B P J O U R N E Y


สวีดัสสวัสดีพี่ๆเพื่อนๆชาวReadmeกันอีกเช่นเคยนะครับวันนี้เราจะพาไปพับกบแฮร่! พบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ไกล เดินทางสะดวก ที่ใครๆก็สามารถไปกันได้ นอกจากเกาะกลางถนนก็มีเกาะนี้แหละที่ใกล้กรุงเทพมากที่สุดแล้วนั่นก็คือ....... เกาะเกร็ด นั่นเองงงงง
ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆที่มีช่วงเวลาหยุดสั้นๆเพียง 1-2 วัน หลายคนคงอยากจะไปพักผ่อนในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเดินทางสะดวก ได้ชมธรรมชาติ มีบรรยากาศริมแม่น้ำ ไปไหว้พระและมีอาหารอร่อยๆ รับประทาน ถ้าคุณกำลังหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้อยู่ละก็ขอแนะนำที่นี่เลย เกาะเกร็ด

เกาะเกร็ด เป็นเกาะกลางน้ำเจ้าพระยา แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในจังหวัดนนทบุรี รู้จักกันดีในฐานะแหล่งชุมชนคนมอญที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเครื่องปั้นดินเผา และประเพณีวัฒนธรรมแบบพื้นบ้านดั้งเดิมที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดี เกาะเกร็ดเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของชุมชนกลุ่มชาวมอญและมีเครื่องปั้นดินเผาชั้นดีเป็นสินค้าประจำของเกาะเกร็ด โดยมีพระเจดีย์มุเตาของวัดปรมัยยิกาวาสเป็นสัญลักษณ์ประจำฝั่งท่าน้ำของเกาะ เกาะเกร็ดเปิดทุกวันแต่ร้านค้าส่วนมากจะเปิด วันเสาร์ – อาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ เหมาะแก่มากิน มาเที่ยว มาพักผ่อน แถมยังได้ทำบุญอีกด้วย ^ ^

BP Journey ทริปนี้ที่เกาะเกร็ด สะพายเป้ ถือกล้อง ท่องเที่ยวเกาะเกร็ดพร้อมแลวแล่วแล้วแล๊วแล๋วก็ Let Go o o o o o

ทริปนี้พวกเราเริ่มเดินทางจากท่ารถปทุมธานี นั่งรถสาย รังสิต-ปากเกร็ด ค่าโดยสารคนละ 10 บาทครับ

นั่งมาลงที่หน้าโลตัสปากเกร็ดครับผม

จากปากทางเข้ายังไม่ถึงท่าเรือนะครับเราต้องเข้าไปอีก โดยท่าเรือจะอยู่ที่วัดสนามเหนือหรือวัดกลางเกร็ดวิธีเข้าไปจะใช้บริการของพี่ๆสามล้อ หรือพี่วินก็ได้ค่าโดยสาร คนละประมาณ10บาทนะครับ แต่เก๊าเดินอ่าาาาประหยัดตังค์555555


เดินมาไม่ถึง15นาที ก็มาถึงวัดสนามเหนือโดยท่าเรือจะอยู่ด้านหลัง เดินเข้าไปตามทางก็ถึงแล้วครับ แต่......
ก่อนถึงท่าเรือเจอร้านไอติมโบราณเห็นวัยรุ่นมุงๆกันอยู่ ก็เลยเดินเข้าไปดู

ตอนแรกตั้งใจจะถ่ายรูป แต่พี่เจ้าของร้านโปรโมทให้เราซื้อ3แท่งสิบบาท ให้เราหยิบเสี่ยงดวงที่ไหนได้ถ้าเกิดได้ไม้ที่มีสีแดงหรือสีเขียวอยู่ที่ปลายไม้รับไอติมฟรีอีกหนึ่งแท่งนั่นเอง

เลือกๆ พอกินที่ปลายไม้เท่านั้นแหละ Hattrick เลยจร้าาา55555 เห็นพี่เจ้าของบอกว่าช่วงเด็กเปิดเทอมจะแจกไอติมให้เด็กๆกินฟรีด้วยนะครับ พี่เขาฝากบอกมาครับ

แล้วเราก็เดินไปจุดหมายแรกของเราก็คือ ท่าเรือที่จะข้ามไปฝั่งเกาะเกล็ดนั่นเอง คนเยอะมากต้องถึงกับต่อแถวเลยทีเดียวแต่แค่แปปเดียวครับ ^ ^

อัตราค่าบริการเที่ยวไป-กลับ เที่ยวละ 2 บาทต่อคน หรือไปกลับ4บาทนั่นเอง

พระเจดีย์มุเตาของวัดปรมัยยิกาวาส เป็น สัญลักษณ์ประจำฝั่งท่าน้ำของเกาะเกร็ด

มองจากบนเรือ จะเห็นท่าเรือข้ามฟากที่วัดสนามเหนือ

แปปเดียวเรือก็มาจอดเทียบท่าที่ ท่าเรือข้ามฟากของเกาะเกร็ดแล้วครับ

การเดินทางบนเกาะมีหลายวิธีครับตั้งแต่ปั่นจักรยาน คันละ 40-60 บาท หรือจะเป็นทางเรือ โดยเรือจะพาเที่ยวชมวิถีชีวิตริมน้ำแวะสถานที่ท่องเที่ยวและวัดวาอาราม ได้แก่ วัดใหญ่สว่างอารมณ์ วัดศาลากุน ชมการสาธิตการผลิตเครื่องปั้นดินเผา เข้าคลอง บางบัวทองชมการทำขนมหวานที่ขึ้นชื่อของเกาะเกร็ด หรือจะเดินเที่ยวแบบเราก็ได้ครับ ^ ^


เอาฤกษ์เอาชัย เราก็ได้เข้าไปไหว้พระที่ วัดปรมัยยิกาวาส
ในวัดนี้มีสิ่งที่น่าชมอยู่หลายอย่าง ที่ท่าเรือหน้าวัดจะพบปราสาทไม้ห้ายอด ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งเหม (โลงศพมอญ) ของอดีตเจ้าอาวาส ตั้งตระหง่านอยู่ ส่วนพระอุโบสถมีการตกแต่งด้วยวัสดุนำเข้าจากอิตาลี ศิลปะยุโรปแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่กระนั้น พระองค์ยังรักษาธรรมเนียมเดิม โดยรับสั่งให้ที่นี่ริเริ่มการสวดเป็นภาษามอญ และปัจจุบัน ที่นี่เป็นวัดเดียวที่ยังเก็บรักษา พระไตรปิฏกภาษามอญไว้ ภายในพระอุโบสถจะเป็นที่ประดิษฐาน ของพระประธาน พระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตร

พระประธานในพระอุโบสถนั้นเป็นพระปางมารวิชัย

ด้านหลังพระอุโบสถมีพระมหารามัญเจดีย์ จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากองของพม่า

เราก็เดินเข้าไปไหว้พระพุทธไสยาสน์ อยู่ทางด้านหลังกันครับ


หลังจากไหว้พระเสร็จเราก็เดินไปสักการะบูชาเสด็จพ่อ ร.5 ข้างๆใกล้กับท่าเรือนั่นเอง

ต่อจากนั้นเราก็ไปมุมยอดนิยมที่ใครๆต้องไปนั่นก็คือ พระเจดีย์มุเตาหรืออีกชื่อที่เราคุ้นหูก็คือ เจดีย์เอียง นั่นเองครับ

หลังจากไหว้บูชาพระบรมธาตุแล้วก็เดินท้าวกันต่อเลยครับ จุดหมายต่อไปก็คือ วัดไผ่ล้อม
ระหว่างทางมีทั้งของกิน ขนมหวานหายากบางชนิด ของใช้จำพวกเครื่องปั้นดินเผา และอีกมากมายขายอยู่ระหว่างสองข้างทางเยอะแยะไปหมด

ขนมหวานหลากหลายชนิด

ขนมหวานหากินยากพอสมควร
ทองเอก

เสน่ห์จันทร์

จ่ามงกุฎ

ของกิน.......


ทอดมันหน่อกะลา ของขึ้นชื่อที่เกาะเกร็ด

ของใช้.......

เดินมาได้แปปนึงก็มาถึง วัดไผ่ล้อม แล้วครับ
วัดไผ่ล้อมสร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย มีโบสถ์ที่งดงามมาก ลายหน้าบันจำหลักไม้เป็นลายดอกไม้ มีคันทวยและบัวหัวเสาที่งดงามเช่นกัน คนมอญเรียกวัดนี้ว่า "เพี๊ยะโต้" อีกทั้งยังมีสวนที่มีความร่มรื่น สงบอยู่ภายในวัดอีกด้วยครับ

ด้านข้างวัดจะมีสวน เหมาะแก่การนั่งพักผ่อน

หลังจากไหว้พระทำบุญที่วัด ไผ่ล้อมแล้วผมก็เดินมาให้อาหารปลากัน

บริเวณนี้จะมีการแสดงประเพณีรำมอญ ซึ่งที่เกาะเกร็ดนิยมรำ 12 ท่า (เพลง) แต่ละท่ามีปี่พาทย์บรรเลงประกอบการรำ

หลังจากที่เพลินกับการแสดงซักพักเราก็ออกเดินทางกันต่อไปยัง วัดเสาธงทอง กันครับ
ระหว่างทางมีทั้งร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม หลายร้านน่านั่งน่าทานมากครับแล้วเราก็ได้ยินพี่คนหนึ่งตะโกนบอกว่าในซอยนี้มีโรงปั้นนะครับ!!
เท่านั้นแหละรีบเดินเข้าไปกันอย่างไว55555
โดยที่นี่ก็คือโรงปั้นหมู่6 นั่นเองที่นี่มีการสาธิตการปั้น การแกะสลัก รวมถึงการสอนปั้นกันอย่างเป็นกันเอง แถมใครที่ปั้นยังได้ผลงานตัวเองกลับบ้านอีกด้วยแต่สำหรับใครที่ไม่อยากปั้นที่นี่ก็มีเครื่องปั้นดินเผางานประณีตขายด้วยนะเออ

คุณลุงเป็นครูสอนปั้นให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจในการปั้นเครื่องปั้นดินเผาครับ

สอนกันแบบเป็นกันเอง แถมยังสนุกหัวเราะตลอดอีกด้วย

แม่สาวน้อยขยันขันแข็งตั้งใจทำสุดยอด

ตากแดดนิดหน่อย

ผลงานบางส่วนก่อนที่จะเข้าเตาเผา



เราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันซักพัก ก็เดินทางไปที่วัดเสาธงทองกันครับ

วัดเสาธงทอง เป็นวัดเก่าแก่ของเกาะเกร็ด เดิมชื่อ "วัดสวนหมาก" ด้านหลังโบสถ์ประดิษฐาน เจดีย์ที่สูงที่สุดของอำเภอปากเกร็ด พระเจดีย์เป็นศิลปะอยุธยาย่อมุมไม้สิบสอง มีเจดีย์องค์เล็กเป็นบริวารโดยรอบอีก 2 ชั้น ส่วนด้านข้างโบสถ์มีเจดีย์องค์ใหญ่อีก 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังหรือทรงลังกา อีกองค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงมะเฟืองภายใน โบสถ์มีลายเพดานสวยงามมาก เขียนลายทองกรวยเชิงอย่างงดงาม พระประธานเป็นพระปางมารวิชัยปูนปั้นขนาดใหญ่ คนมอญ เรียกวัดนี้ว่า "เพี๊ยะอาล๊าต" หน้าโบสถ์มีเจดีย์ขนาดย่อมสององค์ รูปทรงคล้ายมะเฟือง ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมสิบสอง ประดับลายปูนปั้น

ถ้าเรามองจากท่านํ้าวัดเสาธงทองจะเห็น หลวงพ่อโตวัดบางจาก จากที่นี่เราสามารถนั่งเรือข้ามฝากไปวัดบางจาก และ วัดใหญ่สว่างอารมณ์ และในทางกลับกันหลายๆคนก็นั่งเรือจากทั้งสองวัดมาเที่ยวที่เกาะเกร็ดเช่นกัน

ที่วัดเสาธงทองมักจะเป็นจุดสิ้นสุดและจุดเริ่มต้นของใครหลายๆคน เพราะต่อจากไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจแต่ไม่ใช่สำหรับเรา เอ้าเดินกันต่อปายยยยย
ระหว่างทางเราจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน ร้อยยิ้ม ความน่ารัก และความเป็นธรรมชาติของเกาะเกร็ด

เจ้าผีเสื้อเข้ามาพอดีเลย

หนทางยังอีกยาวไกลเอ้าไปปปปปปปป

มองกล้องซะด้วย

โอ้ย! นอกจากจะติดเกาะแล้ว ยังติดกรงอีก ถถถถถ น่าสงสาร

วิถีชีวิตของชาวบ้าน

จะเอ๋!!!! เจ้ามนุษย์55555

ระหว่างทางเจอวัดศาลากุล วัดป่าเลไลยก์ใกล้ๆกับวัดวัดป่าเลไลยก์ก็จะเป็นวัดฉิมพลีไม่ได้แวะเพราะว่าดูเหมือนฝนจะตกก็เลยรีบเดินจนมาถึงโรงปั้นแถวหมู่ที่1 ก็เลยเดินเข้าไปดูกันครับ
พี่ท่านนี้กำลังแกะสลักผลงานอยู่พอดีเลยครับ

ดินสำหรับการปั้น

อุปกรณ์สำหรับการปั้น

แท่นหมุนวางดินสำหรับขึ้นรูปเครื่องปั้นดินเผา

แท่นหมุนวางดินสำหรับขึ้นรูปเครื่องปั้นดินเผา

ผลงานบางส่วนของโรงปั้นหมู่ที่1

เดินมากันอีกนิดก็เจอสถานที่น่าสนใจก็คือ บ้านศิลป์สยาม เป็นแหล่งเรียนรู้ สร้างสรรค์ แบ่งปัน งานศิลป์ ภายในจัดเป็นนิทรรศการและมุมเรียนรู้ให้นักท่องเที่ยวและนักศึกษาที่สนใจได้ชมถึงความปราณีตของงานศิลป์ของไทยเราครับ

ที่นี่มีกิจกรรมที่หลากหลายเลยครับ

ตรงข้ามจะเป็น ขนมหวานบ้านป้าสุนเป็นร้านขนมหวานบนเกาะเกร็ด ลักษณะเป็นเรือนไม้ทรงไทย ตกแต่งร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และของใช้เก่าแก่ ที่นี่มีบริการครบครันทั้งของคาวของหวาน ทั้งส้มตำ ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง ถ้าแนะนำแนะนำเลยก็จะเป็นพวกขนมหวาน ทับทิมกรอบ ซ่าหริ่ม ลอดช่อง ลูกตาลลอยแก้ว มะม่วงลอยแก้ว และกระท้อนลอยแก้ว และเคื่องดื่มก็จะเป็นแดงโซดา เขียวโซดา ผสมนํ้าผึ้งผสมมะนาวก็ว่ากันไปครับ


ก่อนลงจากบ้านโดนคุณป้าบนบ้านแกแซว ระวังหมากัดนะ ถถถถถถ

โซนนี้คนเดินมาไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับแล้วเราก็เดินจะกลับไปที่ท่าน้ำวัดปรมัยยิกาวาส

แอบถ่ายคนน่ารัก อิอิอิ

และแล้วก็เดินมาถึงท่าเรือท่าน้ำวัดปรมัยยิกาวาส ขึ้นเรือข้ามฝากกลับไปยังท่านํ้าวัดวัดสนามเหนือคนละ 2 บาท แล้วขึ้นรถเมล์สายปากเกร็ด-รังสิต คนละ10บาท

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆนะครับ
ค่ารถเมล์ ไป-กลับ คนละ 20 บาท
ค่าเรือข้ามฟาก คนละ 4 บาท
ค่าอาหารการกินคนละ 150 บาท
ทำบุญ ตามกำลังศรัทธาของแต่ละคนนะครับ
ใช้เงินแค่ร้อยกว่าบาทได้ทั้งอิ่มอกอิ่มใจอิ่มกาย สบายท้องกันเลยทีเดียว แถมยังได้ชมการแสดง ได้เห็นวิถีชีวิตของคนเกาะเกร็ดรวมถึงรอยยิ้มของผู้คนที่น่ารักที่นี่อีกด้วย

ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ ที่มีช่วงเวลาหยุดสั้นๆเพียง 1-2 วัน หลายคน คงอยากจะไปพักผ่อนในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางสะดวก ได้ชมธรรมชาติ, มีบรรยากาศริมแม่น้ำ, ไปไหว้พระและมีอาหารอร่อยๆ รับประทาน ถ้าคุณกำลังหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้อยู่ละก็ พวกเราขอแนะนำที่นี่เลย "เกาะเกร็ด" จังหวัด นนทบุรี
สุดท้ายขอขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆที่อ่านมาจนจบหวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับใครหลายๆคน หากมีข้อผิดพลาดอะไรบาสพิมพ์ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ให้กำลังใจพวกเราด้วยนะครับ ที่นี่เลย
www.facebook.com/BPPBJOURNEY
หรือดูเรื่องราวต่างๆของเราได้ที่
https://th.readme.me/id/BPJourney
ขอขอบคุณข้อมูลการท่องเที่ยว http://www.paiduaykan.com/province/central/nonthaburi/kohkred.html
https://kohkret.wordpress.com
ด้วยนะครับ

ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกลจะไปที่ไหนช่วงนี้เข้าสู่หน้าฝนแล้วขอให้ทุกๆท่านดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ ขอให้เดินทางปลอดภัย
แล้วพบกันใหม่ ท่องเที่ยวไปในแบบที่ใครๆก็ไปได้ไม่ว่าจะใกล้จะไกลเราจะไปด้วยกัน BP Journey สะพายเป้ ถือกล้อง ท่องเที่ยว บัยยยยจร้า








































































































ความคิดเห็น