สวัสดีค่าาาา ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าเราเป็นคนนึงที่ชอบเที่ยวมากกกกกกกกก
ถ้ามีเวลาว่างเราก็จะคอยหาสถานที่ที่น่าสนใจเพื่อไปพบเจอสิ่งใหม่ๆ และไปสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต
ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งนึงที่เราตัดสินใจที่จะเปิดโลกใบแคบๆของเราให้กว้างขึ้นและออกเดินทาง
นี่เป็นครั้งแรกที่เราตั้งกระทู้ ถ้ามีข้อมูลตรงไหนผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะค่ะะ
การเดินทางครั้งนี้เราจะไปปป รัสเซียนั่นเองงง
เราไม่เคยรู้จักประเทศนี้มาก่อนเลย จนวันนึงเราต้องทำการบ้านพรีเซ็นต์เกี่ยวกับประเทศรัสเซีย ซึ่งในตอนนั้นเอง ข้อมูลของประเทศนี้มีน้อยมาก แต่ตอนนี้พอเราได้เริ่มหาข้อมูลก่อนไปเที่ยว ทำให้เรารู้เรื่องรัสเซียมากขึ้น เหมือนเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับตัวเอง ก่อนที่เราจะไปมีแต่คนบอกเราว่ามันน่ากลัวมากเลยนะ ภาษาเค้าเราก็ไม่รู้ สื่อสารกันก็ไม่ได้ ไหนจะเรื่องเดินทาง เรื่องที่เที่ยว แถมยังมีเรื่องโจรอีก เรานี่ถึงขั้นกลัวไปเลย แต่สุดท้ายแล้วเราก็ได้ไปประเทศนี้ก็ทำให้เรารู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย ประเทศที่เหมือนฝันสำหรับเราที่เราไม่คิดว่าเราจะได้ไป จนเรากลับมาแล้วเราก็ยังคงนึกว่าเรายังคนฝันอยู่
ช่วงที่เราไปเป็นเดือนกรกฎาคมซึ่งตรงกับช่วงหน้าร้อนของประเทศรัสเซีย แต่อย่าเรียกว่าหน้าร้อนเลย มันเย็นมากสำหรับเรา อากาศประมาณ 10 กว่าอาศาได้ โดยในทริปนี้เราไปตั้งแต่วันที่ 4 - 11
โดยเราไป เมือง St.Petersburg 2 วัน และ Moscow 4 วัน
ปล. สำหรับใครที่จะเดินทางไป St.Petersburg เราอยากแนะนำให้ไปหลายวันหน่อยเพราะมีที่เที่ยวเยอะกว่า Moscow มาก
สำหรับการเตรียมตัวเดินทาง 9 ตามไปดูกันได้ที่นี่เลยยย https://th.readme.me/p/11785
DAY 01
วันนี้เป็นวันเริ่มต้นการเดินทางของเราาาาาา
เราเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ทำการ Check-In และโหลดกระเป๋าเตรียมขึ้นเครื่องเดินทาง
ทริปนี้เรานั่งเครื่องบินของสายการบิน Etihad เครื่องออกตอน 20.35 ไปลง อาบูดาบี และต่อเครื่องไปยังมอสโคว ถึงมอสโควตอน 7.40 ที่สนามบิน Domodedovo (Московский аэропорт Домодедово) ซึ่งขาที่เราต่อเครื่องจากอาบูดาบีไปมอสโควเราเลือกที่นั่งพลาด เราเลือกนั่งฝั่งขวาซึ่งแดดแรงมากกกกก แสงแดดนี่แบบแยงตาระดับสิบได้
หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานเราก็มาถึงดินแดนหมีขาวรัสเซีย
หลังจากลงเครื่องก็ต้องไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของรัสเซีย และรับกระเป๋า ที่นี่เราไม่ต้องกรอกใบ Immigration Card นะค่ะ เพราะเค้าจะปริ้นใบมาให้เราเซ็นต์แทน และเราต้องเก็บใบนี้ให้ดีๆเพราะต้องใช้ยื่นตอนขาออกประเทศ
เตรียมตัวให้เรียบร้อยและออกไปพจญโลกกว้างกันเลยยยยยยย
ก่อนอื่นเดินทางเข้าเมืองโดยด้วย Aeroexpress วิธีการไปขึ้น Aeroexpree คือเดินตามป้ายที่เขียนว่า Aeroexpress ( Аэроэкспресс ) ซึ่งเป็นรถไฟจากสนามบินเข้าตัวเมือง โดยสามารถซื้อตั๋วรถไฟได้เองที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ โดยกดเลือกเป็นภาษาอังกฤษก่อน และเลือกที่นั่งแบบ Standard ค่าตั๋วอยู่ที่ราคาคนละ 500 RUB แล้วก็รถจะมาทุกๆ 30 นาทีและใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 - 40 นาที ไม่ต้องกลัวว่าจะรอรถนานเลย แล้วเราสามารถเช็คตารางรถออกได้จาก https://aeroexpress.ru/en/domodedovo.html
หลังจากขึ้นรถไฟแล้วก็นั่งยาวๆเลยยยย รถไฟจะไปจอดที่ Metro Paveletskaya ( Павелецкий вокзал ) สายสีน้ำตาล
หลังจากที่ลง Aeroexpress เราก็ได้ต่อ Metro ไปลงที่สถานี Komsomolskaya (Павелецкий) สายสีแดงหรือสีน้ำตาล เพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงไปยัง St.Petersburg ซึ่งสถานี Metro จุดหมายของเรานั้นเป็นหนึ่งในสถานีที่มีการตกแต่งสถาปัตยกรรมที่สวยสถานีนึงของรัสเซียด้วย โดยสถานีนี้ห่างจากสถานีที่เราอยู่ 3 สถานีซึ่งใช้เวลาเดินทางไม่นานนนน แต่กว่าเราจะหาชานชลาที่ขึ้นได้เจอนั่นก็ยากอยู่เหมือนกัน เราอาศัยถามคนรัสเซียเพื่อจะได้ไม่ขึ้นผิดฝั่ง
Metro ที่นี่จะลึกมากกก เพราะในสมัยก่อนใช้เป็นขนส่งเสบียงอาหาร หรือที่หลบภัยจากระเบิดในช่วงสงครามโลก คำแนะนำจากเราสำหรับ Backpacker ที่หิ้วกระเป๋าลากใบใหญ่ๆคือ ภายใน Metro เวลาเปลี่ยนสายรถไฟจะต้องเดินเยอะหน่อยเพื่อไปยังชานชลาของแต่ละสาย ซึ่งนอกบรรไดเลื่อนที่ยาวแล้ว ก็ยังมีบรรไดเป็นระยะๆอีกด้วย แล้วเราซึ่งเป็นผู้หญิงตัวล็กๆ ลองคิดสภาพตอนหิ้วกระเป๋าลากใบใหญ่ดูสิ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วววว
เมื่อมาถึงสถานีจุดหมาย อย่างแรกที่เราทำก็คือตามหาทางอยู่ถนนใหญ่ เพื่อจะไป Leningradsky Railway Station ( Ленингра́дский ) ที่อยู่ข้างๆสถานี Metro แต่ๆเดี๋ยวก่อน พอเราออกมาจาก Metro เราก็ได้เจอสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆมากมายยยยย มีตึกสวยๆใหญ่ๆเต็มไปหมด ทำให้เรารู้สึกว่าเราตัวเล็กไปเลยยยยยยยย
แล้วก็นอกจากสถานีที่นั่งรถไฟไป St.Petersburg ยังมีอีกหลายสถานีเลยที่สามารถเดินทางออกนอกมอสโควได้ ที่นี่เหมือนเป็นศูนย์รวมสถานีรถไฟเลยก็ว่าได้
หน้าตาสถานี Metro Komsomolskaya
เดินไปถนนใหญ่จะเจอ Leningradsky Railway Station
ภายใน Leningradsky Railway Station จะมีทั้งร้านค้า ร้านกาแฟ ห้องน้ำที่สามารถเข้าได้ฟรีถ้าเรามีตั๋วรถไฟ และที่รับฝากกระเป๋าที่อยู่ชั้นใต้ดินทางเดียวกับทางไปห้องน้ำ นอกจากคนที่ต้องการจะเดินทางแล้ว ที่นี่ก็ยังตำรวจ หรือแม้กระทั่งทหารเดินตรวจตรากันอย่างเคร่งครัดเลยทีเดียว ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเลย
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ 5 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ทำให้เราได้นั่งดูผู้คนมากมาย ได้เห็นชีวิตของคนรัสเซียที่ผ่านไปมา
หลังจาก 5 ชั่วโมงผ่านไปก็ได้เวลาขึ้นรถไฟเดินทางไป St.Petersburg กันสักที ก่อนขึ้นรถไฟจะต้องยื่นตั๋วรถไฟพร้อม Passport ให้เช็คก่อน เราเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง Sapsan ( САПСАН )โดย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.ก็จะถึง St.Petersburg หลังจากขึ้นรถไฟเราเริ่มรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง เพราะเราจะได้เริ่มทริปของเราอย่างจริงจังกันสักทีหลังจากการเดินทางอันยาวนาน
และแล้วววในที่สุด เราก็เดินทางมาถึง St.Petersburg ที่สถานี Moskovsky Railway Station ( Санкт-Петербург-Главный )
หลังจากลงรถไฟและรวมรวมสติ ก็เดินทางไป Check-in ที่โรงแรม คืนนี้เราจะพักที่ Mini-hotel Fermata ( Отель "ФЕРМАТА" )เป็นโรงแรมที่ใกล้กับ Railway Station แค่ 240 เมตร และยังใกล้กับ Metro และห้าง Galeria และ Stockmann ที่เราจะไปวันนี้ก่อนกลับเข้าโรงแรมอีกด้วย ในส่วนของห้องพักก็ถือว่าโอเคและสะอาด
หลังจากเช็คอิน พวกเราก็รีบเก็บของและเดินทางไปยัง Metro ในทันที เพราะที่ๆเราจะไปจะมีโชว์ที่ถือว่าเป็น Hilight อย่างนึงเลยก็ว่าได้ เราได้เดินทางจาก Metro สถานี Ploschad' Vosstaniya ( Площадь Восстания ) ไปยัง Admiralteyskaya ( Адмиралтейская ) สายสีม่วง
Hermitage Museum ( Эрмитаж )
เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ 10.30 - 18.00 วันพุธและศุกร์ 10.30 - 21.00
ราคาบัตรเข้าชม 700 RUB และฟรีสำหรับคนที่ถือบัตร ISIC หรือทุกวันพฤหัสแรกของเดือน
เดินทางด้วย Metro ไปลงที่สถานี Admiralteyskaya ( Адмиралтейская ) สายสีม่วง
วันนี้เป็นวันพุธ และวันพุธของทุกอาทิตย์ตอน 19.00 จะมีนกยูงทองออกมาร้องเพลง ซึ่งวันนี้ก็มีเหมือนกันและเราก็มาทันเวลาพอดี
หลังจากดูโชว์เสร็จเรียบร้อยเราก็ได้เดินชมภายในพิพิธภัณฑ์อยู่เป็นเวลานาน ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ได้มีการรวบรวมภาพวาดและสมบัติจากอดีตของหลายๆประเทศไว้ด้วยกันเป็นจำนวนมาก
หลังจากเสพศิลป์กันอย่างเต็มที่ ก็ได้เวลาไปเดินเล่นตามถนน Nevsky Prospekt ( Нéвский проспéкт )
บรรยากาศรอบๆ Palace Square ภายนอก Hermitage Museum
เดินไปตามถนนเรื่อยๆก็จะเจอกับ Kazan Cathedral ( Казанский кафедральный собор ) เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชค.ศ. 1708 สถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ผสมผสานกับอิตาลี ในภายหลังได้เกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับฝรั่งเศส จึงได้นำรูปปั้นของผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพเรือ จัดแสดงเป็นอนุสรณ์ไว้ด้านหน้า ลักษณะรูปทรงครึ่งวงกลมและมีเสาหินวางเรียงแถวยาว ประกอบไปด้วยเสาโรมัน 96 ต้น และโดมขนาดใหญ่ซึ่งมียอดสูงถึง 90 เมตร
ฝั่งตรงข้ามของ Kazan Cathedral ตึกนี้คือตึก Singer Building ( Дом книги ) ภายในเป็นร้านหนังสือและร้านอาหารเหมาะต่อการนั่งชมวิวโบสถ์
ถ้ามองเข้าไปเรียบคลอง Griboedov Canal ก็จะเจอ
Church of the Savior on Spilled Blood ( Спас на Крови )
เปิดทุกวันยกเว้นวันพุธ 11.00-19.00 ราคาบัตร 250/150 RUB ปิดขาย 18.00
เดินทางด้วย Metro ลงสถานี Gostiny Dvor (Гостиный двор) สายสีเขียว หรือ สถานี Nevsky Prospekt (Невский проспект) สายสีฟ้า
โบสถ์นี้ชื่อโบสถ์แห่งหยดเลือด เป็นโบสถ์ที่สวยงาม แต่แฝงไปด้วยประวัติศาสตร์แห่งความเศร้า เป็นอนุสรณ์ที่พระเจ้าอเล้กซานเดอร์ที่ 3 สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระบิดา ซึ่งถูกลอบปลงพระชนม์บริเวณนี้ ในปี ค.ศ. 1881 สาเหตุที่โดนลอบปลงพระชนม์เพราะ พยายามที่จะปลดปล่อยชาวนาและกรรมกร ทำให้เหล่าขุนนางที่เสียประโยชน์เกิดความไม่พอใจ บ้างก็เล่าว่าชาวนาไม่ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงทำให้ไม่พอใจ
หลังจากเดินเล่นได้สักพัก เราก็ได้ แวะซื้อโดนัทร้าน Pyshechnaya ( Пышечная ) เป็นโดนัทสไตล์โซเวียต มีอยู่หลายสาขาใน St.Petersburg แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา เรามัววุ่นกับการซื้อรองเท้า Sneeker
จากนั้นเราก็ตัดสินใจกันว่าจะไปหาอาหารเย็นกินที่ห้าง Galería ( Галерея ) ประกอบกับฝนก็เริ่มจะลงเม็ดพอดี โดยเดินทางจาก Metro Gostinyy dvor ( Гостиный двор ) สายสีเขียว ไปสถานี Ploschad' Vosstaniya ( Площадь Восстания ) ห้างนี้เป็นห้างที่อยู่ติดกับ Moskovsky Railway Station และภายในห้างจะรวมสินค้าแบรนด์ดัง และยังมี Food Court อยู่ชั้นบนสุดของห้างด้วย
หลังจากกินข้าวจนอิ่ม และได้ของที่ถูกใจ ประกอบกับห้างจะปิดแล้ว ก็ถึงเวลากลับโรงแรม นอนพักผ่อนเอาแรงสำหรับการเที่ยววันพรุ่งนี้
DAY 02
วันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้เราแพลนไว้ว่าจะตะลุยเที่ยวพระราชวังที่เป็น Highlight ของเมืองนี้
เราได้เตรียมตัวเก็บของและฝากกระเป๋าไว้กับที่โรงแรม พรุ่งนี้เราจะกลับไป Moscow
ทางเข้าโรงแรมที่เราอยู่
Railway Station ที่เรานั่งรถไฟมาเมื่อวาน
พระราชวังที่เแรกที่เราจะไปต้องเดินทางออกจากตัวเมือง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
โดยเราเริ่มจาก Metro สถานี Ploschad' Vosstaniya สายสีแดง ไปสถานี Avtovo ( Автово ) สายสีแดง และต่อ Minibus ฝั่งตรงข้ามของสถานี Metro
Peterhof Palace ( Петерго́ф )
เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ภายในพระราชวังไม่สามารถถ่ายรูปได้
Grand Palace เปิดให้เข้าชม 10.30 - 18.00
Upper Garden เปิดให้เข้าชม 9.00 - 19.00
ราคาบัตรเข้าชม Lower Garden และ Grand Palace 750 RUB คนถือบัตร ISIC 450 RUB
การเดินทางมีด้วยกัน 4 ทางคือ นั่ง Metro ไปลงที่สถานี Avtovo ( Автово ) สายสีแดง
ต่อ minibus สาย224, 300, 424, 424-A
นั่ง Metro ไปลงสถานี Leninsky Prospekt ( Ленинский проспект ) สายสีแดง ต่อ minibus 103 (K-224), 420
นั่ง Metro ไปลงสถานี Prospekt Vateranov ( Проспект Ветеранов ) สายสีแดง ต่อ minibus 343, 639
นั่ง Metro ไปลงสถานี Baltiyskaya ( Балтийская ) สายสีแดง ต่อ minibus 404
ตอนนั่งรถตู้ไป พอเข้าช่วงที่มีบ้านเยอะๆให้เราสังเกตุรั้วไว้ ถ้าเจอรั้วแบบด้านล่างให้ลงรถได้เลย ซึ่งตอนลงรถเราก็เดินไปแถวหน้าประตูก็ได้ แล้วบอก Peterhof คนขับก็จะจอดรถให้ ส่วนค่ารถจ่ายตอนขึ้นมาเลย
พระราชวังนี้สร้างในสมัยของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ออกแบบโดย นักออกแบบสถาปัตยกรรมชาวรัสเซีย สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและล่าสัตว์ในฤดูร้อนของกษัตริย์รัสเซีย ใช้เวลาสร้าง 10 ปี ภายในประกอบไปด้วย ตัวพระราชวัง สวนตอนล่างและสวนตอนบน ที่โดดเด่นเป็นพิเศษก็คือ สวนน้ำพุที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
มีมุมให้นั่งพักอ่านหนังสือด้วย
แถมทะเลก็ติดกับฟินแลนด์อีก
เราอยากแนะนำสำหรับคนที่จะไป Peterhof ให้ไปก่อน 11.00 เพราะตอน 11.00 จะมีการแสดงน้ำพุตรง Lower Garden
หลังจากชมความงามกันพอประมาณ ก็ได้เวลากินข้าวกลางวัน มื้อนี้เราฝากท้องไว้กับร้าน Brynza ( Брынза ) ร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ที่ขาย Ticket และเหมือนจะเป็นร้านเดียวที่มีซุปร้อนๆช่วยแก้หนาวได้
พอท้องอิ่ม แรงก็ที่จะเดินก็กลับคืนมา
หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปยังสถานที่ต่อไป ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเหมือนกัน
เดินทางโดย นั่งรถ Minibus ฝั่งตรงข้ามกับตอนที่เราลง และสังเกตุคันที่ไป Metro จากนั้นก็ขึ้นเลย จากนั้นต่อด้วย Metro จากสถานี Avtovo สายสีแดง ไปสถานี Kupchino ( Купчино ) สายสีฟ้า ต่อ Minibus ฝั่งตรงข้าม เพื่อไปพระราชวังที่ 2 ของวันนี้
Catherine Palace ( Екатерининский дворец )
เปิดทุกวันยกเว้นวันอังคาร Grand Palace เปิดให้เข้าชม 12.00 - 18.45
ราคาบัตรเข้าชม Grand Palace 1000 RUB และสำหรับคนถือบัตร ISIC 350 RUB
ราคาบัตรเข้าชม Park 120 RUB และสำหรับคนถือบัตร ISIC 60 RUB
เดินทางด้วย Metro ลงสถานี Kupchino ( Купчино ) สายสีฟ้า
ต่อด้วยรถเมล์สาย 186 ( Krasnosel'skoye Hwy, 65 ) ลงที่ Sadovaya ulitsa ( Садовая улица ) 16 Stops
ต่อด้วยรถสาย K-342 ( Arkhitektora Danini St ) ลงที่ Leont'evskaya St / Srednyaya St ( Средняя улица ) 10 Stops
พระราชวังนี้ก่อสร้างขึ้นในปี คศ 1717 โดยพระนางแคทเธอรีนที่ 1 พระมเหสีองค์โปรดของปีเตอร์มหาราช เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ภายในมีห้องอำพันที่สร้างจากความร่วมมือระหว่างช่างฝีมือชาวเยอรมันและชาวรัสเซีย ปี ค.ศ. 1701 เพื่อแสดงถึงมิตรภาพที่ทางโซเวียตเป็นพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ห้องนี้ได้ถูกรื้อถอนเพื่อส่งไปยังเยอรมัน และหลังจากนั้นก็ได้หายสาบสูญไป
หลังจากถ่ายรูปเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางไปยังสถานที่สุดท้ายก่อนจะออกเดินทางไป Moscow
โดยเดินทางด้วย Minibus ไป Metro Kupchino สายสีฟ้า จาก Catherine Palace ต่อด้วย Metro ย้อนกลับไป 2 สถานี ลงที่สถานี Moskovskaya ( Моско́вская ) สายสีฟ้า จากนั้นเดินตามถนนใหญ่ ตาม Google map เลย
แม่ค้าขายผัผลไม้หน้า Metro เราแวะซื้อผลไม้กลับไปกิน
The Chesma Church ( Чесменская церковь )
เข้าชมฟรี ภายในไม่สามารถถ่ายรูปได้
เดินทางด้วย Metro ลงสถานี Moskovskaya ( Моско́вская ) สายสีฟ้า
โบสถ์นี้เป็นโบสที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการฉลองชัยชนะของกองทัพรัสเซียเหนือ ที่ อ่าว Chesma ทะเล Aegean เมื่อปี 1770 สร้างขึ้นตามดำริของพระนางแคทเธอรีนที่ 2 เมื่อปี 1777 และเสร็จในปี 1780
หลังจากชมโบสถ์ลูกกวาดแล้วเราก็ได้เดินทางกลับด้วย Metro ไปลงสถานี Ploschad' Vosstaniya ( Площадь Восстания ) และแวะห้าง Galería เพื่อไปหาอะไรกินและ Shopping ครั้งสุดท้ายก่อนจะไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้เมื่อเช้านี้ที่โรงแรม
เวลา 23.36
และแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะต้องอำลาเมือง St.Petersburg ไปพร้อมกับเวลายามค่ำคืนที่นี่
คืนนี้เราจะเดินทางโดยรถไฟนอนไป Moscow กันนนน เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของการเดินทางในการมาเที่ยวรัสเซียในครั้งนี้ ซึ่งขอบอกเลยว่ารถไฟเค้าสะอาด และสวยมากถ้าเทียบกับบ้านเรา
และค่ำคืนนี้ก็ผ่านไปพร้อมกับเสียงรถไฟที่วิ่งบนราง
Littlebabyjourney
วันพฤหัสที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.37 น.