6bhp7tztfuhe

. . . R i n j a n i . . .

‘ทุ ก ก า ร เ ดิ น ท า ง

ส ร้ า ง มิ ต ร ภ า พ

แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์”

#แสงจันทร์

"ภูเขาไฟรินจานี" ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเราก็ทำหน้างงว่ามันคือที่ไหนหน้าตาเป็นอย่างไร อาจจะยังรู้สึกเฉยๆ แต่เมื่อได้เห็นภาพเท่านั้นแหละ มันทำให้ใจเต้นแรงอีกครั้ง อยากไปสัมผัส อยากไปพิสูจน์แรงกายและแรงใจ เพราะรินจานีคือภูเขาไฟที่สูงเป็นอันดับสองของอินโดนีเซีย มีความสูงจาดระดับน้ำทะเลถึง 3,726 เมตร (ดอยอินทนนท์ 2500 เมตร) เลยทีเดียว อดีตภูเขาไฟรินจานีเคยระเบิดครั้งใหญ่ทำให้ปากปล่องบางส่วนยุบตัวลงเกิดเป็นแอ่งและกลายเป็นทะเลสาบ Segara Anak Lake แต่บางส่วนยังคงประทุเกิดเป็นภูเขาไฟลูกเล็กอยู่ใจกลางทะเลสาบชื่อว่า Barujari

-----------------------------------------------------

การเดินทาง

ขาไป Donmuang >> Kuala lumpur (Malaysia) >> Lombok (Indonesia)

ขากลับ Lombok >> Denpasar (Bali) >> Donmuang


-----------------------------------------------------

เส้นทางการ Trekking

Day1: Senaru Village – Sembalun Village (1,150 m) - Sembalun Crater Rim (2,639)

Day2: Sembalun Crater Rim (2,639) – Summit (3,726 m) – Segara Anak and Hot Springs (2008 m)

Day3: Segara Anak and Hot Springs (2008 m) – Senaru Crater Rim (2,641 m) – Senaru Village (601 m)

-----------------------------------------------------

Day1: Senaru Village – Sembalun Village (1,150 m) - Sembalun Crater Rim (2,639)

จุดเริ่มต้นการเดินทางของผมเริ่มต้นที่ สระบุรี เวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 9 สิงหาคม 2560 เริ่มต้นทริปโดยการนั่งรถบัสไปต่อเครื่อง เปลี่ยนเครื่องต่อไปยังเกาะลอมบอก และต่อรถยนต์อีกครั้งนึงไปยังที่พัก ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณเกือบ 12 ชั่วโมง ถึงที่พักราวๆเกือบเที่ยงคืน พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าเราจึงรีบเข้านอนเอาแรงสำหรับการปีนเขาในวันพรุ่งนี้

เช้าตรู่ของวันที่ 10 สิงหาคม เราต้องนั่งรถจากที่พักเพื่อไปยังหมู่บ้าน Sembalun (1,150 m) ซึ่งเป็นจุดลงทะเบียน และจุดเริ่มต้นของเราในการเดิน Trekking ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที

เวลา 08.00 น. เป็นเวลาที่เราเริ่มเดิน โดยเป้าหมายแรกในการเดินวันนี้ของเรานั้นคือ Sembalun Crater Rim (2,639 m) หรือจุดกางเต็นท์ แต่จุดหมายแรกของการเดินที่เราจะไปคือ Pos I (Pemantauan, 1,300 m) หรือจุดพักแรก

ช่วงแรกของการเดิน Trekking บรรยากาศสองข้างทางเป็นลักษณะเนินหญ้าเล็กๆ มีต้นไม้ต้นเล็กๆขึ้นแซมสลับไปทั้งสองข้างทางโดยปราศจากร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ อากาศร้อน ฝุ่นฟุ้งกระจายเนื่องจากคนเดิน และตลอดการเดินในช่วงนี้จะสั่งเกตเห็นวัวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านไปโดยตลอด ใช้เวลาเดินสักพักนึงทางความสูงเริ่มเพิ่มขึ้นตามลำดับ บนท้องฟ้าเริ่มมีเมฆลอยมาปกคลุม สลับกับแสงแดด ทำให้ความร้อนลดลงเดินได้สบายขึ้น

21wc62y0w430
a9ekagswxht2


Pos I (Pemantauan, 1,300 m) จุดพักแรก ที่จุดพักมีศาลาเล็กๆปลูกไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวใช้พักผ่อน จุดนี้ไกด์ให้เวลาเรา 10 นาที ซึ่งก็เพียงพอเพราะในระยะแรกนี้ระดับการเดินยังไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ บริเวณจุดพักมีร้านค้าเล็กๆคอยให้บริการกับนักท่องเที่ยวสำหรับขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม เรียกว่าเป็นมินิมาร์ทท่ามกลางป่าเขา หายเหนื่อยแล้วเราก็ออกเดินทางต่อ

เดินมาสักพัก บรรยากาศยังคงเหมือนเดิม มีเมฆสลับกับแดดทำให้เดินได้เรื่อยๆไม่ร้อนจนเกินไป เป้าหมายต่อไปของเราคือ Pos II เพื่อพักกินข้าวเที่ยง และถือเป็นจุดสุดท้ายของการเดินทางในพื้นราบ เพราะหลังจากนี้การเดินจะเริ่มไต่ระดับและชันขึ้นเรื่อยๆ


u82977jj60u7

fsktir9ovb2s

2was5vdqobtm


Pos II (Tengengean, 1500 m) จุดพักกินข้าวเที่ยง นั่นไง!!! เสียงใครสักคนในกลุ่มเราอุทานขึ้นเบาๆ กระจุกเล็กๆข้างหน้าเรานั่นไงคือจุดที่เราจะพักกินข้าวกัน จุดพักที่นี่มีศาลาเล็กๆเพียงหลังเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวแน่นอน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับราคาที่เราซื้อทัวร์มาว่าเราจะได้ที่พักแบบไหน ซึ่งถ้าราคาแพงหน่อยก็จะมี Fly Sheet กางเพื่อกันแดดและปูพื้นให้สำหรับพักผ่อน สำหรับกลุ่มเรานั้นมีเพียงแค่ผ้าปูพื้นเท่านั้น ซึ่งหมายถึงกลุ่มเราจะต้องนั่งทานข้าวแบบกลางแดด แต่ดีหน่อยที่ที่นั่งในศาลามีกลุ่มก่อนหน้าเราเพิ่งจะลุกออเดินทางต่อ เราจึงได้เข้าไปหลบแดดเพื่อกินข้าวในศาลากัน

พอเรามาถึงลูกหาบและไกด์ของเราก็จัดแจงวางของทำกับข้าว ซึ่งจุด Pos II นี้เราจะได้เห็นความสนุกสนานของการทำครัวกลางเขา เห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นนั่งหรือนอนคุยกันทั้งกลางแดด และในร่มครึกครื้นกันไป จุดนี้เราจะใช้เวลากันนานหน่อย ถ้าใครต้องการจะเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆที่พักก็ได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษหน่อย เพราะรอบข้างที่พักนั้นคือแหล่งปลดทุกข์ของนักท่องเที่ยวนั่นเอง

หลังจากทานข้าวและพักผ่อนเสร็จก็ถึงเวลาเดินทางต่อ เป้าหมายต่อไปของเราคือ Pos III ทางเดินช่วงนี้ค่อนข้างใต่ระดับขึ้นมาอีกสักหน่อย บรรยากาศสองข้างทางเริ่มแปลกตา แตกต่างจากช่วงแรก เมฆเริ่มเยอะขึ้นและลอยต่ำลงมาเรื่อยๆ บางช่วงของการเดินให้ความรู้สึกเหมือนเดินในหมอก บางช่วงสามารถสังเกตุทางน้ำไหลเป็นรอยแยกของภูเขาดูคล้ายกับเหวลึก


7zwgvv357xz0
7o3q06nx00ut
oe68kc1mypto

kdp0jlsow4vs

pxe01335k3mk

a1km5l3rm8o5
1f32e9dlx4z5
t3x548073ec3


Pos III (Pada Balong, 1800 m) จุดพักจุดสุดท้าย เป็นจุดพักสุดท้ายก่อนจะถึงจุดกางเต็นท์สำหรับพักนอนคืนนี้ ทางหลังจากจุดนี้เป็นทางชันและบางช่วงเหมือนเรากำลังไต่ขอบเขาขึ้นไปเรื่อยๆ เมฆเยอะมากอาจเนื่องมาจากทางไต่ความสูงขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศสองข้างทางยิ่งแปลกตา สวยงาม บางขณะจะพบเมฆลอยผ่านเข้ามาทำให้เห็นสองข้างทางได้ไม่ชัดเจนมากนัก บางขณะท้องฟ้าปลอดโปร่งแสงแดดสาดส่องเข้ามาเต็มที่ จึงทำให้เกิดช่วงเวลาที่สวยงามในขณะที่เมฆโดนแสงแดดเข้ามาแทนที่ ลำแสงตัดผ่านเมฆลงมาเป็นลำงดงามมาก


mlck7gr2pqpz
irqctppl4sfj
y9068hfm3owy

xd18orxozoep
mx7jgxw1obm9
paulvq5f5c2u
wxkmlcgyivdl


ทางช่วงหลังจาก Pos III นี่ถือว่าเป็นช่วงวัดใจมาก ทางชันอีกทั้งยังเลาะเลียบขอบเขา เป็นช่วงที่รู้สึกว่าเหนื่อยสุดสำหรับการเดินวันแรก แต่เมื่อเจอกับภาพวิวตรงหน้าภาพนี้ ทำให้เรารู้สึกคุ้มค่ากับการเดินมาเกือบครึ่งวัน หายเหนื่อยไปนิดนึงมีกำลังใจเดินต่อ

นั่นไง เห็นยอดรินจานีแล้ว นั่งไงคือจุดที่เราจะต้องเดินไปให้ถึงในพรุ่งนี้ สู้ต่อไป เย้!!


edq54l7ymptf
nemoidoet96l


Sembalun Crater Rime (2,639 m) ขอบปากปล่องภูเขาไฟ หรือจุดกางเต็นท์ หลังจากเดินทางมาแบบค่อนข้างเหนื่อยยากมาก ไหนจะทางชัน ไหนจะต้องรีบเดินทำเวลาให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ถือเป็นช่วงที่เหนื่อยมาก แต่เมื่อมาเจอกับบรรยากาศข้างบนแล้วแบบ...

นาทีที่เราเดินโผล่พ้นไหล่เขาชันช่วงสุดท้ายขึ้นมานั้นก็แบบ ร้องเห้ย!! ทำไมสวยขนาดนี้ แสงจากพระอาทิตย์ช่วงสุดท้ายก่อนจะลับของฟ้าทะลุผ่านยอดขอบปากปล่อยอีกด้านหนึ่งทะลุเมฆสาดจับมายังหมู่เต็นท์หลากสีสรรของนักท่องเที่ยว ในขณะที่เมฆไหลเข้ามายังปากปล่องภูเขาไฟเป็นฉากหลัง เป็นบรรยากาศที่ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาอธิบาย คือเรานั่งนิ่งๆเพื่อซึมซับกับภาพที่อยู่ตรงหน้าเรานี้นานมาก นานจนเกือบถ่ายรูปไม่ทันเพราะแสงหมดไวมาก ถือเป็นความคุ้มค่าในการเหนื่อยมาทั้งวัน


3k6mx3a7n7d2
6at3f7xmamqb
2ydrdws5syur

a0iapagwvlyc


ห้องส้วมที่บรรยากาศเกินบรรยายมาก


4b2jjv91p82n
a8puoj7jntsj
x7cz6epyiit7
x8ma06zm7pch
289j6yknkwnw
6opjkfj336io
rqbchpp09rba
qv7id5o1o7co


Day2: Sembalun Crater Rim (2,639) – Summit (3,726 m) – Segara Anak and Hot Springs (2008 m)

เวลาตีสองของคืนวันที่ 12 สิงหาคม อากาศคืนนี้หนาวมาก และยิ่งทำให้เรารู้สึกว่ายิ่งหนาวไปอีกเมื่อบวกลมแรงที่พัดมากระทบทุกส่วนของร่างกาย ทั้งที่ช่วงนี้เพิ่งจะเดือนสิงหาคม ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร่เมฆมาบดบังดาวบนฟ้าเหลือน้อยแล้วคงเพราะเคลื่อนย้ายตกลงอีกฟากของขอบฟ้าไปแล้ว พวกเราต้องรีบตื่นเตรียมพร้อมสำหรับเดินขึ้นไปที่ยอดเขารินจานี ให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อดูแสงแรกของวันที่จุดที่สูงที่สุดของภูเขาไฟรินจานี

การเดินช่วงนี้ค่อยข้างลำบากหน่อยเพราะทางเดินมืดมาก ต้องอาศัยแสงจากไฟฉายที่คาดหัวนำทางในการเดินเท่านั้นระยะการมองเห็นไม่ไกลมากนัก เรียกว่าเดิมแบบงมไปตามไกด์หรือคนข้างหน้าเท่านั้น ตลอดทางเดินเต็มไปด้วยฝุ่นจากพื้น ทางบางตอนเล็กแคบและชันมาก อีกทั้งอากาศที่หนาวเย็นและลมที่พัดแรงตลอด ทำให้ต้องใช้ผ้าปิดปากและจมูกเพื่อกันฝุ่นและลมเย็นที่ประทะใบหน้า

เวลาประมาณ 04.00 น. ทัศนวิสัยเริ่มชัดเจนมากขึ้นจากที่มองเห็นกลุ่มคนเพียงแค่เงาตะคุ้มๆ เริ่มมองเห็นทางได้ชัดเจนมากขึ้น และในขณะที่น้ำที่เตรียมมานั้นก็ได้หมดลงไปแล้วด้วย T^T เราอยากจะเตือนไว้ตรงนี้เลยว่าน้ำสำคัญมากในการเดินช่วงนี้ เพราะหลายคนที่ต้องตัดใจเดินกลับไม่สามารถเดินไปถึงยอดเขาได้เนื่องมาจากน้ำไม่เพียงพอก็หลายคน

เวลาประมาณ 05.00 น. หลายคนกำลังนอนหลับสบายภายใต้ผ้าห่ม แต่อีกหลายคนรวมทั้งเราเรานั้นเป็นช่วงที่เลวร้ายสุดๆสำหรับสำหรับการเดินในวันนี้ ระยะทางช่วง 500 เมตร สุดท้ายก่อนถึงยอดเขาเป็นอะไรที่ลำบากมาก ทางชันเกือบสี่สิบห้าองศาประกอบกับที่ต้องเดินลุยไปในดินร่วนที่ปนไปด้วยหินก้อนเล็กก้อนใหญ่ เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุด พักเริ่มหายใจลำบากเพราะเนื่องจากอากาศที่เบาบางในระดับความสูงที่มากกว่า 2800 เมตร จากระดับน้ำทะเล ไหนจะไถลลงเนื่องจากทางชัน และไหนจะง่วงนอกมากๆ ง่วงขนาดที่ว่าเมื่อไหร่ที่เราหยุดพักสายตาเพียงสักอึดใจเราจะหลับนกทันที ตลอดสองข้างทางก็พบคนนั่งหลับพิงก้อนหินริมทาง

แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนเราก็เอาชนะใจตัวเองขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของยอดภูเขาไฟรินจานีได้สำเร็จ เป็นหนึ่งในเช้าที่จะอยู่ในความทรงจำเราไปตลอด


yqqpi6orrtf3
qm1y4zcmgyiw


สันเขาซ้ายมือมองลงไปยังเห็นนักท่องเที่ยวคนอื่น ทยอยเดินกันมาเรื่อยๆ ไม่นึกว่าเราจะเดินมาไกลขนาดนี้ เพราะตอนที่เดินมานั้นสังเกตทางไม่ได้เลยเพราะมืดมาก


4hrbmdci172a
fbkwexl1ngl2
xvmpjmqmju2u
4a131tg9zyew


มองลงไปจะเห็นทะเลสาปที่อยู่บนปล่องภูเขาไฟ และภูเขาไฟอีกลูกที่ยังแอคทีพอยู่


41nu8tv1jflo
tg3p9itekhll
f1lujslxbgda
7xyvhfb8l2gm
vz2uojl9rczn
u73rnwyagagt
jo8n25hurd1o

u5khxo54i1mg

ic2xzu4acult
iswcr93hup6a

ลักษณะของทางเดินที่ทั้งชัน และฝุ่นเยอะต้องอาศัยผ้าปิดปากปิดจมูก


b4qha6178b3p


ลงจากยอดเขาเรียบร้อยแล้วเราก็เตรียมเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปคือ ทะเลสาป Segara Anak Lake และ ธารน้ำพุร้อน Hot Spring

ทางเดินช่วงนี้จะเป็นการเดินในลักษณะไต่ริมปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งทางจะชันมากต้องใช้ความระมัดระวังเพราะเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ บรรยากาศขณะเดินนี่คือสวยมาก เหมือนเดินอยู่ในหมอกตลอดเวลา ธรรมชาติสองข้างทางก็จะพบดอกหญ้าบานขาวสพรั่งละลานตาไปหมด ถือว่าเป็นช่วงที่เสี่ยงหน่อย แต่บรรยากาศสวยงามมาก


tamtalx8kkzv
cys4jsn7afkk
nai52bwc35b7
kzq5ns6ussn2
pckrykke15d3
2si4snu6t96s


Hot Spring เนื่องจากช่วงที่เรามาถึงทะเลสาปนั้นเมฆไหลเข้ามาทำให้มองไม่เห็นบรรยากาศในทะเลสาปเลย เราจึงตัดสินใจเดินทางต่อไปยัง ธารน้ำพุร้อนเพื่ออาบน้ำต่อเลยทันที เพราะเราไม่ได้เจอน้ำมาเกือบสองวันแล้ว

ธารน้ำพุร้อนเป็นอะไรที่ดีมาก ถึงแม้ว่าอุณหภูมิในน้ำจะร้อน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากต่อการลงไปอาบน้ำเลย เพราะอากาศค่อนข้างเย็นมาก อีกทั้งลมแรงจึงทำให้เราลงไปอาบน้ำได้แบบสบายตัวมากๆ


mduiy7179rsu
vph4zoyscylu
ey4se39cpxja


อาบน้ำเสร็จเราก็เดินต่อเลียบไปกับริมทะเลสาปเพื่อไปยังเต็นท์ซึ่งลูกหาบและไกด์ได้เตรียมไว้ให้แล้ว ขณะที่เรามาถึงจุดกางเต็นท์เมฆบางส่วนได้เผยให้เราเห็นยอดรินจานีฝั่งที่เราเดินลงมานั้น เป็นโมเม้นท์ที่เราประทับใจมาก เหมือนในหนังเลย


6uijur7xbpth
vp2mvdz72dz6


Day3: Segara Anak and Hot Springs (2008 m) – Senaru Crater Rim (2,641 m) – Senaru Village (601 m)

เวลา 03.00 น. ของคืนวันที่ 13 สิงหาคม เป็นเวลาที่เราเริ่มออกเดินทางต่อไปยัง ขอบปากปล่องภูเขาไฟอีกด้านหนึ่งเพื่อเดินทางกลับ ทำไมเราต้องตื่นเช้าขนาดนี้ เนื่องจากจริงๆแล้วตามกำหนดการของไกด์เราไม่ได้นอนที่ทะเลสาป แต่เนื่องจากเราถึงทะเลสาปใกล้จะค่ำแล้วจึงได้เปลี่ยนกำหนดการใหม่

ทางช่วงนี้เป็นอะไรที่หลอนมาก เนื่องจากเราต้องปีนเขาไต่ไปตามขอบปากปล่องภูเขาไฟในขณะที่บรรยากาศมืดมาก และคงมีเพียงคณะเราคณะเดียวที่เดินทางเวลานี้ ทุกคนก้มหน้าก้มตาเดินกันอย่างเดียวโดยไม่ได้คุยกันเท่าไหร่นัก ยิ่งทำให้บรรยากาศดูวังเวงไปอีก ไหนจะเสียงลมที่พัดเข้ามาในปากปล่อง ซึ่งลมแรงมาก พัดผ่านต้นไม้ใหญ่ทีก็ไหวยวบยาบ และทำให้เสียงลมดูหวีดหวิวพิลึก

กว่าจะเดินไปถึง Senaru Creter Rim พระอาทิตย์ก็ขึ้นจากขอบฟ้า ทำให้มองเห็นบรรยากาศสองข้างทางได้ชัดเจนมากขึ้น และเมื่อมองลงไปยังทะเลสาปยิ่งสวยมาก มองเห็นน้ำในทะเลสาปเป็นสีฟ้าน้ำทะเล และน้ำบริเวณใกล้กับภูเขาไฟลูกเล็กน้ำทะเลสาปจะกลายเป็นสีเหลืองเนื่องจากกัมถันตัดกับสีฟ้ายิ่งแปลกตาไปอีก สวยงามมาก

xu3zm5rags9x
3jnm6m7fx00l
ozpigcspjzmn


บรรยากาศช่วงลงเขาช่วงสุดท้ายก็เต็มไปด้วยเนินเขาที่มีหญ้าขึ้นคลุมดูสีเขียวเต็มไปหมด พบต้นไม้เล็กๆขึ้นแซมประปราย นานๆครั้งมีเมฆไหลผ่านเข้ามาทำให้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่

ช่วงสุดท้ายของการเดินก่อนถึงจุดหมายเป็นป่าคล้ายๆป่าดิบชื้นบ้านเรา ทางชันสลับกับพื้นราบ จุดหมายปลายทางสุดท้ายของเราคือ Senaru Village (601 m) ระหว่างทางก็สามารถพบเห็นนักท่องเที่ยวที่เลือกเส้นทางนี้เป็นจุดเริ่มต้นเดินสวนทางกับคณะของเราประปราย


ff7jtonhov68
ltwtjxgasa85
1ofviuii3e31
5xvbukmdrj22
s8vsm405qvcp


เวลาประมาณ 16.00 น. เราก็มาถึง Senaru Village (601 m) ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 13 ชั่วโมง รวมระยะเดินทางจากวันแรกจนถึงวันสุดท้ายประมาณ 42 กิโลเมตร เป็นทริปที่เหนื่อยมาก แต่นอกเหนือจากความเหนื่อยก็คือเราได้ค้นพบหลายสิ่งอย่างจากประสบการณ์ครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมก็คือ การเอาชนะใจตัวเองเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมาย


o9unyotpexj5


-----------------------------------------------------

ค่าใช้จ่ายสำหรับทริป

  • ค่าเดินทาง ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 4 เที่ยว 8600 บาท
  • ค่าทัวร์ 170 US (5700 บาท)
  • ค่าลูกหาบวันละ 20 us

-----------------------------------------------------

Note :

  • Tour Rinjani : Yannick Trekker Tour
  • Website : yannicktrekker.com
  • Phone : + 6281907664233
  • E mail : [email protected]

Facebook : https://www.facebook.com/sangchantravel

ความคิดเห็น