หลังจากเสร็จธุระที่ชัยนาท ผมเลยตะเวนหาที่กินที่เที่ยวใกล้ๆ ดู ขับรถผ่านมาตามถนนพหลโยธิน จากคุ้งสำเภาเข้ามาทางชัยนาท เห็นป้าย “ณัฐชนนฟาร์ม” เลยตีไฟเลี้ยว จอดแวะยืดเส้นยืดสายสักหน่อย เห็นป้ายด้านหน้าเขียนไว้ว่ามีทั้งอาหาร กาแฟ และที่พัก เลยตัดสินใจฝากท้องที่ ณัชนนฟาร์ม ซะเลย ต้องบอกเลยว่าไม่ผิดหวังที่แวะพักที่นี่ เพราะ ณัฐชนนฟาร์มเบ็ดเสร็จในที่เดียว ทั้งที่กิน ที่พัก ที่เที่ยว ที่นี่มีดีเลยขอมาบอกต่อครับ
ห้องอาหารจะตั้งอยู่ด้านหน้า ลักษณะเป็นอาคารทรงไทย ส่วนด้านซ้ายของห้องอาหารเป็นส่วนของมุมกาแฟ ในส่วนด้านหน้านี้ปลูกต้นไม้ดูร่มรื่นดีครับ
ด้านข้างเป็นลานจอดรถที่ใหญ่โตอลังการเลยทีเดียว จอดรถบัสได้เป็นสิบคันเลยครับ
ไปดูในส่วนของห้องอาหารกันก่อนครับ ใครมาคนเดียวหรือสองคน สามารถสั่งทานแบบอาหารจานเดียว ประเภทข้าวผัดปู ข้าวผัดกุ้ง ผัดกระเพา ราดหน้า ผัดซีอิ้ว ข้าวต้มปลาคัง/หมู/กุ้ง สุกี้โบราณ ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำไข่ต้ม ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 60 บาท หรือใครมาเป็นกลุ่มเพื่อน มากับครอบครัว สามารถสั่งทานแบบเป็นกับข้าวได้ สำหรับผมมากัน 4 คน เลยเลือกสั่งทานแบบกับข้าวกันครับ
เริ่มที่พระเอกของณัฐชนนฟาร์มกับ “ขาหมูณัฐชนน” ต้องบอกเลยว่าเมนูนี้เด็ดจริงๆ ทอดได้กรอบไม่อมน้ำมัน ที่สำคัญทิ้งไว้นานก็ยังคงความกรอบแบบเสมอต้นเสมอปลาย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม 2 ชนิดและผักดอง
ใครที่ชอบสมุนไพร ขอแนะนำ “ปลาช่อนโบราณ” ปลาช่อนตัวใหญ่ทอดกรอบๆ คลุกเค้าด้วยน้ำยำที่อัดแน่นด้วยสมุนไพร อย่างตะไคร้ หัวหอม ขิง มะนาว และพริกขี้หนู รสชาติจัดจ้านเลยทีเดียวครับ
“ผัดเผ็ดไก่บ้าน” อัดแน่นด้วยสมุนไพรเช่นกัน ทั้งตะไคร้ พริกไทยสด ใบมะกรูด รสชาติร้อนแรง ทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ นี่ เด็ดจริงๆ ครับ
“ยำถั่วพูกุ้งสด” ความสดของถั่วพูที่ลวกมาแบบกรอบๆ คลุกเคล้ากับน้ำยำที่หอมกลิ่นน้ำพริกเผาและกะทิสด รสชาติ เผ็ดน้อยๆ ได้อรรถรสเปรี้ยวเค็มจัดจ้าน ทานคู่เครื่องเคียงอย่างไข่ต้มเหมาะเจาะเชียวคับ
“แกงเลียงกุ้งสด” อัดแน่นด้วยผักสารพัดชนิด น้ำแกงจัดว่าข้นเลยทีเดียว รสชาติอาจจะอ่อนเผ็ดร้อนไปสักนิด แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบทานเผ็ดคงจะถูกใจไปเต็มๆ ครับ
ปิดท้ายด้วยเมล่อนหวานๆ จากฟาร์ม ที่ตัดมาจากต้นใหม่ๆ เลย เมล่อนจะขายยกลูก ช่วงที่ผมไปหน้าฟาร์มขายกิโลกรัมละ 120 บาท ต้องบอกเลยว่าเมล่อนหวานมากๆ ครับ
รสชาติอาหารถือว่าอร่อยเลยทีเดียวครับ อาหารจานใหญ่ คุณภาพของวัตถุดิบ ปริมาณ และรสชาติสมกับราคาครับ
พืชผักที่นำมาประกอบอาหาร บางชนิดเช่น พริก โหรพา กระเพา มะเขือ มะเขือเทศ มะนาว ก็เป็นผลผลิตจากฟาร์ม ที่สำคัญเป็นพืชผักปลอดสารพิษด้วย ห้องอาหารเปิดให้บริการตั้งแต่ 09.00-20.00 น.
ทานอาหารอิ่มแล้ว ขอไปตบท้ายด้วยเครื่องดื่มบริเวณมุมกาแฟครับ พื้นที่ในส่วนของมุมกาแฟนี้มีให้เลือกนั่งได้หลายมุมเลยครับ
กาแฟมีให้บริการทั้งแบบร้อน เย็น และปั่น ที่เด็ดเห็นจะเป็นเราสามารถเลือกเมล็ดกาแฟที่จะนำมาชงได้ด้วย เห็นว่าเมล็ดกาแฟมาจากต่างประเทศด้วยครับ สำหรับใครที่ไม่ดื่มกาแฟ ก็มีช๊อคโกแลต ชาไทย ชาเขียว ชามะนาว ชาร้อนให้เลือกได้ตามใจชอบ หรือถ้าใครอยากจะเพิ่มความสดชื่น ก็ยังมี Italian Soda ให้เลือก ป้าๆ บอกว่ากาแฟอร่อย สำหรับช๊อคโกแลตเย็น ผมชอบนะ รสชาติเข้มข้นมาก ส่วนบลูฮาวาย ผมขอป้าลองชิม อร่อยดีครับ สดใสซาบซ่า เรียกความสดชื่นได้ดีเลยทีเดียว มุมกาแฟเปิดให้บริการตั้งแต่ 07.00-17.00 น. ครับ
ด้วยความสงสัยกับชื่อ ณัฐชนนฟาร์ม ผมเห็นมีแต่ร้านอาหาร และมุมกาแฟ ไม่เห็นมีอะไรที่จะเกี่ยวข้องกับฟาร์มเลย ผมเลยสอบถามน้องพนักงานดู ถึงได้รู้ว่า ด้านหลังของร้านอาหารจะเป็นส่วนของที่พัก ฟาร์ม และสปา เพื่อไม่เป็นการรอช้าเลยขอให้น้องพนักงานพาเข้าไปสำรวจด้านในกันพอหอมปากหอมคอ เพราะผมเองคิดจะวางแผนเที่ยวชัยนาทอยู่พอดี เผื่อจะได้มีตัวเลือกดีๆ ในการหาที่พักที่ชัยนาทครับ
พื้นที่โดยรอบโซนที่พักโอบล้อมด้วยบึงบัว ด้านซ้ายมีทิวมะพร้าว ถัดไปเป็นทุ่งนาสีเขียวขจีครับ
ห้องพักมี 2 เรทราคา ทุกห้องจะแยกออกจากกันเป็นหลังๆ จะเรียกเป็นแบบ Villa ก็คงไม่ผิดครับ
ห้องพักแบบแรกเป็นแบบห้องเตียงคู่และเตียงเดี่ยว ราคา 500 บาท สามารถนอนได้ 2 ท่าน ด้านหน้าจะมีมุมให้นั่งเล่นชมบรรยากาศด้านนอก ส่วนด้านหลังห้องจะมีระเบียงเล็กๆ ให้ออกไปสูดอากาศ มองทุ่งนา ฟังเสียงนกเสียงกา ซึมซับกับบรรยากาศแบบฟาร์ม ที่หาได้ยากในเขตชุมชนเมืองครับ
สำหรับหลังนี้เป็นห้องแฝด ราคา 800 บาท สามารถเข้าพักได้ 4 คน หารเฉลี่ยต่อหัวเพียงแค่ 200 บาทเองครับ ภายในหลังนี้จะแยกเป็น 2 ห้อง ทั้ง 2 ห้องตกแต่งเหมือนกัน ภายในห้องจะไม่มีเตียงนะครับ มีเพียงฟูก ให้อารมณ์คล้ายๆ ไปนอนโฮมสเตย์ครับ
หลังนี้เป็นแบบ VIP ห้องละ 800 บาท พื้นที่จะกว้างกว่าแบบ 500 บาทเยอะพอสมควร ด้านนอกมีระเบียงให้นั่งเล่นเช่นเดียวกัน ภายในห้องพักกว้างขวางเลยทีเดียว การตกแต่งดูหรูหรามากๆ ถือว่าราคาไม่แพงเลยครับ
หลังนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในห้อง VIP ที่น้องพนักงานพาเข้าชมครับ ราคา 800 บาทเช่นกัน ผมว่าห้องนี้ดูหรูหราเลยทีเดียว เห็นแล้วอยากจะเข้าพักเลย เสียดายที่วันรุ่งขึ้นผมมีภารกิจที่อื่น ไม่เช่นนั้นคงต้องขอ Check in เข้าพักผ่อนที่นี่กันซะเลย น้องบอกว่าห้องพัก VIP แต่ละห้องจะตกแต่งไม่เหมือนกันครับ
ห้องพักทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า พร้อมจานชามไว้บริการให้พร้อมสรรพ ราคาห้องพักที่นี่ไม่รวมอาหารเช้านะครับ แต่สามารถมาสั่งทานได้ที่ห้องอาหารด้านหน้ารีสอร์ทครับ
ถัดจากห้องพักจะเป็นในส่วนของฟาร์ม โดยรอบมีโรงเรือนปลูกเมล่อน 2 โรง โรงแรกเมล่อนกำลังเริ่มปลูก ส่วนอีกโรงนี่ซิ เมล่อนกำลังออกผลเหลืองอร่ามไปทั้งโรงเรือนเลย เห็นแล้วอดที่จะถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้ เมล่อนที่เห็นจะถูกตัดจำหน่ายแล้วนำไปวางขายบริเวณร้านอาหารด้านหน้าฟาร์ม ขายกิโลกรัมละ 120 บาท ผมขอการันตีความหวานเลยครับ เพราะได้สั่งชิมมาแล้วตอนทานมื้อเที่ยง
นอกจากนี้แล้วยังมีทั้งมะนาว ส้มโอ ที่ต่างแข่งกันออกลูก ส้มโอที่นี่พันธุ์ขาวแตงกวาครับ ลองดูความสมบูรณ์ของต้นก็แล้วกัน ต้นไม่สูงมาก แต่ให้ผลแล้ว แถมลูกอยู่ติดดินเลย เสียดายวันที่ผมไป ส้มโอยังไม่ถึงเวลาตัด เลยไม่ได้ลองชิมครับ
นอกจากห้องอาหาร และห้องพักแล้ว ที่นี่ยังมีบริการนวดผ่อนคลายด้วยนะครับ ห้องนวดจะอยู่ติดกับห้องอาหาร แต่จะอยู่ทางด้านหลังห้องอาหารครับ เห็นป้ายเขียนราคาไว้ว่า นวดตัว ชั่วโมงละ 180 นวดเท้า ชั่วโมงละ 150 ขัดตัว ทำสปา อบสมุนไพร ครอสละ 800 บาท ใครที่ขับรถผ่านมาเส้นทางนี้หากจะจอดพักรถ แล้วมานอนนวดผ่อนคลายสัก 1 ชั่วโมงนี่ก็ได้เลยนะครับ
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับจัดเลี้ยงด้วย มีเครื่องเสียงคาราโอเกะไว้บริการด้วยครับ
ด้านหลังของโซนห้องอาหาร เป็นพื้นที่สะสมของเก่าของเจ้าของครับ รวมทั้งร้านค้าเล็กๆ ที่ขายสินค้า OTOP ของชัยนาท อย่างพวกเครื่องสานต่างๆ สินค้ามีไม่ค่อยมากนัก สามารถมาเที่ยวชมแวะถ่ายรูปได้
อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจคือ ห้องน้ำ กว้าง และสะอาดมากครับ
สำหรับใครที่สนใจสามารถโทรติดต่อห้องพัก จองห้องอาหาร หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 082-2343976 ครับ
วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หากใครกำลังมองหาที่พักผ่อน หรือผ่านมาเที่ยวแถวชัยนาท แล้วอยากทานอาหารอร่อยๆ ลองแวะมาใช้บริการของ ณัฐชนนฟาร์มดูนะครับ อยู่ห่างจากตัวเมืองชัยนาทมาทางคุ้งสำเภาประมาณ 3-4 กิโลเมตรเอง ที่นี่เบ็ดเสร็จในที่เดียวเลย ทั้งห้องอาหาร ห้องพัก และที่เที่ยว ที่นี่มีดี ผมเลยต้องมาบอกต่อครับ
ท้ายสุดนี้ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปให้กำลังใจและติดตามผลงานของผมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/unclegreenshirt นะครับ
ลุงเสื้อเขียว
วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 18.55 น.