จ า ก H a k o d a t e . .

กลับไปเที่ยว Hakodate 2 วันแรกกับเราได้ที่นี่นะคร้าบ

ใช้เวลาเกือบ ๆ 2 ช.ม. เราก็มาถึง Toya Station (อย่าลืมจองที่นั่งล่วงหน้านะ จะได้ไม่ต้องลุ้นตู้ Non-Reserved กันครับ) ลงจากรถไฟ คว้ากระเป๋าของตัวเองลงมาเรียบร้อยก็รีบเดินออกมาหน้าสถานี มองหา Donan Bus เพื่อเข้าไปที่ริมทะเลสาบ Toya จะบอกว่า ด้วยความเร็วของเรา ทำให้เราได้ขึ้นรถคันแรกที่จอดอยู่ที่ป้าย ซึ่งบนรถ สามารถขึ้นได้ไม่เยอะ เพราะเหล่านักท่องเที่ยวแต่ละคน ก็จะมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเองมาด้วย ทำให้ที่ยืนบนรถจะน้อยลง แต่เต็มไปด้วยกระเป๋า แต่เราขึ้นทัน และหลังจากเราก็มีคนขึ้นได้อีกไม่กี่คน ช่วยกันจัดกระเป๋าให้เรียบร้อย หยิบกระเป๋าซ้อนใบกันเท่าที่จะทำได้แล้ว พนักงานขับรถก็ออกรถ (นับเป็นโชคดีของเราที่ขึ้นทัน เพราะถ้าจำไม่ผิด รถบัสจะออก 30 นาทีคันนึง)

ใช้เวลาประมาณครึ่ง ช.ม. รถบัสก็มาจอดที่ Toyako Onsen Bus Terminal เราก็ลงรถแบบมึน ๆ งง ๆ ว่าใช่ป้ายที่เราต้องลงหรือเปล่า แล้วก็คว้ามือถือมามองหาเป้าหมายปลายทาง มองหาทิศทางที่เราจะต้องไปถึงเป้าหมายปลายทาง นั่นก็คือ..

T o y a K a n k o H o t e l

เ ร า ล ง ถู ก ป้ า ย แ ล้ ว เพราะจากที่ GPS บอกเรา นั่นคือ 300 ม. จากป้ายรถเมล์ ถึงโรงแรม เราก็ค่อย ๆ เดินลากกระเป๋าเข้าไป Check-in ที่โรงแรม รับกุญแจ เก็บกระเป๋าเข้าห้อง และลุ้นอย่างนึงที่ผมทำใจอยู่นานว่า จะใช้บริการโรงแรมนี้ดีหรือไม่ นั่นคือ "Smoking Room" เพราะในวันที่ผมจอง ห้องไม่สูบบุหรี่เต็มหมดแล้ว ส่วนโรงแรมอื่นก็ราคาสูงกว่านี้อีกครับ แต่จากที่หารีวิวอ่านมา ก็จะบอกว่า ห้องไม่มีกลิ่นบุหรี่ ซึ่งพอเปิดประตูเข้าไป ก็จริงอย่างที่รีวิวบอกไว้ นั่นคือ ไม่มีกลิ่นบุหรี่เลยครับ แต่คงเป็นเพราะว่า ทางโรงแรมมีกฎข้อห้ามว่า "ห้ามสูบบุหรี่บริเวณที่เป็นเสื่อ" ซึ่งเสื่อก็เกือบจะทั้งห้องเลยครับ ห้องที่โรงแรมนี้กว้างขวางดี มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งชิลชมวิวทะเลสาบริมหน้าต่างด้วย

Toya Kanko เป็นโรงแรมที่ค่อนข้างเก่าครับ แต่การจัดการยังดีอยู่ บรรยากาศด้านในโรงแรมก็คือ โรงแรมเก่า ๆ เลยครับ แต่ด้วยวิวภายนอกแล้ว ถือว่าราคาไม่แพงจนเกินไป เพราะราคานี้ รวมอาหารเช้า และอาหารเย็นด้วยครับ สำหรับกลิ่นในห้องพักที่ผมพักนั้น ถือว่าโอเคเลย เป็นห้องเสื่อ ที่ไม่มีกลิ่นบุหรี่ครับ

เตรียมตัวพร้อมแล้ว เราก็ลงไปเดินเล่นหน้าโรงแรม เดินถ่ายรูปเล่น เดินเลาะชมวิวริมทะเลสาบ จนถึงท่าเรือของ Toyakankokisen Cruise เป็นเรือที่จะพาเราล่องทะเลสาบ ซึ่งในช่วงฤดูหนาว (พ.ย. - ต้น เม.ย.) เรือจะให้บริการเพียงแค่ล่องทะเลสาบไปกลับเท่านั้น จะไม่สามารถจอดให้ลงไปเดินที่ Nakanoshima ได้ โดยราคาตั๋วแบบไปกลับอยู่ที่ 1,420 เยน แต่ทาง Official Website ของเรือ จะมีคูปองส่วนลดให้เรา Download มาใช้ได้ ตาม Link นี้ครับ Official Website Toyakankokisen Cruise ขณะที่เรามาถึงท่าเรือเกือบ ๆ บ่ายโมง จึงตัดสินใจว่า ขอไปหาอะไรรองท้องก่อน เพราะเรือยังมีทุก ๆ ช.ม. (ฤดูหนาวเรือให้บริการ 9.00 - 16.00 น.) แหะ ๆ เพราะเช้านี้เราเพิ่งรองท้องไปแค่ปลาหมึกสด ๆ ตัวนึง องุ่น มันฝรั่ง Royce และมารูโจ้เองครับ

เรารีบเดินกลับขึ้นไปริมถนน รีบมองหาร้านอาหารที่พอจะกินได้ แต่แถวนี้ ช่างเป็นช่วงที่เงียบเหงาจริง ๆ ร้านอาหารใกล้ ๆ หายากมาก จนเราเจอร้านอาหารเก่า ๆ ร้านนึง ส่องเข้ามีลูกค้านั่งอยู่ 1-2 โต๊ะเท่านั้น ก็เลยตัดสินใจกินร้านนี้แหละครับ เพื่อจะได้กลับไปทันขึ้นเรือภายใน 1 ช.ม. ถัดไป

ถือว่าอาหารร้านนี้ รสชาติใช้ได้ครับ ประทังชีวิตมื้อนี้ของเราได้สบาย ๆ เลย เราเลือกกินเป็นข้าวหน้าเนื้อชุดนึง กับคร็อกเก็ตอีกชุดนึง ร้านนี้ก็จะเป็นแนว ๆ ครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ทำขายกันเองครับ ดูอบอุ่นในวิถีชีวิตชนบทดีครับ..

รีบอิ่มท้องอย่างรวดเร็ว ก็รีบจ้ำเพื่อไปให้ทันเรือรอบถัดไป ซึ่งก็พอดีเลยครับ เรือกำลังจะออก รีบซื้อตั๋ว และกดน้ำไปขวดนึง พอเราขึ้นเรือ เรือก็พาเราท่องสู่ทะเลสาบ Toya ในทันที..

ขึ้นเรือได้ เราก็รีบเดินขึ้นไปด้านบน ออกไปด้านนอก แต่แล้วเราก็ต้องสะท้าน เพราะลมที่กระแทกเข้ามา มันหนาวมากครับ มีความหน้าชากันเลยทีเดียว แต่เพื่อการจะได้รูปสวย ๆ วิวสวย ๆ และชมเจ้านกน้อยที่บินมาต้อนรับ บินมาเล่นกับเรือ รวมถึงบินมารอกินอาหารจากนักท่องเที่ยว เราก็ต้องออกไปแหละครับ แต่ต้องวิ่งสลับกลับเข้ามาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นบ้าง

เรือพาเราไปถึงเกาะ Nakanoshima แล้วก็วนกลับ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 45 นาที ซึ่งก็เพียงพอกับให้เราได้ชมความงามของชายฝั่ง ทะเลสาบแล้วครับ


กลับมาถึงฝั่ง เราก็กลับเข้าโรงแรม แวะไปแช่ออนเซ็นสักพัก ที่ Toya Kanko ออนเซ็นผู้ชายจะมีบ่อกลางแจ้งให้ได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยนะครับ แช่สักพักจนได้เวลากินข้าว ซึ่งเรานัดเวลาไว้ประมาณ 1 ทุ่ม ซึ่งก็หิวพอดีครับ สำหรับอาหารเย็นวันแรกนี้ แบบว่า.. มีอึ้งเลยครับ แบบว่า.. มันคืออะไรน่ะ คือมีหลายสิ่งหลายอย่างให้เรากินในเซ็ทนะครับ แต่แบบว่า อาหารไม่ถูกปากเราเลย แต่ก็ด้วยความหิวครับ ก็จัดไปให้หมดทุกสิ่งนั่นแหละ ไม่งั้นคืนนี้เราไม่มีอะไรให้กินแน่ ๆ 555+

หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราก็ขอออกไปเก็บความหนาวเหน็บริมทะเลสาบกันอีกนิด เดินเลาะริมทะเลสาบเล่น ชมวิวยามดึก ก่อนที่จะกลับเข้ามาพักผ่อน.. คืนแรกริมทะเลสาบ Toya บรรยากาศก็จะชิล ๆ หน่อยครับ

แต่ก่อนกลับขึ้นมานอน ข้อดีของโรงแรม Toya Kanko ก็คือ เราสามารถจองรถตู้บริการวันรุ่งขึ้นได้ เพราะพรุ่งนี้เราจะเดินทางไปชมความงามของเมือง Noboribetsu กันครับ เราจองรถตู้ไว้ช่วงสาย ๆ เพื่อให้ทันกับรอบรถไฟพอดี รวมถึงจองรอบกลับจาก Noboribetsu ด้วยครับ ซึ่งพนักงานโรงแรมก็จะถามเราว่า เราจะเดินทางไปด้วยรถไฟรอบกี่โมง และจะกลับมาถึง Toya Station ด้วยรถไฟรอบกี่โมง เค้าก็จะจองที่นั่งรถบริการรอบที่พอดีกันไว้ให้เราครับ

สำหรับคืนนี้ก็.. ราตรีสวัสดิ์ไปกับความมืดของทะเลสาบ Toya นะครับ.. ฝันดี กับอากาศดี ๆ หนาว ๆ ครับ

ก่อนนอนก็ขอหาหนังสืออ่านก่อนนอนกันหน่อยนะครับ... ฮี่ ฮี่ ฮี่


อรุณสวัสดิ์เช้านี้ที่หิมะโปรย ณ Toya Lake

ตื่นเช้ามา ก็พบว่าหิมะกำลังโปรยเลยครับ เราลงมารีบกินข้าวเช้าที่รู้สึกว่า ดีงามกว่าอาหารเย็นเมื่อคืนนี้มาก ๆ เลย แต่เรากินเพลินไปหน่อย และพนักงานก็รีบมาขอโทษเรา เพราะรถตู้ที่เราจองไว้เมื่อวานเต็มซะงั้น พนักงานเช็คให้เราผิด เลยต้องเลื่อนถัดไปอีกรอบนึง ซึ่งทำให้เราจะต้องออกเดินทางช้ากว่าเดิม 1 ช.ม. แต่ก็ไม่เป็นไร ทำอะไรไม่ได้ครับ.. ชมบรรยากาศยามเช้าริมทะเลสาบกันครับ มันฟินมาก..

ระหว่างรอเวลารถตู้ ก็เดินถ่ายรูปเล่นบริเวณใกล้ ๆ โรงแรมนี่แหละ

ไปครับ รถตู้มาแล้ว รีบขึ้นเลยครับ มีพนักงานมายืนส่ง ยืนโบกมือร่ำลาแขกที่เดินทางกลับวันนี้ด้วยครับ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที รถตู้ก็พาเรามาส่งถึง Toya Station คนขับรถก็ยืนโบกมือแขกอีกครั้งนึง จากนั้นเราก็ไปยืนรอรถไฟเพื่อมุ่งหน้าสู่ Noboribetsu ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่ง ช.ม. เศษ และเราไม่ได้จองที่นั่งครับ ทำให้ครั้งนี้เราต้องยืนมาตลอดทาง โชคดีนะ เป็นเส้นทางที่เดินทางไม่นาน

แต่ก่อนขึ้นรถเช้านี้ เราเลยรีบจองตั๋วเดินทางเข้าสู่เมือง Sapporo ไว้ล่วงหน้าก่อนเลยครับ อย่าลืมนะครับ เส้นทางยาว ๆ อย่าลืมจองตั๋วนะครับ ไม่งั้นมียืนกันเมื่อยแน่ ๆ คร้าบ

ถึงแล้วครับ Noboribetsu Station ออกจากสถานีปุ๊บ จะมียักษ์มารอเราที่หน้าสถานีเลยครับ เราก็มองหารถเมล์สีเขียว เพื่อเข้าสู่ใจกลางเมือง นั่นคือ Noboribetsu Onsen นั่นเอง ช่วงนักท่องเที่ยวเยอะ ก็จะมีรถวิ่งเยอะหน่อยนะครับ แต่ขึ้นคันแรก ๆ ได้ก็จะดีครับ ได้ไม่ต้องยืนรอนาน มันหนาว.. 555+

ใช้เวลาเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น รถบัสก็มาส่งที่ป้าย Noboribetsu Onsen ครับ เมื่อลงรถแล้วก็มองหาป้าย Jigokudani เลยครับ เป้าหมายของเราวันนี้คือ ตามรอยหนังเรื่อง Fan Day นั่นเอง ระหว่างทางที่เดินมา ก็จะมีน้องยักษ์ มีไม้กระบองอยู่ตลอดทาง..

พอถึงหน้าทางเข้า จะมีห้องน้ำตั้งต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เราปลดปล่อยทุกข์กันก่อนเลยครับ ก็ทำธุระส่วนตัวกันให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าสู่ภูเขาไฟกันนะครับ

ถึงแล้วครับ หุบเขานรก Jigokudani เดินชมความงามกันเลยครับ ผมว่าช่วงที่เรามา หิมะโปรยตลอดทาง ก็ทำให้บรรยากาศดูดี น่าสนใจอย่างมากเลยครับ เพราะตัวเขาก็จะมีหิมะสีขาวปกคลุมเป็นหย่อม ๆ ไปครับ

สำหรับภาพนี้ ขอบคุณน้องนักท่องเที่ยวคนไทยกลุ่มนึง ที่ช่วยถ่ายภาพคู่ให้เรานะครับ ภาพสวยงามมากเลย

ชมภาพความงามกันให้เต็มอิ่มเลยครับ ระหว่างทางเดิน อย่าเล่นกันเพลินนะครับ เพราะพื้นไม้บางจุด เมื่อหิมะปกคลุม จะทำให้เราลื่นล้มได้เช่นกันนะครับ

จริง ๆ แล้ว ผมอยากจะเดินเข้าเส้นทางด้านบน แต่ตอนที่เราไป เหมือนหิมะจะตกหนัก ทำให้เค้าปิดเส้นทางเดินขึ้นเขาครับ ก็เลยขึ้นไปได้แค่จุดที่มีป้าย Jigokudani Valley เท่านั้นครับ (นอกจากหุบเขานรกแล้ว ยังมีนั่งกระเช้าขึ้นไปหาน้องหมีได้อีกนะครับ หากใครชื่นชอบ หรืออยากพาน้อง ๆ ไปหาน้องหมี ก็สามารถนั่งกระเช้าไปได้อีกที่นึงนะครับ)

เราค่อย ๆ เดินกลับลงมาแถว ๆ ป้ายรถบัส Jigokudani Onsen แต่ก็ไม่รู้จะกินอะไรดี ก็เลยขึ้นรถเมล์กลับมาที่ Noboribetsu Station และเดินเที่ยวรอบ ๆ นั้นแทนครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วแถวนั้นก็ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Noboribetsu Marine Park Nixe ด้วยนะครับ แต่วันที่เราไปเค้าปิดน่ะครับ ก็เลยได้แต่เดินผ่าน ชะโงกดูแทนครับ

ถึงจะไม่ได้ขึ้นกระเช้าแวะไปเยี่ยมน้องหมี แต่ก็มีน้องหมีมารับ และส่งอยู่ที่สถานีรถไฟนะคร้าบ.. แฮ่!!

เหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ แต่สุดท้ายก็เริ่มมืดแล้ว เพราะหน้าหนาว ความมืดจะมาเร็วมากครับ เราก็ยืนรอรถไฟเตรียมกลับ Toya กันดีกว่า หิวละ..

ถึง Toya Station ปุ๊บ ก็มีรถตู้โรงแรมมาจอดรอเราอยู่พอดี ซึ่งในรถมีนักท่องเที่ยวนั่งรออยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเดาว่า เค้าน่าจะเพิ่งเดินทางมาจาก Hakodate น่ะครับ

วันนี้เรากะเวลาแม่นมาก จองอาหารเย็นไว้พอดิบพอดีเลย ลงรถตู้ปุ๊บ รีบบึ่งไปลุ้นอาหารเย็นก่อนเลยครับ ซึ่งวันนี้ อาหารเย็นหน้าตาเปลี่ยนไปจากมะวาน ถือว่าดีย์งามเลยครับ

มีขาปูให้เราได้ลิ้มรสกันด้วยนะครับ ถือว่ามื้อนี้ผ่านครับผม.. อิ่มท้องแล้ว ออกไปเดินย่อยกันหน่อยดีกว่า เพราะได้ยินมาว่า ที่ Lake Toya จะมีการจัดไฟ Illuminated Tunnel ถามพนักงานเลยครับว่าไปทางไหน ซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมเราเลยครับ ค่อย ๆ เดินฝ่าหิมะไปเรื่อย ๆ คนไม่เยอะมากครับ ค่อย ๆ ต่อแถวรอคิวถ่ายรูปกับป้ายไฟ จะได้ภาพงดงามตามนี้เลยครับ

ภาพคู่เรา ต้องขอบคุณนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น 2 สาวมาก ๆ เลยครับ ระหว่างที่เรายืนรอคิวอยู่ เค้าก็มายืน และบอกเราว่า จะถ่ายรูปคู่ให้ ซึ่งเค้าก็ยืนรอจนถึงคิวเราไปด้วยครับ ありがとうございました

คืนนี้ ส่งท้ายไปด้วย Illuminating Light ของ Toya Lake กันนะครับ แม้อุโมงจะไม่ได้ยาวมาก เพราะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยความงาม และความหนาวเย็นยะเยือกเลยครับ..

พรุ่งนี้เช้า เราจะเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง Sapporo กันแล้วครับ ทิ้งท้ายเมือง Toya ไว้ด้วยภาพ Panorama หน้าสถานี JR Toya ยามเช้าวันเดินทางเข้า Sapporo ครับ

อย่าลืมจองเวลารถตู้ และเวลารถไฟกันล่วงหน้าด้วยนะคร้าบ เพราะจาก Toya เข้า Sapporo ใช้เวลาประมาณ 2 ช.ม. เลยเชียว มีเมื่อยนะครับ ถ้าต้องยืน

ความน่ารักของพนักงานอีกอย่างนึงคือ การยืนโบกมือ ร่ำลา และยังมีการถือธงชาติของนักท่องเที่ยวที่กลับรอบนั้นโบกไปมาเป็นการร่ำลา และบอกว่าไว้มาใหม่น้าด้วยครับ

แล้วตามไปเที่ยว Sapporo กันต่อนะครับ รวมถึงเมืองอื่น ๆ อีกนะคร้าบ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม อ่านจนจบนะครับ แวะไปชมภาพเพิ่มเติม ทริปอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ facebook: ทุบกระปุก

ปล. ทำไมเราถึงเลือกพักที่ Lake Toya หรอครับ? ก็เพราะ.. ที่พักถูกกว่าที่ Noboribetsu นั่นเองครับ มีออนเซ็นให้แช่ได้เหมือนกัน แต่อาหารอาจจะไม่หรูหราเท่าน่ะครับ แต่ที่พักริมทะเลสาบ Toya ก็ยังมีอีกหลายที่ที่เป็นวิวทะเลสาบนะครับ เลือกได้เลย แต่ละที่เดินห่างกันไม่เยอะครับ ทั้งใหม่ ทั้งเก่าให้เลือกได้ตามงบเลย
ความคิดเห็น