หลังจากไปเที่ยวมาหลายประเทศบอกเลยว่าเป็นทริปที่ประทับใจมากที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวต่างประเทศเลยทีเดียวครับ โหดใช่เล่นการได้มาเยือนภูเขาไฟบนเกาะชวาฝั่งตะวันออก (East Java) ของประเทศอินโดนีเซีย คงเป็นทริปในฝันของใครหลายๆ คน ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปจากมุมไหนก็ดูสวยไปหมด ภูเขาไฟโบรโม่ที่ยังปะทุ มีควันพวยพุ่งออกมาอยู่ตลอดเวลา และการได้มาเห็น เปลวไฟสีน้ำเงิน Blue Flame ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Sulfur lake ทะเลสาบกรดที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก รวมอยู่ในที่เดียวกันที่คาวาอีเจี้ยนปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก

vczgv84m85zp


นักท่องเที่ยวไทยสามารถไปท่องเที่ยวและพำนักในประเทศอินโดนีเซียได้ 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่านะ
ส่วนสกุลเงินที่ใช้คือ รูเปียห์ Rupiahs

การเตรียมตัว : สิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมากๆในการมาโบรโม่และคาวาอีเจี้ยน

  • เสื้อกันหนาว เน้นที่เป็นแจ็คเกตนะครับรับรองว่าสบายชัวร์
  • ผ้าปิดปากมีก็ดีครับ(คนละอันกับที่ไกด์มีให้นะครับ ที่ไกด์ให้จะเป็น gas mask) ใส่ตอนขึ้นไปถึงปากปล่องภูเขาไฟ
  • ไฟฉาย แบบคาดหัวจะโอเคมาก
  • ยาแก้เมารถ
  • เสื้อกันฝน ใช้ที่น้ำตก



แวะชมกระทู้เก่า ๆ ได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ

[ ★ ] แบกเป้ตะลุย " ฮ่ อ ง ก ง " ( 3 วัน 2 คืน ) งบไม่เกิน 11,000.- สุดชิวส์ https://th.readme.me/p/3797
[ ★ ] ครั้งหนึ่งในชีวิต พิชิต " ผ า หิ น กู บ " ( 2 วัน 1 คืน กับงบ 1,400.-) https://th.readme.me/p/3774
[ ★ ] " ที ล อ ซู " อุ้มผาง มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ กับเส้นทางลอยฟ้า 1219 โค้ง ( 3,900 บาทไทย ) https://th.readme.me/p/3935
[ ★ ] ก ร ะ บี่ ทริปสุดปัง !!! เที่ยวจุใจ 3 วัน 2 คืน ( 3,900.- เอาอยู่ ) https://th.readme.me/p/3937
[ ★ ] Backpack เว้ - ดานัง - ฮ อ ย อั น ( 5 วัน 4 คืน กับงบ 5,139.-) บนเส้นทางแห่งความทรงจำ ในวันที่ไม่นั่งเครื่องบิน :) https://th.readme.me/p/4720
[ ★ ] นอนแคมป์สุดชิค 2 วัน 1 คืน รับลมหนาว GOOD OLD DAYS จ. จันทบุรี https://th.readme.me/p/4721
[ ★ ] " มหากาพย์ลำคลองงู " แบกชูชีพ - เดินป่า - ไต่หิน - ลอดถ้ำ - ลอยตัว - โดดน้ำ - ตะลุยโลกใต้พิภพ https://th.readme.me/p/9353
[ ★ ] กิน หลง เที่ยว แบบงง ๆ ครั้งแรกในจีน " ฉ ง ชิ่ ง " ( 4 วัน 3 คืน งบไม่ถึงหมื่น ) https://th.readme.me/p/9471

+++พูดคุยทักทายกัน ติดตามเพจได้ที่นี่ ++

https://www.facebook.com/tiewhaikonaijchaa/


พร้อมล่ะ ออกเดินทางกันเลย….

- Day 1-

ดอนเมือง – บาหลี (เดนปาซาร์) - วัดทานาล็อต (Tanah Lot)

ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือนอนไม่หลับ ทำให้มาถึงสนามบินตั้งแต่ 04.00 น. (ที่สำคัญผมกลัวตกเครื่อง)
ออกเดินทาง (06.15) ดอนเมือง – บาหลี (11.30) บินตรงใช้เวลา 4 ชม. ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง
ได้ตั๋วของ Airasia เวลาที่ Bali เร็วกว่าไทย 1 ชม. (ได้อยู่ในโลกอนาคตอีกแล้ว )

xn9ninyiwa4d

ถึงบาหลีประมาณ 11.40 น.แลกเงินที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าสนามบิน มีไกด์มารอรับ (วู๊ดดี้)

3kj6bbmxvyqv
tkn3yhbgfgp4
90tse9p56pxh

บร๊ะเจ้า !!! รถที่เรานั่ง แอร์เสียคร๊าบบ ร้อนตับแล่บบบ (แต่วู๊ดดี้บอกว่าจะเอารถไปซ่อมแอร์ระหว่างเราทานข้าวกลางวัน)

5v9qu4keni8e

เนื่องจากตอนเช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลย เลยบอก วู๊ดดี้ พาพวกเราไปกินข้าวก่อน นั่งรถออกจากสนามบินไม่นาน
วู๊ดดี้ ก็มาแวะร้านๆหนึ่ง คือสั่งอาหารกันไม่รู้เรื่อง ชี้ๆ เน้นเป็นเนื้อไก่ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่ local มากๆ ไหนๆก็ไหนๆล่ะ
ลองกินดูก็ได้รสชาติก็พอกินได้ ส่วนตัวคิดไว้แล้วว่ามาอินโด "กินเพื่ออยู่"

8ck1ol5dhqds

โฉมหน้า ไกด์และคนขับรถของเรา (วู๊ดดี้เสื้อแดง)

7coubcwgk04j

จากนั้นก็นั่งรอรถที่เอาไปซ่อมแอร์เดี๋ยวน่ะ !!! นี่คือซ่อมแล้ว มันยังร้อนอยู่เหมือนเดิม แต่ก็เดินทางต่อ วู๊ดดี้
แวะมินิมาร์ท ห้องน้ำให้พวกเราตลอด สำหรับถนนหนทางเป็นเลนสวนกัน ขับกันน่ากลัว จี้ตูดกันตลอดนั่งรถ
ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึง Tanah Lot (ค่าเข้า 60,000 รูเปีย)

iyedmiwjj5sz

lqcetyelckmk

🔖 วัดทานาล็อต (Tanah Lot) สถานที่เที่ยวที่แรกของเราในเกาะบาหลี เป็นสถานที่ยอดฮิตที่ไม่ว่าใครๆ

มาเยือนบาหลีก็ต้องแวะมาที่นี่ให้ได้ จนดูเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของเกาะบาหลีไปแล้ว


5xnnoro0d1tq

70kst9byn76r

🔖 Tanah Lot เป็นวิหารที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนโขดหินริมทะเล ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ ทำให้ที่นี่ยิ่งเพิ่มดีกรีความสวยงามขึ้นไปอีกในช่วงเย็น เวลาน้ำขึ้นจะเหมือนเป็นเกาะเล็กๆ และจะสามารถเดินเข้าไปที่วิหารได้เฉพาะช่วงเวลาน้ำลง

wbeiozhltvwi
xa3zx4sxwyfm
rnyhzexez9zj
s2ewm225tps9
itweu8tqfw5m
q2iwkctttmfl
7hgb968jcdj3
rjs4fn5eufjj

บริเวณนี้คือสถานที่รับน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่น้ำไหลออกมาใต้วิหาร

หลังจากชมความงดงามของสถาปัตยกรรมขึ้นชื่อของบาหลีเสร็จเรียบร้อย ก็เดินทางไปยัง อูบุด เดินทางประมาณ 2 ชม.

21un2tfusa51

อาหารเย็นของเรามื้อนี้ ณ ร้าน Bebek Bengil ขับรถวนหาร้านนี้อยู่สักพัก ก็ได้กินสมใจ

ctwzfjzwm6z9

คืนแรก เราพักที่ Bali Sunshine Homestay บรรยากาศที่พักประมาณ แกลอรี่ของเก่านอนหลับสบายตลอดคืน

ไม่รู้เพราะความเหนื่อยล้าที่เดินทางมาทั้งวันหรือเพราะอะไร

-Day 2 -

วัดอูลันดารูบราตัน - Kawah Ijen


cfyuikqdx9gb

🔖 ออกจากที่พักประมาณ 9 โมง เดินทางไปยังวัดอูลันดารูบราตัน ถูกสร้างมาเพื่อถวายแก่พระเจ้าเทวีดานู เทพเจ้าแห่ง

สายน้ำ และคิดว่าหลายคนเลยคงจะคุ้นหน้าคุ้นตา เพราะวัดนี้ชอบถูกเอาไปเป็นไอคอนิกบาหลีไง รวมถึงวัดนี้ยังไปปรากฏ


อยู่บนแบงค์ 50,000 รูเปียของอินโดนีเซียอีกด้วย!

d4eqxxibwina
bm6q8x1gcjqz
vbsljpze70x2

zl7lvexmh8lx

🔖 วัดอูลันดารูบราตัน เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Bratan ทางตอนเหนือของเกาะบาหลี ห่างจากหาด Kuta ขึ้นไปประมาณ

2 ชั่วโมง ... จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่เจดีย์ทรงสูง หลังคามุงด้วยฟางซ้อนกัน 11 ชั้น ที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทะเลสาบ

omu2mii5yt8i
y4pfkkxfynr7
p85uxfvg71f4
gf49osi5wiq3
cx77gk0m6zy8
oqffez5bevcq
wbs1cns820jh
sl2zgse2y0om
q5vkra402zo5

ที่นี่สวยงามมากถ่ายรูปไม่มีเบื่อเลยล่ะคร๊าบบ เราทานอาหารกลางวันที่ร้านหน้าวัดเลย
บรรยากาศดีมาก อาหารอร่อย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่เมืองไทย อาหารอร่อยฟุดๆๆ ราคาไม่แพงมาก

b8r9hgho578m
avo296vsg4w1

ออกเดินทางไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ เพื่อข้ามไปเกาะชวา เวลาที่นี่เท่ากับเมืองไทย ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง

twtg42b69ba7
zbj4hkevjv36
4t6ig272771a

ระหว่างทางไปคาวาอีเจี้ยนส่วนใหญ่จะเป็นเขา ใครเมารถให้เตรียมยาแก้เมาด้วย มาถึงที่พัก Panorama HomeStay

ประมาณ 2 ทุ่ม มีเวลาพัก 5 ชั่วโมงก่อนตื่นไปลุยคาวาอีเจี้ยนตอนตีหนึ่ง คือมาถึงที่นี่สองทุ่มและ

ต้องเช็คเอาท์ออกเลย ตอนตีหนึ่งเพื่อไป Trek ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน


- Day 3 -

Trek ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน

หลังจากนี้นี่แหละคือความโหดของคาวาอีเจี้ยน บอกเลยเป็นสถานที่ .. ที่.. คือแม่งต้องมาซักครั้งในชีวิต…

hub1k8ubpr8r

ถึงทางขึ้น Paltuding ซึ่งเป็นจุดเริ่มเดินเท้าขึ้นสู่ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน ประมาณตีสอง เริ่มเดินระยะทางจากทางเข้าไป
ปากปล่องภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน 3 กิโล ..

ddkujx04fowt

เดินขึ้นทางชันๆประมาณ 2 กิโล (ย้ำ.. ว่าชันมาก) ทางราบ อีก 1 กิโล ยังไม่รวม .. ถ้าลงไปในปล่องอีกแกรรรรร

อีก 1 กิโล (อ้อ!!! ที่นี่มี TAXI ด้วยราคา 100,000 รูเปีย)ผมน่ะเหรอ เดินไปพักไป เพราะรู้สึกร่างกายขาดอากาศ

ยิ่งเดินยิ่งไกล ก็นั่นแหละ !! มันก็เป็นแบบนี้ มีความเหนื่อย ความลำบาก แต่ก็ต้องอดทน กำลังใจมาเต็มร้อย

แต่กำลังขาถดถอยลงทุกที :(

9we83xqyc2pp
4dzju9k3gfs5
3wde53vcw369

เหตุผลที่เราต้องลำบากลำบน ทรมานร่างกาย ตื่นมาเดินตั้งแต่ตีสอง นี่เพื่อ???มาดูเพลิงสีน้ำเงิน Blue Fire
(ถ้าโชคดีก็ได้เห็น) แต่ถ้าใครไม่อยากมา ก็เปิดเตาแก๊สเอาที่บ้านคล้ายๆ ประมาณเดียวกัน แต่อารมณ์ต่างกันสุดขั้วเลย

t3gh4a6a25h5
n9ppa03gp8h8
ds95ntzu019c
njlucot63het

เสียดายที่ไม่ได้เดินลงไปในปล่อง ระยะทาง 1 กิโล เพราะก่อนหน้าผมเดินทาง มีการระเบิดเกิดขึ้นก็เลยไม่อนุญาตให้
ลงไปในปล่อง คือถือเป็นความโชคดีสุดๆ เลยแหละ ไม่ต้องเหนื่อย เพราะแค่ทัศนียภาพที่ปรากฏตรงหน้า ทะเลสาบสีเขียวมรกต ณ ตอนฟ้าเริ่มสว่างมัน คุ้มค่าที่สุดจนลืมความเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้านี้ไปเลย!! (ถ้าตกลงไปก็คือตายอ่ะ)

infz0cxdx326

3xlp453owbw6

มีก้อนกำมะถันที่เอามาตั้งโชว์ระหว่างทางด้วย อันนี้คือก้อนใหญ่มากกกก

dr6qyxjii7w6

การทำงานของคนงานเหมืองแร่ที่นี่กันบ้าง โดยจะเริ่มงานกันตั้งแต่ตี 3 หาบกระบุงเปล่าขึ้นมาแล้วลงไปที่ปากปล่อง
แซะก้อนกำมะถันไต่ขึ้นมาบนทางที่ชัน แล้วหาบลงเขาไปอีก 3 กม. ซึ่งน้ำหนักของแร่กำมะถันที่ชาวบ้านแบกกันอยู่ที่
ประมาณหาบละ 60 – 80 กก. โดยค่าจ้างจะอยู่ที่ กก.ละ 2 บาท วันนึงอาจจะหาบได้ 2-3 รอบ คิดเป็นเงินรอบละประมาณ
100 กว่าบาท เป็นงานที่เหนื่อยแสนสาหัสและอันตรายบั่นทอนสุขภาพมากๆ เพราะต้องดมแก๊สพิษเข้าปอดอยู่ทุกวัน

osio5wznsndr
rmf1ad3wrb97
9vxmostkdwq6
onf007ibrjsh
mrjbbuk9tlcg

ประมาณ 6 โมงเราก็เริ่มเดินลงจากคาวาอีเจี้ยน เพราะทนความหนาวไม่ไหวเดินลงตอนแรกคิดว่าง่าย ๆ
ที่ไหนได้เจ็บปวดกว่าตอนขึ้นอีก เพราะทางมันชันแล้วต้องจิกปลายเท้าตลอด

u9slrrgsm98n
xt39tis3vuq7
5060xb2272ng

ระหว่างเดินลงเขาก็สวย ลองมองดูวิวรอบๆ แล้วเราจะเห็นความงดงามที่ตอนเราเดินขึ้นไม่เห็นเห้ยยยยย
นี่รู้สึกแบบนี้จริงๆ คุ้มมากกับการมาที่นี่ มันคือที่สุดจริงๆ

solumb2hbq3d
dljdyga9n4hu

แล้วเราก็ลงมาถึงด้านล่างประมาณ 07.30 น. ระหว่างทางก็ถอดเสื้อตัวนอกออกจนเหลือแต่เสื้อยืด

go2que7dwpt4

หลังจากนี้ก็จะเป็นการนั่งรถแบบมาราธอน 8 ชั่วโมง เพื่อเดินทางไปยัง Bromo ด้วยระยะทาง 280 กิโลเมตร
(นั่งเมื่อยแล้วเมื่อยอีก ลงมินิมาร์ทก็หลายที่ มันก็ยังไม่ถึง)เดินทางมาถึง Bromo ประมาณ 2 ทุ่ม

uj20oxvv9bol

มื้อเย็นวันนี้เรากินสะเต๊ะของอินโด มีทั้งเนื้อไก่ เนื้อแพะ อร่อยฟุดๆ เหมือนไก่สะเต๊ะบ้านเราเลย
เพียงแต่ไม่มีอาจาดเครื่องเคียงเท่านั้น

jt2tnykmorms

เราเข้าที่พัก ประมาณ 3 ทุ่ม อากาศที่นี่หนาวกว่าอีเจียน เพราะอยู่สูงกว่า ห้องพักที่นี่ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม wifi สัญญาณ ก็พอได้นิดหน่อย กินอิ่ม อาบน้ำร้อน แต่งตัวเตรียมพร้อมออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ นัดไกด์ไว้ ตอน ตี 03.00 น.


- Day 4 -

จุดชมวิว Bromo ลมหายใจเทพเจ้า - ปีนปล่องภูเขาไฟ - ทะเลทรายดำ - ทุ่งหญ้าสะวันนา

นัดกับวู๊ดดี้ ตอนตี 03.00 การขึ้นไปยังจุดชมวิวต้องใช้รถ Jeep ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 45 นาที ไปดูวิวและพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขา Penanjakan เค้าบอกว่าคือจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดในโบรโม่ คือความอัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งนึงของเกาะชวาตะวันออก อากาศหนาวมากกกก เตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อมเลยนะ

0tpsd03l0zvk
g1lh9ci8u4hp

มาถึงค่อนข้างเร็วประมาณตี 4 คือต้องยืนรอท่ามกลางความมืดและความหนาวอีกเกือบ 2 ชม. ถ่ายบรรยากาศได้ก่อน
พระอาทิตย์ขึ้น ในรูปว่าสวยแล้ว ของจริงสวยยิ่งกว่า กว่าพระอาทิตย์จะขึ้น ตอนแรกก็แอบคิดว่าทำไมต้องพาเรามา
แต่เช้าจัง แต่พอมาถึงแล้วก็เห็นว่านักท่องเที่ยวมารอกันมากมายเลยทีเดียว ที่จุดชมวิวนี้มีของขาย มีเสื่อ และ
เสื้อแจ็คเกตให้เช่าสำหรับคนที่เตรียมมาไม่พอ

qq3g8glx4kdd
goranxlu3npo
ighudvol16kg
6lfrqsu99qm1

พอฟ้าสว่างขึ้น….ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า กลุ่มภูเขาไฟและโบรโม่ที่กำลังพ่นควันอยู่ มันทำให้เราลืมความหนาว
ง่วงและ เหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลไปจนหมด เฮ้ย…มันสวยมากกกก

7ongrg90m4kq
mdo3sevc8jq4
ytzwcpwmy0st
0saritp9i8pp
smsu7md8spoe
29tuh0nglqqo
ifgwd6fandz9
re1fhl8euj20

เป็นการตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น เช้าที่สุดในชีวิตล่ะ แต่สิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นได้มากกว่าการมาดูพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ
ก็คือการรอคอยแสงสว่าง เพื่อที่เราจะได้มองเห็นภูเขาไฟโบรโม่ของจริง

ueb8v18xo9gf

หลังจากชมวิวบนภูเขา Penanjakan กันสักพัก ระหว่างทางลงมาก็มีอีกจุดที่คนขับจอดรถให้ลงไปถ่ายรูปกัน
จะได้มุม ประมาณนี้ภูเขาไฟบาต็อก (Gunung Batok) ที่อยู่ด้านหน้าโบรโม่ เป็นภูเขาไฟที่สงบนิ่งแล้ว

xu7xrsr6ksyc
x2ubxw7a1p2a
iuc65o5bchtc
vlbicaehfn5b
e9of9ppddjta
t4zmijf5b1rv

หลังจากลงมาที่จุดชมวิวแล้ว รถจี๊ปจะมาจอดตรงบริเวณตีนเขาด้านล่าง ในส่วนของทะเลทรายดำๆ ด้านหน้า
ภูเขาไฟโบรโม่และภูเขาไฟบาต็อกที่ตั้งอยู่ติดกัน ที่นี่เราเลือกได้ว่าจะขี่ม้า หรือเดินเข้าไป ระยะทาง
ประมาณ 2 กิโลกว่าๆ ขี่ม้า (ราคาไป-กลับ 125,000 รูเปีย)

j3s0xcixy9zw
7jxwmg5w7c04

มีรถ Jeep หลายสีสันจอดเรียงให้เราได้แอ๊คท่าถ่ายรูปกันเยอะมาก

kbp6zr0a6uq5
mk0gufhz47hs
d563bu16q72v
6c6lgkg65vvg
i60ruicyv8sw

ทีนี้เราต้องเดินเข้าไปหาตีนภูเขาไฟโบรโม่ก่อน อยากมีรูปอัพลงโซเชียลแบบเท่ห์ก็ เชื่อผมเหอะ
ขี่ม้าไปสบายกว่าเยอะ แต่เจ็บตรูดดด

0vea3a5udww0
o3emi56l01cj
m2nzxrwinlge
w8vkxouyo06h
pe057ftsbdde
7otel6oukvf1
s5aw5ngr0fz4
hl896szttax0

จากจุดที่พวกเราขึ้นม้า เห็นทางเดินแล้วท้อได้นั่งม้าแล้วสบายใจหน่อยม้าจะไปส่ง
พวกเราเกือบ ๆ ถึงบันไดขึ้นไปปากปล่องโบรโม่

y7n1i0k5prza

มองย้อนกลับไป โคตรคิดถูกเลยที่นั่งม้ามา ไม่งั้นหมดแรงพอดี รู้สึกเหมือนอยู่กลางโอเอซิส

a27x6cce7pa9
6odvdz352oas

ก่อนขึ้นปากปล่องภูเขาไฟก็จะมีชาวบ้านพื้นเมืองมาขายดอกไม้ให้เราถือขี้นไปอธิษฐาน ขอพร และโยนดอกไม้ลงในปล่อง

vzpy3ko8vy7t
a7nmu47syzmr
1s6jzqdudlet

ทีนี้แหละความยากเริ่มมา คือแกต้องไต่บันไดปีนขึ้นไปดูบนปล่องภูเขาไฟ คือมันชันมาก ลื่นมาก
แดดก็ร้อนมากด้วย รู้สึกเหมือนอยู่กลางทะเลทราย เดินไป พักไป (สโลแกนเราเอง)

kr3dwbf8kmi3

ผู้คนเยอะแยะมากมาย หลากหลายเชื้อชาติ

60h44z1jthd8

แต่พอขึ้นไปถึงยอดแล้วเฮ้ย !!! แม่งหายเหนื่อยเลยว่ะ กับวิว 360 องศา

pou0q06zw9xw
g71jm1q9mun7
x70pd16p4p78

ไต่ขึ้นมาสูงได้ที่ล่ะ หันกลับไปจากมุมนี้จะเห็นเทวสถานฮินดูที่เราขี่ม้าผ่านมา กองทัพรถจี๊ปและฝูงม้า วิวทะเล
ฝุ่นกำมะถันสีดำ และเทือกเขาPenanjakan ที่เราเพิ่งลงมากันเมื่อเช้ามืด อยู่ไกลๆ

4kamae3ly5kh
getulno11n0x

เสียงคำรามของโบรโม่ดังสนั่นไปทั่ว มีควันพวยพุ่งขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา หนักบ้างเบาบ้าง
กลิ่นและฝุ่นกำมะถันก็รุนแรงขึ้นกว่าตอนที่เดินขึ้นมา

i9rld9g20ws2
hnmmnyhyk771

คือตอนนี้เว้ย เรายืนอยู่ขอบปล่องภูเขาไฟโบรโม่แล้วววว โครตสวย และย้ำว่าของจริงสวยอลังการกว่าในรูปเยอะมาก
และสมกับที่ได้รับสมญานามว่าเป็น "ลมหายใจของเทพเจ้า"

wzo2u8ho6wts
qs8tca1l4lld
piw906oh92eo
b4jlrtvoyp32

เชื่อเค้าเลย !!! ขนาดข้างบนปล่องภูเขาไฟ ยังมีดอกไม้มาขายอ่ะ (แล้วผมจะแบกดอกไม้ขึ้นมาเพื่อ ??)

wx3yu8ctl9x0

ทางเดินมีรั้วคอนกรีตกั้นนิดหน่อย ต้องระวัง ถ้าพลาดตกลงไปคือไม่มีใครช่วยจริงๆ ตายอย่างเดียว คืออันตรายมาก

*** เพราะมีนักท่องเที่ยวชาวสิงค์โปรเคยตกลงไปแล้ว ***

ci4kwf35hhxc

เอาดอกไม้ที่ถือขึ้นมาอธิษฐาน ขอพร เพื่อแสดงการสักการะเทพเจ้า
อธิษฐานเสร็จแล้วก็โยนลงไปในปล่องภูเขาไฟ อยู่บริเวณปากปล่องสักพัก เพื่อเก็บภาพที่สวยงาม

0v6a06zpvun0
drpw7p4usdu4

ระหว่างทางเดินกลับ มีของกิน ของที่ระลึก (เสื้อยืด) ขายเต็มไปหมด ในราคาที่ไม่แพงมาก (พอรับได้)

spex16rrdknh

ขากลับลงมา เวลาประมาณ 8.00 โมงเช้า มีแดดล่ะพอให้อากาศอบอุ่นขึ้นมาบ้าง

ddst7xdwnw0v
id1embsdq5ja

ขอเซลฟี่กับน้องม้าบ้าง จับเชือกมือนึง ถือกล้องถ่ายรูปอีกมือนึง
ทางตรงยังพอไหวแต่ทางขึ้นเขาต้องจับให้แน่นทั้งสองมือ เพราะทางชันมากถ้าตกลงมาเจ็บแน่ๆ ><"

228ukypfwqyq

เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่รู้สึกประทับใจมากถ่ายวิวก็สวย ถ่ายคนก็โคตรหล่อ คือใช้เวลาที่นี่กันนานมาก
ไม่ว่าจะถ่ายรูปในมุมไหนสวยหมดจริงๆ

4y5nj4axxq2z

หลังจากปีนไปดูปากปล่องมาแล้วก็ไปถ่ายรูปที่ Whispering Sands

pvnvd61rgyug
l6zf7onjr1iq

บริเวณนี้เป็นจุดหนึ่งที่ถ่ายรูปได้สวยงาม กับความพีคที่ต้องมาเห็นกับตา คือทรายสีขาวที่ฟุ้งเหมือนมีลมเป่า
ให้มันพัดตลอดเวลา แต่ถ่ายมาแล้วทรายสีขาวมันไม่ฟุ้งอ่ะ

4hj24d2fpdwa
m2s8r51hxy6q
i4cyjualv2rj
5x7ut0ln2d7q
adfrixb4yru8
lyki0segvw2y
ognda9n53e9h

แล้วก็ไปต่อที่ทุ่งสะวันนา (Savahna) ระหว่างทางเห็นคนเก็บดอกไม้ น่าจะเอาไปทำเป็นช่อแล้วขายให้เรา
(10,000 รูเปีย) เพื่อหอบขึ้นไปโยนลงปล่องภูเขาไปตามความเชื่อแหละเนอะ

xh1uwiwypo7m
m6m51vtwc8ud

ทุ่งสะวันนา (Savahna) ที่ทุ่งหญ้าเขียวๆนี่ เวลาถ่ายรูปออกมาแล้ว ก็สวยไม่แพ้จุดอื่นเลยจริงๆ

dty059cb8jm5
528erh5jdmnn
g4ro0syua51c

จากนั้นก็นั่งรถกลับที่พัก อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า Check-out ตอนเที่ยงพอดีเป๊ะออกมาแวะร้านหมูสะเต๊ะ
กินกันคนละ 10-20 ไม้ ก่อนเดินทางกลับสุราบายา

ใช้ระยะเวลาก็ประมาณ 5 ชั่วโมงได้ เรามาถึงสุราบายาประมาณ 2 ทุ่ม (เข้าตัวเมืองแล้วโว้ยยย)

qbjwo1lwo9f9

คืนสุดท้ายเราพักที่ Swiss-Belinn Tunjungan โรงแรมนี้สัญญาณ wifi ชัดเจนมากเลยทีเดียว แอร์ก็เย็น ที่นอนก็นุ่ม

คืนนี้เป็นคืนแรกของทริปนี้ที่เราได้นอนแบบเต็มตื่น ไม่ต้องตื่นแต่ดึกพรุ่งนี้เราก็เดินทางกลับเมืองไทยแว้วว

อาหารเช้าของโรงแรมก็อร่อย เป็นบุฟเฟ่ต์หลากสไตล์

1dle694mni0s

ทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ Check-Out ออกจากโรงแรม เตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน

ฝากวู้ดดี้ส่งเปิ้สสะก๊าดกลับเมืองไทยให้เรา มันคือความทรงจำที่จับต้องได้

uz3vygtrw419


ทริปอินโดนีเซียทริปคือทริปโคตรรพีคที่สุดทริปหนึ่ง หลังจากไปเที่ยวมาหลายประเทศบอกเลยว่าเป็นทริปที่ประทับใจมากที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวต่างประเทศเลยทีเดียวครับ โหดใช่เล่นต้องมาซักครั้งในชีวิตมันน่าประทับใจ ครบทุกรสชาติที่ไปมา


ชมวัดอลังการงานสร้างที่บุโรพุทโธ .. Trek ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน และสุดท้ายนั่งรถจิ๊บ ขี่ม้า ปีนภูเขาไฟโบรโม่...
ทุกอย่างมันลงตัว จากทริปนี้ มันไม่ใช่การเที่ยวที่หรูหรา หรือต้องประหยัดอะไรมากมาย ขอแค่กินอิ่ม นอนหลับ
แค่นั้นก็พอแล้วสำหรับผม ขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่ตัดสินใจออกเดินทางมาอินโดนีเซีย


ขอบคุณการเดินทางที่ทำให้ผมได้มีความสุขและสนุกอีกครั้ง และมิตรภาพที่แสนดี

ขอบคุณเพื่อนเดินทาง ขอบคุณมิตรภาพระหว่างทาง ที่ทำให้โบรโม่-คาวาอีเจี้ยนเป็นวันที่ดีๆ สำหรับผม

สุดท้ายขอบคุณ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมครับผม.....ขอบคุณครับ.....[^_____^]

2w9ijuaxas4t












ความคิดเห็น