ทริปนี้ขอเชิญเพื่อน ๆ ตามมาเที่ยว จ. ชัยนาท กันดีกว่าครับ...บอกตามตรงว่าสมัยก่อนผมได้แต่ขับรถผ่านระหว่างการเดินทางไปภาคเหนือเท่านั้น ไม่เคยคิดเหมือนกันว่า จ.ชัยนาท จะมีอะไรน่าเที่ยวขนาดนี้ วันนี้อยากมานำเสนอว่า ชัยนาท 1 คืน 2 วันในสายตาของผมมีอะไรน่าสนใจบ้างครับ.....(เรื่อง+ภาพ 10 เมษายน 2561)
ทริปนี้ใช้กล้อง Nikon D800 + Nikon 18-35 + Nikon 24-120N + Nikon 80-200/2.8d + Nikon 200-500/5.6
ฝากกด + ให้กำลังใจกันด้วยนะครับ
ติดตามเรื่องราวดี ๆ ทั่วประเทศได้ที่นี่เลยครับ www.museumthailand.com
เช้าผมเริ่มออกเดินทางไปชัยนาท บนเส้นทางถนนสายเอเชีย ครั้งนี้ออกจากบ้านสาย ๆ ตั้งใจ ไปเที่ยวสวนนกชัยนาท ซักครั้ง เพราะได้ยินชื่อมานานมากแล้ว ไม่มีโอกาสแวะเที่ยวที่นี่ซักที
แรกเลยผมคิดว่า สวนนกชัยนาท ก็มีแต่ นก ๆ ๆ คงต้องไปเดินดูนกในกรงที่ใหญ่ที่สุดร้อนตับแล่บแน่ ๆ เลยครับ...แต่..ไม่ใช่ครับ..วันนี้ที่สวนนกชัยนาท เค้ามี ท้องฟ้าจำลอง ด้วยนะ อาคารติดแอร์เย็นฉ่ำคลายร้อนดีมาก ๆ ...
ที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ ให้ความรู้ เรื่องราวทางด้านดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ จัดแสดงนิทรรศการเพื่อให้ความรู้ด้านดาราศาสตร์ และอวกาศ ไฮไลท์ที่ทุกคนไม่ควรพลาดคือ การเข้าห้องชมแบบจำลองสุริยะหรือห้องฉายดาว ขนาดจุได้ 40 ที่นั่ง หลังจากไฟในห้องปิดมืดลง เครื่องฉายเริ่มเดินเครื่อง จะรู้สึกตื่นตาไปกับดวงดาวระยิบระยับเต็มฟ้า เปล่งประกายแสงด้วยเครื่องฉายดาวทันสมัยในระบบดิจิทัล ที่สามารถฉายภาพดาวได้เต็มโดมสมบูรณ์แบบทั้งภาพ แสง สี เสียง เหมือนเราอยู่นอกโลกจริง ๆ ให้ความรู้สึกราวกับเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์เลยทีเดียวอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์ท้องฟ้าจำลอง ที่สวนนกชัยนาท จึงเปรียบเสมือนห้องเรียนดาราศาสตร์อันสมบูรณ์แบบแห่งหนึ่ง ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถมาเที่ยวได้ทั้งครอบครัวเลยครับ
ภายในตัวอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์ท้องฟ้าจำลองฯ แบ่งออกเป็น 8 โซนให้เดินชม ตามผมมาเลยครับ จะพาเดินเที่ยวให้ทั่วเลย
โซน 1 ดาราศาสตร์ไทย ให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ไทย และพระอัจฉริยภาพทางด้านดาราศาสตร์ไทยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับการยกย่องในพระราชสมัญญานามว่า "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์"
โซน 2 ระบบสุริยะและอวกาศ ให้ความรู้ถึงที่มาของจักรวาล การเกิดระบบสุริยะและมารู้จักกับระบบสุริยะจักรวาล พร้อมชมดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ..ความรู้ล้วน ๆ เลยนะ...
ซน 3 ดวงดาวบนท้องฟ้า สำหรับศึกษาค้นคว้ากลุ่มดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้า ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มดาวกับฤดูกาล
• โซน 4 เรียนรู้เรื่องดวงจันทร์ ดาวหาง และดาวตก
โซน 5 รู้จักกับกล้องดูดาว ชมแบบจำลองกล้องโทรทรรศน์สำหรับศึกษาดวงดาวบนท้องฟ้าและดาวเคราะห์
โซน 6 การเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศ ทำความรู้จักกับชั้นบรรยากาศ และการสำรวจดวงจันทร์ พร้อมชมแบบจำลองยานอวกาศ ศึกษาความเป็นมาดาวเทียมของไทยและต่างประเทศ
โซน 7 มหัศจรรย์ดาราศาสตร์ ชุดสนุกกับคำถาม - คำตอบ เรื่องดาราศาสตร์และอวกาศ สนุกกับระบบสัมผัสแห่งจินตนาการ
โซน 8 สภาวะโลกร้อนกับการช่วยลดปัญหาโลกร้อน ให้ข้อมูลถึงการเกิดสภาวะโลกร้อน และพลังงานทดแทน ช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนได้อย่างไร
หลังจากเดินดูระบบสุริยะจักวาล ในอาคารท้องฟ้าจำลองเย็นฉ่ำ ก็เดินออกมา เพื่อไปชมปลาน้ำจืด ที่อาคารแสดงพันธ์ปลาลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา บ้างดีกว่า....แต่..สะดุดตา หุ่นยนต์ ตัวใหญ่มหึมา เด็ก ๆ เห็นต้องกรี๊ดแน่ ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันคืออะไรนะ....เดี๋ยวเฉลยครับ...เข้าไปดู สารพัดปลาน้ำจืด กันก่อนดีกว่า ว่าด้านในมีอะไรบ้าง
ภายในอาคารสถานแสดงพันธุ์ปลาฯ ประกอบด้วยตู้ปลาเล็กจำนวน 75 ตู้ และอุโมงค์แก้ว 1 อุโมงค์ มีพันธุ์ปลาน้ำจืดจำนวน 102 ชนิด ประกอบด้วย ปลากินพืช จำนวน 40 ชนิด ปลากินเนื้อ จำนวน 62 ชนิด รับรองว่า ชมกันเพลินแล้วกันครับ...
ภายในอาคาร ติดแอร์เย็นฉ่ำอีกแล้วครับ ไม่ต้องกลัวร้อนกันเลย นอกจากมีปลาน้ำจืดแปลก ๆ มากมายที่เรานึกไม่ถึงแล้ว ยังมีแบบจำลอง อุปกรณ์ดักปลาชนิดต่าง ๆ มากมาย ที่บางทีเราอาจจะไม่เคยเห็นหรือไม่รู้จักด้วยซ้ำนะครับ
โดยเฉพาะ เรือ ที่เราเห็นอยู่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีหลายแบบมากมาย เรียกว่า นึกไม่ถึงเลยก็แล้วกันครับว่า อะไรจะมากมายขนาดนี้...ที่นี่จำลองให้เห็นความแตกต่างกันชัด ๆ เลย
ทางเดินภายในอาคาร เพื่อเข้าห้องแสดงพันธ์ปลาน้ำจืด จากลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตามมาทางนี้เลยครับ…จะมีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ร.9 อยู่ด้านหน้า
ภายในพื้นที่กว้างขวาง แบ่งเป็นช่อง ๆ หลายซอยครับ ขอบอกว่า ปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธ์มาก เดินชมกันเพลินเลยก็แล้วกัน ปลาหลายชนิดถ้าผมไม่บอก ก็คงไม่รู้แน่นอนว่า มันคือปลาอะไร บางทีเคยได้ยินแต่ชื่อ บางทีก็เคยเห็นตามตลาด หรือกินแต่ที่เค้าปรุงอาหารเสร็จแล้ว...นึกภาพไม่ออกว่า ตอนมันมีชีวิตอยู่ใต้น้ำ หน้าตา ความสวยงามมันเป็นยังไงจริง ๆ
ภาพนี้กว่าจะถ่ายได้ยากมาก เพราะในพิพิธภัณฑ์แสงน้อยมาก เจ้าปลาที่ว่ายเป็นกลุ่ม ตัวสีเงินระยิบ ตอนโดนแสงที่ผิวน้ำก็คือ “ปลาซิวอ้าว” ...นั่นไง...งง ใช้มั๊ย...ไม่ต้องแปลกใจ ผมก็ งง เหมือนกัน..ฮ่า ๆ
นี่ปลาตะเพียนทอง ครับ..ส่วนใหญ่เราจะเคยเห็นแต่ปลาตะเพียนสีเงิน ๆ กันเนอะ...แบบสีทองอร่ามแบบนี้ก็มีครับ
ปลาเค้าดำ ครับ...เคยได้ยินแต่ ปลาเค้า ๆ ๆ ...อ้อ..หน้าตาเป็นอย่างนี้เอง
นี่ ปลากระแห ครับ...เพิ่งเคยเห็นและได้ยินชื่อครั้งแรกเหมือนกัน..ฮ่า ๆ ไม่มาเที่ยวที่นี่ก็ไม่รู้จริง ๆ นะ
ปลาตะพาก...ชื่อแปลกดี น่าจะวงศ์เดียวกันกับ ปลาตะเพียน เนอะ
ปลานวลจันท์ ....หลายคนคง งง..เคยได้ยินแต่ ซอยนวลจันทร์ ..ฮ่า ๆ ...บอกตรง ๆ ว่าเห็นครั้งแรกเหมือนกัน
ตะกี๊มี ปลาเค้าดำ ตัวนี้ก็คือ ปลาเค้าขาว ครับ ดูแตกต่างกันมากเลยเนอะ
ภายในอาคาร จะแบ่งตู้เป็นช่อง ๆ รักษาความสะอาดอย่างดีแบบนี้ พร้อมคำบรรยายชื่อปลา ทางเดินกว้าง แอร์เย็นสบาย เดินชมเพลิน ๆ ได้หลายซอยครับ
ปลาสะตือ ครับ ส่วนใหญ่พบได้ตามลำน้ำสาละวิน แม่น้ำตาปี หรือแม่น้ำโขง...ที่แม่น้ำเจ้าพระยา พบได้น้อยมากครับ ส่วนใหญ่นำมาเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม กันครับ
บางช่วงก็เป็นทางเดินที่ให้ความรู้เกี่ยวกับปลาชนิดต่าง ๆ ครับ
เดินตามทางไปเรื่อย ๆ จะถึง อุโมงค์แก้ว ซึ่งเป็นไฮไลท์สำหรับนักท่องเที่ยว ที่จะมาดูปลาเหมือนตัวเราเองอยู่ในน้ำกับปลาด้วยกัน เห็นปลาว่ายผ่านหัวเราไปมา... หลายคนคว้ากล้อง มือถือ มาเซลฟี่กันสนุกสนานทั้งครอบครัวเลยครับ
จากนั้นผมก็เดินออกมาจากอาคาร เพื่อไปชม พิพิธภัณฑ์ไข่นก กันต่อครับ...ระหว่างทางเจอน้อง อีกัวน่า (บางคนเรียก อีน่ากลัว ฮ่า ๆ) เชื่อง ๆ ซึ่งพบได้มากมายภายในบริเวณสวนนกชัยนาท เดินผ่านไปมา ยืนนิ่งให้ถ่ายภาพง่าย ๆ น่ารักดีครับ
ตามผมเข้ามาชม พิพิธภัณฑ์ไข่นก ห้องจัดแสดง ไข่มากที่สุดในเอเชีย แหล่งรวบรวมจำลองไข่นกสายพันธุ์ ทั้งที่หายาก และใกล้สูญพันธุ์ เดินเข้าชมแล้วเราจะรู้ว่า นกแต่ละชนิด มีไข่แตกต่างกันมากมายเลยครับ
ภายในอาคารจัดไว้เป็นสัดส่วน โดยให้นักท่องเที่ยวเดินไปในทิศทางเดียวกัน สะดวกดีครับ...แอร์เย็นฉ่ำชัวร์ ไม่ต้องกลัวร้อนครับ
ไข่นกที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ ไข่นกที่เล็กที่สุดในโลก ก็มีให้ชมครับ...รู้มั๊ยครับว่า เป็นไข่นกอะไร.....(อยากรู้ต้องหาเวลาไปพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ)
มีกล้องจุลทรรศน์ ให้ส่องไข่นกที่เล็กที่สุดในโลก เพื่อการศึกษาด้วยครับ
เด็ก เณร จะชอบห้องนี้มากเป็นพิเศษครับ...เพราะบางทีเด็ก ๆ รู้จักแต่ นก แต่ไม่รู้ว่า ไข่นก หน้าตาเป็นยังไงนั่นเองครับ..บางวันก็มี นร นศ มาเที่ยวกันเป็นหมู่คณะครับ
เดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ไข่ แล้วมาถ่ายภาพเฉลย หุ่นยนต์ตัวใหญ่ยักษ์ที่อยู่ใกล้ภูเขา คืออะไร...มันคือ สวนน้ำ นั่นเองครับ ยิ่งอากาศร้อน ๆ ก็จะมีครอบครัวพาลูก ๆ มาเล่นน้ำคลายร้อนกันครับ...มีที่นั่งรอร่ม ๆ มีร้านอาหารเครื่องดื่มบริการ พร้อมครับ
จากนั้นผมเดินลัดเลาะชมนก ชมไม้ไปเรื่อย ๆ อยากแนะนำเพื่อนไปที่ กรงนกใหญ่ ครับ ภายในกรงนกใหญ่ สวนนกชัยนาทแห่งนี้ จัดสวนต้นไม้เพื่อสร้างเป็นป่าเพิ่มขึ้น โดยจัดเป็นสวนหย่อมให้มีความสวยงามร่มรื่น ทั้งยังสร้างทางเดินทั่วกรงนกใหญ่เพื่อให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินชมนกได้อย่างใกล้ชิด และยังเพื่อเป็นการศึกษาธรรมชาติที่เป็นที่อยู่อาศัยของนกอีกด้วยครับ
นกที่นี่ ดูเหมือนพวกมันอยู่กันอย่างมีความสุขมากเลยครับ ไม่มีใครมาทำอันตราย มีอาหาร แหล่งน้ำ ต้นไม้ ให้พักอาศัยเพียบพร้อมดีจริง ๆ ภายในกรงมีนกหลายชนิด ทั้งนกยูง นกเอี้ยง นกกาบบัว นกอีโก้ง ไก่ฟ้า ฯลฯ
สัญลักษณ์ สวนนกชัยนาท หุ่นฟางนกอินทรีย์ขนาดใหญ่ ทำจากฟางเคลือบด้วยเรซิน ขนาดความยาว 16 เมตร จากปลายปากถึงปลายหาง กว้าง 8 เมตร จากปีกซ้ายถึงปีกขวา และสูง 8 เมตร จากพื้นดิน ได้ นกอินทรีย์ใหญ่นี้ตั้งอยู่เกาะกลางของสระน้ำใหญ่ เดินผ่านเข้าประตูมาปุ๊ป ก็เห็นเด่นสง่าอยู่กลางน้ำเลยครับ สวนนกชัยนาท เปิดบริการทุกวัน ค่าผ่านประตู ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท
ออกจากสวนนกชัยนาท เลยเที่ยงมานานแล้ว (มัวเดินถ่ายภาพเพลิน)...ท้องร้องจ๊อก ๆ ขับรถเลยจากสวนนก มาแค่ประมาณ 500 เมตร เจอร้านเย็นตาโฟป้ารัตน์ (ปากซอยทางเข้าสนามกีฬา จ.ชัยนาท เขาพลอง) เหมือนร้านจะเพิ่งเปิด เลยตัดสินใจปักหลักกินตรงนี้เลยดีกว่า หิวเต็มที่แล้วครับ...ตอนแรกต้องบอกตามตรงว่า ตอนมานั่งใหม่ ๆ เห็นไม่ค่อยมีคนมากิน ผมเลยไม่ค่อยหวังว่าความอร่อยจะเลิศเรอเพอเฟ็คอะไรนัก...แต่..พอสั่งมากินชามแรกเท่านั้น ต้องร้องว่า โอวมายก๊อดดดด ทำไมอร่อยอย่างนี้ คือชามเดียวก็อิ่มแปล้แล้ว แต่อารมณ์อยากเบิ้ล เลยสั่งแห้งมาอีกชาม ต้องบอกว่า อร่อยตัวแตกเลยครับ…แนะนำอย่างแรงเลยห้ามพลาด
ผมต้องยอมรับตามตรงว่า อารมณ์หิวหน้ามืด ชามแรกถ่ายภาพไม่ทันจริง ๆ ครับ...พอเค้ามาส่งที่โต๊ะเท่านั้นแหล่ะ รสชาติไม่ต้องปรุง เรียกว่าอร่อยสำเร็จมาเลยแล้วกันครับ ผมใส่แบบไม่ยั้ง หมดภายในไม่กี่นาที...ฮ่า ๆ สุดท้ายนึกได้...เอ่อ...อร่อยขนาดนี้ ต้องถ่ายภาพ แนะนำเพื่อนที่มาเที่ยวชัยนาท ให้มาลองกินบ้างดีกว่า...งั้นเบิ้ลเลย ๆ ...พอท้องเริ่มอิ่ม อารมณ์อยากถ่ายภาพเริ่มมาแล้วครับ..ฮ่า ๆ ๆ
ระหว่างกินแบบแห้งชามที่สองนั้น ก็มีคนชัยนาททยอยจอดรถมากินเรื่อย ๆ จนเต็มร้าน ผมเลยไปคุยกับป้ารัตน์ เค้าเล่าว่า ร้านเปิด 15.00 – 21.00 น. (มิน่า ตอนผมมานั่งแรก ๆ ดูร้านกร่อย ๆ ยังไงไม่รู้) ทีเด็ดของเย็นตาโฟป้ารัตน์ คือ น้ำซุปถึงรสกลมกล่อมมาก เครื่องพวกหมู ปลาหมึก ลูกชิ้นปลา ก็เลือกใช้ของดี ๆ ทีเด็ดนอกจากเกี๊ยวกรอบ แล้วก็มี แป้งทอดกรอบครับ ป้ารัตน์ผสมแป้งแล้วปรุงรสกำลังดี ทอดกรอบ ๆ โรยใส่มาพร้อมในชามก๊วยเตี๋ยว บอกเลยว่า...อยากให้ป้ารัตน์ มาเปิดสาขาที่กรุงเทพฯ จังเลยยยยยย
คืนนี้ ผมนอนพักผ่อนเอาแรงไว้ลุยพรุ่งนี้ต่อดีกว่า...Fantasy Resort คือเป้าหมายของผม เพราะอยู่ไม่ห่างจากสวนนกชัยนาท ไม่กี่ ก.ม. ห้องพักมีหลายแบบหลายราคาให้เลือกตามงบ สะอาด อาหารเช้าผมสั่งข้าวต้มหมูสับก็อร่อยครับ....
หลังอาหารเช้าหนังท้องเริ่มตึงดีแล้ว วางแผนว่าจะไปชมเขื่อนชัยนาท แล้วถ่ายภาพเล่นกันดีกว่า มีคนบอกว่า ผัดไทยร้านต้นตะขบ อร่อยที่สุดมาชัยนาทแล้วไม่ได้มากินที่ร้านนี้ถือว่ายังไม่ถึงชัยนาท อยู่แถวนั้นพอดี....แบบนี้อย่าช้าครับ แฟนพันธ์แท้ผัดไทย อย่างผมไม่มีพลาดอยู่แล้ว ...ไปโลดจร้า
ทุกเช้าใกล้เขื่อนชัยนาท จะมีตลาดเช้า ให้ชาวบ้านได้มาจับจ่ายใช้สอยกันครับ ใครชอบวิถีชีวิตชาวบ้านที่แท้จริงไม่ควรพลาด เดินเล่นซักรอบอาจจะได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านก็ได้ครับ
จากริมเขื่อนชัยนาท ขับรถตรงอย่างเดียว ก่อนถึงร้านต้นตะขบ เห็นป้าขายไก่ย่างควันโขมง กับแสงเช้าสาดมาสวยดี รีบจอดรถอย่างด่วนแวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกไว้หน่อย (ไม่ได้อุดหนุนเค้าหรอก แฮ่ ๆ)
ถ่ายภาพร้านไก่ย่างริมทาง เสร็จแล้วก็ตะโกนถาม ป้าครับ ๆ ร้านต้นตะขบ ไปทางไหน...ป้าชี้ทางบอกว่า ตรงไปอีกหน่อยเดียวก็ถึงแล้วจร้า (ตั้ง google map ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลบางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มาเลย ร้านอยู่ตรงข้ามครับ)…..ผมไปถึง น่าจะเป็นคนแรกของวันนี้เลย สั่งวุ้นเส้นผัดไทยกุ้งสด ที่ใคร ๆ มาร้านนี้ต้องไม่พลาด...ผมเลยรับอาสา เป็นผู้พิสูจน์หน่อยว่า ตำนานความอร่อยที่อยู่คู่เขื่อนชัยนาท มา 40 กว่าปีนั้น เป็นเรื่องจริงรึเปล่าครับ
นั่งรอไม่นาน วุ้นเส้นผัดไทยกุ้งสด ก็มาวางตรงหน้าแล้ว...เห็นหน้าตาแล้วแทบไม่อยากถ่ายภาพเลยครับ อยากกิน ๆ ๆ ซะตอนนั้นเลย..ฮ่า ๆ ...อันดับแรก ผมลองกินเปล่า ๆ แบบไม่ปรุงอะไรเลยก่อน ต้องบอกว่า รสชาติกลมกล่อมความหวานเปรี้ยวเค็มมันลงตัวพอดีสมราคาจริง ๆ แต่ผมเป็นคนรสจัด ก็เลยปรุงเพิ่มอีกอย่างละครึ่งช้อน ๆ กินคำแรกปุ๊ปต้องร้องว่า “ช่ายยยยเลยยยยตำนานความอร่อยของวุ้นเส้นผัดไทยอยู่นี่เอง”....จุดเด่นคือ ใช้วุ้นเส้นผัดไทยนุ่มเหนียว ที่สำคัญร้านนี้ผัด น้ำมันไม่เยิ้มแฉะ (ถ้าแฉะมากนี่ถือว่าไม่ผ่านจริง ๆ) กุ้งที่ใส่ให้ก็สด เนื้อแน่นปึ่ก มิน่าถามใคร ๆ ว่า มาชัยนาท แนะนำกินอาหารง่าย ๆ ที่ไหนดี..ทุกคนบอกเสียงตรงกันว่า “วุ้นเส้นผัดไทยต้นตะขบ” เท่านั้น....
พอจ่ายตังค์เสร็จก็ถามคุณป้าว่า ร้านหยุดวันไหน ป้าบอกว่า เปิดทุกวัน แถมกระซิบอีกว่า ที่ร้าน มีเมนู ปลาแม่น้ำอร่อยมากด้วยนะ ผมเลยสัญญากับป้าว่า ครั้งต่อไปจะมาลองกิน ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน/กุ้งแม่น้ำ ปลาลวกจิ้ม ผัดเผ็ดปลาไหล ต้มยำปลาม้า บ้างครับ...ลายแทงความอร่อย ร้านต้นตะขบ เปิด 08.00 – 17.30 โทร 056-405-150 อยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 233 ต.บางหลวง จ.ชัยนาท ใกล้เขื่อนชัยนาท ครับ ให้ gps นำทางมา รับรองไม่มีหลง....ร้านอยู่ติดถนน เห็นป้าย เชลล์ชวนชิม แล้วเชื่อใจได้ครับ อร่อยจริงแน่นอน
หลังจากกินผัดไทย จนอิ่มหมีพีมันดีแล้ว จะพาไปเที่ยวถ่ายภาพสไตล์วินเทจ แบบย้อนยุค ที่ อ.สรรพยา มี โรงพักเก่า ร.ศ. 120 น่าสนใจมากครับจจากร้านผัดไทย ต้นตะขบ ให้ gps google map นำทางมาไม่นาน ก็ถึงสถานีตำรวจภูธร อ. สรรพยา ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว ตั้งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ภายในชุมชนตลาดสรรพยา ซึ่งตามประวัติ ระบุว่าอาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2444 หรือเมื่อ 115 ปีที่แล้ว โดยลักษณะอาคารเป็นอาคารทรงปั้นหยา ชั้นเดียวยกพื้นสูง มีมุกหน้า เสาเป็นไม้เต็ง ฝาอาคารเป็นไม้กระยาเลย พื้นทำจากไม้ตะแบก มุงด้วยกระเบื้องแบบโบราณ ซึ่งเมื่อนับอายุแล้วอาคารหลังนี้ถือว่าเป็นโรงพักตำรวจที่เก่าแก่ที่สุดที่เหลืออยู่ทั่วประเทศในปัจจุบัน
โรงพักได้รับการดูแล และบูรณะอย่างดี ไม้ทุกชิ้นยังสมบูรณ์ พื้นแน่นปึ่ก ผ่านเวลามา 100 กว่าปี ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดเลยครับ ดีใจกับชาว อ.สรรพยา ที่ร่วมกันอนุรักษ์โรงพักเก่าหลังนี้ เอาไว้ให้คนรุ่นหลัง หรือคนต่างเมืองได้มาเที่ยวเยี่ยมชมกันครับ
ดูการออกแบบในการสร้างอาคารแล้ว ผมว่าคนชอบถ่ายภาพต้องอยากมาเที่ยวที่นี่มากเลยครับ ด้านข้างโรงพักก็มีอาหารเครื่องดื่ม ของฝากที่ชาวบ้านมาเปิดแผงขายนักท่องเที่ยวครับ วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ จะมีคนมาเที่ยวเรื่อย ๆ
ผมอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองมาเที่ยวที่นี่ครับ ใครที่ชอบแนวสถาปัตยกรรมโบราณ ต้องชอบที่นี่แน่นอน เชิงชาย ราวบันได หน้าต่าง หลังคา ออกแบบได้งดงามมาก ๆ ครับ
ตามผมขึ้นไปบนโรงพักกันบ้างดีกว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเทศบาลอำเภอสรรพยา ร่วมกันบูรณะ เพื่อใช้เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติศาสตร์ท้องถิ่นสรรพยา เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับคนในชุมชนและนักท่องเที่ยว ที่ฝาผนัง ก็จะมีภาพประวัติเรื่องราวต่าง ๆ ติดเอาไว้ให้ได้ศึกษาหาข้อมูลกันครับ
ใครที่ชอบของเก่า ๆ ต้องรักที่นี่แน่นอน บ้านเรือนใกล้โรงพักเก่าแห่งนี้ถือว่าเป็นเมืองเก่าแท้ ๆ ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งให้เก่า เหมือนหลายแห่งที่ฮิต ๆ ในเมืองไทย บ้านเรือนยังไม่เปลี่ยนแปลงแบบสมัยใหม่มากนัก ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพอีกด้วยนะครับ วันหยุดขับรถมาเที่ยวกันได้เลย ที่ไม่ควรพลาดก็คือ งาน ถนนคนเดินสรรพยา เปิด เสาร์-อาทิตย์แรกของเดือน เวลา 15.00-21.00 น. มาถ่ายภาพเล่นกันก่อน แล้วตอนเย็นค่อยเลือกชิม ช๊อป กันให้สนุกเลยครับ
ผมเชื่อว่า ถ้าหน่วยงานราชการ และ ประชาชนในท้องถิ่น ต.สรรพยา ร่วมแรงใจกันสร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างจริงจัง จัดถนนคนเดินทุกวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ล่ะก็ รับรองว่า ที่นี่ต้องดังแน่นอนเลยครับ....ผมถามชาวบ้านว่า ถ้ามาเที่ยวแล้วอยากพักค้างคืนที่นี่ทำยังไง...เค้าแนะนำให้พักบ้านหลังนี้เลยครับ เป็นโฮมเสตย์ สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว (ลองติดต่อกันเองนะครับ.... ) สอบถามทาง เทศบาล ต.สรรพยา 056-499134 2561
หลังจากสำรวจเส้นทางเที่ยวย้อนยุค ที่ อ.สรรพยา แล้วใช้ google map นำทางไป อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท เพื่อออกเดินทางท่องเที่ยวค้นหาวิถีแห่งลาวครั่งบ้านกุดจอก ชมการรักษาวัฒนธรรม เอกลักษณ์ เป็นเครื่องบ่งบอกวิถีการรักษามรดกตกทอดของบรรพบุรุษ ที่ชาวบ้านทุกคนร่วมใจกันอนุรักษ์ ความเป็นชาติพันธุ์ที่ยังคงแนบแน่นและมั่นคง ทั้งสิ่งแสดงออกที่ออกมจากทางการแต่งกายที่งดงาม ทางอาหารที่เป็นเสมือนวัฒนธรรมที่มีอยู่ในทุกครัว ทางความเป็นอยู่และภาษา ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความรักในความเป็นชาวลาวครั่งของคนบ้านกุดจอกอย่างแท้จริง
จากตัวเมืองชัยนาท ผ่าน อ.วัดสิงห์ ถึง ต. ภูครอก อ.หนองมะโมง ประมาณระยะทาง 35 ก.ม. ที่หมู่บ้านลาวครั่ง เป็นแหล่งรวบรวมวัฒนธรรม ทั้งทางด้าน อาหาร ภาษา และรูปแบบของการทอผ้า เครื่องแต่งกาย ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์งดงามมากครับ มาเที่ยวที่นี่แล้ว อย่าลืมซื้อผ้าพื้นเมืองแท้ ๆ จากชาวบ้านลาวครั่ง กลับบ้านเป็นที่ระลึก หรือของฝาก รับรองว่าประทับใจผู้รับแน่นอน
เครื่องแต่งกาย ลายผ้าซิ่นตีนจก แต่ละผืนงดงาม มีเอกลักษณ์กลิ่นอายของชนชาติลาวทางภาคเหนือ ที่ย้ายมาอยู่บนพื้นแผ่นดินไทยมานาน 130 ปี ตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสิน ชาวบ้านกุดจอก ต่างอนุรักษ์และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบันนี้ครับ
คุณยายซ้อง จบศรี อายุ 89 ปี ได้รับการถ่ายทอดเรื่องการทอผ้ามาจากคุณแม่ และเริ่มฝึกหัดทอผ้ามาตั้งแต่อายุ 15 ปี ซึ่งถือว่าคุณยายซ้อง เป็นตำนานผู้อนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมการทอผ้าซิ่นตีนจก จากอดีต จนถึงปัจจุบันที่น่าชื่นชม ลวดลายผ้าซิ่นที่นิยมสวมใส่หลากหลายเช่น ลายดอกแก้ว ขออีโง้ง กาบอีป้าลืมผัว ขอสี่ชั้น คนรุ่นใหม่สนใจอยากเรียนรู้ ไปหาคุณยายเลยครับ ยินดีถ่ายทอดให้ด้วยหัวใจและความรักอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา...
คุณ นิวัฒนา ศรีพรมมา ผู้ใหญ่บ้าน ต.บ้านกุดจอด ผู้พาชม และสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านลาวครั่ง บ้านกุดจอก
ธุง ตุง หรือ ธง เป็นผืนผ้าห้อยลงมาจากเพดานของโบสถ์ ที่ชาวบ้านร่วมแรงใจทอผ้าอันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นนำมาถวายวัดเป็นการทำบุญสร้างกุศลของชาวลาวครั่ง ครับ
สุดท้ายแวะชมการสวมหมวกจากทางมะพร้าว พร้อมกับกินข้าวหมากขนมพื้นเมืองโบราณสูตรชาวลาวครั่ง (ใครเคยกินยกมือขึ้น..วัยรุ่นแน่นอน ฮ่า ๆ) หอมหวานเย็นชื่นใจคลายร้อน ได้อย่างดีครับ
ทริปนี้ขอลาไปแต่เพียงเท่านี้ครับ...คอยติดตามนะครับ ว่าครั้งต่อไปจะพาไปเที่ยวที่ไหนกัน...จนกว่าจะพบกันใหม่ ..โชคดีมีเงินใช้ทุกท่านครับ
Tinakorn Pom Suksapsri
วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 12.58 น.