จุดหมายปลายทางนั้นไม่ใช่สถานที่ใดที่หนึ่ง หากแต่เป็นการมองเห็นสิ่งต่างๆ ด้วยมุมมองใหม่ต่างหาก


Henry Miller



:: เนินมะปรางถ่างตาไปใช่ครับต้องรีบถ่างตาไปเพราะมันเป็นช่วงสงกรานต์ แต่งหล่อซะขนาดนี้ไม่ใช่อะไร ‘กลัวเปียก’ ถ่างตาออกแต่เช้า ตื่น7โมง ท้องเสียถ่ายไป3รอบ กว่าจะได้สตาร์ทเครื่องรถออกก็ปาไป8โมงกว่า ขับไปถึงพิจิตรแดดก็เริ่มแรงเหงื่อเริ่มไหล จอดแวะกินข้าวสักหน่อยพักเหนื่อยด้วย นี่ขับมายังไม่ถึงครึ่งทางพักเหนื่อยแล้วตู ท้องไส้เริ่มให้สัญญาณเตือนว่าหาอะไรยัดลงไปให้มันหน่อย นี่เป็นการออกทริปทางไกลครั้งที่2ของผมความตื่นเต้นต่างจากครั้งแรกตรงที่รอบนี้ขับมาคนเดียวมันเปล่าเปลี่ยวหัวใจ



ออกทริปมอร์ไซค์ครั้งแรก >> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/35137589



:: ร้านที่ผมแวะกินข้าวชื่อร้านเสี่ยแขก สาขา 3 ด้วยความที่ไม่เข็ดจากท้องเสียเพราะวันก่อนกินส้มตำไปเยอะน่าดู คือไปบ้านไหนก็มีส้มตำฟรีเต็มไปหมด(ช่วงเทศกาล) ตำกันเป็นถาดๆ ที่ร้านเสี่ยแขกผมสั่งแกงป่ากบมากิน ทำช้าแต่อร่อยสมราคา 175บาท รวมน้ำอัดลมอีกขวด ขอ tie-in ไปในตัวร้านอยู่ช่วง ต.เนินสว่างป้ายร้านจะใหญ่มองเห็นได้ชัด



:: กินไปจนเกือบจะหมดน้าผู้ชายเจ้าของร้านก็เดินมาคุยด้วย เปิดประเด็นกันด้วยเรื่องรถ คุยกันไปกันมาเห้ย..น้านี่ก็ตำนานเหมือนกันนะ ผมจำชื่อรุ่นที่น้าเขาขับไม่ได้แต่ผมน่าจะยังเกิดไม่ทัน สักพักน้าก็เดินไปหยิบเสื้อหนังมาให้ดูบอกนี่เอ็งดู น้าซื้อมาตัวละหมื่น แต่ตอนนี้ใส่ไม่ได้แล้ว ซื้อมาหมื่นนึงน้าจะขายให้เอ็ง2000 ผมรีบล้วงกระเป๋าแต่ไม่ได้หยิบตังค์นะ หยิบมือถือมาถ่ายร่องรอยตำนานของเสื้อหนังตัวนี้ มันดูมีมนต์ขลังอย่างบอกไม่ถูก tie-inรอบที่2 ใครสนใจก็ถามซื้อกับน้าเขาได้เลย ที่ FB:ร้านอาหารแขกปลาแม่น้ำ สาขา3 แล้วคุณจะเป็นตำนานคนต่อไป



:: คุยเรื่องรถกันเสร็จ ก็เปลี่ยนเรื่องคุย “ ไอ้หนุ่มเอ็งมีแฟนหรือยัง ” “ อ้อ..ยังครับ ” ดีแล้วๆจะได้มีเวลาเที่ยว มีแรงเที่ยวก็เที่ยวไปมีเมียแล้วเที่ยวไม่ได้นะ เห็นน้าไหมนั่งเด็ดกระเพราอยู่เนี่ย (หัวเราะ) เราจบบทสนทนากันไว้เพียงเท่านี้ คนไร้เมียอย่างผมคงต้องออกเดินทางต่อ ล่ำลากับน้าตำนานที่ไม่ได้ถามชื่อไว้ พร้อมกับเสื้อหนังในตำนานที่บอกน้าไว้ว่าจะลงขายไว้ให้ ถ้าขายได้บอกน้าไว้ตรงนี้เลยแกงป่ากบผมขอฟรี1มื้อนะครับ โคตรอร่อยและเผ็ดมาก เผ็ดจนมาถึงทุกวันนี้เลยฮ่าๆ ทริปครั้งหน้าผมไปสุโขทัยคงได้มีโอกาสเจอน้าเสื้อหนังตำนานอีกแน่.. แล้วผมจะแวะไปทานแกงป่ากบ



:: ขับออกมาได้ไม่ถึง20นาที ขับจนไปถึงแยกไฟแดงเอ๊ะ! ทำไมรถมันเบาๆหันหลังไปมองกระเป๋าเชี้ย!! กระเป๋าหายไปไหนว่ะ รนราน รนรานเอาไงดีไฟกำลังจะเขียวแล้ว หันไปเจอป้อมตำรวจตีรถกลับไปหาป้อมตำรวจก่อนโว้ย...ไปแบบหน้าตาเร๋อหรา น้า...ช่วยผมด้วยกระเป๋าผมตก “ ตกที่ไหน ” “ น่าจะระยะ10-20กิโลเมตรนี่แหละครับ ” ใจผมจะขับย้อนศรไปดูให้ได้ แต่พี่ตำรวจหน้าใสก็ห้ามไว้บอกใจเย็นๆ เดี๋ยวผมวอให้ รออยู่10นาที แต่เหมือนมันนานมาก นานจนผมกลับมาที่รถเตรียมสตาร์ทรถออกไปหาเอง แต่ไม่ทันไร ก็มีวอแจ้งเข้ามาว่า ทาง อบต.เนินสว่าง ซึ่งเป็นจุดรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลเก็บได้ ใจที่หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเด้งกลับมาที่เดิม การเดินทางกลับมาโรยด้วยกลีบกุหลาบอีกครั้ง ยกมือไหว้พี่ๆน้าๆเป็นสิบรอบ ถ้าหากระเป๋าไม่เจอผมคงกลับบ้าน คงเซ็งและคงอีกหลายๆอย่าง ทริปที่แสนสุขคงกลายเป็นทุกข์แสนสาหัส กล้องเอย กระเป๋ากล้องที่พึ่งได้ใช้ครั้งแรก อื่นๆมากมายที่ยัดลงไปในกระเป๋า ขอบคุณอีกครั้งกับสายตรวจตำบลไผ่รอบ และ อบต.เนินสว่างมากๆครับ เมืองเล็กแต่น้ำใจยิ่งใหญ่มาก tie-inรอบที่3 กระเป๋ากล้อง Lowepro รอยขาดในรูปเป็นแค่รอยขาดจากที่กันน้ำฝนส่วนตัวกระเป๋าไม่มีรอยอะไรเลย ระยะการกลิ้งถูไถไปกับถนนด้วยความเร็ว100 กม./ชม ถือว่าผ่านสำหรับผม



:: ขับตาม GPS มาเรื่อยๆ อากาศเริ่มร้อนระอุ เริ่มเหงื่อออกเยอะ มีความรู้สึกเหมือนจะเป็นลมแดดฝืนขับไปอีกสักระยะเอ๊ะ เริ่มไม่มั่นใจใน GPS จอดๆ... ถามจุดรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลตำบลเมืองเก่า จ.พิจิตร น้าผู้หญิงก็เขียนแผนที่มาให้แบบละเอียดยิบ ทุกการเดินทางสิ่งที่ผมอยากเขียนที่สุดพอๆกับเขียนเรื่องเที่ยวก็คือน้ำใจของผู้คนที่ผมได้พบเจอนี่แหละ เพราะมันเป็นเรื่องที่จะทำให้เราจำได้พอๆกับเรื่องเที่ยว



:: ส่วนหัวเรื่องที่เกริ่นไว้ว่าเนินมะปราง นั้นอาจจะดูกว้างไป จุดหมายปลายทางของผมคือสวนพงษ์แตง(FB - Phongtang Garden) ซึ่งอยู่ใน ต.ชมพู อ.เนินมะปราง ซึ่งผมตั้งใจจะมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ถ้าใครจะมาให้ตั้ง GPS ไว้ที่>โรงเรียนรักไทยร่มเกล้าอุปถัมภ์ เมื่อถึงโรงเรียนคุณก็จะเจอป้ายสวนพงษ์แตง ป้ายเยอะมากไม่หลงแน่นอน ถ้าคุณเจอดินลูกรังนั่นแสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว ขับตามทางไปอีก 2 กิโลเมตรก็ถึงทางเข้าอยู่ซ้ายมือ

**ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปทางเข้ามาให้ดู**



:: ถึงที่พักก็สำรวจห้องกันก่อนเลย ห้องผมจองมาในราคา650 รวมอาหาร 2 มื้อ ชื่อห้องทานตะวันเป็นห้องน้ำรวมครับ ส่วนรายละเอียดที่พักห้องอื่นๆดังนี้ จองพักเดือนมีนา-พฤษภา ลดเฉพาะค่าห้องที่อยู่กับเจ้าบ้าน200บาททุกห้อง อย่างเช่นห้องที่ผมพักก็ลดไป 200 บาทจาก 850 บาท // กางเต้นท์เองคนละ250บาท //กางเต้นท์ให้พร้อมนอนหลังละ 800บาท นอนได้ 2 คน // ค่าห้องพักที่บ้าน 1000 บาทนอนได้ 2คน // บ้านต้นไม้ 1500บาทนอนได้ 2 คน // เรือนชมดาว พักได้ 8 คนราคา 3000บาท(ยังไม่รวมค่าอาหาร) ค่าอาหารเช้าเย็น 2 มื้อ คนละ 150 บาท / เตียงเสริมคิด500บาทต่อคน



:: ผมเดินมาเขียนชื่อเพจของผมที่ผนังปูน ซึ่งมีคนเขียนไว้ก่อนหน้ามากมายหลายท่าน ระหว่างรอเพื่อนซึ่งขับมาจาก กทม. แต่ด้วยความเพลียจากการแว๊นซ์ตากแดดมา 3-4 ชม.ทำให้ผมต้องนอนแต่นอนได้สิบนาทีก็ตื่น พร้อมกับมาม่าที่เพื่อนทำไว้ให้ทาน ตกเย็นผมเดินสำรวจถ่ายรูปรอบๆที่พักอย่างจริงจัง



:: ผมขอเล่าถึงเพื่อนผู้ซึ่งทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองในวันนี้หน่อยนะครับ วันนี้เพื่อนผมพาแม่มาด้วยและแม่เขาป่วยเป็นอัลไซเมอร์ทุกการแสดงออกการกอดการหอมการเล่นกับแม่วันนี้ทำให้ผมคิดถึงแม่ขึ้นมาทันที ผมอาจจะเห็นลูกกตัญญูจากข่าวมาเยอะแต่วันนี้มันมีความหมายตรงที่ผมได้เห็นทุกๆอิริยาบถที่เพื่อนผมแสดงออกด้วยความรัก

“ โลกที่เราอาศัยอยู่นี้เป็นเพียงจุดหนึ่งในอวกาศ
และเราก็เป็นจุดหนึ่งบนโลก
แต่ความรักกว้างใหญ่จนไม่มีอะไรมาวัดได้ ”

Tanakit.



:: ผมคิดถึงแม่ คิดถึงการเดินทางของวันนี้ คิดถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามถนนในชนบท คิดถึงความเหงาของการเดินทางคนเดียวและฮัมเพลง Road ของจีนมหาสมุทร ผมเริ่มเหงาขึ้น มากพอๆกับแรงลมที่มาปะทะตัว และจอดในที่ๆเงียบสงบ จุดบุหรี่ที่ไม่เคยเลิกได้มาตลอดหลายปี ควันเงียบๆใต้ร่มไม้ บ้างก็โอนเอนไปตามแรงลมและควันสีขาวนวล ตะวันค่อยๆตกดิน และลุงดำเรียกพวกเราไปทานข้าว



:: ทุกครั้งที่ผมได้ออกเดินทางผมมักโชคดีที่ได้กินอาหารอร่อยๆตามที่พักต่างๆ และมันทำให้ความทรงจำผมแจ้งเตือนอีกครั้งเวลาได้กินของอร่อยๆที่กรุงเทพ ผมมักจะนึกถึงอาหารที่คล้ายกันตามที่ที่ผมไปพักมา (กับข้าวอร่อยมากครับลุงดำ)



:: เช้า สำหรับผมคำนี้เหมือนคำว่า Restart มันคือการเริ่มต้นของวันใหม่และมันคือการบังคับตัวเองให้ตื่นเพื่อมาเห็นในสิ่งที่เมืองไม่มี ทุกครั้งที่มาเที่ยวผมไม่เคยตื่นสายเลยเพราะจากกำไรจะเป็นขาดทุน เช้าๆมีอะไรให้เห็นมากมาย อย่างเช่นไอ้คนในภาพที่ผมคิดว่าผมตื่นก่อนมันซะอีกที่ไหนได้มันตื่นตั้งแต่ตี 3 อยากถามมันเหมือนกันมรืงตื่นมาทำอะไร๊.. :: เช้านี้ผมถ่ายรูปไม่เยอะแต่เลือกที่จะนั่งมอง...นกที่ผมไม่รู้ชื่อ กระเล็นที่ลุงดำบอกแล้วผมเสิร์ชกูเกิ้ลทันทีด้วยความอยากรู้



"ผมนั่งอยู่เฉยๆกับที่ ก่อนที่แสงว่างจะค่อยๆไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ด้านล่าง ทะเลของแสงแดดสวยงามไม่แพ้ทะเลของจริง"



:: ผมกับเพื่อนนั่งคุยกันซักพักก่อนที่วันนี้เราจะแยกย้ายกันเพราะเพื่อนผมอยากนอนชมดาวและกางเต้นท์ที่เดิม ส่วนผมจะย้ายไปนอนที่บ้านมุงซึ่งห่างจากที่นี่40กิโล จริงๆเพื่อนผมคนนี้ก็ชอบไปกางเต้นท์นอนคนเดียวเหมือนผม เขาส่งรูปให้ผมดู และผมก็บอกเขาว่ารถนายสวยมาก :: ผมออกเดินทางช่วงสิบโมงเช้าที่อากาศ...เอิ่มไม่รู้จะรีบร้อนไปไหนนี่มันพึ่งสิบโมงเองนะเว้ย ด้วยความเร็ว40-50กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไหนจะขับๆหยุดๆถ่ายรูป บ้างก็นั่งพัก การรื้อกล้องออกมาถ่ายทีก็กินเวลาไปพอสมควร การจอดชมวิวจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายกว่า ความรู้สึกก็สดใหม่กว่าการนั่งมองภาพถ่ายในคอมพิวเตอร์



:: ระยะทาง 40 กิโล แต่ใช้เวลาไป 2 ชม. ไม่มีรีบไม่มีเร่งไปเรื่อยๆแม้แดดจะร้อน แต่กำไรแบบนี้มันหายากมากสำหรับคนเมืองอย่างผม กลับไปผมก็รู้ว่าอะไรมารออยู่ตรงหน้าแล้ว ตื่น อาบน้ำ ทำงาน วนเวียนอยู่แบบนี้แต่โชคดีที่ผมรักงานของผม ถึงจะไม่ได้รักมันมากเท่ากับการเที่ยวแต่อย่างน้อยก็เหมือนกับว่าผมทำงานครึ่งเดียว เหมือนกับที่มีคนกล่าวไว้ว่า ' ถ้าทำงานที่ตัวเองรักและสนุกไปกับมันก็เท่ากับว่าทั้งชีวิตเราไม่ต้องทำงานเลย.. '



:: หลังเขาcafe&homestayคือที่พักในคืนนี้ ซึ่งอยู่ใน ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง ซึ่งสามารถพิมพ์ชื่อนี้ได้เลยในGPS>>หลังเขาcafe&homestay ไม่มีพาหลงแน่นอน :: ผมนั่งพักก่อนขึ้นไปดูห้อง ผมนั่งมองบรรยากาศกุ้ยหลินแต่อากาศโคตรเคนย่าแม่มมร้อนมาก เหงื่อผมไหลไม่หยุดด้วยความหิวเลยสั่งโอวันตินร้อนกับลูกชิ้น ก่อนสติจะกลับมาแล้วเปลี่ยนเป็นโอวันตินเย็น ผมขอบอกเลยว่าโอวันตินที่นี่อร่อยมากน้ำแข็งก็เย็น



:: กลับมาที่ห้องพักซึ่งอยู่บนชั้น 2 มี 2 ห้องและเวิ้งตรงกลาง ห้องเล็กนอนได้2-3คนซึ่งจริงๆแล้ว4คนยังได้ ส่วนห้องใหญ่นอนได้ 4-6 คนซึ่งจริงๆแล้ว 7 คนยังได้ ผมจ่าย300บาท พร้อมอาหารเช้าซึ่งอยากกินไรก็บอกป้าเจ้าของบ้านได้เลย ส่วนตัวผมไม่ได้เลือกอะไรเป็นพิเศษจึงเอาที่ป้าสะดวกเพราะผมกินอะไรก็ได้ :: 300บาทพร้อมกับภูเขาหินปูนที่อยู่ตรงหน้า โอ้ย....ไม่ได้ดีใจนะ....มดคันไฟกัด เกาเสร็จมองวิวตรงหน้าต่อ เห้ย..มันคุ้มนะ หน้าร้อนมันยังโอเคระดับนึง หน้าหนาวจะขนาดไหน



:: เพลิดเพลินกับวิวกุ้ยหลินและอากาศเคนย่าได้ไม่นาน ผมก็ขึ้นไปนอนข้างบน นอนได้ไม่นานก็ต้องลงมาข้างล่าง เพราะมันนอนไม่ได้มันร้อนมาก พัดลม2ตัวที่พัดลมร้อนๆเข้ามาใส่ตัวทำให้หลับไม่ลง นอนเหงื่อไหลยิ่งนอนยิ่งเพลียผมมีความรู้สึกว่าการได้หลับสิบนาทีเป็นอะไรที่ทรมานมาก ผมลงมานั่งเล่นข้างล่างสั่งชามะนาวแกล้มด้วยลูกชิ้นอีกเหมือนเดิม และผมคงต้องนั่งตรงนี้อีกราว 2 ชม.เพื่อรอปั่นจักรยานถ่ายรูป ที่นี่ให้เช่าจักรยาน ชม.ละ30บาท ทั้งวันคิด 150 บาท แต่วันนั้นมีผมคนเดียวจักรยานที่จอดอยู่เฉยๆจึงถูกผมต่อเหลือ50บาท ซึ่งผมก็ขอขับแค่ตอนเย็นอย่างเดียวพี่เขาก็ใจดีให้ด้วย ^^



:: 16.00 น. ผมทนไม่ไหวนั่งจนตูดแฉะแล้ว ผมหยิบจักรยานปั่นไปตามทาง ทางที่ไม่รู้ว่าผมจะไปไหน ขับไปก่อน เจออะไรที่มันเชื้อเชิญกล้องก็ค่อยถ่ายกันไป ภาพแรกเป็นเขาหินปูนตั้งตระหง่านเหมือนจะปิดเส้นทางที่ผมกำลังจะไป ขับไปได้สักหน่อยก็เจอควัน ผมจินตนาการว่านี่คือตอนเช้าที่มีหมอกไหลคลอเคลีย แต่ที่ไหลคลอเคลียจริงๆนั่นเหงื่อของตูเอง :: ยิ่งปั่นไปยิ่งหยุดบ่อยเพราะวิวสวยแม้แดดจะแรง ผมถ่ายทุกอย่างที่ขวางกล้อง ฉึบฉับๆเสียงของชัดเตอร์ดังเหลือเกินเพราะตรงที่ที่ผมอยู่เงียบมาก เงียบจนเกือบจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ :: ยิ่งขับไปขับไปผมว่าผมเริ่มหลงแล้ว ผมเริ่มจอดถามชาวบ้านว่าถ้ำที่เขาไปกันอยู่ตรงไหนครับ ซึ่งทางที่ผมไปมันไม่มี ผมต้องปั่นกลับเข้ามาตามถนนหลักเพื่อเปิด GPS แล้วเสิร์ชว่าวัดบ้านมุงเพื่อไปถ้ำ



:: มาถึงแล้วครับ อ่าวไม่เห็นเหมือนในรูป ก็ใช่น่ะสิผมมาผิดที่ๆผมจะไปคือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล สงสัยแดดจะแรงเบลอไปหมด ส่วนถ้ำที่วัดบ้านมุงก็จะเป็นถ้ำที่ชมความงามได้แค่บริเวณปากถ้ำ ถึงเข้าไปได้ผมก็ไม่กล้าเพราะผมกลัวมาคนเดียววัดก็เงียบ ทั้งวัดผมก็ยังไม่เห็นใครเลยนอกจากนักท่องเที่ยวอีก3คนที่อยู่ไกลๆ ผมปั่นจักรยานแบบกล้าๆกลัวๆถ่ายรูปเล่นอยู่ในวัด



:: จนไม่รู้จะไปไหนแล้วจึงตีรถกลับมาที่โฮมสเตย์นั่งรออีกชั่วโมงกว่าๆเพื่อชมไฮไลท์ฝูงค้างคาวนับล้านตัว การรอที่ดีที่สุดคือหาอะไรทำ ผมปั่นไปซื้ออาหารเย็นที่อยู่เยื้องที่พัก ได้กับข้าวมา2อย่างแต่ข้าวหมด โชคดีได้น้าน่าจะเป็นญาติกับเจ้าของโฮมเสย์ไปซื้อข้าวให้ ขอบพระคุณมากครับ



:: อิ่มแล้ว ค้างคาวก็ยังไม่มาสักที ผมเริ่มง่วงๆ เริ่มปวดหลังตามประสาคนกำลังเข้าใกล้วัยแก่ชราเลยไปนอนเปลรอค้างคาวรอจนวูบหลับไปนิดนึงค้างคาวก็ยังไม่ออกมา คงจะคุยกันอยู่ว่ารอนักท่องเที่ยวมาเยอะกว่านี้หน่อยค่อยโชว์ตัว ผมไม่อยู่เฉย หยิบกล้องถ่ายบรรยากาศที่เริ่มมีแสงสีส้มดูอบอุ่นๆ กำลังสาดส่องหมู่บ้านเล็กๆที่น่าอยู่แห่งนี้



:: นักท่องเที่ยวเริ่มเยอะขึ้น ผมเริ่มได้ยินเสียงล้งเล้ง ใช่แบทแมนมาแล้ว



ฝนตกในคืนตี 4
อากาศดีและมีความสุข
เช้านี้ผมขลุกอยู่กับที่นอนและหมอนข้าง
จนพอใจ..



ทริปอื่นๆ



: สังขละก็ดี ป้อมปี่ก็ได้ อั๊ยยะ อั๊ยยะ ชั่ย ชั่ย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/36122720



: แม่ขะนิงทุกสิ่งผ่านหัวใจ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/37101274



: รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี รักปอดให้ไปคีรีวง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/36455753

ความคิดเห็น