สวัสดีครับ


ถ้าพูดถึงฮ่องกง หลายๆคนคงนึกถึงการไปช้อปปิ้ง นั่งกระเช้าไปนองปิง หรือไปเที่ยวสวนสนุก

กระทู้นี้ผมจะพาไปเที่ยวฮ่องกงในแบบที่หลายๆคนอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมได้ไปเยือนฮ่องกง

ครั้งแรกเมื่อปี 2011 ตอนผมอายุ 13 ตอนนั้นพี่ชายเป็นคนพาเที่ยว

แต่ครั้งนี้ผมไปคนเดียว ทำให้ต้องวางแผน จองโรงแรม และทำหลายๆอย่างด้วยตัวเอง



ทริปนี้ไปทั้งหมด 5 วัน 4 คืน ตั้งแต่วันที่ 11-15 ธันวาคม 2557

เป็น 5 วัน 4 คืนที่ไม่มีแผน เที่ยวแบบงงๆ หลงไปเรื่อยๆ เมื่อยก็พัก ง่วงก็หลับ

ไปแบบกินอิ่มทุกมื้อ นอนหลับทุกคืน ถึงแม้จะไม่ได้กินหรู ไม่ได้นอนโรงแรมห้าดาวก็ตาม ฮ่าๆๆ



ค่าใช้จ่าย

ทริปนี้ทั้งทริปหมดไปประมาณ 9xxx บาท

ค่าเครื่องบิน 3728 บาท

*1เหรียญฮ่องกง = 4.26 บาท

ทริปนี้แลกเงินไปเกือบๆ 6000 บาท ได้มา 1400 เหรียญ

เป็นค่าโรงแรม 630 เหรียญ ที่เหลือเป็นค่าเดินทาง ค่ากิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

เหลือตังกลับบ้านประมาณ 100 เหรียญ จริงๆกะจะใช้ให้หมด แต่เหลือเก็บไว้เป็นที่ระลึกดีกว่า ห้าๆๆบวก



รูปภาพทั้งหมด ผมแต่งมั่วๆนะครับ ผมแต่งรูปไม่ค่อยเป็น หน้าจอก็สีเพี้ยนไปหมด

อีกอย่าง ผมเขียนไม่ค่อยเก่ง ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกไม่ค่อยเป็น

เขียนไปแบบที่ตัวเองคิดออก โม้ไปเรื่อยๆนะครับ

หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับบ



ก่อนเดินทางประมาณ 2 วัน ผมนี่ยังงงๆ มะรืนนี้จะไปฮ่องกงแล้วหรอว้า

ที่พักก็ยังไม่ได้จอง แผนก็ยังไม่มี เงินก็ยังไม่ได้แลก ทุกอย่างไม่มีความพร้อมเลย

วันรุ่งขึ้นผมเลยรีบไปแลกเงินที่สะพานควาย แล้วก็รีบจองโรงแรมทันที ฮ่าๆๆ

ครั้งนี้ผมจองที่พักผ่าน Hostelworlds เพราะราคาถูกและน่าพักกว่าของ Booking เยอะเลย



ไปฮ่องกงแนะนำให้ซื้อซิมใช้ เพราะราคาไม่ได้แพงมากมาย เอาไว้ใช้เปิด Google Maps หาวิธีการเดินทาง


เมื่อหาวิธีการเดินทางใน Google Maps แล้ว ก็จะรู้ว่าถ้าจะไปสถานที่นี้ต้องนั่งรถบัสสายอะไร

แล้วถ้าอยากรู้อีกว่ารถบัสสายนี้ ราคากี่เหรียญ ผ่านป้ายไหนบ้าง ให้เข้าไปเช็คที่

http://www.nwstbus.com.hk/pda/routesearch.aspx?intLangID=1

ใส่เบอร์รถบัสเข้าไปในช่อง Route Number: กดค้นหาก็จะเจอว่าข้อมูลสายรถบัสนั้นๆ ว่าราคาเท่าไหร่ ผ่านป้ายไหนบ้าง

แต่จะใช้ค้นหาได้กับรถบัสที่เป็นคันใหญ่ 2 ชั้น ไม่ใช่รถโดยสารเล็กๆที่คล้ายรถตู้



อีก App ที่อยากแนะนำก็คือ MTR Mobile


เอาไว้ค้นหาราคาค่าโดยสารรถไฟ และข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสถานีรถไฟต่างๆ

สามารถบอกได้ว่าแต่ละสถานี ทางออกต่างๆไปไหนได้บ้าง สะดวกมากๆ



เอาล่ะ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยดีกว่า ฟิ้ววว


ผมเก็บสัมภาระตอนกลางคืนวันที่ 10 ธันวาคม แล้วออกจากบ้านตอน 5 ทุ่ม

คืนนี้กะจะไปนอนสนามบิน เพราะขี้เกียจออกตอนเช้า กลัวตกเครื่อง ฮ่าๆๆ

นั่งรถเมล์ไปลงบางเขน แล้วก็ยืนรอรถเมล์ที่จะผ่านสนามบิน ยืนรอจนเที่ยงคืนกว่าก็ยังไม่มีมาสักคัน

สุดท้ายเปลี่ยนใจ นั่งแท็กซี่ก็ได้ว้า ที่นั่งรถเมล์เพราะต้องการประหยัด จะเรียกว่างกก็ได้ครับ

อะไรประหยัดได้ก็ประหยัดเนอะ 5555



ถึงสนามบินก็เกือบตี 1 แล้ว Bording Pass ยังไม่ได้ปริ้นมา เพราะเครื่องปริ้นที่บ้านเสีย

แต่ได้ทำ Web Check in มาเรียบร้อยแล้ว

พอลองมากดปริ้น Bording Pass ที่เครื่อง Kiosk ปรากฎว่าปริ้นไม่ได้

บอกให้ไปติดต่อที่เคาท์เตอร์อย่างเดียว ไรว๊าาาา



ผมเดินไปเดินมา หาที่หลับที่นอน เบาะก็แข็ง

นอนหลับๆตื่นๆ สุดท้ายก็ถึงเวลาตี 4 เดินไปติดต่อเคาท์เตอร์ให้ช่วยปริ้น Bording Pass ให้หน่อย

ได้ Bording Pass มาก็เดินเข้า ตม. ตรวจสัมภาระ แล้วเดินไปนอนต่อที่ Gate รอเวลาขึ้นเครื่อง ชิวๆ

ทริปนี้เป็นทริปแรกที่ใส่ช้างดาวเพียวๆ เที่ยวต่างประเทศ


นอนจนถึง 6.15 ก็ตื่น เตรียมตัวขึ้นเครื่อง ออกเดินทางสู่ฮ่องกง


ไฟท์ FD508 ออก 6.45 น. ถึงฮ่องกง 10.15 น.

ผมเดินขึ้นเครื่องคนสุดท้ายตลอด เบาะว่างที่เหลือก็กลายเป็นของผมทันที ฮิๆๆ

ผมเลือกเบาะที่ว่างติดกัน 3 ที่ หลังจากเครื่องขึ้น สัญญาณรัดเข็มขัดหาย

ผมก็ทิ้งตัวลงนอน 3 เบาะ สบายๆ ชิวๆ หลับยาวๆ

จริงๆไม่รู้ว่าผิดกฎหรือเปล่า แต่ผมก็ทำมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน

ใช้เวลาอยู่บนเครื่อง 2 ชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงสนามบินฮ่องกง


เมฆเยอะมาก หมอกหนามาก ทัศนวิสัยไม่ค่อยดี ทำให้อดชมวิวมุมสูงจากเครื่องบิน

ผ่าน ตม. ฮ่องกงมาได้แบบสบายๆ เจ้าหน้าที่โยนพาสปอร์ตให้ ตลกดีเหมือนกันครับ


ออกมาจาก ตม. ผมก็เดินหาตู้เติมเงินบัตร Octopus ซึ่งบัตรนี้เป็นบัตรที่สะดวกมากๆ สามารถใช้จ่ายค่ารถไฟ รถบัส และใช้ชำระค่าสินค้าต่างๆตามร้านสะดวกซื้อได้ ใครไปฮ่องกงครั้งแรก แนะนำให้ซื้อไว้ใช้นะครับ ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่

http://www.hongkongpackage.net/board/index.php?topic=13.0


เมื่อเงินในบัตรพร้อม ก็ได้เวลาเดินทางเข้าที่พัก เพื่อเก็บสัมภาระ และออกไปตะลุยฮ่องกงกัน

การเดินทางเข้าเมืองจากสนามบินฮ่องกงสามารถทำได้หลายวิธีเช่นรถไฟ รถบัส และแท็กซี่

ผมเลือกใช้บริการรถบัส เพราะประหยัดที่สุด มีที่ให้วางกระเป๋า ที่นั่งสะดวกสบาย

รถบัสเข้าฮ่องกงนั้นมีหลายสาย ใครพักอยู่แถวไหนก็ลองเลือกสายรถในลิ้งด้านล่างดูนะครับ


http://www.nwstbus.com.hk/routes/airport-bus/route/index.aspx?intLangID=1


ทางเดินไปสถานีรถบัสก็เดินไปตามป้ายเรื่อยๆนะครับ แล้วจะเจอรถบัสอยู่เต็มไปหมดเลย

รูปตั้งแต่สนามบินดอนเมืองถึงฮ่องกงแรกของผมหายไปหมด เลยไม่ค่อยมีรูปให้ดู ขออภัยครับ


ที่พักที่จองอยู่แถวๆสถานี Fortress Hill นั่งรถสาย A11 ถึง


ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงย่าน Fortress Hill

ผมลืมเซฟแผนที่ของที่พักมา แค่จดรายละเอียดมานิดหน่อย เดินวนหาอยู่ครึ่งชั่วโมง สุดท้ายก็เจอ

ที่พักชื่อ Yesinn อยู่ในตึก CONTINENTAL MANSION ชั้น 15

ป้ายข้างทางไม่มีบอก ป้ายในตึกไม่มีบอก ครั้งนี้ผมเดินหามั่วๆเลย ฮ่าๆๆ


ที่พักวันธรรมดาคืนละประมาณ 500 กว่าบาท แต่ถ้าเสาร์อาทิตย์จะราคา 800 ขึ้นไป


ผมจองไปทั้งหมด 4 คืน รวมแล้วประมาณเกือบๆ 2700 บาท ตกคืนละ 600 กว่าบาท

ห้องพักจะอยู่คนละชั้นกับแผนกต้อนรับ ผมได้ห้องพักอยู่ชั้นที่ 5

หลังจากเช็คอินพนักงานจะให้ คีย์การ์ดมา ใช้สำหรับแตะตรงประตูเพื่อเข้าห้อง มีค่ามัดจำ 50 เหรียญ

ภายในห้องพักไม่กว้างมาก มีตู้เย็น ไมโครเวฟ คอมพิวเตอร์ เตารีด ให้ใช้ และอื่นๆอีกนิดหน่อย

เตียงเป็นเตียง 2 ชั้น หลายๆเตียง แคบๆ พอนอนได้ อาจจะไม่สะดวกสบายมากนัก แต่ผมก็นอนหลับทุกคืน

บางคืนเสียงกรนนี่ดังทั้งห้อง ผมตื่นขึ้นมาแล้วก็ตกใจเหมือนกัน โครกคราก โคกคราก ฮ่าๆๆ


หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ผมก็ลองไปเดินสำรวจรอบๆที่พัก


แวะเข้าร้าน Yoshinoya พนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ผมก็ชี้ๆ เค้าก็ถามภาษาจีน

ผมฟังไม่รู้เรื่อง ก็งงๆ สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง สุดท้ายก็ได้มากินแบบงงๆ ฮ่าๆๆ

ผมนี่เข็ดเลย หลังจากนั้นเดินผ่านร้าน Yoshinoya ก็ได้แต่มอง ไม่กล้าเข้าไปกิน ฮือๆ

กินอิ่มก็เดินกลับที่พัก ใช้ไวไฟของที่พักวางแผนเที่ยว เพราะยังไม่ได้มีแพลนจะไปไหนเลย


ตอนนั้นเวลาก็ประมาณบ่าย 2 บ่าย 3 แล้ว เสียเวลาหาที่พักนานไปหน่อย

วันแรกเลยตัดสินใจไป The Peak แล้วกัน หาข้อมูลสายรถเมล์ที่จะไป The Peak ใน Google Maps

วันแรกไม่ได้ซื้อซิม เพราะกะว่าจะประหยัดที่สุด ฮ่าๆๆ

ผมนั่งรถสาย 56 ไปลงแถวๆ Queen's Road และข้ามถนน ต่อรถสาย 15 ไป The Peak


การขึ้น The peak สามารถนั่งรถบัสสาย 15 หรือจะนั่งรถรางจาก Peak Tram Station ก็ได้

แต่นั่งรถรางราคาจะแพงกว่า ผมที่เน้นประหยัด เลยเลือกนั่งรถบัสแทน

รถบัสที่ฮ่องกง เวลาขึ้นเขานี่ขับสะใจจริงๆ โค้งไปโค้งมา เหมือนเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกเลย ฮ่าๆๆ

หลังจากลงรถบัสก็ต้องเดินขึ้นตึกเพื่อออกไปชมวิวข้างนอก


ผมเองก็อธิบายทางไม่ถูกเหมือนกัน ลองไปเดินมั่วๆกันครับ ฮ่าๆ

วิวฮ่องกงยามเย็น หมอกหนาไปหน่อย เลยอดเห็นตึกฝั่งเกาลูน


ขึ้นมาข้างบนนี่หนาววว ผมใส่เสื้อฟรีสมาแค่ตัวเดียว แถวรองเท้ายังเป็นช้างดาวอีก บรื๋อออออ


อุณหภูมิประมาณ 10 กว่าๆ มีลมพัดมาแรงๆทีนี่เกือบสั่น


ข้างบนจะมีตึกโค้งๆ มีจุดชมวิวด้านบน ชื่อ Sky Terrace 428 ซึ่งต้องเสียค่าเข้าประมาณ 40 กว่าเหรียญ


ถ้าใครอยากประหยัด ฝั่งตรงข้ามจะมีห้างอะไรสักอย่าง สามารถขึ้นไปชมวิวได้ฟรี

ถ้านั่งรถบัสสาย 15 มา ก็จะมาจอดอยู่ใต้อาคารของห้างพอดี เดินขึ้นชั้นบนสุดก็จะเจอจุดชมวิวครับ



ผมขึ้นมาตอนเย็นๆ ฟ้ายังไม่มืด ก็เลยนั่งเล่น เดินไปเดินมา รอถ่ายรูปตอนกลางคืน



เริ่มมืดแล้วว อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ โดนลมนานๆก็หนาวจนมือชา


เลยต้องเดินเข้าห้างไปหาที่อบอุ่นเป็นระยะๆ


กลางคืนวิวจาก The Peak นี่สวยจริงๆ มองเห็นตึกสูงๆหลายๆตึกติดกันเป็นแนวยาว


มองเห็นแม่น้ำ เห็นเรือ เห็นแสงสี ของเมืองฮ่องกง

ขาตั้งกล้องก็ไม่มี แถมยังมาคนเดียว เลยไม่มีคนถ่ายรูปให้เลย ฮ่าๆๆ


ตอนแรกกะจะรอจนถึง 2 ทุ่ม รอดู The Symphony of Lights แต่อากาศหนาว และลมแรงจริงๆ


ผมเลยเปลี่ยนใจ ขึ้นรถบัสกลับที่พักดีกว่า


แวะซื้อขนมจีบจาก Supermarket ข้างทาง ราคา 11 เหรียญมั้ง ถ้าจำไม่ผิด แล้วเอาไปเข้าไมโครเวฟของที่พัก


รสชาติก็ไม่ถือว่าแย่ พอกินได้ ผมเป็นคนไม่ค่อยติดเรื่องรสชาติอยู่แล้ว กินให้อิ่มเป็นมื้อๆไปก็พอ



12/12/57


ผมออกจากที่พักตอน 8 โมง วันนี้ยังไม่มีแพลนไปไหนเลย ก็เดินเล่นๆไปเรื่อย



ลองนั่งรถรางเล่น ซึ่งช่วงที่ไป รถรางวิ่งไปถึงแค่ Victoria Park


ผมที่ไม่รู้จะไปไหนต่อ ก็เดินไปเรื่อยๆ เดิน เดิน แล้วก็เดิน

เดินมาจนถึงแถวๆ Causeway bay

อาการศหนาวๆกับช้างดาว ช่างเข้ากันดีจริงๆ


รู้สึกว่าไม่ได้การและ ซื้อซิมมาหาข้อมูลเที่ยวดีกว่า


เลยไปซื้อซิมจากเซเว่น เป็นซิม Discover Hong Kong ราคา 69 เหรียญ

ใช้เล่นเน็ตได้ 1.5 GB เป็นระยะเวลา 5 วัน และแถมเงินให้ 25 เหรียญ อัตราค่าโทรต่างประเทศ 0.45 เหรียญต่อนาที

ถือว่าไม่แพงมาก ใส่ซิมก็สามารถใช้งานได้เลย


ข้าวในเซเว่นของฮ่องกงในรูปนี่น่ากินมากกกกก แต่พอเปิดออกมาจริงๆ ไม่เหมือนในรูปสักกะนิด 5555555



ได้ซิมมาผมก็รีบเข้าเน็ตหาข้อมูลเที่ยวฮ่องกงทันที ผมอยากลองไปสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนไป


ได้ความมาว่า มีทางเดินเขาที่ Dragon's Back วิวสวย ผมนี่อยากไปลั้นลาบนเขาเลย


การเดินทางก็ไม่ยาก นั่งรถไฟไปลงสถานี Shau Kei Wan แล้วต่อรถบัสสาย 9 ก็จะถึงทางเดินขึ้น Dragon's Back

เมื่อมาถึง Shau Kei Wan ก็ซื้อเสบียง เตรียมอาหารไปให้พร้อม เพราะข้างบนเขาไม่ร้านค้าใดๆ

บริเวณใกล้ๆสถานีรถบัสจะมีตลาดสด ขายผัก ผลไม้ อาหารสด ดูน่าสนใจเลยทีเดียว


เมื่อได้เสบียงพร้อมสำหรับการเดินเขา ก็เดินมาขึ้นรถบัสสาย 9 กันได้เลย


รถบัสจะวิ่งขึ้นเขาไปเรื่อยๆ โค้งไปโค้งมา เพลินดีครับ

ทางขึ้น Dragon's Back จะมีอยู่หลายทาง แต่ผมแนะนำแค่ 2 ทาง


ทางแรก ลงรถบัสป้ายที่ 9 ชื่อป้าย Cape Collinson ระยะทางเดินถึง Dragon's Back ประมาณ 3 โลกว่าๆ

ส่วนทางที่สอง ลงรถบัสป้ายที่ 12 ชื่อป้าย To Tei Wan ระยะทางเดินถึง Dragon's Back ประมาณ 1 โลกว่าๆ

ใครจะเดินขึ้นจากจุดที่ 1 ไปลงทางจุดที่ 2 ก็ได้ หรือจะขึ้นจุด 2 เดินไปจุด 1 ก็ได้


ผมเดินขึ้นจากจุด 1 ไปจุด 2 ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไร พอเห็นป้ายทางขึ้น Dragon's Back ก็รีบลงรถบัสทันที


เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ชันมาก ตอนแรกจะเป็นทางเดินปูน

พอขึ้นไปสักพักจะเปลี่ยนเป็นทางดิน เป็นทางเดินง่ายๆสบายๆ ไม่ใช่ทางชันอะไร



มีคนปั่นจักรยานขึ้นมาด้วย ฮ่าๆๆ



เดินมาเรื่อยๆประมาณชั่วโมงนึงก็จะเจอทางแยกขึ้น Dragon's Back


เป็นทางเดินขึ้นเขา ไต่หินไปเรื่อยๆ สบายๆ เทียบไม่ติดกับภูสอยดาวที่ผมเพิ่งไปมา 555555


ขึ้นมาเรื่อยๆก็จะพบกับวิวของภูเขาและทะเล เป็นวิวที่ผมไม่คิดว่าจะได้มาเจอที่ฮ่องกง


เป็นสถานที่ที่การเดินทาง ง่ายกว่าภูเขาที่ประเทศไทยเยอะเลย ฮ่าๆๆ

ข้างบนนี่ลมแรงจริงๆ ผมนี่สั่นนไปทั้งตัว สั่นหงึกๆ กระตุกๆ 55555555


ผมนั่งกินแซนวิชไปมองดูทะเลไป ช่างเป็นมื้อที่หนาวสั่นจริงๆ

ผมอยู่บนเขาอยู่หลายชั่วโมง นั่งเล่นเน็ต ชมวิวไปเพลินๆ แล้วก็เดินลงเขา

นั่งรถบัสสาย 9 กลับ Shau Kei Wan แล้วนั่งรถรางกลับที่พักแบบชิวๆ


อยู่บนรถรางนี่ไม่ทำไรครับ นั่งหลับ เพลียจากการเดินเขานิดหน่อย

นั่งรถรางมาจนถึง Fortress Hill ก็เดินกลับที่พักไปนอนเอาแรง


นอนจนถึง 6 โมงกว่า ก็วางแผนไปดู The Symphony of Lights ที่ Avenue of Stars


ผมนั่งรถไฟจาก Fortress Hill ไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี Admiralty เพื่อไปยัง Tsim Sha Tsui

ตอนเปลี่ยนขบวนนี่คนเยอะมาก เนื่องจากเป็นเวลาเลิกงาน ยืนรอรถไฟอยู่ 10 กว่าขบวน

สุดท้ายก็ได้ขึ้น เบียดกันแน่นเหมือนปลากระป๋อง ฮ่าๆๆๆ



ถึงสถานี Tsim Sha Tsui เดินไปไม่ไกลก็จะถึง Avenue of Stars


จาก Avenue of Stars จะมองเห็นวิวตึกทางฝั่งฮ่องกงทั้งแถบ เปิดไฟสวยงาม


นั่งรอจนถึง 20.00น. ก็จะเริ่มการแสดง The Symphony of Lights

โชว์แสดง แสง สี เสียง อาคารต่างๆมีการยิงแสง Laser และไฟต่าง ๆ ประกอบเพลง


ระยะเวลาในการแสดงประมาณ 15 นาที มีการแสดงทุกวัน

ชมการแสดงจนจบ ผมก็ไปเดินเล่นๆแถวๆ Tsim Sha Tsui


มีร้านค้าต่างๆ แบรนด์เนมมากมาย ร้านโจ๊กที่ผมเคยมากินเมื่อเกือบๆ 4 ปีก่อนก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

ผู้คนเดินพลุกพล่าน ไม่หลับไม่นอนกันเลยจริงๆ

ตึก Chungking Mansions เมื่อก่อนที่ยังเก่าๆ เดี๋ยวนี้ก็ทำใหม่ซะสวยงาม ทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดจริงๆ

ออกมาเดินเล่นทีไร ก็จะมีคนมองรองเท้าแล้วก็มองหน้าผม ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน 555555

เดินเล่นจนเมื่อยก็นั่งรถไฟกลับที่พัก เพื่อพักผ่อนเตรียมเที่ยวต่อพรุ่งนี้


13/10/57


ตื่นเช้ามาทีไร อากาศหนาวๆ ง่วงๆ สะลึมสะลือนี่ไม่อยากลุกออกจากเตียงเลยจริงๆ

แต่มาเที่ยวทั้งที จะมัวนอนขี้เกียจอยู่ได้ไง มันต้องออกไปแว๊นนน ฮ่าๆๆ


วันนี้คิดแผนสดตอนตื่นว่าจะไปเที่ยวทะเลที่ Repulse Bay และไปเดินเที่ยวที่ Stanley Market

ผมออกจากที่พัก นั่งรถรางมาลง Victoria Park แล้วเดินต่อไปยัง Causeway bay

เดินหลงไปหลงมา กะว่าเดินถูกทางแล้ว พอเปิด Maps ดู อ้าวผิดทาง ต้องเดินย้อนกลับไปอีก 555555


สุดท้ายก็เดินมาเจอท่ารถตู้สาย 40 ที่จะพาไปยัง Repulse Bay


นั่งรถมาเรื่อยๆ ถ้ามองเห็นตึกสูงๆที่ตรงกลางมีรูก็ลงป้ายหน้าตึกได้เลย


ทะเลจะอยู่ทางด้านขวา ก็เดินลงบันไดไปเรื่อยๆ ก็จะเจอชายหาด Repulse Bay

เดินเล่นชายหาดเพลินๆ แนะนำให้มาตอนเช้าๆ คนยังไม่ค่อยมี


ผมมาคนเดียวนี่นั่งจ๋อยเลย ฮ่าๆๆ



อยากจะวิ่งลงทะเล แต่พอลมพัดมาเท่านั้นแหละ ชะงักเลยย 55555



เดินไปซ้ายมือสุดชายหาด จะเจอเจ้าแม่กวนอิม ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา


หลังจากเดินเล่นจนสายๆ คนเริ่มเยอะ ก็กลับมายืนนั่งรถบัสสาย 6 หน้าตึกที่มีรู


เพื่อไปยัง Stanley Market

แนะนำให้ลงที่ป้าย Stanley Plaza แล้วค่อยลงลิฟท์เดินไป Stanley Market อาจจะได้ถ่ายรูปวิวสวยๆระหว่างทาง

ที่ Stanley Plaza จะเจอแต่ฝรั่งที่มาจับจ่ายใช้สอยเป็นส่วนใหญ่ มีร้านค้า ร้านอาหาร ใครหิวก็แวะทานที่นี่ได้ครับ

หรือใครจะไปลงที่ป้าย Stanley Village แล้วเดินไป Stanley Market เลยก็ได้เช่นกัน


เดินเล่นชมวิวไปเรื่อยๆ แถบนี้จะเป็นทะเล แต่ไม่ใช่ชายหาด


ผมนี่ตั้งกล้องถ่ายรูปเลย ฮ่าๆๆ


ที่นี่ลมแรง เล่นเอาหนาววเลยทีเดียว



หลังจากนั้นผมก็เดินไป Stanley Market ซึ่งอยู่ใกล้กันนิดเดียว


ที่ Stanley Market ร้านค้าจะคล้ายๆกับจตุจักรที่ประเทศไทย แต่เล็กกว่ากันเยอะ เสื้อผ้าก็ราคาไม่แพงมาก

ผมนี่อยากจะสอยมาสักตัวสองตัว แต่เงินในกระเป๋าไม่ค่อยจะมี ฮ่าๆๆ

ส่วนใหญ่ที่เจอจะเป็นชาวต่างชาติมาเที่ยวมากกว่า ไม่เจอคนไทยเลยก็ว่าได้

จาก Stanley Market เดินไปไม่ไกล ก็จะมาเจอกับ Stanley Main Beach ซึ่งแถบนี้ทะเลจะเป็นชายหาด


ใครอยากเล่นทะเลก็แก้ผ้าแล้ววิ่งลงทะเลเลยก็ได้ ฮ่าๆ

มีฝรั่งมานอนอาบแดดกันหลายคู่ และมีคนกำลังสร้างปราสาท แต่ว่าเป็นปราสาททราย


ผมมาเดินเล่นแปปเดียวแล้วก็กลับ เพราะแดดแรงเหลือเกิน แต่หนาวนะครับ ฮ่าๆๆ

จาก Stanley Market มีรถบัสหลายสายเลยที่สามารถกลับเข้าเมืองได้ ใครจะไปแถวไหนก็ลองเลือกดูนะครับ

ผมนั่งสาย 6X เพื่อที่จะไปแถว Central ระหว่างทางนี่รถติดมากก ติดยาววเลย


ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลับแล้วหลับอีก ก็มาถึง Central

ตอนแรกตั้งใจจะไปขึ้นตึก Bank of China เพื่อที่จะชมวิวฟรีที่ชั้น 43 ก็เดินจาก Central ไปเรื่อยๆ


แต่พอไปถึง เจ้าหน้าที่บอกว่าวันเสาร์เปิดถึงแค่ 13.00 น. ซึ่งตอนที่ไปมันเกือบบ่าย 2 แล้ว

ผมก็ลืมไปเลยว่าวันเสาร์มันปิดเร็ว ฮ่าๆๆ

จากนั้นก็เดินกลับมา Central ตั้งใจจะไปขึ้นตึก IFC Mall 2 เพื่อชมวิวอีก


แต่พอหาข้อมูลในเว็ป ได้ความว่าปิดวันเสาร์เหมือนกัน ผมนี่เซงเลยย

เดินวนไปวนมา สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร เสียเวลาไปหลายชั่วโมง ฮ่าๆๆ

ใครสนใจไปชมวิววนตึกสูงฟรี ลองหาข้อมูลดูนะครั


จาก IFC Mall เดินมาไม่ไกลก็จะถึงท่าเรือ Central Piers


ที่นี่มีท่าเรือหลายท่า สามารถนั่งเรือไปตามเกาะรอบๆฮ่องกงได้

ใครมีเวลาเหลือ อยากลองเที่ยวแบบ Unseen ลองนั่งเรือไปเกาะแปลกๆดูนะครับ น่าสนุกดี

ผมมานั่งหลับอยู่แถวท่าเรือได้สักพัก ก็นั่งรถบัสกลับที่พักไปนอน

ง่วงนอน ไม่ไหวจริงๆ ฮ่าๆๆ

เจอคุณยายกำลังจะข้ามถนน ยืนอยู่บนเกาะกลาง เท่จริงๆ


ผมหลับไปตอน 4 โมง ตื่นมาอีกทีก็ 6 โมงกว่า เริ่มมืดแล้ว คืนนี้ไม่รู้จะออกไปร่อนไหนดี


หาข้อมูลได้สักพัก ก็ตัดสินใจไปเดินเล่น Temple Street ที่ Jordan แล้วกัน


ตอนแรกตั้งใจจะนั่งรถบัสจาก Fortress Hill ไป แต่พอมาถึง Victoria Park รถติดยาวว


เปิด Google Maps ดูการจราจร นี่แดงไปทั้งถนน กว่าจะถึงคงเป็นชั่วโมงแน่ๆ เลยตัดสินใจ เดินลงจากรถบัส

เดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี Tin Hau แทน เสียค่ารถบัสไปฟรีๆเกือบ 10 เหรียญ ฮ่าๆ



นั่งรถไฟมาลงสถานี Jordan Exit A เดินไปไม่ไกลก็ถึง Temple Street


Temple Street เป็นตลาดนัดกลางคืน สินค้าก็จะมีเหมือนกับตลาดนัดบ้านเรา พวกเสื้อผ้า เคสโทรศัพท์


ผมไม่ได้จะมาซื้ออะไรหรอก ไม่มีอะไรทำ เลยมาเดินเล่นๆ

แต่ว่า เอ๊ะ….ในรูปนั่นกำลังจะจูบกันรึเปล่า ผมถ่ายติดมาได้ไงเนี่ยยย

หลังจากเดิน Temple Street จนสุดซอย ก็เดินเที่ยวไปเรื่อย ตั้งใจจะเดินไปให้ถึง Mongkong


ถนน Nathan นี่มีคนเดินกันตลอดจริงๆ ไม่รู้ว่าเดินไปไหนกัน

แวะถ่ายรูปกลางถนนซะหน่อย ฮ่าๆๆ



เดินมาเรื่อยๆ ตามถนน Nathan ผ่านสถานีรถไฟ Yau Ma Tei สุดท้ายก็มาถึง Mongkok

แถวๆ Mongkok นี่ร้านค้ามากมายจริงๆ ใครชอบช้อปปิ้งแนะนำเลย ผู้คนก็มากมายจริงๆ

ผมมาตามรอยชิมบะหมี่เกี๊ยวจากเว็ป hongkongfanclub ในลิ้งนี้ครับ ยืนรอต่อคิวสักพักก็ถึงคิว


http://www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=2732.0

ตอนสั่งนี่ผมก็สั่งไม่เป็น อยากจะกินเกี๊ยวน้ำ


เค้าก็พูดจีนมา ผมก็พนักหน้าหงึกๆ เป็นอันเข้าใจ ได้ชามนี้มา

สมัย 6 ปีก่อนยังชามละแค่ 18 เหรียญ แต่ที่ผมไปกินนี่ขึ้นเป็น 31 เหรียญแล้วครับ

ตอนผมกินใกล้หมด มีคนไทยมากิน เค้าก็สั่งว่าบะหมี่เกี๊ยว ลูกชิ้นปลา ผมก็ตกใจนิดๆ

เอาเป็นว่า ร้านนี้สั่งเป็นภาษาไทยได้ครับ ฮ่าๆๆ

รสชาติก็พอกินได้ครับ แต่ผมคิดว่าแพงไปหน่อย ชามละร้อยกว่าบาท

30 เหรียญนี่ผมซื้อไก่ CP ในเซเว่นได้ 2 แพ็ค กินได้ 4 มื้อเลย ห้าๆๆ

กินอิ่มแล้วก็ออกมาเดินย่อยกันต่อ


เดินไปเดินมาเริ่มรู้สึกเมื่อย เหนื่อย เลยนั่งรถไปกลับที่พักไปพักผ่อนดีกว่า


ก่อนเข้าที่พัก แวะซื้อไก่ทอด กับไก่เทอริยากิ CP จากเซเว่นข้างๆ ซึ่งมีโปรโมชั่น 2 แพ็ค 29 เหรียญ

ไก่นี่แพ็คนึงผมแบ่งกินได้ 2 มื้อ ถือว่าประหยัดไปได้เยอะเลย

กินอิ่มแล้วก็นอนตีพุงสบายยยันเช้าเลยย ฮ่าๆๆ


14/12/57


วันนี้ไม่รู้จะไปไหนแล้ว เลยคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ Dragon's Back อีกรอบ

นั่งรถรางจาก Fortress Hill ไป Shau Kei Wan ซึ่งอยู่สุดสายของรถราง

เช้าๆนั่งรถรางนี่หนาวดีจริงๆ ลมพัดฟิ้วฟ้าวๆ

นั่งรถรางชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร


มาถึง Shau Kei Wan ก็เดินไปสถานีรถบัส ไม่ไกลมาก นั่งรถบัสสาย 9 เช่นเคย


ระหว่างอยู่บนรถบัสเกิดเปลี่ยนใจ Dragon's Back ไปมาแล้วจะไปทำไมอีก


นั่งรถเลยไป Shek O เลยดีกว่า

นั่งรถมาสุดสาย ก็จะถึง Shek O แถวๆนี้จะเจอบิ๊กไบค์มากมาย น่าจะมารวมกลุ่มทานกาแฟกัน


จากสถานีรถบัส Shek O เดินไปไม่ไกลก็จะถึงชายหาด มีภูเขาขนาบข้าง


ผมเลยตั้งกล้องถ่ายรูปสักหน่อย ว่ามาถึงชายหาด Shek O แล้ว ฮ่าๆๆๆ



เดินไปทางขวามือสุดจะเจอลานหิน ผมตั้งกล้อง ตั้งเวลา วิ่งขึ้นไปยืนแทบไม่ทัน ห้าๆๆ


ถ้าวิ่งแล้วก้าวพลาดตกลงมานี่ซวยเลย


น้ำทะเลน่าว่ายยมากกก ถ้าไม่ติดว่าอากาศหนาวคงจะกระโดดลงทะเลไปแล้ว



ภูเขาด้านหลังนั่นน่าจะเป็น Dragon's Back ที่ผมเคยขึ้นไปเดินมาแล้ว


จาก Shek O ผมนั่งรถสาย 9 ย้อนกลับมาที่ป้าย Cape D'Aguilar



ตอนแรกตั้งใจจะหาทางเดินเขา แต่พอมาถึงมันไม่มีทางขึ้น


ก็เดินตามถนนไปเรื่อยๆ ค้นหารูป Cape D'Aguilar ใน Google ดูแล้วน่าสนใจ


ผมเดินมาเรื่อยๆ เป็นถนน เดินง่ายๆ สุดท้ายเดินมาถึงสถานีอะไรสักอย่าง


จะมีทางเดินเลาะไปข้างๆแบบในรูป

ได้แต่ถามตัวเองว่าเดินมาทำอะไร ไม่เห็นมีอะไรเลย



หลังจากนั้นก็เดินกลับไปที่ป้ายรถเมล์ที่เดิม ไปกลับประมาณเกือบๆ 6 กิโลเมตร


แต่หลังจากกลับบ้านมา ผมมาเปิดดู Street View รู้สึกเสียดายมากกก


ทำไมไม่เดินไปให้สุดทาง ถ้าเดินไปให้สุดที่จุดในแผนที่ ก็จะได้เห็นวิวที่สวยงาม

ใครมีเวลาว่างลองเดินไปสำรวจดูนะครับ


ผมเดินมาถึงแค่จุดนี้



ผมเดินกลับมาจนถึงป้ายรถเมล์ ก็นั่งสาย 9 กลับ Shau Kei Wan


และต่อรถรางกลับที่พักไปนอน ผมนี่กลับมานอนที่พักตอนบ่ายๆเย็นๆทุกวันเลย ฮ่าๆๆ

นอนจนถึง 4 โมงก็ออกมาเที่ยวต่อ

เย็นนี้อยากนั่งเรือ ก็เลยนั่งรถบัสมาท่าเรือ Wan Chai (อ่านว่า หวานใจ รึเปล่า ฮ่าๆ ) เพื่อที่จะนั่งเรือไป Tsim Sha Tsui

ที่ท่าเรือ Wan Chai ผมเจอตู้ขายซิมราคา 50 เหรียญ สามารถใช้สมัครเน็ตวันละ 10 เหรียญได้


ค่าโทรก็แค่นาทีละ 15 เซน ถ้ามาไม่กี่วัน ผมว่ามันน่าจะประหยัดกว่าซิมที่ขายที่เซเว่น หรือที่สนามบินอีกมั้ง


หลังจากนั้นก็ขึ้นเรือไปยังท่าเรือ Star Ferry ค่าเรือถูก นั่งแปปเดียวก็ถึง


ลงเรือผมก็เดินมานั่งเล่นแถวๆหอนาฬิกา นั่งชมวิวรอเวลาพระอาทิตย์ตกดิน



แล้วพระอาทิตย์ก็ค่อยๆคล้อยลงต่ำลงไป บรรยากาศดีมากๆ


เลยเอามุมมืดของผมมาอวด ฮ่าๆๆ


คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วที่จะอยู่ฮ่องกง เงินเหลืออีกตั้ง 200 กว่าเหรียญ


เลยกะจะใช้ให้หมด หาร้านขายช็อคโกแลตราคาถูกจากในเว็ป ได้ความว่าอยู่แถวๆ Jordan

ชื่อร้าน PrizaMart ก็เลยเดินไปเรื่อยๆจาก Tsim Sha Tsui


เดินจนเจอร้าน PrizaMart ราคาช็อคโกแลตถูกมากจริงๆ ผมซื้อช็อคโกแลตหมดไป 159 เหรียญ


ได้มาหลายห่อเลย จริงๆร้านนี้มีหลายสาขา ใครสนใจ ลองเข้าไปดูที่เว็ปได้ครับ

http://www.prizemart.com/index.php/en/store


ได้ของฝากมาแล้วก็เดินกลับมาที่ Avenue of Stars รอชม The Symphony of Lights อีกรอบ



วันนี้วันอาทิตย์ คนเยอะมากจริงๆ เยอะกว่าวันศุกร์เยอะเลย



ถ่ายรูปมาก็มุมเดิมๆ คนเยอะจนผมต้องเบียดแทรกตัวเข้าไปถ่ายรูป 55555

หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไฟกลับที่พักไปกินไก่ แล้วนอนตีพุงเช่นเดิม

15/12/57


วันนี้ต้องกลับบ้านแล้ว ตื่นมาก็ได้ยินเสียงกรนเช่นทุกวัน ครอกกฟี้ ZZzzzzZZzzz

ผมเก็บสัมภาระ แล้วก็ไปเช็คเอาท์ แต่ผมดันจำชั้นผิด

จริงๆต้องขึ้นไปเช็คอินที่ชั้น 15 แต่ถมดันไปที่ชั้น 9

ยืนเคาะประตูอยู่ 20 นาที ก็ไม่มีคนมาเปิด 55555555555555

สุดท้ายเลยลองดูข้อมูลโรงแรมใหม่ ก็ไปเจอว่าอยู่ชั้น 15 ผมนี่อยากตบหัวตัวเองจริงๆ 555555

เช็คเอาท์ได้ค่ามัดจำคืนมา 50 เหรียญ เป็นค่ารถไปสนามบินพอดี ฮี่ๆ

ออกมารอรถบัสสาย A11 ไปสนามบินที่ Fortress Hill

สักพักรถบัสก็มา


ผมนั่งหน้าสุด เลยได้ชมวิวเมืองฮ่องกง


รถเข้าอุโมงค์ลอดใต้น้ำไปฝั่งเกาลูน


ข้ามสะพานแขวน Tsing Ma เป็นสะพานแขวนที่ใหญ่และยาวโลกว่าๆ


ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง และแล้วก็มาถึงสนามบินฮ่องกง


ใครใช้บริการ Airasia ก็ต้องไปที่ Terminal 2 นะครับ ซึ่งต้องนั่งรถไฟไป


เป็นรถไฟที่ไม่มีคนขับ ตลกดี ฮ่าๆๆ


ผมไม่ได้ปริ้น Bording Pass มา ก็เลยไปที่เคาท์เตอร์ Check in ให้ช่วยปริ้นให้


เจ้าหน้าที่บอกให้ผมลองเอากระเป๋ามาช่างน้ำหนักดู ผมนี่เสียวเลย เพราะช็อคโกแลตก็หนักเกือบ 2 โลแล้ว

โชคดีน้ำหนักไม่ถึง 7 กิโล เลยผ่านมาได้แบบสบายๆ

จากนั้นก็เดินไปรอขึ้นเครื่องที่ Gate


ตอนแรกผมเดินไป Gate ผิด ดันไปดูหมายเลขที่นั่งเป็นเลข Gate

นั่งเล่นอยู่สักพักก็ว่า เอ๊ะ ทำไมมันแปลกๆ มองจอก็เห็นว่าเที่ยวบินไปโตเกียว

มองเครื่องบินที่จอดอยู่ก็เป็นของ Cathay Pacific

เลยลองเดินย้อนกลับมาดู Gate ที่จออีกรอบ อ้าวววว ผิด Gate ว่าแล้วว มันแทม่งๆ


Gate ที่ผมต้องขึ้นเครื่องมันอยู่คนละอาคารกันเลย ต้องนั่งรถไฟไปอีก 555555

สุดท้ายก็มาถึง Gate จนได้ เกือบไปแล้วมั้ยเล่า ฮ่าๆๆๆ

และแล้วก็ได้เวลาเครื่องขึ้น ได้เวลาบอกลาฮ่องกง เมืองที่เหมือนจะไม่มีอะไร


แต่ก็มีอะไรหลายๆอย่างให้น่าตื่นเต้นจริงๆ

ครั้งนี้ก็ขึ้นเครื่องคนสุดท้าย นั่งมันท้ายลำเลย ฮ่าๆๆ

นอนหลับยาว 3 ที่นั่งบนเครื่องบิน ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึง สนามบินดอนเมือง


ก่อนเครื่องลง แอร์เดินมาถามผมว่า ไม่ทราบว่าผู้โดยสารอายุถึง 16 รึยังคะ

เอ่ออ นี่หน้าผมเด็กหรือว่าผมตัวเตี้ยเหมือนเด็ก หรือผมนอนเหมือนด็กครับ ฮ่าๆ

สวัสดีประเทศไทยอีกครั้ง อากาศช่างหนาวเย็นจริงๆ


ผมนี่ถอดเสื้อกันหนาวแทบไม่ทันเลยนะครับ แหม่

เดินออกจากสนามบินไปยืนรอรถเมล์กลับบ้าน ปกติผมนั่งแท็กซี่กลับบ้าน เพราะมาถึงดึกตลอด

แต่วันนี้มาถึงเที่ยงๆบ่ายๆ อยากประหยัดเลยนั่งรถเมล์กลับบ้านเอา ห้าๆๆ

กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เป็นอันจบทริปป

ทริปนี้เป็นทริปที่ตื่นเต้น เร้าใจดีจริงๆ แผนก็ไปคิดกันสดๆที่ฮ่องกง


อาหารนี่ก็กินแต่ในเซเว่น ทริปนี้หมดไป 9000 กว่าบาทนี่ไม่รู้ว่าถูกหรือแพงเหมือนกัน

อาหารนี่ผมว่าราคาพอๆกับญี่ปุ่นเลย ถือว่าแพงสำหรับผม

ผมชอบเซเว่นที่นี่นะ ซื้ออาหารจ่ายตัง แล้วก็ไปเวฟเอาเอง มีโต๊ะให้ยืนกืน

แต่บางเซเว่นที่เป็นเซเว่นเล็กๆก็ไม่มีไมโครเวฟ และโต๊ะให้เหมือนกัน


ฮ่องกงนี่คนสูบบุหรี่เยอะไปหน่อย บางทีเดินผ่านแล้วมันรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก


ถามว่าได้อะไรจากทริปนี้

ได้ไปปีนเขา เที่ยวทะเล เดินชิวๆริมชายหาด

ได้เดินเที่ยว ดูผู้คน ดูวิถีชีวิตของคนฮ่องกง

ได้ไปยืดเบียด แนบชิดสนิทกายกันในรถไฟฟ้า

ได้ช็อคโกแลตกลับมาหลายถุงเลย

ได้เสียตัง แต่ไม่เสียตัว

ได้อะไรอีกหลายๆอย่างมั้ง ไม่รู้เหมือนกัน


ทริปนี้ไปแบบ งงๆ ไม่ได้เตรียมตัวอะไร มันก็สนุกดีเหมือนกัน

คุยก็แทบไม่ได้คุยกับใคร ไม่รู้จะคุยอะไร ก็ได้แต่ส่งยิ้มไป ฮ่าๆๆ


รองเท้าที่เอาไปก็มีแค่ช้างดาว ใส่ไปใส่มาหูดันหลุดบนเขาอีก

กว่าจะยัดลงรูได้นี่แทบตาย ฮ่าๆๆ


ทริปนี้ก็เป็นครั้งที่ 6 แล้วมั้งครับ ที่ออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวหลายๆวัน

กินข้าวก็กินคนเดียว ไม่ได้รู้สึกเหงาอะไร

เริ่มติดใจกับการเที่ยวคนเดียวแล้ว มันรู้สึกอิสระอย่างบอกไม่ถูก

ใครไม่เคยลองเที่ยวคนเดียว ก็ลองดูเถอะ อาจจะติดใจเลยก็ได้ครับ ห้าๆๆ


เวลาตั้งกล้องหันหลังถ่ายรูปนี่ผมละเสียวกล้องหายเหลือเกิน

ต้องเลือกสถานที่ที่คนไม่พลุกพล่านจริงๆ

ปกติไปเที่ยวไม่ค่อยถ่ายรูปตัวเองเท่าไหร่ มาทริปนี้เลยลองถ่ายรูปตัวเองดู ก็ไม่เลวนะครับ 55555


นี่ถ้าผมตังเหลือใช้นะ คงเที่ยวไปเรื่อยๆไม่กลับบ้านเลยจริงๆ

แต่ตอนนี้แทบจะโดนไล่ออกจากบ้านแล้ว เที่ยวบ่อยเกิน


สุดท้าย ท้ายสุด

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านตั้งแต่แต่จนจบนะครับ

วันนึขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ


ใครสงสัยอะไรตรงไหน สอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ

https://www.facebook.com/hoyberryz

IG : Hoyberry



ความคิดเห็น