก Taipei Main ก็มาถึงสถานีขนส่งหยางหมิงซานเลยค่ะ
อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซานนอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้วก็ยังมี ต้นซากุระที่ผลิดอกออกมาให้เชยชม เราไปในช่วงท้ายของซากุระแล้วค่ะ ดีที่ไปแล้วยังเจอ 555 ไต้หวันก็มีซากุระนะ 555 ต้นซากุระจะอยู่ตรงแถวๆสถานีขนส่งหยางหมิงซานเลยค่ะ เดินไม่ไกล
8. Xingtian Temple
วัดสิงเทียน วัดนี้คนไต้หวันมาไหว้กันค่อนข้างเยอะเลยค่ะ เขามาขอพรกับเทพเจ้ากวนอูกันค่ะ เขามีความเชื่อว่าจะ ทำให้หน้าที่การงานดี และ มีเงินทองไหลมาเทมา และปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากตัวไปได้ เรากับฟ้าแวะมาวัดนี้เนื่องจากเราสองคนวางแผนจะไปตลาดปลา (Taipei Fish Market) กันค่ะ แต่ แต่ แต่ พอไปถึงเขาปิด เพราะที่ไต้หวัน วันจันทร์เป็นเหมือนวันพักผ่อนของเขาเลยค่ะ ถ้าใครจะไปเที่ยวที่ไหนแนะนำเช็ควันหยุดเขาดีๆนะคะไม่งั้นจะเสียเที่ยวแบบเรา 555 เศร้า T^T
หากใครจะปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายสามารถต่อแถว ให้คุณป้าเสื้อฟ้า (อาสาสมัคร) ทำการปัดเป่าได้ค่ะ คุณป้าจะทำการปัดเป่าให้ฟรีค่ะ
การเดินทาง : ลง MRT Xing Tian Temple Exit 3,411.04.60 วันที่ 4 ของการเดินทาง
เช้านี้ฝนตกทำให้อากาศที่ไต้หวันต่ำลง หนาวมากค่ะ คว้าเสื้อหนาวมาใส่แทบไม่ทัน 3 วันที่ผ่านมายังร้อนอยู่เลย 555
9. Thermal Valley หรือ น้ำพุร้อนเป่ยโถว (Beitou Hot Spring)
จุดชมวิวน้ำพุร้อน น้ำพุร้อนที่นี่จะเป็นสีเขียวมรกต อุณหภูมิที่นี่จะอยู่ที่ 90 องศาเซลเซียล อุณหภูมิที่สูงของน้ำพุร้อนเลยไม่อนุญาตให้ลงไปแช่ได้ค่ะ ตอนมาที่นี่ก็คิดกับฟ้าไว้แล้วว่าต้องไม่ค่อยเห็นน้ำพุร้อนแน่เลยแต่พอมาถึงน้ำพุร้อนโอ้ โอ้ โอ้ ขนาดฝนตกนะเนี่ยยังสวยเลย
การเดินทาง : ลง MRT Beitou > ต่อ MRT XinBeitou จะมีป้ายบอกทางไป น้ำพุร้อนค่ะ
10. Millennium Hot Spring
ที่นี่คือ บ่อแช่น้ำพุร้อนค่ะ หากใครต้องการแช่น้ำพุร้อนก็มาแช่ที่นี่ได้ และบ่อแช่นี่มีอายุมากกว่า 100 ปีแล้วค่ะ จะถึงก่อนน้ำพุเป่ยโถว ที่นี่ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าหมดเหมือนที่ญี่ปุ่นค่ะ สามารถแช่ได้รอบละ 90-120 นาที ใครอยากแช่น้ำพุร้อนเตรียมชุดมาลงก็ได้ค่ะ
การเดินทาง : ลง MRT Beitou > ต่อ MRT XinBeitou จะมีป้ายบอกทางไป น้ำพุร้อนค่ะ11. หมู่บ้านจิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street)
จิ่วเฟิ่นเป็นเมืองเล็กๆบนภูเขา จิ่วเฟิ่นจะมีกลิ่นอายของญี่ปุ่นหลงเหลืออยู่เนื่องจากไต้หวันเคยเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่น ทีแรกเราก็เฉยๆกับจิ่วเฟิ่นมากเลยค่ะ มีแต่คนพูดถึง พอได้เห็นเข้าจริง สวยอย่างที่ทุกคนพูดไว้เลยค่ะ ถึงจะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กแต่บอกเลยความสวยไม่เล็กตามเลย นอกจากวิวจะแซ่บแล้ว บอกเลยของกินก็แซ่บค่ะ 555 เตรียมอ้ากระเป๋าตังค์ซะดีๆ เพราะของที่พาไปกินต่อไปนี้ อร่อยทุกอย่าง 555 ปล.ตอนนี้ทางไต้หวันได้เปลี่ยนที่ขึ้นรถบัสสาย 1062 ใหม่นะคะเป็นป้ายที่อยู่ หน้าห้าง SOGO ใครจะไปจิ่วเฟิ่นโดยนั่งรถบัสสาย 1062 ต้องเช็คที่ขึ้นรถบัสดีๆนะคะ
ร้าน A-Zhu Peanut Ice Cream Roll ร้านอาจูค่ะ บอกเลยร้านนี้เด็ด ร้านนี้ขายไอติมม้วน คือเขาจะเอาแป้งแผ่นมาม้วนกับไอติมและผักชี หรือใครจะไม่ใส่ผักชีก็ได้ บอกเลยอร่อยค่ะ ใครไปจิ่วเฟิ่นแล้วไม่ได้กิน เสียดายเนี่ยขนาดตอนนี้พิมพ์อธิบายยังอยากกินอีกเลย 555
ร้าน Lai Ah Po Yu Yuan ร้านไล่อาโผค่ะ เป็นร้านขายบัวลอยสไตล์ไต้หวัน 555 เรียกว่า "ยวี่หยวน" จะมีให้เลือกแบบร้อน กับแบบเย็นค่ะ ราคาก็ไม่แพงประมาณ 45 NTD ค่ะ ไม่หวานมากอร่อยกำลังดี 555
ร้านนี้คล้ายร้านลูกชิ้นยักษ์ ไม่รู้ชื่อร้านอะไรแต่เห็นคนต่อแถวเยอะเลยขอชิมสักหน่อยแต่ปัญหาคือ ที่นี่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยต้องถามคนที่อยู่ในร้านเอาค่ะ 555 เพราะเมนูมันเป็นภาษาจีน ต้องขอบคุณคนไต้หวันที่ช่วยแนะนำเมนูนะคะ 555 ร้านนี้ก็อร่อยค่ะ ลูกชิ้นข้างในมีไส้หมู น้ำซุปก็อร่อย เส้นก็เหนื่ยวนุ่ม โอ้ยว่าแล้วก็อยากกินอีก
ร้าน An Lan Hakka Glutinous Rice Cake ร้านอาหลัน ร้านนี้ทำขนมคล้ายๆ โมจิค่ะ ข้างในจะมีไส้ให้เลือก ตั้งแต่ถั่วแดง ถั่วเหลือง กุ้งแห้ง แต่เราเลือกกินไส้ถั่วแดงค่ะ บอกเลยว่าร้านนี้ก็เด็ด 555 อร่อยค่ะ อารมณ์แบบโมจิแต่เหนียวและนุ่ม และหอมถั่วแดงค่ะ บอกเลย 3 ผ่านเลยค่ะ 555
การเดินทาง : ลง MRT Zhongxiao fuxing Exit 2 > ต่อรถบัสสาย 1062 ค่าโดยสาร 95 NTD ใช้บัตร Easy card > ลงป้าย Jinfen old street หากใครจะไป พิพิธภัณฑ์ต้องนั่งเลยไปอีก 1 ป้ายนะคะ
12.04.60 วันที่ 5 ของการเดินทาง
เช้านี้หลังจากกินอาหารเช้าจากโรงแรมเรียบร้อยแล้วก็ฟ้าก็แวะซื้อกระดาษเปียกที่ 7-11 แถวที่พักสักหน่อย หลังจากซื้อเสร็จฟ้าก็ให้เราเก็บกระเป๋าตังค์ให้ค่ะ เราก็ทำการเก็บกระเป๋าตังค์ให้ฟ้าพอเก็บเสร็จก็พากันไปเที่ยวซะเลย
12. National Palace Museum
พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติกู้กง เป็นสถานที่ต้องห้ามพลาดของไทเปเลยค่ะ นอกจากมีพิพิธภัณฑ์แล้วก็ยังมีสวนจื้อซั่นให้เข้าไปชมได้เช่นกันนะคะ ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายละครไทยด้วยนะคะเช่น คิวบิก หนี้หัวใจที่ไม่ได้ก่อ ที่นี่สวยมากค่ะแค่ข้างนอกก็สวยแล้ว
ระหว่างที่ถ่ายรูปหน้าพิพิธภัณฑ์ ฟ้าก็เดินมาหาเราค่ะ แล้วบอกว่า "หยก หยก กระเป๋าตังค์เราหายอะ" อ้าวเห้ยย‼ จากที่เราชื่นชมวิวของพิพิธภัณฑ์อยู่ เหงื่อนี้เริ่มผุดเลยจ้า "แล้วหายไงอะฟ้า" หรือเป็นเพราะหยกปิดกระเป๋าฟ้าไม่ดีเปล่าวะ T^T คือตอนนั้นเราเครียดโคตรอะ เพราะเราก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระเป๋าตังค์ฟ้าหาย สุดท้ายตังค์ก็หายไป 4,000 NTD ค่ะพร้อมกับคียการ์ดโรงแรมและตั๋วจองแท็กซี่ไปสนามบิน สุดท้ายก็เลยมาสรุปกับฟ้าว่าน่าจะโดนลวง เพราะถ้าตกคนที่นู่นถ้าเห็นจะต้องทักกันแล้วค่ะแต่นี้น่าจะโดนลวง เราเลยล่มแผนที่จะเดินชมพิพิธภัณฑ์เพื่อไปแจ้งกับโรงแรมเผื่อจะมีใครเก็บแล้วเอาไปส่งที่โรงแรม
การเดินทาง : ลง MRT Shiline Station Exit 1 > ต่อรถบัสสาย R 30 ค่ะ
13. ตึกแดง (The Redhouse)
ตึกแดงอยู่ตรงข้ามกับย่านช้อปปิ้ง Ximending เลยค่ะ ตอนเราไปตึกแดงข้างหน้ากำลังปรับปรุงค่ะแต่ข้างในก็ยังขายของอยู่ ข้างในจะขายของพวก hand made ค่ะของที่นี่สวย แต่ราคาก็จะแพงตามฝีมือของคนทำด้วย เพราะทำด้วยมือ และความคิดสร้างสรรค์
การเดินทาง : ลง MRT Ximen Exit 113.04.60 วันสุดท้ายของการเดินทาง
วันนี้เรากับฟ้าตื่นเช้ามาค่ะ เพราะเราบินกลับไทยไฟล์ตอนเช้าเลย ตอน 09.40 เราต้องถึงสนามบินก่อนสัก 2 ชม.กลัวจะเป็นเหมือนสนามบินฮ่องกงค่ะกลัวเกตของไต้หวันจะยาวเหมือนฮ่องกง 555 ก็เลยใช้บริการของแท็กซี่ที่ไต้หวันสักหน่อย เราจองแท็กซี่ไว้กับโรงแรมค่ะ ไว้ใจได้และราคาก็ถูกกว่าเรียกเองค่ะ ค่าแท็กซี่ก็อยู่ที่ 1000 NTD ค่ะ *เสียงประกาศว่าประตูเกตเปิดแล้ว* ได้เวลากลับบ้านแล้ว บ๊ายบายนะ ไต้หวัน วันข้างหน้าหวังว่าจะได้เจอกันอีก
ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหนของโลกใบนี้เรามักจะได้ประสบการณ์จากการท่องเที่ยวเสมอ การเที่ยวไม่ใช่แค่เพียงเที่ยวเพื่อมีความสุขเท่านั้น แต่การเที่ยวยังสอนให้เราสามารถเอาตัวรอดจากสถานะการณ์ที่เราอาจจะไม่เคยเจอ หรือทำในสิ่งที่ยังไม่เคยทำ เหมือนอย่างที่พี่สิงห์ วรรณสิงห์ ได้เคยกล่าวไว้ว่า "ทุกที่บนโลกคุณจะหาสิ่งสวยงามเจอเสมอไม่ว่าจะเป็น มิตภาพ หรือเรื่องความมีน้ำใจ" ประเทศนี้อาจจะเป็นทางเลือกให้แก่คุณก็ได้นะคะ แล้วคุณจะอยากเทหัวใจไป T A I W A N
ขอบคุณฟ้าที่ร่วมเดินทางด้วยกันมา ไม่เคยบ่นว่าเมื่อย หรือเหนื่อยเลย ไม่เคยว่าเวลาหยกพาหลงบ่อยๆ 555 และขอโทษที่เป็นอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้กระเป๋าตังค์หายด้วย
ขอบคุณป้าที่แนะนำว่าควรไปที่ไหนกินอะไร ที่อร่อยๆ และยังส่งบัตร Easy card มาให้ใช้อีกแพะขอบคุณค่ะ
ขอบคุณคนไต้หวันที่ช่วยเหลือเด็กตาดำๆ 2 คน นี้นะคะ ปล.คนไต้หวันนิสัยน่ารักจริงค่ะ 555
ขอบคุณพี่คนไทยที่ช่วยเหลือตอนอยู่ที่ไต้หวัน 555 อยู่เมืองไทยละไม่เคยเจอกันแต่ไปเจอกันที่ไต้หวัน 555
ขอบคุณผู้ที่เข้ามาอ่านกระทู้ หรือหลงเข้ามาก็ดี 555 ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ 555
ขอบคุณนะหัวใจ…
YOKMiSTerL
วันพฤหัสที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.26 น.