มะเงยระอาว~ ❤️ กลับมาพับกบ เอ๊ย! พบกับทริปที่มีการเดินทางสุดหฤโหด ไกลสุดเขตแดนสยาม นั่นคือ สังขละบุรี
ในตอนแรกที่ตัดสินใจมาที่นี่ก็ทำการบ้าน ศึกษาการเดินทางและแหล่งท่องเที่ยวอย่างละเอียดนานสองเดือนได้ ฮ่าๆๆ (ความจริง คือ ไม่มีตังค์อีกแล้วค่ะ) ทริปนี้เจ้เดินทางคนเดียวค่ะ ใช่จ้าาา! ไปคนเดียววววว.
'ไปคนเดียวไม่กลัวเหรอ?'
ตอบตามความจริงก็กลัวค่ะ แต่จะไป 😊 การเที่ยวคนเดียวไม่ได้แย่อย่างที่คิดเลยน้าาาา มันมีความสุขและสนุกไปอีกแบบ ระหว่างการเดินทางเจ้ก็ได้พบปะผู้คนหน้าใหม่ๆ วัฒนธรรมใหม่ๆ ได้พักผ่อนกับธรรมชาติจริงๆอย่างที่คิดไว้เลย
เข้าเรื่องเลยดีกว่า ... การเดินทางในครั้งนี้ทำให้เจ้ได้เดินออกมาจากบางอย่างที่ยากต่อกับการตัดสินใจมากๆ จึงเกิดเป็นทริปที่อยากเยียวยาความรู้สึกในตอนนั้น จึงตั้งชื่อทริปนี้ว่า #ทริปนี้พี่มูฟออน เพราะชีวิตเราต้องก้าวต่อไป
ต้องขอเกริ่นก่อนว่าการเที่ยวของเจ้แต่ละครั้งต้องมีแผน ปลอดภัยและประหยัด จึงได้ไปเจอรีวิวหนึ่งที่ได้ไปพักเป็นแพคเกจ 2 วัน 1 คืน กับโฮมสเตย์ที่มีชื่อว่า B.homestay แพคเกจที่ว่านี้ราคา 999 บาทเท่านั้นเองนะจ๊ะ
'แล้วมีอะไรบ้าง?'
ไม่บอก ... อ่านก่อนเดี๋ยวบอก ฮ่าๆ
เจ้จองแพคเกจในวันที่ 23 ต.ค. 62 แต่เหมือนรู้ว่าการเดินทางคงใช้เวลาและกว่าจะไปถึงต้องเละเป็นโจ๊กแน่ เลยลางานไปแบบ 3 วัน 2 คืน
เดินทางในเช้าวันที่ 1 พ.ย. 62 06.00 น. โดยสารจากแพรกษาไปที่หมอชิตด้วย bts ต่อด้วยพี่วินใต้สะพานไปขนส่งรถตู้ (บอกแค่นี้อ่ะ) จ่ายไป 60 บาท หันหน้าเข้าอาคารประชาสัมพันธ์เลี้ยวขวาเดินตรงไปที่อาคาร D ในวันที่หาข้อมูลการเดินทางจะไปซื้อตั๋วของรถวินแฮปปี้ แต่พอก้าวแรกที่เข้าไปก็เจอพี่ผู้ชายกวักมือเรียกแล้วก็ตะโกนมาว่า
'ไปกาญจน์ไหมๆ'
'เออๆ ไปก็ได้'
ค่าเสียหาย 120 บาทจ้า
เดินทาง 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงขนส่งกาญจนบุรี อย่าสนใจใครก็ตามที่ถาม ไปไหน เหมารถไหม บลาๆๆๆ เดินตรงไปสวยๆจ้า มองเฉียงขึ้นไปจะเจอป้ายสีแดงใหญ่ เดินเข้าไปซื้อตั๋วสังขละบุรีจ้ะ 175 บาท เป็นรถตู้นะคะ
การเดินทางไปสังขละบุรีนี่แหละคือตัวฝึกความอดทนสุดๆ ระยะเวลาการเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่งกับโค้งที่ว่าถ้าขับไม่เก่งจริงซิ่งคงยาก เมารถจนได้เลยทีเดียว ระหว่างทางจะมีจอดรถตรวจบัตรประชาชนประมาณสามครั้งค่ะ ... อย่าลืมบัตรประชาชนเป็นอันขาด!! เมื่อถึงที่หมายต่อไปก็จะเป็นการเดินไปที่พักค่ะ ที่พักของเราไม่ไกลมากนะ แต่ตอนที่เจ้ไปถึงอากาศมันค่อนข้างร้อนเพราะไปถึงประมาณบ่ายโมงกว่าๆ
หากเจ็บหัวใจให้เลี้ยวเข้าโรงพยาบาล
หากหาคนผิดให้เลี้ยวเข้าสถานีตำรวจ
หากตัดสัมพันธ์ให้เลี้ยวเข้าที่ว่าการอำเภอ
อย่าได้สนใจ สาระไม่มี การเขียนรีวิวนี้ก็เช่นกัน ฮ่าๆๆ หากเจอแลนมาร์กทั้งสามจุดนี้ให้เลี้ยวซ้ายและมองไปจนสุดทางจะเจอป้ายของที่พัก B.homestay
ระหว่างเดินเจ้ก็ลองพลิกๆกลับๆรูปเอาก็เจออ่ะนะ ลืมถ่ายรูปหน้าโฮมสเตย์มาอ่ะ พอเดินเข้าไปก็เจอป้าเจ้าของซึ่งอยู่มาสามวันไม่เคยถามชื่อป้าเลย ฮ่าๆๆ ป้าเข้ามาต้อนรับบอกให้นั่งรอก่อน ด้านในมีกาแฟ โอวัลติน ปาท่องโก๋ น้ำเปล่า น้ำแข็ง ขนมฟรีนะจ้ะ ผลไม้ก็มี เจ้ได้ห้องพักชั้นล่างแต่ด้วยอยู่แล้วรู้สึกอึดอัดเลยขอเปลี่ยนเป็นห้องใหญ่ พอดีวันนั้นมีห้องว่างสำหรับสองคน ป้าเลยให้เจ้ย้ายมาอยู่ได้ อันนี้ก็ลืมถ่ายรูปห้องพักมาอีก แต่เฟิมว่าห้องใหญ่ ห้องน้ำในตัว จัดเป็นสัดส่วนดี เป็นห้องพัดลมหมดเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อน กลางคืนอากาศเย็นสบาย เปิดพัดลมต้องห่มผ้าอ่ะ วันแรกเจ้จองห้องเดี่ยวเพิ่มในราคา 300 บาท พอย้ายมาห้องใหญ่จริงๆมันห้องละ 400 บาท แต่ป้าบอกไม่เอา วันแรกคือพักผ่อนยาวๆอ่ะ เงียบสงบมาก สักหน่อยก็ออกไปสะพานมอญเพื่อเก็บภาพช่วงอาทิตย์ใกล้จะตกดิน แต่ด้วยบรรยากาศเริ่มครึ้มเลยไม่ได้ภาพตามที่หวังไว้เท่าไหร่ คนที่นี่ใจดีมากเลยค่ะ เจ้เดินถามทางไปสะพานมอญเขาบอกว่าก็ไกลได้เรื่องอยู่นะ มาๆเดี๋ยวพี่ไปส่ง พอดีพี่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น ก็เลยได้ห้อยสอยรถไปกับพี่เขา
ถึงแล้วก็จับดีๆเพราะทางมันชันมาก
อย่าสนใจที่การแต่งตัว ฮ่าๆ พอเราเดินเข้าไปจะมีน้องๆชาวมอญวิ่งมาหา
'ทาแป้งไหมคะพี่'
'หนูถ่ายรูปให้ไหม'
'พี่ครับ ทาแป้งไหม วันนี้ผมยังไม่ได้เงินเลยน้าาา'
เด็กชายชาวมอญเข้ามาขายขนมจีบสักพักเจ้เลยใจอ่อนให้ทาแป้ง แล้วก็ให้น้องถ่ายรูปให้สามสี่ภาพ
ตัวแม่พิมพ์จะมีหลายรูปเลยนะ อันนี้น้องเลือกให้ ให้ค่าขนมไป 20 บาท พอได้เงินนางก็พุ่งไปหาคนต่อไป
'พี่ครับ ทาแป้งไหม วันนี้ผมยังไม่ได้เงินเลยครับ' อ้าววว~
ช่วงวันธรรดาคนจะน้อยแบบนี้เลย
อากาศแบบนี้มันดีมากๆค่ะ สงบ นั่งพักคิดอะไรไปเรื่อย อยู่กับตัวเอง หลังจากนั้นก็หิวค่ะ 😊 เราจ้างพี่วินให้ไปส่งที่ตลาดราคา 30 บาท หมูจุ่มคือสิ่งที่ต้องลองเมื่อมาถึง เจอก็นั่งเลยสิค่ะ
ไม้ละบาทจ้า ... น้ำจิ้มรสแซ่บมาก ได้แค่ 10 ไม้ก็กินต่อไม่ได้ละ จบด้วยข้าวเซเว่นอยู่ดี
พอกลับมาถึงที่พักก็เหงาๆหน่อยเพราะมาคนเดียว เลยหยิบไอแพดมานั่งเขี่ย โหลดซี่รี่ย์ จะบอกว่าเนตเร็วทะลุโลกมาก ชอบสุดๆเลย 😊
ป้าเจ้าของใจดีมาเปิดทีวีแล้วก็มานั่งคุยเป็นเพื่อน ป้าให้คำแนะนำในปัญหาที่พบเจอและการใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ยังไง เป็นการพูดคุยที่ทำให้เจ้สบายใจ เรานั่งคุยกันเป็นชั่วโมงจนประมาณสองทุ่มได้ ทัวร์พม่าในรอบบ่ายก็กลับมา เจ้เลยเข้าไปซุกตัวใต้ผ้าห่มพร้อมกับโทรคุยกับเพื่อนๆ เพื่อคลายความเหงาในค่ำคืนแรก
ตีห้าในเช้าวันที่สอง เจ้ก็เตรียมตัวไปใส่บาตรด้วยชุดชาวมอญที่ได้ไปเลือกไว้เมื่อวาน แต่ด้วยทัวร์เช้านี้รวมแล้วมีห้าคน อีกสี่คนเป็นพี่ที่มาทริปด้วยกัน เจ้เลยไปแจมทัวร์กับเขา
นี่คือแม่พิมพ์ที่เราต้องใช้ทาแป้งก่อนไปใส่บาตร ป้าปะให้เองสวยๆเลย พี่ๆใจดีมาก เป็นกันเอง เจ้แนะนำตัวฉบับน่ารักน้องเล็กวัยใส ฮ่าๆๆ เรานั่งรถประจำตัวของลุงไปลงที่หน้าป้ายสะพานมอญพร้อมกับของใส่บาตรที่ทางที่พักเตรียมไว้ให้ ระหว่างที่เดินไปใส่บาตรก็ทำความรู้จักกันไป พี่ๆบอกว่าทำงานที่โรงงานปากะป๋อง 😊 ระหว่างทางที่ต้องเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งก็ถ่ายรูปบรรยากาศและเด็กๆ
หลังจากที่เจ้ใส่บาตรเสร็จเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปยังแลนมาร์กที่ต้องไปเชคอินให้ได้ โจ๊กนั่งยอง ยองจริงๆค่ะ
คนเยอะมาก ต้องต่อคิวสั่งอาหารกันเลย แถวยาวเหยียด
โจ๊กหมูใส่ไข่ (จำราคาไม่ได้)
ปาท่องโก๋ปกติทั่วไป แต่พอไปกินที่สังขละบุรีมันอร่อยมากๆเลยอ่ะ
พอกินเสร็จเราก็ถ่ายรูปกันต่อ ด้วยวิวดีและบรรยากาศดี ก็ได้มาหลายร้อยมีมเลยจ้าาา
พี่ๆที่คอยทำให้ทริปนี้ของเจ้สนุกและไม่ซึมเศร้าค่ะ 🙏
ตรงนี้คือสะพานแดงจ้ะ อยู่ใกล้กับสะพานมอญเลย
หลังจากนั้นเราก็เดินกลับไปรอลุงกัน กลับถึงที่พักก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะได้ไปขึ้นเรือชมวัดจมน้ำกันต่อในเวลา 09.00 น. ต่อจากนี้จะขอลงรูปของวัดจมน้ำทั้งหมดเลยนะคะ เพราะจำไม่ได้ว่าวัดไหนเป็นวัดไหน เจ้ง่วงมากกกก 🙏
ที่เห็นเหลืองๆนั่นคือเจดีย์พุทธคยานะจ้ะ
วัดทั้งหมดนี้เป็นวัดเก่าในอำเภอเก่าก่อนที่จะสร้างเขื่อนนะคะ จำได้ว่าตอนลงเรือมา น้องคนขับเรือเล่าว่าเมื่อก่อนน้ำไม่ได้ท่วมแบบนี้นะ เป็นผืนดินธรรมดานี่แหละ แต่เหมือนทางหลวงมองว่าในอนาคตกรุงเทพน้ำจะท่วมจึงคิดว่าจะใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นเขื่อนกักน้ำ จึงปล่อยน้ำเข้า ประมาณนี้อ่ะค่ะที่ฟังมา จากนั้นพอขึ้นเรือพวกพี่เลยชวนเจ้ไปเที่ยววัดที่ไม่ได้อยู่ในแพคเกจอีกสองวัด โดยเหมารถคุณลุงรอบละ 500 บาทค่ะ
นี่คือปะติมากรรมที่วัดวังวิเวการาม (วัดหลวงพ่ออุตตมะ)
คุณลุงเสื้อแดงคือเจ้าของโฮมสเตย์ค่ะ
เจดีย์พุทธคยา
อันนี้คืออะไรไม่ทราบแต่เท่าที่สังเกตเห็นเหรียญที่วางอยู่ก็เลยอธิษฐานแล้วตั้งเหรียญไป
จากนั้นฝนก็เริ่มตกลงมา ด้วยความหิวเราเลยไปกินข้าวกันต่อที่ร้านอาหารข้างๆในราคาที่ไม่แพงเลย จานละ 30 40 เองนะ หลังจากที่จบทริปแล้วถึงเวลาร่ำลากัน ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่คอยทำให้บรรยากาศในทริปสนุกครื้นเครง ขอบคุณมากๆเลยค่ะ 🙏
จากนั้นไม่นาน เจ้ก็ต้องเตรียมตัวไปทัวร์พม่าต่อในรอบบ่าย 1 ชั่วโมงที่เหลือจึงใช้เวลาไปกับการนอนตีพุงรอเวลาที่ห้องนอน หลังจากทำเอกสารทุกอย่างแล้วก็ขึ้นรถเลยจ้า ทัวร์ในทริปนี้มีประมาณ 20 คนได้ มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่เป็นผู้โชคดีได้นั่งรถซิ่งกับคุณลุง ซึ่งเจ้คือหนึ่งในผู้โชคดีด้วย และยังเป็นผู้หญิงโสดคนเดียวที่นั่งอยู่กับคู่รักอีกสองคู่ (มันน่าเศร้าไหมหล่ะ) คนอื่นๆขึ้นรถตู้อีกคัน ระหว่างทางคุณลุงก็พูดรายละเอียดตลอดทางเลย
ตอนนี้เรามาอยู่กันที่เขตข้ามแดนไปฝั่งพม่าค่ะ ระหว่างรอคุณลุงเอารถไปวนในฝั่งพม่า แกก็ให้พวกเราถ่ายรูปรอกันไป เจดีย์ข้างบนที่ทุกคนเห็นนั่นคือเจดีย์สามองค์ ที่ตอนเจ้เด็กๆเคยคิดว่าจะเป็นเจดีย์ทองใหญ่ๆสามองค์เรียงกัน 🤔 พอเดินเข้าไปจะมีคนขายใบสำเร็จกำละ 20 บาท ซึ่งเจ้ซื้อมา 3 กำ เลยจ้า วิธีคือไหว้อธิษฐานเสร็จให้เด็ดยอดใบสำเร็จใส่กระเป๋าไว้ เพื่อให้พกคำอธิษฐานกลับไปด้วย
ในวินาทีที่พวกเรากำลังข้ามแดน ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ถนนหนทางในฝั่งพม่ายังอยู่ในช่วงการพัฒนา ซึ่งถ้าพูดตรงๆก็คือยังเข้าข่ายคำว่ากันดารอยู่หน่อยๆ
ง
ชั้น 1 วัดเสาร้อยต้น ธงที่เห็นนั้นคุณลุงบอกว่าเป็นสัญลักษณ์ของวัดไทย
ชั้น 2 จะมีเสาตรงกลางแค่เสาเดียว เสาอื่นเอาออกไปเพื่อเอาไว้ทำพิธีต่างๆ
พอไห้พระเสร็จก็เดินไปหาพระอาจารย์ท่านนึงที่นั่งรออยู่แล้ว ท่านจะโยนสร้อยอะไรสักอย่างแล้วก็กำไลให้ ผู้หญิงใส่ข้างซ้าย ผู้ชายใส่ข้างขวา
หน้าบานไปหน่อยขออภัยด้วยนะฮ้าาาา
วัดเจดีย์ทอง พญาตองซู บรรยากาศดีมาก ในรูปมุมขวามือหม่นๆนั่นคือเมฆหรือหมอกไม่แน่ใจ แต่เราคงอยู่ในชั้นที่ค่อนข้างสูง เพราะทางที่มามันเป็นเหมือนทางไต่ขึ้นเขา
จากนั้นนำดอกไม้เดินไปบูชาที่ช่องวันเกิดของตัวเอง
วัดต่อไปคือ วัดพระนอนตาหวานจ้า
ไอติมโคน 10 บาทที่คุณลุงบอกว่ามาถึงนี่ต้องกินเพราะมันอร่อยมากกกกก รสชาดเหมือนบ้านเรานั่นแหละจ้า แต่มันออกละมุนๆ
ต่อไปคือวัดหลวงพ่อทันใจ
จากภาพคือเทพทันใจสูงเกินไป เจ้เลยต้องหาตัวช่วย วิธีคือต้องมีธนบัตรสองใบที่เหมือนกันพับกรวยซ้อนกันแล้วใส่ที่มือท่าน อธิษฐาน 1 ข้อเท่านั้น แล้วหยิบธนบัตรออกมาหนึ่งใบใส่กระเป๋า คุณลุงบอกว่าเทพทันใจที่นี่เป็นองค์ที่ 4 ในพม่า
วัดนี้จำชื่อไม่ได้ค่ะ แต่เป็นวัดที่คล้ายวัดเสาร้อยต้น
มิงกาลาบา~ แผนกต้อนรับน่ารักจริงๆ
คุณลุงบอกว่าเด็กที่นี่ประมาณ 300 กว่าคนเป็นเด็กกำพร้า ที่กินนอนที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง เด็กด้านนอกประมาณ 200 คนจะเข้ามาเรียนที่นี่ร่วมด้วย ควรเป็นพื้นที่ที่น่าเข้ามาช่วยเหลือมากๆเลยค่ะ พอทัวร์วัดเสร็จก็ไปต่อกันที่ร้านขายของ Duty free ซึ่งเจ้อยากลองเบียร์พม่าเลยซัดมาเยอะเลยทีเดียว แต่การซื้อเหล้าเบียร์ข้ามแดนจะมีกำหนดจำนวนด้วยน้าาาา ต้องถามดีๆ แต่ราคาถูกมาก หมดเงินไปเยอะเลยจ้าาาา พอเราข้ามแดนกลับมาไทยก็ไปต่อกันที่น้ำตกซองกาเรีย แต่ด้วยอากาศครึ้มๆ คุณลุงเลยพาขับไปดูเท่านั้น ซึ่งเจ้ก็นั่งหลับสัปหงกไปแล้ว พอถึงที่พักก็ลากสังขารเข้าห้องนอนไปเลยจ้า เหนื่อยจริงๆ
สำหรับแพคเกจทัวร์ที่เจ้ไปมีรายละเอียดดังนี้จ้า
💰 ราคา : 999 บาทต่อคน
🏡 ที่พัก : ห้องพัดลมห้องน้ำในตัว ทั้งหมด ห้องมีตั้งแต่ 2-6 คน ฟรี Wifi 24 ชม (เร็วมาก)
🚌 ทัวร์ : ทัวร์พม่า มี 2 รอบต่อวัน ใช้เวลา 4 ชมครึ่ง
เช้า 08.00 - 12.30 น.
บ่าย 13.00 - 17.30 น.
คนขับชำนาญเส้นทาง
(ทัวร์พม่าสามารถเลื่อนขึ้นไปอ่านข้างบนที่เจ้รีวิวได้เลย)
** ทัวร์เป็นการทำเรื่องผ่านแดนแบบชั่วคราวใช้บัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น
ไม่สามารถใช้พาสปอร์ตได้
ทัวร์ข้ามได้เฉพาะคนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติข้ามไม่ได้เลยจ้า
🚤 นั่งเรือ : เช้า 09.00 น. / บ่าย 15.00 น. ได้ครบ 3 วัดเลย
1. วัดสมเด็จ 2. วัดศรีสุวรรณ 3.วัดวังก์วิเวการาม วัดจมน้ำ
เลือกไปทัวร์เช้านั่งเรือตอนบ่าย
เลือกไปทัวร์บ่ายนั่งเรือตอนเช้า
💐 ตักบาตรเช้า : อาหารของใส่บาตรธูปเทียนพร้อมแต่งกายชุดมอญ มีรถรับส่งให้
ส่งตักบาตร 06.00 รับกลับ 07.40
🍲 อาหารเช้า : ข้าวต้ม ขนมปัง ปาท่องโก๋ 💕
พิเศษ ชากาแฟโอวัลติน ขนมปังกรอบ ผลไม้ กินฟรี 24 ชม
สามารถจองและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook
B.homestay เบอร์ติดต่อ : 094-0484548
"When one realizes that his life is worthless he
either commits suicide or travels." – Edward Dahlberg
เมื่อใครสักคนรู้สึกว่าชีวิตตัวเองไร้ค่า เขามักเลือกทางเดินอยู่ 2 ทาง
นั่นคือถ้าไม่ฆ่าตัวตาย ก็ออกเดินทางท่องเที่ยว
🙏
ปล.ขอบคุณการเดินทางครั้งนี้ที่ทำให้สามารถก้าวออกมาจากจุดที่ยากที่สุด
ขอบคุณตัวเองที่อดทนมากๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ขอบคุณคนรอบข้างที่ให้กำลังใจและพลังบวก
ขอบคุณหัวใจที่ในวันนี้ยังเต้นอยู่
แม้ว่าสุดท้ายแล้วในตอนนี้จะไม่ได้อยู่ข้างๆกัน แต่ทุกๆความทรงจำก็ยังทำหน้าที่ของมัน
ความคิดถึงก็เช่นกัน ถ้าบังเอิญเข้ามาอ่านอยากจะบอกว่าขอบคุณที่เข้ามาสร้างความสุข ความหวัง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ
ดีใจที่ได้เจอนะ
🖤
ทริปนี้พี่ไปไหน
วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 16.37 น.