จะดีแค่ไหน ถ้าออกเที่ยวอีสานแล้วได้รับเงินคืน ตามแคมเปญของ ททท. ที่ร่วมกับ ShopBack “พาวัยเก๋า เที่ยวอีสานเท่ รับเงินคืนสูงสุด 25%" เพียงเข้าไปกดเลือกร้านค้าที่ต้องการ https://www.shopback.co.th/travelisan แล้วทำการจองบนเว็บ/แอพของร้านค้าตามปกติ ง่ายๆ แบบนี้ก็รอรับเงินคืนเข้าบัญชีไปแบบสบายๆ รู้แบบนี้แล้ว รีบพาวัยเก๋าออกไปเที่ยวอีสานและกดจองตั๋ว จองที่พักเส้นทางอีสานผ่าน ShopBack แบบรัวๆ กันเลย แล้วร้านค้าไหนบ้างที่ร่วมรายการกับแคมเปญนี้ สามารถดูด้านท้ายรีวิวเลยนะครับ

ครั้งนี้ผมเลยจะขอแนะนำ "อุดรธานี" หนึ่งในจังหวัดทางภาคอีสาน เผื่อให้เพื่อนๆ ได้ใช้เป็นไอเดียในการวางแผนเที่ยวอีสานกันครับ

อุดรธานี


“กรมหลวงประจักษ์ฯ สร้างเมือง ลือเลื่องแหล่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด ธรรมชาติเนรมิตทะเลบัวแดง”


อุดรธานี ดินแดนแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของประเทศและของโลก จริงๆ แล้วอุดรธานีมีที่เที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง แต่วันนี้ผมจะขอมาแชร์ 4 ที่เที่ยวอุดรธานี ที่ไม่ควรพลาดครับ

การเดินทางจากกรุงเทพ-อุดรธานี

อุดรธานีตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภาคอีสาน ห่างจากกรุงเทพประมาณ 560 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้หลากหลายวิธี

1. รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) วิ่งมาจนถึงสระบุรีแล้วเลี้ยวขวา ขับไปเรื่อยๆ ตามถนนทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ขับรถแบบสบายๆ ประมาณ 8 ชั่วโมง เหมาะกับผู้รักความคล่องตัว สามารถจอดแวะเที่ยว ระหว่างทางไปได้เรื่อยๆ

2. รถไฟ มีทั้งขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ว ให้เลือกใช้บริการ เหมาะกับผู้ที่ไม่เร่งรีบ ใช้เวลานั่งฉึกฉักๆ ราวๆ 9-11 ชั่วโมงแล้วแต่ประเภทของรถ สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีหัวลำโพงซึ่งเป็นสถานีต้นทาง

3. รถทัวร์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชั่วโมง มีรถทัวร์ให้เลือกใช้บริการหลายบริษัท ค่าโดยสารประมาณ 400 กว่าบาทโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับประเภทรถที่เลือกใช้บริการ สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2

4. เครื่องบิน มีให้เลือกทั้ง Air Asia, Nok Air, Thai Lion Air, Thai Smile ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง เหมาะกับคนที่ไม่อยากนั่งรถนานๆ หากวางแผนจองตั๋วเดินทางล่วงหน้านานๆ และจองในช่วงโปรโมชั่น อาจจะได้ราคาถูกกว่าการเดินทางประเภทอื่นๆ เลยนะ


1. ทะเลบัวแดงอุดรธานี


ทะเลบัวแดงอุดรธานีตั้งอยู่ในเขตอำเภอกุมภวาปี ในช่วงฤดูหนาวราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้น้ำประจำถิ่นของ “หนองหาน” จะผลิดอกบานสะพรั่งแข่งกันอวดโฉมกว่าหมื่นไร่ จนทำให้หนองหานได้รับการขนานนามว่า “ทะเลบัวแดง “ นับเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ทำหน้าที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ สายชิลล์ ให้หลั่งไหลเข้ามาสัมผัสความสวยงามของทะเลบัวแดงอุดรธานี

ความสวยงามของทะเลบัวแดงมันสวยงามเกินบรรยายจริงๆ ดูไม่ต่างอะไรกับพรมผืนใหญ่ที่ถูกถักทอขึ้นจากกลีบของดอกบัวสาย ใครอยากจะมาสัมผัสความสวยงามของทะเลบัวแดงแห่งนี้ แนะนำให้มาในช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 06.00- 11.00 น. เพราะถ้าหลุดช่วงเวลานี้ไปแล้วดอกบัวทั้งทุ่งต่างจะพร้อมใจกันหุบและเตรียมพร้อมที่จะบานอีกครั้งในเช้าวันถัดไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังสามารถชมธรรมชาติของหนองหานและนกนานาพันธุ์ได้ตลอดทั้งวันครับ

นอกจากความสวยงามของเหล่าบัวสายนับล้านดอกแล้ว ที่หนองหานยังเป็นบึงน้ำจืดที่มีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางด้านชีวภาพ เป็นแหล่งรวมพันธุ์นก พันธุ์ปลาหลากหลายชนิด จนสื่อนอกอย่าง CNN ยกให้หนองหานเป็น 1 ใน 10 ทะเลสาบที่สวยงามและแปลกที่สุดในโลกด้วยนะครับ

ทะเลบัวแดงอุดรธานี อยู่ห่างจากตัวเมืองอุดรธานีประมาณ 45 กิโลเมตร สามารถปักพิกัดใน Google Map ได้เลย โดยพิมพ์คำว่า “ทะเลบัวแดง” สำหรับเรือที่ให้บริการพาชมบัวแดงนั้นมีให้เลือก 2 ราคา คือ 300 บาท ใช้เวลาในการล่อง 45 นาที และราคา 500 บาท ใช้เวลาในการล่อง 1 ชั่วโมงครึ่ง เรือ 1 ลำสามารถนั่งได้ 6 คน ไหนๆ จะมาล่องเรือทั้งที แนะนำให้มาลงเรือรอบเช้าสุดเลยนะ เพราะระหว่างที่ล่องเรือออกไป ดวงอาทิตย์ดวงโตจะค่อยๆ โผล่ขึ้นมาทักทาย ทอแสงอ่อนๆ สาดส่องมายังผืนน้ำ มันสวยงามอย่าบอกใครเชียว

หลังจากนั่งเรือกินลมชมวิวจนอิ่มเอมใจแล้ว เรือจะกลับมาส่งยังท่าเรือ บริเวณท่าขึ้นเรือจะมีชาวบ้านนำสินค้ามาวางจำหน่ายมากมาย บรรยากาศไม่ต่างอะไรกับตลาดนัดชุมชน แต่ขอบอกเลยว่าอย่าเดินผ่านเลยไปนะ เพราะสินค้าที่นำมาจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นสินค้าพื้นบ้านที่มีทั้งของกินและของฝากมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหง้าบัวเชื่อม น้ำรากบัว แอลมอนด์อีสานหรือเม็ดกระบก น้ำตาลปึก ข้าวหลาม ไข่ปิ้ง ปลาย่าง ข้าวจี่ สมุนไพรพื้นบ้าน ผ้าพื้นเมือง รวมถึงเสื้อยืดที่ระลึกจากทะเลบัวแดง รับรองว่าหาซื้อไม่ได้ตามตลาดนัดบ้านเราแน่นอน


2. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท


อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านผือ อยู่ห่างจากตัวเมืองอุดรธานีประมาณ 67 กิโลเมตร อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศซึ่งมีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินทรายที่ถูกขัดเกลาจากขบวนการกัดกร่อนทางธรรมชาติทำให้เกิดเป็นโขดหินน้อยใหญ่ รูปร่างต่างๆ กัน ปรากฏเป็นหลักฐานเกี่ยวกับชีวิตผู้คนในอดีตที่น่าสนใจ ถือว่าเป็นอุทยานที่แสดงถึงอารยธรรมของมนุษย์มาแต่ครั้งอดีตกาล ผู้คนในท้องถิ่นและบริเวณใกล้เคียงเชื่อกันมาแต่โบราณว่าสถานที่แห่งนี้มีความเกี่ยวโยงกับนิทานพื้นบ้านเรื่องอุสาบารส ดังจะปรากฏชื่อเรียกโบราณสถานตามเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง เช่น หอนางอุสา คอกม้าท้าวบารส ครับ

สำหรับการท่องเที่ยวในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท สามารถเลือกชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติได้ 3 เส้นทาง คือเส้นทางรอบเล็ก รอบกลาง และรอบใหญ่ จากจุดจอดรถเราจะต้องเดินเท้าเข้าไปยังด้านใน ด้วยระยะทางประมาณ 400 เมตร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินชมธรรมชาติเส้นทางรอบเล็ก แต่ถ้าใครไม่อยากเดิน 400 เมตร สามารถเรียกใช้บริการรถกอล์ฟได้

เจ้าหน้าที่ที่ขับรถกอล์ฟเล่าให้ผมฟังว่าเดิมที่นี่เคยเป็นทะเลมาก่อน ปัจจุบันยังพอหลงเหลือความเป็นทะเลอยู่บ้าง เช่น ต้นโกงกาง รวมถึงหินต่างๆ หินทั้งหมดที่อยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเกิดขึ้นจากการกัดกร่อนตามธรรมชาติ สภาพภูมิทัศน์ของภูพระบาทจะมีลักษณะคล้ายๆ กับเสาเฉลียง ภายในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี, อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ จ.มุกดาหาร และอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิครับ

โขดหินขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายเห็ดที่อยู่เบื้องหน้าผมตอนนี้เรียกว่า หอนางอุสา เดิมโขดหินนี้เกิดจากการกระทำตามธรรมชาติ แต่เนื่องจากโขดหินมีรูปทรงที่แปลกตา มนุษย์ในสมัยนั้นจึงดัดแปลงโดยการก่อหินล้อมเป็นห้องขนาดเล็กเอาไว้ที่เพิงหินด้านบน โดยก่อเป็นห้องที่มีประตูและหน้าต่างขนาดเล็กอยู่ที่พื้นผนังทั้งสองข้าง รอบๆ หอนางอุสามีใบเสมาหินขนาดกลางและขนาดใหญ่ปักล้อมรอบอยู่ ซึ่งสันนิษฐานว่าบริเวณนี้เป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนามาตั้งแต่อดีตกาลครับ

นอกจากหอนางอุสาแล้ว บนเส้นทางเดินชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติรอบเล็กนั้นเรายังสามารถเห็นประติมากรรมทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตามากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาศรมฤๅษีจันทรา หีบศพนางอุสา บ่อน้ำนางอุสา หลุมฝังท้าวบารส คอกม้าท้าวบารส วัดพ่อตา วัดลูกเขย รวมถึงแหล่งเขียนภาพสีโนนสาวเอ้ ถ้ำวัว ถ้ำคน ที่จะพบภาพเขียนสีแดงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ บ้างเป็นภาพคน ภาพสัตว์ บ้างเป็นลายตาราง ลายเส้นขนาน เส้นโค้งและลายเส้นทึบ โดยบางจุดเขียนต่อเนื่องกันทั้งผนัง เส้นลายดูสมบูรณ์และชัดเจนมากครับ

เป็นที่น่ายินดีกับชาวบ้านผือ อุดรธานี ที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้รับการเสนอชื่อให้เป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม โดยได้รับการพิจารณาให้เป็นมรดกโลกในปี 2559 ซึ่งจนถึง ณ วันนี้ เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาผลจากยูเนสโกอยู่ครับ เรามาร่วมส่งแรงใจและแรงเชียร์ให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกันนะครับ


3. พระพุทธบาทบัวบก


พระพุทธบาทบัวบกสร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2463-2477 ที่มาของชื่อนั้นสันนิษฐานว่ามาจากคำว่า "บัวบก" ซึ่งเป็นชื่อของพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นตามป่า มีหัวและใบคล้ายใบบัว ชาวบ้านเรียกว่า ผักหนอก บัวบกจะมีอยู่มากในบริเวณที่พบรอยพระพุทธบาทจึงเรียกรอยพระพุทธบาทนี้ว่า "พระพุทธบาทบัวบก" แต่อีกหนึ่งที่มาเล่าว่า คำว่าบัวบกอาจจะมาจากคำว่า บ่บก ซึ่งหมายถึง ไม่แห้งแล้ง เดิมมีการก่อมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2465 พระอาจารย์ศรีทัตย์ สุวรรณมาโจ ได้รื้อมณฑปเก่าออกแล้วสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นใหม่ เป็นทรงบัวเหลี่ยมคล้ายองค์พระธาตุพนม โดยจะมีงานนมัสการพระพุทธบาทบัวบกในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี

แว๊บแรกที่เห็นพระธาตุเจดีย์แบบไกลๆ ผมรู้สึกว่าพระธาตุเจดีย์แห่งนี้ดูเก่าเหมือนจะทรุดโทรม สีขององค์พระธาตุดูดำเหมือนตะไคร่น้ำเกาะ แต่เมื่อได้เดินเข้าไปดูใกล้ๆ กลับรู้สึกประทับใจกับความเก่าขององค์พระธาตุเป็นอย่างมาก อาจจะเพราะลวดลาย สีสัน ที่ตกแต่งออกมาดูคลาสสิกมาก ผมรู้สึกชอบงานศิลปะแบบนี้มากกว่าการประดับประดาองค์พระธาตุให้ใหม่เอี่ยมอ่องด้วยสีอันฉูดฉาดเสียอีก เหนือซุ้มทางเข้ามีลวดลายปูนปั้นสลักได้อย่างอ่อนช้อย งดงามมากครับ ด้านในองค์พระธาตุเจดีย์พบรอยพระพุทธบาทจำลอง สร้างขึ้นทับรอยพระพุทธบาทเดิมไว้ครับ พระพุทธบาทบัวบกอยู่เลยจากอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทไปเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น หากไปเที่ยวที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทแล้ว อย่าลืมมานมัสการรอยพระพุทธบาทที่วัดพระพุทธบาทบัวบกด้วยนะครับ


4. วัดป่าภูก้อน


วัดป่าภูก้อนตั้งอยู่ในเขต อ.นายูง อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ซึ่งเป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย ด้วยเหตุที่วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน จึงทำให้วัดป่าภูก้อนอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขากว่า 3,000 ไร่ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความเขียวขจีของป่าไม้ จนได้รับการกล่าวขานว่า “ป่าห่มศรัทธา”

และสิ่งที่ดึงดูดใจที่ทำให้ต้องมาที่วัดป่าภูก้อนเห็นจะเป็นพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ วิหารที่ไม่ได้งดงามเฉพาะภายนอก แต่ภายในยังประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี พระพุทธปางไสยาสน์แนวนอนขนาดความยาวกว่า 20 เมตร ใช้เวลาสร้างถึง 6 ปี สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ บอกเลยว่าเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในวิหารทำเอาผมต้องอุทานออกมาเบาๆ OMG!! องค์พระพุทธรูปงดงามมากๆ ขาว บริสุทธิ์ พระพักตร์ดูอิ่มเอิบ เห็นแล้วพลอยอิ่มเอมใจไปด้วย เห็นว่าเศียรของพระพุทธไสยาสน์สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ที่นำเข้ามาจากอิตาลีด้วย ความงดงามของวัดป่าภูก้อนการันตีโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพราะในปี 2557 ททท. ได้จัดให้วัดป่าภูก้อนเป็น “1 ใน 10 Dream Destination กาลครั้งหนึ่ง..ต้องไป” ด้วยนะ

วัดป่าภูก้อน อยู่ห่างจากตัวเมืองอุดรธานีประมาณ 120 กิโลเมตร สามารถปักหมุดใน Google Map ได้เช่นกัน โดยพิมพ์คำว่า “วัดป่าภูก้อน” รับรองถึงแน่นอน อ้อ..พระวิหารพระพุทธไสยาสน์เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. ครับ

4 ที่เที่ยวอุดรธานีที่ได้แนะนำไป สามารถเที่ยวชมได้ทุกเพศทุกวัย จะมาเที่ยวกันแบบครอบครัว หรือแบบเพื่อนฝูงก็เหมาะมากๆ การเดินทางก็ไม่ลำบากอะไร ผู้ใหญ่วัยเก๋าก็สามารถเที่ยวได้นะ เรื่องการเดินทางอาจจะลำบากสักนิดสำหรับผู้ที่ไม่ได้มาด้วยรถส่วนตัว การเช่ารถขับจะสะดวกกว่าการเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะครับ อ้อ!! แล้วอย่าลืมติดอุปกรณ์กันแดด เช่น หมวก ร่ม แว่นกันแดด ครีมกันแดดไปด้วยนะครับ


แนะนำกันสักนิด เผื่อใครยังไม่รู้จัก ShopBack

ShopBack คืออะไรเหรอ? หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่ผมว่าหลายคนอาจจะคุ้นชินกับ ShopBack และได้รับเงินคืนจากการช้อป กิน เที่ยว กันไปหลายตังค์แล้ว

ShopBack เป็นเว็บไซต์/แอพพลิเคชั่นเงินคืนสำหรับคนชอบช้อป กิน เที่ยว ออนไลน์ โดยจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ร้านค้าให้ขาช้อปได้เลือกช้อปกันแบบง่ายๆ มีทั้งหมวดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สุขภาพ&ความงาม แฟชั่น ร้านอาหาร ท่องเที่ยว ร้านขายของชำ กีฬา&กิจกรรมการแจ้ง บ้าน& ของแต่งบ้าน รวมแล้วกว่า 100 ร้าน ร้านค้าดังๆ ที่เข้าร่วม หากเอ่ยชื่อขึ้นมา รับรองเพื่อนๆ ต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น Lazada, Shopee, AliExpress, LIINE MAN, Foodpanda, eatigo, Expedia, Agoda, Booking.com ฯลฯ โดยการเลือกซื้อแต่ละครั้ง ก็จะมีส่วนลดและโปรโมชั่นของร้านค้าที่เราจะเลือกซื้อให้ด้วย แล้วเมื่อการสั่งซื้อสินค้าเสร็จสมบูรณ์ (ไม่มีการยกเลิกสินค้า) เราจะได้รับเงินคืนจากการสั่งซื้อสินค้าเข้ามายังบัญชี ShopBack ของเรา จากนั้นเราสามารถถอนเงินจากบัญชี ShopBack เข้าสู่บัญชีธนาคารเพื่อรับเงินคืนได้ด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์ 2 เด้งเลยครับ คือได้รับทั้งส่วนลดจากการซื้อสินค้า แล้วยังได้รับเงินคืนอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วอย่ารอช้า รีบเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกและดูร้านค้าที่แต่ละคนสนใจว่ามีร้านไหนบ้าง ได้ส่วนลดเท่าไรกันเลย ที่ https://www.shopback.co.th/


สำหรับใครที่ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกของ ShopBack แนะนำว่าให้กดมาที่ https://www.shopback.co.th/referred-signup-bonus?raf=Pj02zH

แล้ว Sign in ผ่าน Facebook ก็ได้ เพียงเท่านี้เพื่อนๆ ก็จะได้รับเงินเข้าบัญชี ShopBack ไปเลยคนละ 100 บาท เงินคืนส่วนนี้จะโอนเข้าบัญชีธนาคารเพื่อนๆ ได้ก็ต่อเมื่อทำการสะสมยอดเงินในบัญชี ShopBack ครบ 250 บาทครับ

สำหรับร้านค้าที่ร่วมแคมเปญกับ ททท. และ ShopBack “พาวัยเก๋า เที่ยวอีสานเท่ รับเงินคืนสูงสุด 25%" มีรายละเอียดตามชื่อด้านล่างครับ


หยุดนี้ อย่าลืม พาวัยเก๋า พาครอบครัว พาเพื่อนฝูง ไปเที่ยวอีสานกันนะครับ

ความคิดเห็น