ในวันที่6นี้ เราจะเดินทางจากเมือง Beppu กลับไปเที่ยวกันต่อที่ Fukuoka นะครับ
![](/f/33532/5f298ad8b2f21d6a7103514e.jpg)
![](https://img.youtube.com/vi/65hmF6zbzeo/0.jpg)
ทริปนี้ไม่มีเวลาออกไปถ่ายแสงเช้าแสงเย็นเลย แต่เมื่อคืนก่อนเล็งไว้ล่ะ สวนสาธารณะข้างๆโรงแรมนั่นเอง ถามทิศ ถามมุมพระอาทิตย์ขึ้นกับ front โรงแรมล่ะ วันนี้เลยตื่นแต่เช้าออกไปรอถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น ไปได้เส้นโค้งอะไรไม่รู้ กะสระเล็กๆมาประกอบฉาก 55555
![](/f/33532/5f298ad9b2f21d6a71035150.jpg)
![](/f/33532/5f298ad7b2f21d6a7103514d.jpg)
![](/f/33532/5f298ad6b2f21d6a7103514b.jpg)
อีกสักรูปกับ สวนสาธารณะข้างโรงแรม Bokai ในเมือง Beppu ก่อนที่จะกลับไปอาบน้ำแต่งตัว รอดู set อาหารเช้าว่าจะเป็นยังไง ระหว่างถ่ายรูปมีคุณลุงจูงน้องหมาออกมาเดินเล่นด้วย คุณลุงแกหันมาทักด้วย แต่ด้วยความที่เค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เลยไม่ได้คุยกัน
![](/f/33532/5f298adab2f21d6a71035151.jpg)
ชุดอาหารเช้าของโรงแรม Bokai ถึงจะไม่อลังการงานสร้างเท่าอาหารเย็น แต่ก้อหรูหราไม่ใช่น้อย มื้อนี้มี นัตโตะ หรือถั่วเน่าญี่ปุ่นมาให้ด้วย แต่กินไม่ไหวจริงๆ 55555
![](/f/33532/5f298ad9b2f21d6a7103514f.jpg)
ก่อนออกจากเมือง Bappu ก้อต้องไปลองของขึ้นชื่ออีกอย่างของเมือง Beppu นั่นก้อคือการอบทรายร้อนครับ พื้นที่บริเวณเกาะคิวชูอยู่ในบริเวณที่ใกล้กับภูเขาไฟ ทำให้ทรายร้อนมีแร่ตุและวิตามินมากมายที่ดีต่อสุขภาพ คนคิวชูเค้านิยมการอบทรายร้อนมาก นอกจากเรื่องผิวสวย แล้ว ยังเชื่อกันอีกว่าการอบทรายร้อนจะทำให้ระบบต่างๆภายในร่างกายเราดีขึ้นด้วย วันนี้เราจะมาอบทรายร้อนกันที่ Beppu Sand Bath กันครับ
![](/f/33532/5f298adcb2f21d6a71035154.jpg)
Bappu Sand Bath จะมีพื้นที่อยู่ติดทะเลเลย ทำให้อบทรายร้อนไปด้วย ชมวิวทะเลไปด้วยได้ หลังจากจ่ายค่าบริการ 1,030 เยนเสร็จเรียบร้อย เค้าจะให้เราเปลี่ยนเป็นชุดยูกาตะ แล้วก้อเดินเข้าพื้นที่อบทรายได้เลย ทรายที่นี่จะเป็นสีดำสนิทเลย เจ้าหน้าที่จะขุดหลุมตื้นๆไว้รอ พอเราเข้าไปถึงก้อนอนลงไปเลย เค้าจะมีหมอนไม้ไว้รองศรีษะด้วย พอนอนเสร็จเจ้าหน้าทีก้อจะกลบทรายทับตัวเรา ก้อจะอุ่นๆ หนักๆทรายนิดนึง อบได้สัก 10-15 นาที ก้อเดินเข้าห้องน้ำไปล้างตัว แล้วเข้าไปแช่ออนเซ็นต่อได้เลย ออกมาเสร็จตัวเบาสบาย หายปวดเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง
![](/f/33532/5f298ad7b2f21d6a7103514c.jpg)
ได้เวลาบ๊ายบายเมือง Beppu ล่ะ นั่งรถไฟต่อไปยังสถานี Hakata ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เสร็จแล้วก้อเอาของไปเก็บโรงแรม และเตรียมตัวเที่ยวในเมือง Fukuoka กัน
![](/f/33532/5f298adbb2f21d6a71035152.jpg)
นั่งรถไฟจากสถานี Hakata ไปลงสถานี Kidonanzoimmae เพื่อจะไปเที่ยววัด Nanzoin กัน วัดนี้ไม่ไกลจากใจกลางเมือง Fukuoka มากนัก นั่งมาประมาณ 20 นาที แต่บรรยากาศดูเงียบๆวังเวง ไม่ค่อยมีคนยังไงไม่รู้
![](/f/33532/5f298adbb2f21d6a71035153.jpg)
วัด Nanzoin เป็นวัดที่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จักนัก แต่จริงๆแล้วมีอะไรที่น่าสนใจอยู่ในวัดนี้มากมาย และวัดนี้ยังดึงดูดนักแสวงบุญให้เดินทางมาที่นี่ในแต่ละปีกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว เนื่องจากวัดนี้ เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของเส้นทางแสวงบุญของนิกายชินกอน(Shingon)ของท่าน Kobo Daishi มีระยะทาง 44 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 วัน
![](/f/33532/5f298adeb2f21d6a71035156.jpg)
เดินเข้ามาจากหน้าวัด Nanzoin อีกนิด จะเจอรูปปั้นหน้าตาน่ากลัวอยู่ เบ้อเร่งเลย ตรงนี้เค้าให้อธิษฐาน แล้วเดินวนเสา 3 รอบ
![](/f/33532/5f298addb2f21d6a71035155.jpg)
ในวัด Nanzoin จะมีรูปปั้นเล็กๆแบบนี้วางไว้ทั่วไปหมด ไม่รู้เหมือนกันว่ามีความหมายอะไรหรือเปล่า
![](/f/33532/5f298ae0b2f21d6a71035159.jpg)
ในวัด Nanzoin เค้าวาง layout แปลกๆดี มีศาลเจ้า จุดโน้นจุดนี้ย่อยๆกระจายเต็มไปหมดเลย
![](/f/33532/5f298ae1b2f21d6a7103515a.jpg)
ข้างๆทางในวัด Nanzoin จะมีแบบนี้ตลอดเลย พระพุทธรูปวางเรียงรายไปหมด แล้วจะมีต้นไม้บ้าง ตะไคร่น้ำบ้างขึ้นเต็มไปหมด
![](/f/33532/5f298adeb2f21d6a71035158.jpg)
เดินไปเดินมา ในที่สุดก้อมาเจออาคารหลักของวัด Nanzoin สักที หน้าตาก้อคล้ายๆศาลเจ้าทั่วๆไปของญี่ปุ่นครับ
![](/f/33532/5f298adeb2f21d6a71035157.jpg)
เดินไปเดินมาเหมือนจะทั่ววัด Nanzoin แล้ว แต่ยังไม่เจอไฮไลท์ที่เห็นจากใน Internet เลย จนเริ่มจะใจเสียกันว่ามาผิดที่หรือเปล่า แต่เอ๊ะ อะไรที่เจอๆมาตะกี๊มันก้อตรงนี่นา จนมาเจออุโมงค์ทางเดินนี่ ก้อเลยลองเดินเข้าไป
![](/f/33532/5f298ae2b2f21d6a7103515b.jpg)
หลังจากทะลุอุโมงค์ในวัด Nanzoin มาแล้ว ก้อเจอทางเดินขึ้นเขายาวพอสมควร เลยเดินไปเรื่อยๆ มาเจอรูปปั้นพระทำจากหิน ที่เราจะเห็นอยู่ทั่วๆไปในญี่ปุ่น ซึ่งก้อคือ จิโซ โบซัสสุ หรือพระชิติกาภะ ในภาคญี่ปุ่น เป็นพระโพธิสัตว์ผู้พิทักษ์เด็กและเชื่อกันว่าท่านช่วยเหลือผู้หญิงท้องและผู้เดินทางด้วย จิโซ โบซัสสุ นับว่าเป็นพระที่ชาวญี่ปุ่นให้ความนิยมนับถือมาจนถึงปัจจุบันมากกว่าพระองค์ใด ๆ ด้วยลักษณะความเมตตา ทั้งที่ท่านไม่ได้รับคามนิยมในศาสนาพุทธของอินเดียตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ทำให้ความเชื่อเกี่ยวกับท่านมาถึงญี่ปุ่นเอาหลังจากพระองค์อื่น ๆ ถึงกระนั้นพิธีในการนับถือ พระจิโซ โบซัสสุก็มีอยู่กว้างไกล คนที่นับถือท่านสามารถสารพภาพบาปต่อ พระจิโซ โบซัสสุในเทศกาลที่เรียกกันว่า ' การสารภาพบาปแห่งจิโซ ' ช่วงที่ไปอากาศเริ่มเย็น ทางวัดเลยจัดหาเสื้อผ้า หมวก มาใส่ให้พระจิโซกันหนาว น่ารักมากๆเลย
![](/f/33532/5f298ae3b2f21d6a7103515e.jpg)
เดินต่อไปอีกสักในวัด Nanzoin ก้อเจอพระจิโซ อีกกลุ่มหนึ่ง คนญี่ปุ่นนับถือศรัทธาพระจิโซมากเลย ตามตำนานเชื่อกันว่าท่านมีความสัมพันธ์กับธาตุของโลก และโลกแห่งความตายผู้คนในเอเชียกลางและจีนก็เชื่อว่าท่านเป็นผู้ปกป้องวิญญาณ ความเชื่อดังกล่าว แพร่เข้ามาในญี่ปุ่นพร้อมกับเชื่อกันอีกว่าพระจิโซ มักปกป้องวิญญาณของทารกเพราะเหตุที่พวกนี้ยังบริสุทธิ์ และเล็กเกินไปที่คนในบ้านจะห่วงหาอาทรโดยปกติเมื่อทารกตายเมื่ออายุน้อยมาก พ่อแม่ก็มัวกันแต่เศร้าโศกเกินไปกว่าจะมีสติทำบุญส่งให้เด็กนั้นไปเกิดใหม่ ทำให้วิญญาณของเขาต้องเร่ร่อนอยู่ที่หาดทรายริมแม่น้ำไซโนกาวาระ ในนรกภูมิ วิญาญาณเด็กพวกนี้จะใช้เวลากลางวันอยู่ส้รางศาลของตัวเองเพื่อให้เกิดพลังพอจะทำให้พ่อแม่พี่น้องบนโลกคิดถึง แต่ทารกก็ไม่เคยสร้างศาลสำเร็จ ศาลของพวกเขาจะถูกปีศาจทำลายทิ้งในตอนกลางคืนทุกครั้งกล่าวกันว่าพระจิโซปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยวิญญาณเด็กเหล่านี้ท่านจะคว้าตัวเด็กห่อแล้วพับไว้ในจีวรของท่าน บอกกับเด็กเหล่านั้นว่าท่านคือพ่อและแม่ของเด็ก ทำให้วิญญาณน้อย ๆ มีที่พึ่งไม่ต้องเร่ร่อนอีกต่อไป ความเมตตาของท่านทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธา เห็นได้จากตามสุสานและตามซอกต่าง ๆ บนถนนมักมีรูปหินของพระจิโซแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งตัวเด็กตั้งอยู่นับไม่ถ้วนและมักมีกองก้อนกรวดพูนอยู่ตรงเท้าทุกรูป ผู้บูชาไม่เพียงไม่ได้ขอเพียงให้เด็กที่ตายไปมีความสุข แต่ยังขอความปลอดภัยให้ชีวิตตนด้วยความที่จิโซ โบซัสสุ เป็นผู้อุปถัมภ์โลกแห่งความตาย คนจึงเชื่อกันว่าท่านมีฤทธานุภาพต่ออายุแบบเดียวกับพระฟูเก็น โบซัสสุ
![](/f/33532/5f298ae3b2f21d6a7103515d.jpg)
ในที่สุดก้อเจอไฮไลท์ของวัด Nanzoin แล้ว พระพุทธรูปนอนนี้ยาว 41 เมตร สูง 11 และหนักถึง 300 ตัน เป็นพระพุทธรูปทองสำริดขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นหรืออาจจะของโลกเลยทีเดียว มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับรูปปั้นพระใหญ่ที่เมืองนาระ Nara และ คามาคูระ(Kamakura) สร้างขึ้นเมื่อปี 1995
![](/f/33532/5f298ae2b2f21d6a7103515c.jpg)
บริเวณเท้าของพระพุทธรูปนอนในวัด Nanzoin จะมีลวดลายที่สวยงามอยู่ เห็นคนเข้าไปอธิษฐานขอพร และจับที่เท้า พวกเราก้อไม่รอช้า เข้าไปขอพรกันบ้าง
![](/f/33532/5f298ae5b2f21d6a71035161.jpg)
ด้านหน้าของพระพุทธรูปนอนในวัด Nanzoin สร้างเป็นแท่งๆ ไม่แน่ใจว่าคืออะไร แต่เดาๆเอาว่าตัวอักษรที่เขียนอยู่น่าจะเป็นชื่อของผู้บริจาค
![](/f/33532/5f298ae4b2f21d6a7103515f.jpg)
พระพุทธรูปนอนในวัด Nanzoin โดยทั่วๆไปพระพุทธรูปในญี่ปุ่นมักจะเป็นแบบนั่ง แต่ที่พระพุทธรูปนี้เป็นแบบนอนเพระว่าวัดนันโซอินนั้นได้บริจาคเงินช่วยเหลือพระในประเทศพม่าหลายครั้ง จึงมีการตอบแทนด้วยการส่งตอบแทนด้วยการส่งพระสารีริกธาตุมาตอบให้วัดนันโซอินจึงสร้างพระพุทธรูปนอนที่เป็นที่นิยมในประเทศพม่าขึ้นมาเป็นที่เก็บ และยังว่ากันว่าเงินที่ใช้ในการสร้างนั้นมาจากเจ้าอาวาสที่ชนะล็อตเตอรี่หลายครั้ง 55555
![](/f/33532/5f298ae5b2f21d6a71035160.jpg)
จริงๆก่อนจะเดินถึงพระใหญ่ของวัด Nanzoin มีบ่อปลาอยู่ แล้วมีโทริอิ นำทางไปสู่ทางเดินขึ้นเขา แต่ที่ยังไม่ได้พูดถึงเพราะว่า . . .
![](/f/33532/5f298ae6b2f21d6a71035162.jpg)
โทริอิที่เป็นทางเดินขึ้นเขาของวัด Nanzoin มีโคมไฟแบบญี่ปุ่นเรียงรายอยู่ ซึ่งตอนมาถึงครั้งแรก เฮ้ย มันสวยมากอ่ะ เลยเดินขึ้นเขาไปจนสุด พอตอนกลับ 4โมงกว่าๆเอง แต่ฟ้าเริ่มมืดล่ะ เพราะเป็นหน้าหนาว เฮ้ยๆๆๆๆ ร้องดังมาก เค้าเปิดไฟในโคมไฟที่เรียงรายขึ้นเขา เหมือนภาพในการ์ตูนเลย รีบวิ่งเลยครับ ไปถ่ายรูปอีกรอบ
![](/f/33532/5f298aeab2f21d6a7103516a.jpg)
เห็นโคมไฟตรงทางเดินขึ้นเขาของวัด Nanzoin ที่เปิดไฟเรียงๆกันไปแล้วฟินสุดๆ ชอบมากๆเลย เสียดายไม่สามารถถ่ายมาให้สวยเท่าที่ตาเห็นได้ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มาเจอวิวแบบนี้แบบไม่คาดฝันเลยจริงๆ
![](/f/33532/5f298aebb2f21d6a7103516b.jpg)
หลังจากเดินทางเดินสวยๆขึ้นเขาที่วัด Nanzoin ขึ้นมาจนสุด จะเจอศาลเจ้าเล็กๆตั้งอยู่ แต่แบบว่า รู้สึกว่าระหว่างทางขึ้นมามันสวยกว่าเยอะเลยอ่ะ
![](/f/33532/5f298ae7b2f21d6a71035163.jpg)
ช่วงเย็นได้เวลาหาของกินล่ะ มาญี่ปุ่นทีไร เป็นต้องตามหา Okonomiyaki กิน ดูไปดูมา ก้อเลือกได้ร้านที่อยู่ในตึก Yodobashi ข้างๆสถานีรถไฟ Hakata
![](/f/33532/5f298aeab2f21d6a71035167.jpg)
โอโคโนมิยากิ หรือที่เรียกกันติดปากคนไทยว่า "พิซซ่าญี่ปุ่น" มีที่มาจากคำว่า "โอโคโนมิ" แปลว่า สิ่งที่ชอบ และ "ยากิ" แปลว่า ปิ้ง, ย่าง พอนำมารวมกันก็จะแปลได้ว่า เอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ชอบมารวมกัน แล้วปิ้งย่างบนกระทะ ส่วนผสมของโอโคโนมิยากิจึงมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
![](/f/33532/5f298ae9b2f21d6a71035166.jpg)
มาแล้ว หลังจากนั่งดูเชฟทำอยู่นาน น้ำลายสอเลย 55555 ร้านนี้เค้าเด่นที่น้ำซอสที่ทา โดยใช้สูตรลับเฉพาะของทางร้านเอง นึกแล้วก้ออยากกลับไปกินอีก อร่อยมากๆเลย
อิ่มหนำสำราญกันแล้ว วันนี้เราก้อค้างกันที่โรงแรมแถวๆสถานี Hakata ครับ เหลืออีก 2 วันที่เหลือ เราจะเที่ยวอยู่แถวๆนี้กันล่ะ
Voravud Santiraveewan
วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 09.11 น.