ฮอยอัน ก็คือ.. ฮอยอัน!


เนื้อหารีวิวนี้แบ่งเป็นทั้งหมด 3 ตอน คือ

ตอนที่ 1 : ฮอยอัน.. มันก็จะเหลืองๆ หน่อย! >> https://th.readme.me/p/9888

ตอนที่ 2 : หิงห้อยฮอยอัน! >> https://th.readme.me/p/9889

ตอนที่ 3 : ฮอยอัน..ก็มีทะเล! >> https://th.readme.me/p/9890




Day #4 CHAM ISLAND



07.00 น. ออกทะเล!



เป็นวันที่ต้องตื่นเช้าอีกวัน.. เพราะมีโปรแกรมออกไปเที่ยวทะเลที่เกาะจาม ซึ่งพลาดจากการไปนอนโฮมสเตย์บนเกาะแล้ว ก็ขอไปเที่ยวแบบเดย์ทัวร์เอาล่ะกัน หลังจากเช็คสภาพอากาศปัจจุบันจนแน่ใจ.. ผมจึงได้ติดต่อซื้อเดย์ทัวร์กับทางที่พัก เป็นโปรแกรมเที่ยวเกาะจาม พร้อมดำน้ำ ไปเช้า-กลับบ่าย ใน ราคา 20 USD

วันนี้ท่าทางจะต้องใช้พลังงานเยอะ จึงต้องหาอะไรใส่ท้องอิ่มๆ ก่อนที่รถจะมารับตามเวลานัดหมาย 8.00 น. มองเห็นฝั่งตรงข้ามที่พักเห็นร้านเล็กๆ ขาย Banh Mi ต้องขอลองดูสักหน่อย ไม่ต้องไปไหนไกล หาอะไรกินแถวหน้าที่พักนี่เอง..

หน้าตาของ Banh Mi เหมือนกับ ข้าวจี่ลาว ตอนไปกินที่ลาวมาก คุณป้าแม่ค้าคนนี้คุยสนุกและเฟรนด์ลี่มาก ชวนคุยตลอดเลย ผมก็นั่งดูแกทำไป แกก็เล่าเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับฮอยอันให้ฟัง..

ทำไม่นานก็เสร็จ แต่แม่ค้าไม่ได้ใส่ใข่ลงไปในขนมปัง เพราะเกรงว่าผมจะกินลำบาก เลยแยกมาให้ต่างหาก แล้วใช้ส้อมกับมีดในการกิน รสชาติก็อร่อยดี ขนมปังอบร้อนๆ กับน้ำพริกเผา หอมใช้ได้

ป้าแม่ค้า ทำอาหารให้ผมเสร็จก็หันไปอบขนมปังต่อ ก็เลยได้ของแถม เป็นขนมปังหน้าหมูสับมาอีกหนึ่งชิ้นมาให้ได้ลองชิม

อิ่มจากอาหารมื้อเช้า ข้ามถนนกลับมารอรถหน้าที่พัก ไม่นานก็มีรถตู้มารับ ซึ่งผมเป็นผู้โดยสารคันแรกของคันนี้เลย รถจะวนรับนักท่องเที่ยวที่จะไปทัวร์เดียวกัน โดยวนรับตามโรงแรมต่างๆ ที่อยู่ในฮอยอัน ก่อนจะพาไปส่งที่ท่าเรือ

เกาะจาม เป็นเกาะที่อยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองฮอยอันไปราว 15 กิโลเมตร เป็นเกาะที่ถือว่ามีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่าสนใจ มีชายหาดที่สะอาดสวยงาม ได้ชมวิถีชีวิตชาวประมงบนเกาะ ซึ่งปกติแล้วสามารถเดินทางข้ามไปเกาะจามได้ด้วยตัวเอง โดยจะมีเรือโดยสารวิ่งข้ามเกาะ ไป-กลับ วันละ 1 เที่ยว เท่านั้น (ขาไปประมาณ 08.00 น. และ ขากลับ 11.00 น.) แต่วิธีที่สะดวกที่สุดก็คือการซื้อเดย์ทัวร์แบบผม เพราะ สะดวกสบายมีรถมารับถึงโรงแรม และมีพาไปดำน้ำด้วยครับ

หลังจากรวบรวมนักท่องเที่ยวและเช็คจำนวนเรียบร้อยแล้ว ก็ทยอยลงเรือกันครับ

เรือที่จะพาไปเที่ยว เกาะจาม เป็นเรือสปีดโบ๊ท โดยในเรือลำนี้ มีนักท่องเที่ยวประมาณ 20 กว่าคน มีไกด์คอยดูแลตอลการเดินทาง

นักท่องเที่ยวครึ่งหนึ่งเป็นฝรั่ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นคนจีน ส่วนผมเป็นคนไทยคนเดียว ที่จริงก็หวังว่าน่าจะได้เจอคนไทยที่อยู่ในทัวร์นี้บ้าง ลงเรือช้าก็เลยได้มาหลังด้านท้ายเรือ ก็มีที่นั่งกว้างขวางสบายดีครับ นั่งกับสาวฝรั่งอีก 2-3 คน เฮฮากันไป เรือขับซิ่งมาก..

สภาพอากาศวันนี้ดีมากๆ รู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้ไปนอนค้างบนเกาะ แต่ก็ไม่เป็นไร.. ขอมาสำรวจไว้ก่อนล่ะกัน วันหลังมาใหม่ได้

Homestay Bai Huong ที่ผมพูดถึง และได้ติดต่อกับ คุณ Vanessa เอาไว้ จะอยู่ห่างจากท่าเรือหลักของเกาะจามไปประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งการเดินทางก็จะดูยากเหมือนกัน วิธีที่สะดวกที่สุดก็คือ จองล่วงหน้า แล้วทางโฮมสเตย์จะเอาเรือเล็กออกมารับที่ท่าเรือ แล้วนั่งเรือเล็กกลับไปที่โฮมสเตย์ เป็นโฮมสเตย์ในหมู่บ้านชาวประมง.. ซึ่งค่อนข้างจะติดต่อสื่อสารกันลำบากนิดนึง ทำได้แค่ติดต่อทางอีเมล์ ที่ไม่แน่นอนเรื่องเวลาตอบกลับ ตอนแรกนึกว่า..จะเจอสภาพอากาศไม่ดี ก็เลยตัดใจ Cancel การจองเข้าพักไป แต่.. มาวันนี้ อากาศดันดีขึ้นมาซะงั้น 55+ ก็เลยได้มาแบบเดย์ทัวร์แทน




ซินจ่าว.. เกาะจาม!



เมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ กันหมดทุกคนแล้ว ไกด์ก็จะพาเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รวบรวมรูปภาพ ประวัติความเป็นมาของเกาะจาม ซึ่งเกาะจามยังคงความเป็นธรรมชาติ มีชายหาดที่สวยงาม และชาวบ้านที่นี่ก็มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย บนเกาะไม่มีโรงแรมหรู มีแต่เพียงบ้านพักในรูปแบบของโฮมสเตย์เท่านั้น

จากนั้นก็ได้เวลาเดินเที่ยวบนเกาะนี้กัน

ไกด์พาเดินผ่านเข้าไปในชุมชน บริเวณใกล้ท่าเรือ ซึ่งจะพบเห็นร้านขายอาหารทะเลราคาถูกตั้งเรียงรายกันอยู่

ที่นี่..ขึ้นชื่อเรื่อง ชา ที่สามารถนำไปชงดื่ม เพื่อลดอาการปวดหลัง


บริเวณที่จอดเรือประมง เพื่อหลบพายุและคลื่นลม ภายนอก ซึ่งถ้าสังเกตจะเห็น เรือกระด้ง อันเป็นเอกลักษณ์ของชาวประมงเวียดนาม


ไกด์พาเดินชมการทำเกษตรกรรมบนเกาะ เดินลัดเลาะไปตามคันนา

ไกด์พาเดินชมการทำเกษตรกรรมบนเกาะ เดินลัดเลาะไปตามคันนา

มีความเชื่อว่า.. เกาะจามแห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ชาวประมงจะต้องมาสักการะขอพรให้ช่วยคุ้มครองเพื่อความปลอดภัย


ศาลเจ้าเกาะจาม ที่มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมตั้งอยู่ด้านหน้า และภายในศาลเจ้า ก็มีรูปปั้นเทพเจ้าองค์ต่างๆ เพื่อให้ได้สักการะกราบไหว้






โปรแกรมต่อไปก็คือ การดำน้ำตื้น ในบริเวณใกล้เคียงนี้เอง โดยขึ้นเรือลำเดิมครับ รอเรือเพื่อออกไปดำน้ำ!



นั่งเรือจากท่าเรือเกาะจามมาประมาณ 5 นาทีก็ถึงจุดสำหรับดำน้ำตื้นแล้ว ดูนักท่องเที่ยวจีนเขาจะตื่นเต้นกับการได้ลงไปดำน้ำกันเป็นพิเศษ.. ไกค์แจกหน้ากากดำน้ำให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน ซึ่งหน้ากากที่ได้รับมาก็ดูเหมือนจะเป็นแบบชาวประมงท้องถิ่นมาก.. ตามภาพ.. 55+ แล้วจะหายใจยังเนี่ย..?

แต่ถึงอย่างไรก็มีหน้ากาก แบบปกติทั่วไป อย่างที่น้องคนนี้ใส่ ให้อย่างเพียงพอครับ ส่วนหน้ากาก แบบแรก อันนั้นไกด์เขาล้อผมเล่น ให้ลองใส่แบบนี้ลงไปดู




มีเวลาประมาณ 20 นาทีในการดำน้ำในจุดนี้ครับ

เมื่อครบตามกำหนดเวลา.. ไกด์ก็เรียกขึ้นเรือ และ ออกเรือกลับไปที่เกาะจาม ตามเดิม ซึ่งคราวนี้เรือจะไปจอดตรงชายหาด ที่เป็นชายหาดที่สวยที่สุดบนเกาะ




กลับมาถึง เกาะจาม ก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี ซึ่งค่าอาหารก็ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ไปแล้ว มีอาหารอยู่ 6-7 อย่าง

เมื่อจัดการอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ไกด์ก็จะปล่อยฟรีสไตล์เล่นน้ำตามอัธยาศัย โดยให้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งชายหาดก็อยู่ตรงหน้าร้านอาหารที่มานั่งกินข้าวนี่เอง

ชายหาดของ เกาะจาม มีความสวยงามมาก ทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสน่าลงไปเล่น บรรยากาศเงียบสงบ มีลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ได้เวลาเตรียมตัวเดินทางกลับฝั่งที่ฮอยอันแล้ว

ลาแล้ว.. เกาะจาม.. ไว้เจอกันใหม่ รอบหน้าต้องไม่พลาดไปค้างบนเกาะแน่นอน!

นั่งเรือกลับมาถึงท่าเรือที่เมืองฮอยอันก็เป็นเวลาราวบ่าย 3 โมงพอดี จากนั้นไกด์ ก็พาแยกนักท่องเที่ยวขึ้นรถแต่ละคัน เพื่อส่งนักท่องเที่ยวกลับไปยังโรงแรมต่างๆ เป็นการสิ้นสุดเดย์ทัวร์เกาะจาม สำหรับวันนี้..








ของีบแป้บ!



กลับมาถึงที่พัก ก็อาบน้ำ พักผ่อน เปิดแอร์นอนตามเดิม ตื่นมาอีกทีก็เป็นช่วงหัวค่ำแล้ว ได้เวลาออกไปหามื้อเย็นกิน ก็เดินออกไปที่ริมแม่น้ำทูโบนตามเคย..


ร้านอาหารที่มีโต๊ะให้นั่งกินบนเรือ นี่เล็งเอาไว้แล้วว่าเดี๋ยวจะต้องขึ้นไปกินสักมื้อ เรือขายอาหารแบบนี้จะเห็นเทียบจอดอยู่ตลอดแนวของแม่น้ำทูโบนเลยครับ สนใจร้านไหน สอบถามราคา สั่งอาหาร แล้วก็นั่งกินได้เลย..

บรรยากาศดีๆ ริมน้ำ ลมพัดเย็นสบาย ในแม่น้ำจะเห็นกระทงกระดาษลอยผ่านมาเรื่อยๆ


มื้อนี้.. สั่ง เกาเหลา กินตามเดิม ชอบเมนูนี้มาก อร่อยสุดๆ กับ ราคา 30.000 VND(45 บาท)

เมื่ออิ่มท้องแล้วก็เดินโต๋เต๋.. ชมบรรยากาศริมแม่น้ำทูโบนไปเรื่อยๆ โดยมุ่งหน้าไปทางตลาด จุดหมายอยู่ที่ร้านเบียร์ร้านเดิม 55+ ซึ่งเด็กเสิร์ฟในร้านก็จำได้ ทักขึ้นมาก่อนเลย.. ว่ายังไม่กลับอีกเหรอ? พอเข้าร้านได้ก็นั่งที่เดิม โต๊ะที่อยู่หน้าร้านสุด โต๊ะเดิม ที่เดิม เวลาเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิม คือ วันนี้ปิดร้านไว.. นั่งจิบเบียร์ ชมบรรยากาศแม่น้ำได้แค่ 2-3 แก้ว เขาก็ขอปิดร้าน ซึ่งปิดเร็วกว่าปกติ.. อาจเป็นเพราะว่าวันนี้ไม่ค่อยมีคน และบรรยากาศทั่วไปคืนนี้ก็ดูเงียบๆ ด้วย..


กำลังได้ที่กับเบียร์จึงต้องหาที่นั่งจิบเบียร์ต่อ เผอิญระหว่างที่นั่งในร้านก่อนที่ร้านจะปิด ก็มองเห็นว่าตรงริมแม่น้ำ จะมีร้านเล็กๆ กับโต๊ะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำด้วย พอร้านปิด ผมก็เลยเดินตรงไปที่โต๊ะนั่งริมน้ำต่อเลย เป็นร้านเพิงเล็กๆ ขายเครื่องดื่มทั่วๆ ไป

แต่ตรงนี้.. ก็ได้บรรยากาศดีเหมือนกัน ดูเงียบสงบดี แสงจากพระจันทร์สาดส่องไปทั่ว นั่งจิบเบียร์ ริมน้ำ สบายๆ ..หมดไปอีกหนึ่งวัน!



Day #5 AN BANG BEACH & CAO DAI BEACH



09.00 น. ฮอยอันก็มีทะเล!



วันนี้.. ตื่นสายได้.. เพราะไม่ได้จองทัวร์ไปไหน เป็นวันฟรีสไตล์อีกหนึ่งวัน เลยมีความคิดว่าจะปั่นจักรยานชิลๆ ไปเที่ยวชายหาดสักหน่อย.. ซึ่งพอจะทราบมาว่า ที่ฮอยอันมีชายหาดอยู่ 2 หาด คือ หาดอันบัง และ หาดเก๋าได๋ เป็นหาดที่เรียงตัวอยู่ติดกัน อยู่ห่างจากตัวเมืองฮอยอันไปประมาณ 5 กิโลเมตร สามารถเช่าจักรยานปั่นไปได้ ผมจึงเช่าจักรยานกับทางที่พัก วันละ 1 USD ซึ่งก่อนที่จะปั่นไปเที่ยว ก็ขอเติมพลังก่อนที่ ร้าน Banh Mi ร้านเดิม ตรงข้ามที่พัก แต่คราวนี้ ขอแบบไข่สอดไส้อัดแน่นมาเลย อิ่มแน่นอน..

เส้นทางการปั่นก็ง่ายๆ ถนนสภาพดี แค่ระวังรถที่สวนไปมา และ ไม่เผลอปั่นผิดเลนเท่านั้น เพราะที่เวียดนาม ต้องปั่นชิดขวาไม่เหมือนบ้านเรา..

จากที่พัก Lucky House จะปั่นตรงไปตาม ถนน Hai Ba Trang ก็จะถึง หาดอันบัง เลย และ จาก หาดอันบัง เลี้ยวขวา เลียบชายหาดไปเรื่อยๆ ก็จะไปถึง หาดเก๋าได๋

ปั่นออกนอกเมืองมาประมาณ 3 กิโลเมตรก็จะผ่านทุ่งนา ต่างๆ ตรงนี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยว คือ Tra Que Vegetable Village เป็นการชมการทำเกษตรกรรมแบบเวียดนามสไตล์ ค่าเข้าชม 20.000 VND(30 บาท) ซึ่งดูๆ ไปก็คล้ายกับบ้านเรา กิจกรรมนี้น่าจะเหมาะกับฝรั่งมากกว่า แต่.. ถ้าใครสนใจจะลองเข้าไปสักหน่อยก็ได้นะครับ

การเช่าจักรยานปั่นไปเที่ยวชายหาด ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงา มีคนปั่นเป็นเพื่อนตลอดทาง


12.00 น. AN BANG BEACH



ถนนเส้นนี้จะไปสิ้นสุดที่ชายหาดพอดี.. ปั่นไปจนเกือบจะถึงชายหาด ก็จะเห็นคนโบกรถเต็มไปหมด ไม่ต้องตกใจไปครับ เขาจะโบกรถให้ไปจอดเพื่อเก็บค่าจอดรถจักรยาน ซึ่งถ้าไม่อยากเดินไกลให้ทำเป็นไม่สนใจแล้วปั่นเข้าไปให้ใกล้ที่สุด เพื่อไปจอดในร้านรับจอดรถที่ใกล้ชายหาดที่สุดครับ ค่าจอดจักรยานวันละ 1 USD



จากนั้นก็เดินเข้าไปที่ หาดอันบัง ตรงนี้จะมีบริการร้านอาหาร และเครื่องดื่มต่างๆ มีบริการเตียงชายหาด นักท่องเที่ยวค่อนข้างจะเยอะหน่อย


อากาศดีๆ กับ กิจกรรมริมชายหาด

ชายหาดที่นี่ จะทอดตัวเป็นแนวยาว ถึงแม้หาดทรายจะไม่ได้ขาวเนียน แต่โดยทั่วไปแล้วก็สวยใช้ได้

เดินตามชายหาดไปเรื่อยๆ ห่างจากทางเข้า คนก็เริ่มน้อยลง บรรยากาศก็ดูสงบขึ้น ผมมาปักหลัก นั่งเล่นริมหาด ณ จุดที่ห่างจากผู้คนออกมาสักระยะ ซื้อเบียร์เย็นๆ มานั่งจิบ พร้อมฟังเสียงคลื่นรับลมทะเล วันนี้ขอเที่ยวแบบสบายๆ พักผ่อนริมหาดแบบนี้ไปทั้งวันละกันนะ..

อยู่ที่ หาดอันบัง ได้สักพักใหญ่ๆ ก็ขอเปลี่ยนบรรยากาศไปที่หาดถัดไป คือ หาดเก๋าได๋ กันบ้าง ปั่นจักรยานไปตามถนนเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ปั่นไปแบบชิลๆ พักชมวิวไปตลอดทาง..





15.00 น. CAO DAI BEACH



ไม่นานก็มาถึง หาดเก๋าได๋ บรรยากาศโดยทั่วไปก็ไม่ต่างจาก หาดอันบัง เท่าใดนัก



ที่หาดนี้เหมือนว่าจะไม่มีคนคอยมาโบกรถให้ไปจอด ก็เลยไปจอดอยู่ใต้ต้นไม้ริมถนน ไม่ต้องเสียค่าจอดรถ(ถ้าอยากจอดรถแบบไม่เสียค่าจอดรถ บริเวณชายหาดทั้งสองหาดจะมีร้านอาหารริมหาด หากไปใช้บริการทานอาหารในร้านก็สามารถฝากรถได้ฟรี..แล้วค่อยลงไปเดินเล่นที่ชายหาด..ครับ)

ที่หาดแห่งนี้มีที่พักริมหาดไว้บริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายที่ มีกิจกรรมทางน้ำที่หลากหลาย ยามเย็นแบบนี้นักท่องเที่ยวจะลงมาเล่นน้ำ คึกคักกันเป็นพิเศษ..

ขอเอนกายพักผ่อนกันสักหน่อย นั่งจิบเบียร์เย็นๆ ชมบรรยากาศกันสักนิด

เดินเล่นยามเย็นที่ หาดเก๋าได๋ ก่อนที่ดวงตะวันจะลาลับไป..







Day #6 BIKE TOUR



.... ตื่นสาย ....



10.00 น. ปั่นวนไป!



รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็เกือบจะสิบโมงเช้าแล้ว.. นาฬิกาที่ตั้งปลุกเอาไว้ ดันไปเผลอปิด แล้วนอนต่อ.. ตอนไหนก็จำไม่ได้? แต่ที่แน่ๆ คือ พลาด FREE Bike Tour ที่จองเอาไว้ ซึ่งทัวร์เขาจะออกในช่วงเช้า เป็นทัวร์ปั่นจักรยานรอบๆ ย่านเมืองเก่า และ ปั่นข้ามไป เกาะ Cam Kim เพื่อชมวิถีชีวิตของชาวประมงที่ Kim Bong Village ทัวร์นี้ไม่ได้มีทุกวัน จะมีเพียงวัน อังคาร, เสาร์ และ อาทิตย์ เท่านั้น โดยการปั่นนำเที่ยวก็จะเป็นน้องๆ นักเรียน ที่มาเรียนรู้การเป็นไกด์นำเที่ยว และถือเป็นการฝึกภาษาไปในตัว พาปั่นไปเที่ยวรอบๆ เมืองฮอยอัน และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น หมู่บ้านชาวประมง, การทำเสื่อปูนั่ง, การต่อเรือ, การแกะสลักไม้ เป็นต้น



หลังจากอาบน้ำเรียบร้อย ผมก็ปั่นจักรยานเพื่อไปยังจุดเริ่มต้นของทัวร์ปั่นจักรยานดังกล่าวที่อยู่ไม่ไกลจากที่พัก และพบว่า.. เขาออกไปกันหมดแล้วจริงๆ 55+ ซึ่งทางทัวร์ก็บอกมาว่าไม่เป็นไร สามารถหาแผนที่ไปปั่นเองก็ได้สบายๆ จึงกลับมาตั้งหลักในที่พักก่อน พร้อมหามื้อเช้ากินเสียก่อน เพราะตอนนี้ไม่ได้รีบอะไรแล้ว เดี๋ยวไว้ไปปั่นเองชิลๆ สำหรับมื้อเช้าก็ใช้บริการ Banh Mi ร้านเดิม แต่คุณป้าแม่ค้าถามว่า.. เบื่อบั๋นหมี่ มั้ย..? จะกินข้าวก็ได้นะ เดี๋ยวทำให้เป็นพิเศษ โอ้วว.. ตาลุกวาว อยู่มา 4-5 วัน หลายมื้อที่ผ่านมา.. ไม่ค่อยได้กินข้าวสวยเลย กินแต่อะไรที่เป็นแป้งๆ เส้นๆ ทั้งนั้น มื้อนี้ก็เลยจัดข้าวผัดไป เมนูนี้คุณป้าทำให้พิเศษจึงต้องเข้าไปทำในครัวหลังบ้าน กับ "เมนูข้าวผัดไข่"



เมื่ออิ่มท้องแล้ว.. ก็ได้เวลาออกไปปั่นซะที ผมขอแผนที่กับทางที่พัก และวานให้เขาช่วยระบุจุดท่องเที่ยวที่สำคัญบน เกาะ Cam Kim ให้หน่อย แต่ดูเหมือนว่าสถานที่เที่ยวบนเกาะ จะไม่ค่อยมีอะไรมากเป็น วิถีชีวิตชุมชน ทั่วๆ ไป แต่ระยะทางแค่ไม่กี่กิโลเมตร ปั่นไปเที่ยวสักหน่อยก็ดีครับ

ปั่นจาก เมืองฮอยอัน มาจนถึง สะพานข้ามแม่น้ำทูโบน เป็นสะพานที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปมาระหว่าง ฮอยอัน กับ เกาะ Cam Kim

มีนักท่องเที่ยวปั่นจักรยานไปเที่ยวกัน เยอะ แต่สะพานนี้ดูเหมือนจะค่อนข้างชันไปนิดนึง

ข้ามมาถึง เกาะ Cam Kim ก็จะพบกับหมู่บ้านทั่วๆ ไป ดูเป็นธรรมชาติและเงียบสงบดี บนเกาะมีนาข้าว และพื้นที่การทำเกษตรกรรมอื่นๆ ด้วย

การสัญจรบนเกาะส่วนใหญ่ชาวบ้านจะใช้จักรยานปั่นไปทำงานยังไร่นา นี่..อาจจะเป็นที่จอดจักรยานก็เป็นได้ แบ่งเป็นช่องๆ พอดีเลย 55

บรรยากาศทั่วไปบนเกาะ ซึ่งในช่วงเที่ยงแบบนี้จะเห็นนักเรียนปั่นจักรยานกลับบ้านกัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าโรงเรียนเลิกแล้ว หรือว่าแค่พักไปกินข้าวที่บ้านแล้วกลับไปโรงเรียนต่อ แต่.. กลุ่มนักเรียน ที่ปั่นจักรยานสวนมานี่ก็น่ารักดี ปั่นผ่านทีไร ทักทาย "ซินจ่าว.. ซินจ่าว.." ตลอด



เข้ามาที่หมู่บ้านชาวประมง ก็พบกับ การแปรรูปอาหาร ที่ดัดแปลงวัสดุเหลือใช้มาใช้อย่างคุ้มค่า

การแกะสลักไม้ ที่ถือว่าเป็นงานฝีมือที่สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน

ปั่นมาเที่ยวชมบริเวณริมน้ำของหมู่บ้านชาวประมง Kim Bong Village หมู่บ้านนี้สามารถที่จะต่อเรือขึ้นมาเอง เพื่อนำมาใช้ในการทำประมง

บริเวณท่าเทียบเรือ มีเรือประมงจอดอยู่เรียงราย ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวประมง

นอกจาก การใช้สะพานเพื่อสัญจรข้ามมายัง เกาะ Cam Kim แล้ว จาก ฮอยอัน ก็ยังมีเรือที่สามารถนำรถจักรยาน หรือ รถมอเตอร์ไซค์ ข้ามมายังเกาะแห่งนี้ได้อีกด้วย โดยจะมีเรือบริการข้ามฟากตลอดทั้งวันเลยครับ..





18.00 น. เตรียมเดินทางกลับ!



อยู่ "ฮอยอัน" จนครบ 6 วัน ก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินทางกลับ รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน.. หลังจากคืนจักรยานกับทางที่พัก และชำระค่าเช่าเรียบร้อย ก็ขออาบน้ำสักนิดให้สบายตัว จากตอนแรกกะว่าจะเดินไป สถานีขนส่งฮอยอัน เพื่อที่จะนั่งรถเมล์กลับ ดานัง แต่เพื่อความสะดวก ประกอบกับ ความขี้เกียจ จึงขอลองนั่งรถ Shuttle Service กลับไปดีกว่า (ราคา 110.000 VND) ซึ่งจะเข้าไปส่งถึง สนามบินดานัง เลย สามารถให้ที่พักโทรจองรถให้ และรอขึ้นรถที่หน้าที่พักได้เลย ช่วงเวลาที่รอรถก็หาอะไรกินรองท้องสักหน่อย ร้านนี้อยู่ติดกับที่พักเลย เห็นเด็กๆ นั่งกินกันเพียบ เลยต้องขอลองบ้าง..


รอบรถ Shuttle Service และ จุดจอดต่างๆ ซึ่งของผม ออกจาก เมืองฮอยอัน รอบเวลา 19.00 น.

รถมารับหน้าที่พักตรงเวลาเป๊ะ.. ก็ร่ำลาพนักงานที่พัก Lucky House ที่คอยดูแล และช่วยให้ข้อมูลต่างๆ เป็นอย่างดีตลอด 6 วัน ผมเป็นผู้โดยสารคนแรกของคันนี้ และคิดว่า.. รถจะวนรับผู้โดยสารท่านอื่นๆ ตามโรงแรมต่างๆ เพิ่มขึ้นมาอีก แต่ก็คิดผิด.. เพราะว่ารถรอบนี้มีผมแค่คนเดียวเท่านั้น นั่งสบาย แอร์เย็นฉ่ำ นั่งมองแสงไฟข้างทางไปเรื่อยๆ ณ จุดนี้รู้สึกว่าไม่อยากกลับซะแล้ว.. ดูเหมือนเวลาผ่านไปเร็วมาก ยังอยากอยู่เที่ยวต่ออยู่เลย.. นั่งเหม่อลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ..ก็มาถึง สนามบินดานัง ซึ่งถือว่าทำเวลาเร็วมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง


มาถึง สนามบินดานัง ไวกว่าที่คิด เคาเตอร์เช็คอินยังไม่ทันจะเปิด ก็เดินเล่นไปมาอยู่แถวๆ นั้นสักพัก ก็เห็นพนักงานสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ เริ่มมาประจำการที่เคาเตอร์ ก็เตรียมไปต่อแถว ก่อนจะเริ่มให้บริการ มีการทักทาย และขอบคุณผู้โดยสารก่อนอีกด้วย


เช็คอินเรียบร้อย ก็เตรียมเดินทางกลับบ้านกันครับ!


สำหรับทริป "ฮอยอัน" ในครั้งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่จะอยู่ในความทรงจำของผม เป็นการเดินทางที่รู้สึกว่า.. มีความสุข กับการได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่เราชอบ ได้เห็นสถาปัตยกรรมสวยๆ บรรยากาศดีๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องถิ่น และ การได้ออกไปใช้ชีวิต อยู่กับตัวเอง ทำให้มีเวลาได้คิด ทบทวน และ ได้เห็นมุมมองของชีวิตที่แตกต่างออกไป..



ฮอยอัน ในวันนี้.. อาจจะเป็นเมืองในฝันของใครหลายคน ที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง ซึ่งเมื่อมีโอกาสได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองแล้ว.. บางคนอาจจะชอบ หรือ บางคนอาจจะเฉยๆ แต่สำหรับผมแล้วนั้น..



ฮอยอัน ก็คือ.. ฮอยอัน

แม้.. วันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังคิดถึงเหมือนเดิม..


ไว้เจอกันคราวหน้า.. แล้วจะกลับไปอีกครั้ง!



การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER

Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

Instagram : CHAILAIBACKPACKER

Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9

CHAILAIBACKPACKER

 วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.04 น.

ความคิดเห็น