“น้ำตกปิตุ๊โกร” หรือ น้ำตกเปรโต๊ะลอซู เป็นน้ำตกที่อยู่บนเทือกเขาสามหมื่น ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อ.อุ้มผาง จ.ตาก เป็นน้ำตกที่ได้ขึ้นชื่อว่าใหญ่และสูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยความสูงกว่า 500 เมตร (วัดด้วยเครื่อง GPS) หรือเกือบสองเท่าของตึกใบหยก เนื่องจากธารน้ำทั้งสองสายไหลลงจากดอยมะม่วงสามหมื่นมาบรรจบรวมกันเป็นหนึ่งเดียวบริเวณหน้าผาสูงชัน จึงทำให้มีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ การจะไปน้ำตกปิตุโกรและพิชิตยอดดอยมะม่วงสามหมื่นแนะนำว่าให้ไป3วัน2คืนเพราะเวลากำลังพอเหมาะมีเวลาให้ได้พักผ่อนและสนุกกับการเดินเที่ยวน้ำตก
การเดินทาง เริ่มจากอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ใช้เส้นทางสายอุ้มผาง บ้านเบิ้งคลิ่ง ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงแต่ขึ้นอยูกับสภาพถนนและทักษะคนขับด้วย พอเราถึงหมู่บ้านกุยเลอตอ จากนั้นจะต้องเดินเท้าลัดเลาะไปตามเทือกเขาและลำธาร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง แล้วแต่ความเร็วในการเดินของแต่ละคน ก็จะถึงจุดตั้งแคมป์ จากนั้นเราต้องเดินเท้าต่อไปที่น้ำตกอีก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
(นี่คือสภาพถนนบางช่วงต้องบอกว่ามันส์ระดับ5ดาวกันเลยทีเดียว)
ถึงจุดเดินเท้ากันแล้ว
เรามาถึงจุดปล่อยตัวเดินเท้าเที่ยงนิดๆเลยเติมพลังด้วยข้าวห่อบนโต๊ะกินข้าวแบบ outdoorก่อนที่ต้องไปลุยกันตอ
เมื่อพลังงานเต็มเปี่ยมแล้วก็ลุยกันเลยครับ
ทางเดินเท้าช่วงแรกๆจะเป็นทุ่งนาและไร่ข้าวโพดที่ปลูกตามเนินสูงต่ำสลับกันไปดูแล้วสวยงามสบายตามากๆแต่ก็อย่าไปสร้างความเสียหายแก่พืชไร่ของชาวบ้านกันนะครับ
เดินคนเดียวมันเหงาจึงอยากให้เราได้มาเดินด้วยกัน.........
แบบนี้ไง (ฮั่นแน่คนอ่านต้องมีอมยิ้มบ้างแหละช็อตนี้)
พ้นจากป่าข้าวโพดมาแล้วเราจะเจอกับอีกหนึ่งไฮไลท์ของทางเดินเท้าที่นี่นั่นก็คือช่วงทางที่น้ำท่วมโดยบางช่วงท่วมถึงหัวเข่ากันเลยทีเดียว
แต่อย่าไปกล้วครับลุยเลยเพราะทริปนี้เปียกและเปียกและเปียกแน่นวล
ถามว่าลุยน้ำมาแบบนั้นไม่เจอโคลนหรอ?แล้วไม่เลอะเทอะหรอ?
ตอบเลยครับว่า"ไม่ครับ"ไม่เหลือ"5555มาเดินป่าที่นี่เปื้อนแน่นอนครับแต่รับรองว่ามันส์มาก
ไปครับไปกันต่อ
ผมเชื่อเสมอว่าทุกตนมีทางเดินเป็นของตัวเองแต่บางครั้งเราก็ควรเดินตามคนอื่นบ้าง
ช็อตนี้จมเกือบถึงหัวเข้าต้องมีคนมาช่วยดึงกันเลยทีเดียว
เดินมาเรื่อยๆจะถึงจุดที่ต้องข้ามลำธารที่น้ำลึกถึงเอวและน้ำค่อนข้างแรงซึ่งจริงๆแล้วมันมีสะพานไม้ไผ่ให้เราเดินข้ามได้แบบชิวๆแต่มันจะไม่ได้อรรถรส555มาเดินข้ามตรงนี้มันส์กว่าครับเยอะได้เล่นน้ำด้วย
และตรงนี้เราจะได้เห็นโมมเม้นดีๆของเพื่อนร่วมทาง
และโมมเ้นดีๆจากแฟนร่วมทางแบบนี้
แต่ไม่แนะนำให้ข้ามตรงนี้แบบอินดี้ตัวคนเดียวเพราะน้ำค่อนข้างแรงอาจโดนน้ำพัดไปกินแล้วไม่มีใครช่วยได้
ความสวยงามชองธรรมชาติข้างทาง
และนี่คือพี่อั๋นผู้ชายอบอุ่นของสาวๆในทริปเห็นซีกชวาพี่แกเอี่ยมๆแบบนี้อยากจะบอกว่าซีกซ้ายเลอะโคลนตั้งแต่เท้าถึงหัวไหล่เพราะพี่อั๋นคือคนแรกของทริปที่ลื่นลงไปนอนเล่นกับพื้นดิน(โคลน)
และแล้วเราก็มาถึงแคมป์สำหรับกางเต็นท์กันแล้วครับ เตรียมกางเต็นท์สำหรับไว้พักผ่อนกันก่อน
จากนั้นก็ไปเล่นน้ำสิครับรอไรเพราะแคมป์กางเต็นท์เราอยู่ใกล้กับลำธราร
ตรงนี้เป็นแลนด์มาร์คที่ใครๆก็มาลงเล่นกัน
เสียดายผมไม่มีฟิลเตอร์ตัดแสงเลยไม่มีภาพน้ำตกพริ้วๆมาฝาก
เสร็จจากเล่นน้ำเราก็มาช่วยกันทำกับข้าวกินกันครับ
และแล้วก็ถึงเวลามื้อเย็นของพวกเราและผมเชื่อเสมอว่ามื้อเย็นในป่ากับคนแปลกหน้ามันเป็นมื้อธรรามดาที่แสนพิเศษเสมอโดยเฉพาะมื้อเย็นของวันแรกที่หลังจากกินอิ่มแล้วทุกคนจะได้แนะนำตัวทำความรู้จักเเลกเปลี่ยนเรื่องเล่าซึ่งกันและกัน
ถ้าใครไปเป็นคู่ก็จะออกมาหวานแบบนี้ มาส่งเข้านอนคืนแรกด้วยภาพนี้ให้ได้อมยิ้มกันเล่นๆ
ไปล่ะครับนอนพักผ่อนพรุ่งนี้ต้องต้องไปทำภาระกิจตามหาหัวใจละพิตยอดดอยมะม่วงสามหมื่นกัน
เช้าวันต่อมาหลังจากทำภารกิจและกินอาหารว่างกันแล้วเราก็ออกเดินทางเพื่อไปพิชิตยอดดอยมะม่วงสามหมื่นกันก่อนเลย
ระหว่างเดินไปก็แวะถ่ายรูปกันไป
ถ่ายไปถ่ายมาพี่ผมก็หงายท้องลงไปนอนถ่ายกับป่าหญ้าซะงั้น5555
เดินมาเรื่อยๆเราก็มาถึงจุดชมวิวที่จะสามารถมองเห็นน้ำตกปิตุโกรได้จากมุมสูงและตรงนี้ยังเป็นแลนด์มาร์คถ่ายรูปยอดฮิตอีกด้วย
เภสัชเมเม่ เภสัชคนสวยที่มียาติดตัวมาเยอะมากใครเป็นรัยบอกเพราะเมเม่มียารักษาทุกอาการ
เรียกว่ามุมมหาชนเลยก็ว่าได้
ไปกันต่อครับยอดสามหมื่นยังอีกไกล
และตรงนี้คือจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์และอิเตอร์เน็ตให้เราได้ถ่ายรูปเช็คอินกันแต่ตรงนี้ยังไม่ใช่ยอดสามหมื่นนะครับยังต้องไปต่ออีก
ถึงแม้ว่ายอดดอยมะม่วงสามหมื่นจะไกลแต่วิวข้างทางระหว่างที่เดินไปมันอลังการจนเราแทบหายเหนื่อยเลยทีเดียว
แต่ต้องมีดวงด้วยนิดนึงครับเพราะขึ้นมาแล้วฟ้าปิดหมอกลงอาจจะมองไม่เห็นอะไรเลย
และแล้วเราก็ทำสำเร็จกับการพิชิตยอดดอยมะม่วงสามหมื่นและภาระกิจเปลี่ยนธงชาติของพี่อั๋น(บนนี้ทากดุแนะนำให้หาสเปย์ต่างๆที่กันทากมาฉีดกันด้วยนะครับ
วิวเว่อวังมาก
ก่อนลงขอกรุ๊ปช็อตอีกรูปล่ะกันก่อนจะกลับลงไปตามหาหัวใจแห่งขุนเขากันต่อ
ความสวยงามจากดอกไม้ข้างทางในป่า
ป่าที่นี่ธรรมชาติยังค่อนข้างสมบูรณ์มากๆดูได้จากความเขียวและความหลากหลายของพืชพันธ์
เดินลงมาจากยอดดอยมะม่วงสามหมื่นเดินมาไม่นานเราก็มาพบกับไฮไลท์ของเราคือน้ำตกปิตุโกรหัวใจแห่งขุนเขา
ท่านี้ต้องมานะครับให้สมฉายาน้ำตกรูปหัวใจ
ทริปนี้ต้องขอบคุณแต้มบุญจากพี่กุ๊กกิ๊กฟ้าเปิดที่ทำให้ฟ้าเปิดจนเราได้วิวอลังการมาฝากกัน
จบทริปอย่างปลอดภัยและสวยงามขอบคุณคนแปลกหน้าทุกคนที่กลายมาเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกัน ผมเชื่อเสมอว่าความสุขไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางแต่อยู่ที่มิตรภาพจากเพื่อนร่วมทางและเรื่องราวระหว่างทางต่างหากที่ให้ความสุขกับพวกเรานักเดินทางอย่างแท้จริง
Pattanachai Gigs
วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 20.19 น.