สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาแบ่งปันเรื่องราวการเดินทางพิชิตดอยม่อนจอง ดอยที่มีทุ่งหญ้าสีทองที่สวยสุดที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ในแบบฉบับคนที่ไม่รู้และไม่เคยไปมาก่อนให้ฟังกันครับ ดอยม่อนจองตั้งอยู่ที่ตำบลอมก๋อย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย โดยผาหัวสิงห์คือจุดสูงสุดของดอยม่อนจองมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยไฮไลท์สำคัญที่ดึงดูดนักเที่ยวให้มาเยือนที่นี่นั่นก็คือทุ่งหญ้าบนภูเขาหัวโล้นที่จะเปลี่ยนสีตามดูกาลโดยจะมีสีเขียวในช่วงปลายฝนต้นหนาวและจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและจะค่อยๆเป็นสีทองในช่วงเริ่มเข้าสู่ปลายฤดูหนาวช่วงปลายเดือนมกราคมเป็นต้นไป โดยทริปนี้ผมกับน้องๆติดต่อและเดินทางไปกันเองโดยที่ไม่เคยมีใครไปมาก่อน เรามาดูเรื่องค่าใช้จ่ายกันดีกว่าครับโดยเราทั้งหมด 9คนเริ่มเดินทางจาก จ.พิษณุโลก
ค่ารถไฟพิษณุโลก-เชียงใหม่ ชั้น 3 (นั่งจ้องตากัน)คนล่ะ 175 บาท
ค่ารถแดงเหมาไป 4300บาท หาร9คนตกคนล่ะ 478 บาท
ค่ารถโฟวิลเหมาไป 3000 บาท หาร9คนตกคนล่ะ 333 บาท
ค่าอาหารและของใช้กองกลาง 1400 บาท หาร9คนตกคนล่ะ 155 บาท(อาหาร4มื้อ)
ค่าลูกหาบ 1 คนเหมา 2 วัน ราคา 1200 บาท หาร 9 คนตกคนล่ะ 133 บาท
(*เราใช้ลูกหาบ2คนแต่แบ่งเป็นหาบของกองกลาง 1 คนราคา 1200 บาทหาร 9 คน และหาบกระเป๋าส่วนตัวที่จ่ายแยกเป็นรายคนต่างหาก ใครที่จ้างลูกหาบอาจจะต้องบวกค่าลูกหาบส่วนนั้นเข้าไปด้วยโดยเหมาราคา1200บาทเหมือนกันแบกได้20-30กิโลกรัม โดยรวมกระเป๋ามากี่คนก็หารเท่านั้น)
ค่ารถกลับเชียงใหม่-พิษณุโลกคนล่ะ 450 บาท (เราเหมารถตู้กลับเพราะมาไม่ทันรถทัวร์)
*ถ้ากลับมาที่ขนส่งอาเขต2ทันรถสุโขทัยวันทัวร์รอบ17:00 น. ค่ารถจะอยู่ที่คนละ 230 บาท
สรุปค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนล่ะ 1,724 บาท สำหรับที่แบกเป้เองกลับรถตู้แบบเหมา
และ 1,504 บาท สำหรับที่แบกเป้เองกลับทันรถสุโขทันวินทัวร์
*สำหรับคนที่จ้างลูกหาบแบกกระเป๋าให้ต้องบวกค่าลูกหาบเพิ่มไปราคาขึ้นอยูที่จำนวนคนที่หารช่วย
โดยเราเริ่มจากการโทรหารถเพื่อจะเหมาจะเหมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปที่ อ.อมก๋อย และเราก็ได้รถแดงของลุงเล็กที่คิดพวกเราแค่4300บาท(ไปและกลับ)และเหมือนพวกเราโชคดีพอโทรหาลุงเล็กตกลงราคาค่าเหมารถกันแล้วลุงเล็กก็ช่วยติดต่อกับทางศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยม่อนจองเพื่อติดต่อรถโฟวิลและลูกหาบให้พวกเราด้วย เรียกว่าโทรหาลุงเล็กเบอร์เดียวจบเลย และนี่ครับเบอร์โทรศัพท์ลุงเล็กรถแดง 0895317471
เราออกจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ตอนตีห้าและมาแวะซื้อข้าวเช้ากินและซื้อของสดเพื่อเตรียมไปไว้ทำกินกันที่ตลาด อ.ฮอด
เรานั่งรถแดงมาถึง อ.อมก๋อย แล้วเปลี่ยนมานั่งรถโฟวิลเพื่อมายังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวม่อนจองเพื่อจัดของให้ลูกหาบและนั่งรถต่อไปยังจุดเริ่มเดินเท้า และเห็นรูปหล่อๆนี่คือพี่เก่งพี่ลูกหาบที่ให้บริการพวกเราซึ่งพี่เก่งสร้างความประทับให้พวกเราอย่างมาก อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรไปอ่านในนี้เลยครับ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=359608...
โดยรถจะมาผ่านจุดเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆแต่เนื่องจากเราไปกันในวันเด็กจึงได้รับการยกเว้น(ยกเว้นเฉพาะวันนั้นนะครับ)
นั่งรถโฟวิลมาพักใหญ่ผ่านเส้นทางที่ต้องบอกว่ามันส์มากๆมีทั้งชัน ทั้งโค้ง ทั้งโคลน เรียกว่าครบทุกรสชาติเลยล่ะครับ และแล้วเราก็มาถึงจุดเดินเท้ากัน
เนินแรก เนินป่าสน ขาไปนี่ชิวๆครับเดินลงไปอย่างเดียวแต่จะบอกว่าขากลับเราเดินขึ้นเนินนะครับ นี่มันเนินมรณะชัดๆ
พ้นเนินป่าสนมาเราจะเจอกับ จุดชมวิวฮ้อยจั่น ตรงนี้ลมเย็นดีเราเลยแวะกินข้าวเที่ยงกันตรงนี้เลย
วิวสวยใช้ได้เลยครับที่สำคัญอากาศดีมาก
อิ่มข้าวแล้วไปกันต่อครับ
เดินมาซักพักเราก็มาถึงจุดถ่ายรูปและจุดชมวิว ภูหินช่อ โดยตรงนี้จะมีหินขนาดใหญ่วางอยู่ให้ได้ปีนไปถ่ายรูปกัน
เป็นคู่จะจะหวานๆหน่อย
ที่นี่คนเยอะเป็นเรื่องปกติครับเพราะทางเดินเท้าไม่ได้โหดร้ายอะไรใครๆก็มาเดินได้
มาถึง เนินฮิปฮอป เนินที่มีความชันและยาวพอสมควรเลย ควรเดินด้วยความระมัดระวังนะครับ
น้องที่สะพายเป้สีส้มคือน้องที่เคยออกทริปด้วยกันเมื่อปีก่อนและได้บังเอิญเจอกันที่นี่
พี่ปิ่นปิ้นและพี่เจน ที่ก็บังเอิญเจอที่นี่อีกเหมือนกันและพี่เค้าก็ยังใจดีและน่ารักเหมือนเดิมโดยทริปนี้พี่เค้าก็เอาต้มหวานมันมาแบ่งให้ผมกิน
และแล้วเราก็มาถึงแคมป์สำหรับกางเต็นท์โดยที่นี่จะแบ่งเป็นแคมป์บนและแคมป์ล่างโดยพวกผมเลือกแคมป์ล่างเพราะใกล้น้ำและห้องน้ำ
ห้องน้ำจะเป็นแบบง่ายๆมีแค่ผ้าล้อมไว้และไม่มีหลังคา นั่งดูดาวกันเพลินๆ
และทริปนี้เราได้ฝากท้องกับน้องแตงแม่ครัวประจำทริปของพวกเรา น้องทำกับข้าวอร่อยมาก
พระอาทิตย์ตกที่แม้จะไม่พีคสุดแต่มันสบายใจเสมอเมื่อได้นั่งมองมันลับขอบฟ้าไป
หลังจากที่กินข้าวอิ่มและบทสนทนาอันสนุกสนานโดยมีดาวลอยเป็นตัวขับเคลื่อนได้จบลงท้องฟ้าก็มืดมิดออกมาดูดาวสิครับรอไร
ผ่านค่ำคืนแรกไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม แยกย้ายกันเข้านอนเพื่อตื่นแต่เช้าไปลุ้นทะเลหมอกในตอนเช้ากัน
แต่ทะเลหมอกก็เล่นตัวไม่มาตามนัด
เช่นเดียวกับพระอาทิตย์ที่โอ้เอ้รอจนเมฆมาบดบังถึงได้พาตัวเองพ้นขอบฟ้ามามอบแสงสวยๆและไออุ่นให้พวกเราได้สัมผัส
ถึงแม้เราจะพลาดกับทะเลหมอกที่เล่นตัวและพระอาทิตย์ที่โอ้เอ้แต่การมาครั้งนี้ก็ทำให้เราได้เห็นมุมสวยๆของม่อนจองในอีกรูปแแบนึง
ได้เห็นรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาจากความสุขข้างในจริงๆ
ได้เห็นวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ที่น่ารักของม่อนจอง
ที่เห็นแหลมๆไกลๆนั่นคือ ผาหัวสิงห์ อีกหนึ่งไฮไลท์ของดอยม่อนจอง
ได้เห็นการแบกพร็อบมาถ่ายรูป
รอยยิ้มแบบนี้คงบอกเล่าความสุขออกมาโดยที่เราไม่ต้องพูดอะไร
ขากลับเหมือนหมอกสงสารเลยแอบมาส่งเราเดินลงเนินฮิปฺฮอป
จบทริปอย่างสวยงาม ทริปที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากความสุขของคนที่ได้ออกเดินทาง ถึงแม้เราจะไม่ได้เจอกับทะเลหมอกหรือพระอาทิตย์ขึ้นและตกสวยๆแต่ผมเชื่อตลอดว่าทุกครั้งที่ออกเดินทางเราจะได้เรียนรู้ในหลายๆเรื่อง ได้เพื่อนใหม่ในทุกทริป และได้เข้าใจในการออกเดินทางมากขึ้นว่าตัวเราเองออกเดินทางเพื่อนอะไร แล้วคุณล่ะครับออกเดินทางเพื่ออะไร........
ขอบคุณรูปภาพสวยๆบางส่วนจาก.....
น้องเจนโซเชี่ยล
น้องสนุกเกอร์ทีมเวิร์คและความเพื่อน
น้องพลอยหมูบิน
ขอบคุณกับข้าวอร่อยๆจากน้องแตงแต่งแต้งแต๊งแต๋ง
ขอบคุณฝ่ายบัญชีและการเงิน ร้องเรย์
และขอบคุณทีมสมทบที่คอยช่วยสร้างเสียงหัวเราะ จุนเจือ นิค กระแต
และขอบคุณตัวเองที่พาตัวเองออกเดินทาง
#สวัสดีคนหนีเที่ยว
Pattanachai Gigs
วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.30 น.