สวัสดีค่าาาาาา รอบนี้สายโหด 55555 แบกเป้ไปบ้านเพื่อน เอ้ย เพื่อนบ้าน คนเดียวแบบโหดๆ ที่ว่าโหดนั้นคือ อิฉันนอนนรถ อาบน้ำที่ บขส. ผิดแพลน นอนสนามบิน ลืมโทรศัพท์ ไรงี้ 555 จริงๆ มันก็ปกติละ ทุกทีเคยทำแบบนี้ที่ไทยไง นี่ไปทำที่ต่างประเทศ 555 มาฮะ ทริปนี้ 3 คืน 3 วัน อ่ะ ใช้ตังค์ไปจริง 4,000 กว่าบาท แต่ที่ควรเป็น 2,000 กว่าบาท การเดินทางคร่าวๆ
- วันที่ 1 เดินทางคืนวันที่ 31 มค 2563 ถึง 3 ทุ่ม นอนโรงแรม 1 คืน
- วันที่ 2 อยู่ย่างกุ้ง ไป Botahtaung pagodo (เทพทันใจ/เทพกระซิบ) Chauk Htat Kyi Pagoda (พระนอนตาหวาน) Nga Htat Gyi Pagoda (พระพุทธรูปเท่าตึก 5 ชั้น) ตบท้ายด้วย Shwedagon pagoda
- วันที่ 3 นอนบัสไปพุกาม ดูบอลลูนขึ้น ตระเวนลุยทะเลเจดีย์ จบที่ขึ้นหอคอยดูพระอาทิตย์ตก นอนบัสกลับย่างกุ้ง
- วันที่ 4 นอนอยู่สนามบินตั้งแต่ตีห้าถึงห้าโมงเย็น 555555555555
ตัดวันที่ 1 กับ วันที่ 4 ออก เท่ากับว่าใช้เวลาจริงแค่ 2 วัน 2 เมือง ด้วยงบไม่ถึง 5,000 โคตรคูล รูปเพียบ
ค่าใช้จ่าย ไม่รวมค่าเครื่องบินกับค่าที่พัก เพราะมันอยู่ที่ความสะดวกและช่วงของการจอง ไม่รวมค่ารถในย่างกุ้งเพราะมันแปรผันตามการเดินทาง 555 (จ่ายไป 620.91 บาท (29,000 mmk)
เริ่ม !!!!!!!
คือจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะไปคนเดียวหรอก แต่เมื่อทุกอย่างแพลนพร้อมหมดแล้ว ก็ต้องลุย 555 อะไรที่จองล่วงหน้าได้จะจองก่อน เช่นเครื่องบิน โรงแรม รถบัส เราจะได้ไมต้องไปงงหา บินไปแอร์เอเชียร์ ไปกลับ 3000 กว่าบาท บินชั่วโมงนิดๆ ก็ถึง
บนเครื่องจะแจกใบสุขภาพให้เขียน ด้วยความโคโรน่า เลยต้องมีมาตรการเขียนข้างล่างก็ได้ฮะ แล้วก็ยื่นให้พี่ ตม. ดู แต่คือ พี่ก็โยนไว้ข้างๆ ไม่ดูของเราเลย อุตส่าหาคำแปลตั้งนาน 555 แล้วฉีกใบที่ถ่ายให้ดูนี้เก็บไว้
บินถึงสนามบินย่างกุ้ง ประมาณสามทุ่มกว่าๆ เวลาบ้านเขาช้ากว่าบ้านเรา 30 นาที อย่าลืมปรับนาฬิกากันนะ ด้วยความมืดมันเลยดูเงียบๆ 5555 ลงมาแบบเอ๋อๆ ละฮะ ดูไม่ซับซ้อน
ก็เดินเอ๋อๆ ออกมา เขาว่าจะโดนแทกซี่รุม แต่เราไม่ คงหน้าตาเป็นคนท้องถิ่น 555 เดินชิลๆ มาหาแลกเงิน ไม่ได้ดูเรทอะไรเลยตอนนั้น เจอคนน้อยก็เข้าไปแลกเลย เรทประมาณนี้ฮะ แลกไปจากไทย 100,000 mmk ไปแลกเพิ่มอีก 144,000 mmk
อันนี้ขายซิม เขาบอกให้มาเมียนมาร์ก็ใช้ซิมเมียนมาร์ 3000 mmk ประมาณ หกสิบกว่าบาท แต่คือเราใช้ Sim2fly เติมมาจากไทย 299 บาท สัญญานดีอยู่
ออกมาจากสนามบิน เรียกแทกซี่ อ่านมาว่าถ้าเข้าเมืองประมาณ 7-8 พัน mmk แต่นี่ไปไม่ไกลเอง หนุ่มเรียกเรา 10,000 แน่ะ ใช้ทักษะที่อ่านมา ต่อราคานัง นังให้ 8,000 ต่ออีก 7,000 อ่ะ นังไม่ให้โดยให้เหตุผลว่ามันดึกแล้ว 555 เอาวะ มาแบบเอ๋อๆ นี่ มืดด้วย แนะนำให้ใช้ Grab เปิดดู 4,500 mmk จ้า ตั้งแต่นั้นมาเรียก Grab ตลอดเลย 5555
โรงแรมจองมาจาก app Hotels ติดมาจากตอนไปญี่ปุ่น เลยใช้ app นี้มาตลอด โรงแรมค่อนข้างอยู่ในหลืบหน่อย เลือกเพราะไม่แพง และใกล้สนามบิน แต่ลืมคิดไป ทำไมมึงไม่ไปนอนในเมือง 55555 มาถึงก็ประทับใจ ต้อนรับด้วยภาษาไทยเชียว ผ้าเย็นสโนว์ อิมพอทจากไทยแลนด์ เสร็จกิจเรียบร้อยก็ขึ้นไปห้องฮะ ถือว่าดีนะ มีบะหมีกึ่งสำเร็จรูปถ้วยจากไทย กาแฟ เบียร์ เหล้า ขนม ครบ แต่นอนละ
ตื่นแต่เช้า เตรียมตัวตะลุย อากาศดี 19 องศา เช็คเอาท์ เรียกแทกซี่จากโรงแรมไป Botahtaung Pagoda หรือที่คนไทยรู้จักกันกับการขอพร "เทพทันใจ" มุมนี่ชั้น 3 จากที่พักฮะ
เรียกแทกซี่จากที่พัก 5,000 mmk ระหว่างทางพี่แกก็เปิดบทสวดให้ฟังไปตลอดทาง 555 ถึงแกก็จอดให้ทางเข้าเลย ซึ่งมีที่เดียว อันนี้หน้าทางเข้า ต้องถอดรองเท้า ที่ฝากรองเท้าอยู่ข้างๆ เสียตังค์ฝั่ง ไม่เสียตังฝั่ง
แล้วก็เดินไปซื้อตั๋ว จริงๆ มันต้องไปซื้อตั๋วก่อนแล้วค่อยมาถอดรองเท้านะ 555 ค่าเข้า 6,000 mmk
ไปตอนเช้า เขาจะช่วยกันทำความสะอาด
มาไฮไลท์เรา เจดีย์โบตะตาว หมายถึง “ทหาร 1,000 นาย” เล่ากันว่าเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว พระเจ้าโอกะลาปะกษัตริย์มอญ ได้ให้ทหาร 1,000 นาย ตั้งแถวถวายความเคารพพระเกศาธาตุที่อันเชิญมาจากอินเดียเพื่อนำไปบรรจุไว้ที่ เจดีย์ชเวดากอง และทรงบรรจุเส้นพระเกศาธาตุไว้ 1 เส้น ในเจดีย์นี้ เวลาผ่านไปสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ชำรุดและพบของมีค่าหลายอย่างภายในเจดีย์ จึงสร้างโครงสร้างใหม่ฐานเจดีย์มีช่องซิกแซกคล้ายเขาวงกตและมีสีทองสวยงามมาก นี่เป็นที่ที่เราจะเห็นมีคนถ่ายภาพมา
ข้างในนำวัตถุโบราณที่พบจัดแสดงไว้เป็นระยะๆ
มาต่อที่ "เทพทันใจ" หรือที่ชาวพม่ารู้จักกันในนาม "นัตโบโบยี" ด้วยความที่หาประวัติ หลายเว็ปไม่เหมือนกัน เลยไม่รุ้อันไหนแน่ 555 สรุปคือ นัตโบยี คือเทพที่คนไทยชอบไปขอพร เขามีพิธีบริกรรมคาถาที่เป็นภาษาบ้านเขา นั่งมองด้วยความมึนงง แล้วก็ยกมือไหว้ เดินไปที่นัตโบยี 5555 เครื่องถวายก็ซื้อ แต่วางไว้ตรงนั้นล่ะ 555
ระหว่างต่อแถวจะมีบทสวดเป็นภาษาไทย ก็ยืนท่องไป เคยอ่านใาว่าต้องม้วนเงินใส่มือนัตโบยี ก็ยืนม้วนๆ ประมาณนี้ มันผิด 5555 แต่จะมีคนบอกเรา
วิธีก็คือ เอาแบงค์พับเป็นสามเหลี่ยม 2 ใบ ใส่ในมือนัตโบยี แล้วก็เอาหน้าผากแตะที่นิ้ว ตั้งใจอธิฐาน 1 ข้อ แล้วดึงเงินคืนมาใบ เสร็จแล้วก็เอาผ้าคล้อง แล้วก็มาลูบไม้เท้า 3 ครั้ง แล้วก็ไปตีฆ้อง 3 ครั้ง เงินที่ใส่มือนัตโบยี ก็แล้วแต่เราจะใส่เท่าไหร่ หรือ สกุลอะไร เราเลือกใส่เงินบ้านเขา เพราะกลัวใส่เงินบ้านเราแล้วจะเผลอหยิบมาใช้ 5555
เสร็จจากนั้นก็เดินออกมา คนต่อแถวเพียบ เก็บภาพรอบๆ นอกจากนัตโบยีแล้ว ยังมีเทพรูปอื่นอยู่ด้วย
เก็บรูปเรื่อยเปื่อย ที่นี่นกกาเยอะมาก
ข้ามมาตรงข้ามจะเป็น "เทพกระซิบ" มีชื่อพม่าว่า เมี๊ยะนานหน่วย ว่ากันว่า เทพกระซิบเป็นธิดาของพญานาคที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก กระซิบขออะไรแล้วจะสมหวัง แต่ไม่ได้กระซิบท่าน เพราะไปขอนัตโบยีแล้ว 5555 ด้วยความอึนๆ มึนๆ เจอมาลัยดอกไม้ไป 1000 mmk แต่คือพอเข้าไป แล้วจะไปไว้ตรงไหนล่ะ
ไม่ได้กระซิบอะไร แวะเข้าไปดูแป๊บ
ก่อนออกประตู มีน้ำให้ตักสรงรูป นี่ก็ยืนยืนมองด้วยความมึนงง เจ้คนนั้นแกสั่นใหญ่เหมือนเจ้าเข้างี้ 😱
ถ่ายรูปเรื่อย
เรียบร้อย.... แล้วผ่านไปที่หนึ่ง แบบงงๆ เดินออกไปหาไรกิน 😂
มีหลายร้านอยู่นะ แรกเลยเดินไปดูข้าวแกง พยายามทำความเข้าใจ และดูทุกอย่างแล้ว ก็เดินผ่าน เจออีกร้าน
เลยถามหาชิคเก้น มีชิคเก้น แต่แบบไก่ใส่เครื่องเหลืองทอดแห้งๆ น้ำมันท่วมงี้ ผ่านจ้ะ เจอนี่สิ อรรถรส นั่งยองข้างทาง
สั่งมาหนึ่ง .. .. ..
No Comment ฮะ เรียกว่าอะไรไม่รู้ สรุป กินไป 2 คำ แล้ววันนั้นทั้งวันก็ไม่ได้กินอะไรอีกเลย
จบแล้วจ้า ตอนต่อไป เดี๋ยวพาไปพระนอนตาหวาน กับพระที่สูงเท่าตึก 5 ชั้น แล้วค่อยไปจบวันที่ ชเวดากอน
>> พระนอนตาหวาน เล่าเสร็จแล้วจ้ะ ตามนี้ "ย่างกุ้ง-พุกาม" ตอน "พระนอนตาหวาน"
>> "ย่างกุ้ง-พุกาม" ตอน "มหาเจดีย์ชเวดากอง"
ระหว่างรีวิว ก็อัพรูปในเพจไปพลางด้วย ตามนี้เลยจ้ะ >> เที่ยวให้ได้ "เรื่อง"
เล่าจบละฮะ ฝากตอนสุดท้าย "อาณาจักรพุกาม"
เที่ยวให้ได้ "เรื่อง"
วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 12.57 น.