. . . ส วั ส ดี สั ง ข ล ะ บุ รี . . .

....นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเขียนกระทู้พรีวิวลงพันทิพย์ .. ตื่นเต้นหมือนกัน :]


..สิ่งที่กระตุ้นในการออกทริปนั้น ผมมักดูรูปสวยๆ พรีวิวต่างๆ และบอกกับตัวเองว่าสักวัน ต้องไปเก็บช๊อตแบบนี้ บรรยากาศ และความรู้สึกแบบนี้มาให้ได้ ในทุกๆปี ผมจะทำการอัดรูปตามปี พศ. นั้น แล้วส่งให้เพื่อนเป็นโปสการ์ดปีใหม่ (ฝีมือผมเอง มันลิมิเตดอิดิชั่นจริงๆนะ 555+ ) ทริปนี้ก็ลุยเดี่ยว แบคแพค แบกกล้อง ช่วงเวลาที่ผมเดินทางคือวันที่ 3-5 .04.15

3 วัน 2 คืน โอเคครับมาเริ่มกันเลยดีกว่า



ผมได้จัดการเก็บของตั้งแต่ตอนกลางคืน ซึ่งทริปนี้ผมมีกล้องสามตัว คือมือถือเพื่อถ่ายวิดีโอสั้นๆ คอมแพคสำหรับมุมก้วางและความคล่องตัว และ dslr ไว้สำหรับความชอบส่วนตัว


เอาละครับสำหรับเช้านี้ที่เดินทางผมตื่น ตี 5 นังรถเมล์มา ที่สนามหลวง ลงท่าช้างข้ามเรือ มาฝั่ง รพ ศิริราช เพื่อมารถไฟฟรีที่สถานีธนบุรี - ไปลงสถานีน้ำตก จริงๆเดินก็ได้นะครับมารู้ทีหลัง ผมดั๊นนนน ไปถามพยาบาลสาวเจ้าถิ่นว่า



" สถานีรถไฟธนบุรีไกลไหมครับ "

เธอบอก " ไกลค่ะ "



ผมนี่พี่วินเลยยยย โดนไป 20 บาท ไม่ไกลนะครับเรื่องจริง แต่ก็ไม่เคยไป แต่ดีครับมีเวลาเก็บบรรยากาศแถวสถานีพอสมควร และได้ภาพที่ประทับใจมาด้วย ผมถึงสถานีรถไฟ 7 โมงกว่าๆ รถออก 07.50 แต่อย่างว่าครับเหมือนคนดวงจะดีช่วยไม่ได้ รถไฟช้าไป 1 ชม เนื่องจากคนที่ออกไปก่อนเสีย จึงต้องส่งหัวเปล่าไปลากกลับมาเพื่อเคลียร์ทาง

ที่ผมเลือกเดินทางด้วยรถไฟเพราะฟรี ชอบชมวิว สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ครับ รถไฟ และอยากเก็บภาพบางอย่างแบบที่ตั้งใจ

...ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ประทับใจตั้งแต่ออกเดินทาง เด็กสาวสองคนถามกันว่าจะไปไหนยังไง พูดคุยระหว่างชานชลา และขบวนรถไฟก่อนออก ผมนี่ยิ้มเลย สดใส งดงามจริงๆ


ผมจะมีบันทึกเสมอเพื่อเก็บความประทับใจ และเรื่องราวของการเดินทางนั้นๆ :]



ค่าเสียหาช่วงเช้า

รถเมล์แอร์ 14 บาท

รถเมล์ร้อน 9 บาท

ค่าข้ามเรือ 3 บาท

ค่าวินมอไซต์ 20 บาท

รวม 46 บาทถ้วน

ตอนนี้เลยสถานีรถไฟทรงพลละครับ

10.40

03.04.2015

Facebook : https://www.facebook.com/theeranit.w


Facebook page : https://www.facebook.com/Theeranit.Photography

instagram : Theeranit.w..^^~ ว่าแล้วมาต่อกันดีกว่า.... ผมนั่งรถไฟมาเรื่อยๆจนถึงสถานีกาญจนบุรีซึ่งรถไฟต้องต่อขบวน กาญจนบุรี -น้ำตก-กาญจนบุรี ซึ่งจะมีชาวต่างชาติขึ้นมาร่วมขบวนตลอดทาง เบาะนั่งนี่คลาสสิคแต่เอนหลังนี่ไม่ได้เลยย



และแล้วพนักงานสถานีบอกว่าจะไม่ไปถึงสถานีน้ำตก ให้ลงต่อรถที่สถานีวังโพธิ์ ก็ได้ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว ถ้ำกระแซ และก็มาถึงสถานีน้ำตก วิวสวยครับข้างทาง



แต่ลมนี่นึกว่าไปนั่งหน้าคอมแอร์ ร้อนมาเลยเชียวววว



ถึงสถานีน้ำตกประมาณบ่ายสามช้านิสเดียว 2 ชม . แล้วเราต้องต่อรถจากสถานีไปยังท่ารถ 20 บาท ถามจากคนขับแถวนั้นได้เลยครับ

พอมาถึงท่ารถใข้เวลาแปปเดียวได้พักยก กับ 7-11 และการเดินทางไปยังสังขละนั้นมี 2 ออฟชั่น แรกคือรอรถบัสแดง จะมาทุกสามสิบนาที ถึงน่าจะช้าหน่อย แต่แล้วผมเจอเพื่อนร่วมทางหลายคนรวมตัวกันได้ 11 คน เข้ากระแสบอลไทยพอดี (ถามว่าเกี่ยวไหม ) เลยใช้ออฟชั่น 2 เหมารถกระบะตกคนละ 200 ยิงตรงมาสังขละเลย ลุงคนขับก็พาแวะปั้ม ถ่ายรูปตามสถานที่สวยๆ ตามที่เราอยากจะถ่ายครับ เส้นทางคดเคี้ยว ขึ้นลง บวกวิวสวยๆ ก็เพลินตาไปอีกแบบ


และแล้วเราก็มาถึงสังขละบุรี ประมาณหกโมงเย็นได้ มาอย่างหล่อเกาหลีถึงสังขละอย่างจับกังทั้งควันฝุ่น ลมร้อนจากคอมแอร์ ผมนี้กรอบเลย 555+ ลุงแวะส่งสมาชิกตามสถานที่ที่ได้จองกันไว้ และนัดกันว่าพรุ่งนี้จะลงเรือด้วยกันเพื่อหารค่าเรือและค่าเดินทางหากไปยังจุดอื่นๆอีก แต่ผมกับน้องอีกสองคนยังไม่มีที่พักครับเลยขอให้ทางลุงพาไปส่งที่สะพาญมอญเลย


งดงาม เอาเป็นว่าเคารพธงชาติตอนเช้าที่กรุงเทพ อีกทีก็สะพานมอญเลย ชีวิตดี๊ดีไหมละครับ 555+



พอลุงส่งถึง เดินมา100 เมตรก็เห็นสะพานมอญเลย หายเหนื่อยครับ !!! ไม่ต้องหาละที่พัก ดิ่งไปถ่ายภาพก่อนเลย !!! ก็เก็บภาพได้สักแปป มีน้องคนนึงมาติดต่อถามผมเรื่องห้องพัก บอกเป็นแพ ทั้งแพมีห้องน้ำ จาน ชาม เตาแก๊สครบครับ แบบว่าเนรมิตให้เราทำกับข้าวกินกันได้เลย ลงมาดูก็เครครับ เลยตกลงเช่ากัน 3 คน 600 บาท จาก 700 แต่ก็บอกทางลุงเจ้าของแพไปว่าผมจะเช่าเรือจากลุงนี่แหละครับ ลุงก็โอเคร

พอวางของผมกับน้องอีกสองคนตัดสินใจไปถ่ายรูปบนสะพานกันอีกรอบ และเดินไปหาไรกินกัน เดินไกลอยู่ครับไปยังตลาดน้องๆนี่ก็ เดินกันซะ ผมว่าผมสปอร์แมนยังหอบ


ก็เดินหาว่าจะกินไร โดยแยกกันหาไรกินตามใจชอบผมไปด้อมๆมองๆ ขนมจีนพม่า รอดูเชิงคนอื่นสั่ง เขาว่าขนมจีนหยวกกล้วย เดินไปมาอีกพักเลยทดลองกิน เอ้ออ อร่อยแฮะ !!! (หรือเราตอนนั้นมันหิวโซละ) แต่อย่างที่บอกครับผมว่าอร่อยดี ผมกินไป 2 ชาม + ป๋อเป๊ะ 2 ชิ้น + แป้งกรอบหนึ่งแผ่น 5 บาท รวม 35 บาท !!! ไม่แพงเลย

และตามด้วยหมู่จุ่มพม่าไม่ละบาท กินพอให้รู้ไป 15 ไม้ ก็จะมีเครื่องใน เนื้อ และคล้ายๆหูหมูมันติดกระดูกอ่อน น้ำขิ้มเป็นซอสแดง และคล้ายๆน้ำพริกสด อย่างละถ้วย


ส่วนพวกอาหารอย่างอื่นผมคิดว่าราคาไม่น่าจะแพงเวอร์ พรุ่งนี้จะสำรวจในถนนคนเดินอีกทีครับ

จากนั้นพอเครท้องตึงกันละก็กลับห้องอาบน้ำ ภาพก้องอย่างที่เห็นครับ ผมให้น้องนอนในห้องกัน ผมนอนข้างนอกเขามีอุปกรณ์ให้พร้อม ผ้าปูเสื่อ และนี่ที่ทำงานผมคืนนี้ อากาศไม่ร้อนเลยครับเย็นๆเลย ไม่ต้องใช้พัดลม ณ ตอนนิ ยุงก็ยังไม่มีนะ ( สักพักเช้ามาถูกยุงหามเข้าป่าเฉยยย )

ค่าเสียหาย..


ค่ารถจากสถานีน้ำตก-ท่ารถ 20 บาท

ค่าเครื่องดื่ม 45 บาท

ค่ารถ(เหมา)จากท่ารถ-สังขละ 200 บาท

ค่าห้อง 600/3 200 บาท

ค่าหมู่จุ่ม 15 บาท

ค่าขนมจีนพม่า 35 บาท

รวม 515 บาท

*แบตมือถือหมดเลย้องถ่ายมาจากกล้องใหญ่หลังจากชาร์ตคับ

มาดึกหน่อยนะครับวันนี้ ไงบ้างครับ ^^~ อยากมากันรึยังครับ พรุ่งนี้เช้าจะเอาบรรยากาศการตักบาต วิถีช่วงเช้ามาฝากครับ

22.50

03.04.2015

EP 2 Nitvigator

Only me Backpack to Sangkha Buri555+ เจี๊ยวจ๊าวเลยยวันที่สอง วันนี้จะยาวหน่อย :]

เป็นวันที่เราตื่นเช้ากันมาก ตั้งแต่ตี 5 ครับ หมอกลงหนาและหนาวมากที่แพ ถึงกับมีน้ำค้างหยดมาลงที่แขนผม (ผมนอนข้างนอก ) ไม่มียุงนะ ไม่รีรอครับจับกล้องมาถ่ายกันเลย แล้วก็อาบน้ำเตรียมตัวกัน เพื่อจะไปถ่ายรูปวิถีช่วงเช้า

ตอนออกไปสวนกับลุงที่แพก็บอกจะยกชุดกาแฟ ปาท่องโก๋มาให้ และแล้วพวกเราก็ออกไปถ่ายรูปกัน โดยที่ เบล บุ๊ค (สมาชิคร่มแพ ) สองพี่น้องแยกกับผมไปถ่ายตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองผมก็ได้เดินไปยังฝั่งมอญเรื่อยครับ ตามแถวของพระไปจนถึงวัดและเลยไปยัง ข้างบนวัดหลวงพ่ออุตมะ ซื่งไม่แน่ใจว่าเปิดไหม


ผมจึงได้ถามสาวคนนึง เธอยิ้ม คุยเก่ง งามแบบบ้านๆ ก็ได้สนทนากันเธอ.....พักนึง เธอชื่อลูกหมีครับ ก่อนลงมาบังวัดผมก็ขอเธอถ่ายรูป ถ่ายมาหลายภาพเลย


พ่อค้าขายกล้วย เลยเข้าไปจัดมา 1 หวี น้องก็เลือกให้เราอย่างดีครับ ปรากฏว่าฝาดดดดด .... เลยต้องบ่มต่อไป



ตอนนี้ทางอีกทีมก็โทรตามกันแล้วครับ เพื่อจะคุยเรื่องลงเรือเวลา 9.00 เราเลยชวน สมาชิกที่เจอบนรถให้มาชมแพของเรา ทั้ง เกรซ แป๋ว จอย ติง

เรานั่งพูดคุย จิบกาแฟกัน สมาชิถึงกับติดใจจะขอเช่าบ้าง เลยไปถามลุงแพดันเต็มแล้วเพราะเป็นวันเสาร์ ช่วงวันหยุดแพจะเต็มครับ ผมนี่ แช่ผ้าไว้ด้วย !!!


เลยเก็บของไปหาแพอีกฝั่ง พวกเราช่วยกันเดินหาที่พัก ก่อนออกไปขึ้นเรือที่จองได้ เวลา 10.00

แพอีกฝั่ง ราคาถึง 1500 บาท ก็เลยตกลงทางเพื่อนๆ ขอไปนอนกับเพื่อนอีกกลุ่มที่พี รีสอร์ท



บรรยากาศการเดินหาที่พัก เราลัดเลาะเข้าไปในหมู่บ้าน ได่ฟิลลื่งไปอีกแบบ โดยส่วนตัวผมชอบแบบนี้นะนี่



ตอนลงเรือมีสมาชิกมาเพิ่ม คือพิมและดุ๊ก เป็น 9 คน ที่ราคา 600 บาท ลงเรื่อก็ไปสามที่ครับ วัดสมเด็จ(เก่า) วัดวังก์วิเวการาม (วัดหลวงพ่ออุตตะมะ) เมืองบาดาล

โฮไลค์มันอยู่ที่วัดวังก์วิเวการามเพราได้เจอพี่ๆ ENTER EXHIBITION เด็กๆจากวักลางน้ำได้รับของขวัญก่อนสงกรานต์ เป็นปืนฉีดน้ำบ้างตุ๊กตาบ้าง อุปกรณ์กีฬาต่างๆ จากกลุ่มพี่ ๆ ซึ่งทำแบบนี้กับที่นี่มาหลายปีแล้ว ผลงานจากพี่ๆทีมนี้เคยให้ชมบนสะพานมอญด้วย และตอนนี้อยู่ที่วัดหลวงพ่ออุตตมะ ได้รูปมาอย่างที่เห็น ^^


PIC BY : พี่ๆ ENTER EXHIBITION ขอบคุณครับ



ล่องเรือกลับแล้วนะครับบบ :]



และพอจบทริปเรือก็ไปเก็บของจากแพไปรีสอร์ทอาบน้ำพักชาร์แบทแล้วผมก็ได้ไปด่านเจดีย์สามองค์ ได้ติงนี่แหละครับเป็นผู้แว๊นมอไซต์ไประยะทางไม่ไกลครับ ระหว่างทางจะทีแม่น้าให้แวะพักเล่นน้ำด้วย ที่ด่านก็จะมีของขาย เช่น ต้นไม้ เครื่องประดับ เครื่องดื่ม ทานาคา ... เยอะแยะ และสามารถข้ามไปชมฝั่งเมียนมาร์ได้ด้วย แต่ไม่ได้ข้ามนะครับ เพราะอยากกลับมาเก็บบรรยากาศช่วงเย็นที่สะพาน ไปเจดีย์พุทธคยาและไปวัดหลวงพ่ออุตมะอีกรอบเพื่อเข้าชมข้างใน

EP 3 Nitvigator


ภาพที่มองจากแพขึ้นไป


ภาพมองลงมาจากสะพานมอญ ... เดี๋ยวมาต่อครับบบ :]ผมและติงแว๊นมอไซต์มาจากด่านเจดีย์สามองค์ ก็มาเจอเกรท แป๋ว เลยเก็บภาพกันนิสนึง เกรียนกันพอหอมปากหอมคอ 555++


ติง เกรท แป๋ว


ทำไรกันนี่ 555+++



จากนั้นก็แยกย้ายกันถ่ายรูปก่อนเรานัดเจอกันที่สะพานมอญอีกครั้งในตอนประมาณ 16.00 น.ผมและติงเลือกไปยังเจดีย์พุทธคยา วัดวังก์วิเวการาม(หลวงพ่ออุตตมะ) ครับ มาดูรูปกันเลยดีกว่า :]

จากนั้นก็มาถ่ายรูปเล่นๆ กันที่สะพานมอญบรรยากาศตอนเย็นคึกคักแสงดีครับ


พี่เย็น เซเล็ปที่นี่เลยครับบบ


สามสาวน้อย สามคนนี้เป็นมัคคุเทศก์ของสะพานมอญเลยนะครับ เราจะทราบประวัติคร่าวๆเลย แถมสำหรับพวกผมนั้นน้องถึงกับแทรกคติธรรมนำชีวิตมาให้ด้วย ถึงกับซึ้งในพระธรรมเลยทีเดียว


แคทวอล์คย่อมๆเลยน่ะนี่ :]


น้องเมศครับ จะโดดสะพานให้เราชมกันในช่วงเย็น และเป็นคนพาผมไปพักที่แพในวันแรกด้วย


น้องคนนี้น่ารักกกกกก :]



น้องมากันเป็นกลุ่มแบบนี้เลยจัดกันสักหน่อย ไม่ค่อยจะเต็มที่กันเล๊ยยยย น้องๆ

ผมเป็นตากล้องก็รูปมีน้อยไปนิส


สภาพตัวเองวันนี้ ไม่เหลือสภาพนิตวิเกเตอร์เล๊ยยย ...



ผมชอบภาพนี้ที่สุดในทริปนี้ :]

พอเย็นมากแล้วก็กัลบห้องเพื่อเตรียมตัวไปถนนคนเดิน...ก่อนไปเราได้มานั่งคุยกันที่หน้ารีสอร์ทปรากฏว่าพวกเรานั่งรถไฟขบวนเดียวกัน


ตู้เดียวกัน 55+++ บังเอิญไหมละนี่ เดินไปเดินมา มองกันบ้างว่า เฮ้ย สถานีนั่นก็แล้วนี่ก็แล้ว กรูว่าลงที่เดียวกันแน่ๆ ฮากันกระจายยยย ..



และผมก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพที่ระเบียงของพีรีสอร์ทมาด้วย :]

มาถึงถนนคนเดินก็มีอะไรกินเยอะ ของขายพวกเสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมทั้งการแสดงของน้องๆ เราก็กินไรกันสักพักก่อนกลับ


นี่ขนาดเจอกันวันเดียวน่ะนี่ ใจคอ 5555+ ให้เขาแอ็คท่ากันอย่างเดียว เอาที่สบายใจกั๋นเลยยย


ประมาณ 5 ทุ่มกว่า ครับ จบสำหรับวันนี้ นอนห้องนี้ สบายดีครับ สำหรับห้องผมเป็นห้องน้ำรวม :]


...สวยกว่าแสงดาว.. วันนี้ฝันดีครับบบ :]


ค่าใช้จ่ายวันนี้โพสที่สองเลยนะครับเอก อี๊ เอ๊ก เอ่กกกก ... !!! เช้าวันสุดท้าย....


เช้านี้เราตื่นกันตีห้าตามเดิม น้องบุ๊ค และเบลกลับรถทั่วเที่ยวเช้า 7.30 น ส่วนพวกเราที่เหลือตกลงกันกลับเวลา 9.30 น เลยรีบมาที่สะพานแยกย้ายกันถ่ายรูปตามอัธยาศัย ผมนี่ดิ่งตรงไปที่ฝั่งมอญ เพื่อหาวิถีที่นั่นแบบจริงๆ ผู้คนจะเยอะมาก ชาวมอญมาขายดอกไม้ นักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูป ตามภาพเลยครับ

เลยเดินถามแถวพระ ที่ออกมาบิณฑบาต


ซื่งเดินไปทางสะพานปูนทางเหนือ ผมได้ไปเจอ หมีอีกครั้ง ( สาวมอญที่เจอที่วัดหลวงพ่ออุตตมะ )

ซื่งเมื่อวานตอนเช้า ผมถามเธอว่า " ทางนี้มีอะไร น่าเที่ยวไหม "

เธอตอบว่า " ไม่มีอะไรหรอก ถ้ามีก็มีแต่บ้านหนู "

55++ ผมเลยตามทางมาก็เจอเธอกำลังรอใส่บาตอยู่กับแม่ก็สวัสดี หลังใส่บาตก็พูดคุยร่ำลากัน

ฝั่งนี้จะเป็นสิ่งที่วิถีกว่าแถวสะพานซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวซะมาก และได้เดินย้อนลงมาไปตามซอยริมน้ำ และเดินไปบริเวณที่มีงานบวช เป็นงานบวชแบบมอญ และผมสงสัยว่าเขาเปิดเพลงดังกันทั้งคืน ได้ยินจากอีกฝั่งเลย ก็ลองเข้าไปเห็นป้าร้องรำทำเพลงกัน และทางเจ้าภาพก็เตรียมครัวกันยกใหญ่ ผมก็เก็บภาพสักพัก ก็ถูกชวนกินข้าว กับข้าวก็จะเป็นแกง ต้ม ผัด ปลาแห้ง หลากหลายดีครับ


และก็ได้ถูกชวนให้ไปถ่ายรูปบนนบ้านงานบวช ก็ได้เห็นบรรยากาศด้านบน คุ้มจริงครับ


ลงมาเดินถ่ายรูปอีกแปป

ใกล้เวลาที่รถจะออกแล้วพวกเรากลับมาเก็บของ และกลับไปรอท่ารถ แปลกนะครับ สิ่งที่เราคิดว่าเวลาเหลือตั้งเยอะ แต่พอถึงเวลามันจะไวมากจนทำอะไรไม่ถูก พวกเราคืนห้องมอไซต์ และไปขึ้นรถ บขส ป.2 วิ่งจากสังขละ-หมอชิต 2 เที่ยว 09.40 น ราคา 245 บาท สะดวกดีครับ



สภาพขากลับ แหมมม ...



มาถึง กทม ประมาณ บ่ายสี่โมงครึ่งครับ


ค่าเสียหาย

ค่ารถ 245 บาท

ค่ากิน 28 บาท

ค่ารถเมล์ + มอไซต์กลับบ้าน 23 บาท

รวม 298 บาท

สามวันใช้งบไป 1,280 บาท



สำหรับขละแล้ว ผมประทับใจมากในหลายๆอย่าง อาหารที่ราคาไม่แพงเลย

วิถี วิวสวยๆ ผมเชื่อว่าถ้าได้ไปจะแบกความประทับใจกันกลับมาแน่นอนครับ

จะต้องกลับไปอีกครั้งแน่นอนที่นี่



" ทุกการเดินทาง ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมชอบ มันไม่มีคำนิยามอะไรเลย

การได้อยู่กับตัวเอง เขียนบันทึก ความประทับใจต่างๆ ผมอยากให้มันเป็นบันทึกออนไลน์

ที่จะด้วยอะไรก็ตามนำคนกลุ่มหนึ่งให้มารู้จักกัน .. และจะเข้ามาอ่านเมื่อไรก็ได้ ที่คิดถึงกัน ....



... Miss you all "

EP 4 THE END Nitvigator

Only me Backpack to Sangkhlaburi



ขอบคุณ :

ติง เกรซ แป๋ว จอย บุ๊ค เบล พิมพ์ ดุ๊ก สำหรับการเดินทาง

เอก สำหรับเลนส์

มะปราง สำหรับแรงบันดาลใจ

ผู้คนที่สังขละ และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางครั้งนี้ ...



Facebook : https://www.facebook.com/theeranit.w

Facebook page : https://www.facebook.com/Theeranit.Photography

: https://www.facebook.com/NitVigator/

instagram : Theeranit.w

n i t v i g a t o r

 วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 20.20 น.

ความคิดเห็น