รีวิวนี้จะพาตะเวนไหว้พระธาตุประจำวันเกิด รวมถึงวัดสวยๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ตบท้ายด้วยร้านอาหารแนะนำในจังหวัดนครพนมครับ
1. พระธาตุพนม : พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
พระธาตุพนม พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ และพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีวอก สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนครพนม และเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวอีสาน สร้างขึ้นเมื่อต้นพุทธกาล ประมาณ พ.ศ.8 ในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรเจริญรุ่งเรือง เป็นพระธาตุที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางพุทธศาสนาของนครพนมมาตั้งแต่อดีตกาล องค์พระธาตุได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์หลายครั้ง จนเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงทั้งองค์ เนื่องจากความเก่าแก่ขององค์พระธาตุและภัยพิบัติจากการเกิดฝนตกพายุพัดแรงติดต่อกันหลายวัน ประชาชนได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์ และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่สร้างครอบฐานพระธาตุองค์เดิม โดยรักษารูปแบบเต็ม ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อ 23 มีนาคม 2522 ภายในพระธาตุบรรจุพระอุรงคธาตุของพระสัมสัมพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังบรรจุของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้น ผมเองก็เคยมีโอกาสได้เข้าไปชมด้านในองค์พระธาตุมาแล้วหนึ่งครั้ง เสียดายที่ได้เห็นเพียงแค่ชั้นล่างเพียงชั้นเดียว ไม่ได้ขึ้นไปบนชั้น 2-4 เนื่องจากวันนั้นฝนตก แล้วการที่จะขึ้นไปด้านบนชั้น 2-4 ต้องปีนบันไดลิงขึ้นไป ซึ่งเกรงว่าจะเป็นอันตราย เพราะค่อนข้างลื่นครับ
ผมขอนำภาพบรรยากาศภายในองค์พระธาตุพนมมาให้ชมกันอีกครั้งครับ
จำได้เลยว่าเมื่อประตูไม้บานเล็กๆ เปิดเข้าไปยังด้านใน ผมเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ภาพเบื้องหน้าช่างงดงามยิ่งนัก งานศิลปะที่ประดับตกแต่งภายในองค์พระธาตุพนมทั้งหมดมี 4 ชั้น โดยชั้นที่ 1 เป็นภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ในซุ้มพระศรีมหาโพธิ์ ทรงประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์นาค โดยเฉพาะองค์พระพุทธเจ้าเป็นงานจิตรกรรม คือปิดทองแล้วตัดเส้นด้วยสี ส่วนที่เป็นลวดลายคือซุ้มพระและลายส่วนประกอบเป็นงานประติมากรรม ส่วนตรงกลางองค์พระธาตุเป็นลักษณะคล้ายแท่นขนาดใหญ่ โดยรอบมีลวดลายประติมากรรมที่งดงามเช่นกัน ทางเดินโดยรอบค่อนข้างแคบ ผมเลยไม่สามารถถ่ายภาพองค์พระพุทธเจ้าที่อยู่บริเวณผนังทั้ง 4 ด้านมาให้ชมแบบเต็มๆ ได้
เชื่อกันว่าหากใครมานมัสการพระธาตุพนม จะได้อานิสงส์เสริมสิริมงคลแก่ชีวิตให้เป็นผู้มีบุญบารมี จะทำให้ผู้คนเคารพนับถือมาก และว่ากันว่าหากใครได้มานมัสการพระธาตุครบ 7 ครั้ง จะถือว่าเป็น “ลูกพระธาตุ” ซึ่งผมเองก็น่าจะใกล้ๆ 7 ครั้งแล้ว แต่ผมว่าหากมีโอกาสมาสักการะองค์พระธาตุพนมเพียงครั้งเดียว ก็ถือเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตแล้วครับ
2. พระธาตุเรณูนคร : พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์
พระธาตุเรณูนคร สร้างเมื่อราวปี พ.ศ.2460-2463 โดยจำลองมาจากพระธาตุพนมองค์เดิมก่อนที่กรมศิลปากรจะเข้ามาบูรณะ แต่มีขนาดเล็กกว่า ภายในพระธาตุบรรจุพระไตรปิฎก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน เครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมือง และของมีค่าที่ประชาชนผู้ที่มีจิตรศรัทธาได้ร่วมบริจาคมา ต่อมาได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุครับ ที่ยกให้พระธาตุเรณูเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์ เพราะมีความเชื่อว่าสอดคล้องกับลักษณะอ่อนช้อย สีสันนุ่มละมุนสบายตา แต่เปี่ยมไปด้วยความสง่างาม ตามรูปแบบศิลปะล้านช้าง เปรีบบดังอาชาไนยต้นพาหนะประจำพระจันทร์ นอกจากนี้ตัวของพระธาตุยังหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศประจำของผู้ที่เกิดวันจันทร์ด้วยครับ เชื่อกันว่าหากใครมานมัสการพระธาตุเรณูนคร จะได้อานิสงส์ส่งผลให้มีวรรณะงดงามผุดผ่องดังแสงจันทร์ครับ
ภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐานพระองค์แสน พระพุทธรูปศิลปะแบบลาวปางสมาธิ ที่มีพุทธลักษณะสวยงามมาก จนชาวเรณูนครยกให้เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเรณูนครเลยครับ
3. พระธาตุศรีคุณ : พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอังคาร
พระธาตุศรีคุณประดิษฐานอยู่ภายในวัดพระธาตุศรีคุณ เขตอำเภอนาแก ถูกค้นพบเมื่อประมาณปี พ.ศ.2340 และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ.2486-2490 วัดพระธาตุศรีคุณสร้างแบบเรียบง่าย นับเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมือง ส่วนบนของพระธาตุศรีคุณ มีลักษณะคล้ายๆ พระธาตุพนม ต่างกันตรงที่ชั้นที่ 1 มี 2 ตอน เป็นรูปสี่เหลี่ยม ประดับลวดลายปูนปั้น และชั้นที่ 2 สั้นกว่าพระธาตุพนม โดยรอบทั้งสี่ด้านมีพระพุทธรูปประทับโดยรอบ เพื่อคอยโปรดสัตว์โดยรอบที่อาจมาเหมือนศัตรูที่สามารถเข้ามาประชิดได้ทุกเมื่อทุกทิศทาง เปรียบเสมือนพระธาตุเป็นป้อมปราการที่คอยปกป้องรักษาพระสารีริกธาตุอันสำคัญ และมีพระพุทธรูปสี่ด้านเป็นทหารยาม ภายในพระธาตุบรรจุพระอรหันตธาตุของพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร และพระสังกัจจายน์ เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการพระธาตุศรีคุณ จะส่งผลให้เกิดเกียรติยศ ศักดิ์ศรีทวีคูณ และเสริมพลังนักสู้ให้มีจิตใจเข้มแข็งครับ
เยื้องๆ กับองค์พระธาตุ จะมีศาลาเล็กๆ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ หรือพระนอน ซึ่งแกะสลักขึ้นจากต้นกระท้อน อายุเกือบ 200 ปีเลยครับ
4. พระธาตุมหาชัย : พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพุธ (กลางวัน)
พระธาตุมหาชัย ในเขต อ.ปลาปาก เป็นพระธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัญญาโกณฑัญญะ พระสารีบุตร พระอนุรุทธเถระ โดยรัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่พระธาตุมหาชัย ในวันวิสาขบูชา ปี พ.ศ.2518 องค์พระธาตุมีลักษณะแตกต่างจากพระธาตุองค์อื่นๆ เพราะมีรูปทรงแปดเหลี่ยม ลักษณะคล้ายระฆังทอง รูปทรงที่เห็นในปัจจุบันคือพระธาตุองค์ใหม่ที่สร้างครอบพระธาตุองค์เดิมไว้ครับ มีการสร้างลวดลายเป็นรูปเหล่าเทวดา ที่เชื่อว่ามีหน้าที่รักษาองค์พระธาตุให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ วัดนี้ยังเป็นที่จำพรรษาของพระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ) พระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนา ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวนครพนมและชาวอีสานทั่วไปครับ เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการพระธาตุมหาชัย จะประสบแต่ชัยชนะในชีวิต จะเป็นนักประสานสิบทิศ โอภาปราศรัยดี ค้าขายคล่อง พูดจามีคนเชื่อถือ การกราบไหว้ช่วยเสริมบารมี ค้าขายร่ำรวยครับ
เสียดายวันที่ผมไปอุโบสถไม่เปิด เห็นว่าด้านในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง แสดงพุทธประวัติซึ่งมีลวดลายศิลปกรรมที่งดงามมากๆ เลยทีเดียว แต่ไม่เป็นไร นอกจากพระอุโบสถแล้ว สิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งในวัดพระธาตุมหาชัย คือพิพิธภัณฑ์พระสุนทรธรรมากร สร้างถวายโดยศิษยานุศิษย์ ด้านในพิพิธภัณฑ์มีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ รวมถึงลวดลายแกะสลักไม้ที่งดงามบนผนังรอบด้านครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่ผมตามหาคือพระพุทธรูปปางห้ามญาติที่สลักจากไม้ต้นสะเดาหวานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เดินหาอยู่นาน แต่หาไม่เจอ เลยไปถามแม่ค้าล๊อตเตอรี่ เธอชี้ทางสว่างไปที่หอพระเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่เยื้องๆ กับพิพิธภัณฑ์พระสุนทรธรรมากร ที่ผมเดินผ่านไปผ่านมาอยู่หลายรอบนั่นเองครับ
5. พระธาตุมรุกขนคร : พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพุธ (กลางคืน)
พระธาตุมรุกขนคร ในเขต อ.ธาตุพนม เป็นพระธาตุบริวารของพระธาตุพนมองค์ที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาพระธาตุบริวารทั้งเจ็ดองค์ครับ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 เนื่องในวโรกาสที่รัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี องค์พระธาตุก่ออิฐถือปูนเป็นผังสี่เหลี่ยม ลักษณะคล้ายพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็กกว่า ฐานพระธาตุกว้างด้านละ 20 เมตร สูง 50.9 เมตร ซึ่งความสูง 50 เมตร สื่อความหมายถึงการครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และจุด 9 หมายถึงรัชกาลที่ 9 ครับ ด้านบนขึ้นไปบรรจุพระสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้จากการค้นพบซากปรักหักพังของพระธาตุในอดีต นอกจากนี้ยังบรรจุแก้วแหวนเงินทองมากมาย
อีกหนึ่งศาสนสถานและสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ นั่นคือ อุโบสถวัดมรุกขนคร เป็นอุโบสถที่สวยงามโดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์ ครองสิริราชสมบัติ ๕๐ ปี ของรัชกาลที่ 9 ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธาน ศาลเจ้าปู่ขอม พญานาค ๓ ตน และพระโพธิสัตว์กวนอิมครับ เชื่อกันว่าหากใครมานมัสการพระธาตุมรุกขนคร จะได้อานิสงส์ส่งผลให้มีแต่ความเจริญสุขสวัสดีครับ
6. พระธาตุประสิทธิ์ : พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
พระธาตุประสิทธิ์ ในเขต อ.นาหว้า เป็นอีกหนึ่งพระธาตุที่มี ชื่อเสียงทั้งในด้านความงดงาม ภายในพระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุรวม 14 พระองค์ และดินจากสังเวชนียสถาน 4 แห่ง คือ ที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงพระธรรมเทศนาและปรินิพพานครับ
เมื่อหันหน้าเข้าหาองค์พระธาตุ ด้านซ้ายมือจะพบศาลาการเปรียญหลังเก่า รูปทรงสวยงามแปลกตา เห็นว่าศาลาการเปรียญหลังนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ และยังเคยใช้เป็นที่ประทับของ ร.9 ในคราวเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานผ้ากฐินส่วนพระองค์ (พระกฐินต้น) เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ ด้วย ภายในศาลาการเปรียญมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงพุทธประวัติที่เขียนด้วยสีฝุ่น เขียนโดยหม่อมหลวงมรกต บรรจงราชเสนา ณ อยุธยา ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ตามเสา สียังดูสดใสอยู่เลยครับ
เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะพระธาตุประสิทธิ์แล้ว ผู้นั้นก็จะได้รับอานิสงส์ให้ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานครับ
7. พระธาตุท่าอุเทน : พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันศุกร์
พระธาตุท่าอุเทน ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุท่าอุเทน ในเขต อ.ท่าอุเทน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีเพียงถนนคั่นเท่านั้น ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนเป็นผังสี่เหลี่ยมคล้ายพระธาตุพนม มีขนาดเล็กกว่าแต่สูงกว่าพระธาตุพนม พระธาตุท่าอุเทนไม่ปรากฏประวัติการก่อสร้างที่แน่ชัด มีเพียงประวัติเท่าที่จารึกไว้ที่กำแพงพระธาตุว่า พระอาจารย์สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน ได้ชักชวนพระภิกษุสงฆ์และอุบาสกอุบาสิกาทั่วไป ร่วมกันก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2455 ภายในบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ซึ่งพระอาจารย์สีทัตถ์ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง พระธาตุองค์นี้มีสิ่งที่ตรงกับเทพประจำวันศุกร์ คือพระธาตุหันไปทางทิศเหนือของพระธาตุพนม ตรงกับทิศประจำของพระศุกร์ เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการพระธาตุท่าอุเทน จะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้ชีวิตมีแต่ความรุ่งโรจน์ เปรียบเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามอรุณรุ่ง
บรรยากาศยามเช้าที่วัดพระธาตุท่าอุเทนดีมากๆ เลยครับ มองออกไปเห็นแม่น้ำโขง มีฉากหลังเป็นทิวเขาสูงยาวสลับซับซ้อน คลอเคลียด้วยหมอกขาวๆ เห็นแล้วไม่อยากจะไปไหนต่อเลย
8. พระธาตุนคร : พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันเสาร์
พระธาตุนคร ประดิษฐานอยู่ภายในวัดมหาธาตุ ในเขต อ.เมือง ริมฝั่งแม่น้ำโขงเช่นเดียวกับพระธาตุท่าอุเทนครับ เป็นพระธาตุทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ 4.85 เมตร สูงประมาณ 24 เมตร ลักษณะตามแบบพระธาตุพนมองค์เดิม มีลวดลายอันวิจิตรบรรจงตระการตา รูปทรงตั้งบนฐานใหญ่ 2 ฐาน ต่อลดหลั่นกันตามลำดับ แต่ละฐานมีรูปประตูอยู่ตรงกลาง บนประตูเป็นรูปคล้ายบัวบาน มีรูปและลายต่างๆ ข้างประตูทำเป็นลายเครือไม้ดอกไม้ผล รูปพระราชาทรงช้างทรงม้า ต่อจากฐานใหญ่ทั้งสองขึ้นไปมีลักษณะแหลมเรียวขึ้นไปตามลำดับ ตอนกลางในด้านทั้งสี่วิจิตรไปด้วยหมู่ดาวกระจาย (ดอกกระจับ) สูงถัดขึ้นไปทำเป็นรูปตู้หนังสือพระไตรปิฎกโบราณ ต่อขึ้นไปอีกทำเป็นรูปลักษณ์คล้ายกลีบบัว ที่ยอดสุดก็คล้ายดอกบัวตูม ต่อจากนั้นจึงเป็นฉัตรเจ็ดชั้น ยอดฉัตรนี้มีลูกแก้วเจียระไน 1 ดวงอยู่สูงสุดยอด ฐานมีกำแพงล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน มีซุ้มประตูอยู่ตรงกลางทุกด้าน เหนือซุ้มประตูมีรูปปั้นเทพนั่งขัดสมาธิประนมมือ (เทพพนม) ซึ่งเป็นเทพมเหศักดิ์พิทักษ์ พิทักษ์รักษาองค์พระธาตุ ภายในพระธาตุบรรจุพระอรหันต์สารีริกธาตุ พระพุทธรูปทองคำและของมีค่าต่างๆ
ด้านข้างพระธาตุ เป็นพระอุโบสถ ที่ด้านในประดิษฐานพระประธาน เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการพระธาตุนคร จะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้เสริมสร้างบารมีและมีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคนครับ
นอกจากนี้ นครพนม ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิเช่น
พญาศรีสัตตนาคราช
ด้วยความเชื่อเรื่อง “พญานาค” ที่มีต่อคนไทยมานานแสนนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอีสานนั้นมีความเชื่อและศรัทธาต่อพญานาคเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่าช่วงออกพรรษาจะมีปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ที่จะมีดวงไฟลึกลับผลุดขึ้นกลางลำน้ำโขงตลอดแนวทางภาคอีสาน เพิ่มการตอกย้ำความเชื่อและศรัทธาของชาวไทยรวมถึงชาวลาวเรื่องพญานาคไม่ให้จางหายไป
แม้แต่ประเพณีไหลเรือไฟ ซึ่งเป็นงานประเพณีที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนครพนมเอง ก็มีความเชื่อมโยงกับพญานาค หากสืบสาวราวเรื่องถึงประวัติประเพณีไหลเรือไฟกันให้ลึกแล้วจะรู้ว่า ประเพณีไหลเรือไฟจัดเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที อันเป็นที่อยู่ของพญานาค พระพุทธเจ้าเสด็จไปฝั่งแม่น้ำนัมทามหานทีเพื่อแสดงธรรมเทศนาโปรดพญานาคที่เมืองบาดาล และพญานาคได้ทูลขอพระพุทธองค์ประทับรอยพระบาทไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที ต่อมาบรรดาเทวดา มนุษย์ ตลอดจนสัตว์ทั้งหลายได้มาสักการบูชารอยพระพุทธบาท เลยสืบต่อเป็นประเพณีที่ดีงามต่อๆ กันมานั่นเอง
องค์พญาศรีสัตตนาคราช หล่อด้วยทองเหลือง มีน้ำหนักรวม 9,000 กก. เป็นรูปพญานาคขดหาง 7 เศียร ประดิษฐานบนแท่นฐานแปดเหลี่ยม กว้าง 6 เมตร ความสูงทั้งหมดรวมฐาน 15 เมตร ตั้งโดดเด่นพ่นน้ำอยู่ริมน้ำโขง นักท่องเที่ยวและชาวนครพนมนิยมมากราบไหว้ขอพรกันไม่ขาดสายเลยครับ
วัดโอกาสศรีบัวบาน
วัดโอกาสศรีบัวบาน เป็นวัดที่เก่าแก่อีกแห่งของนครพนม สร้างในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร บริเวณกลางวัดจะมีหอประดิษฐานพระติ้วกับพระเทียมครับ
พระติ้ว เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำด้วยไม้ติ้วบุทองคำ สูงประมาณสองไม้บรรทัด มีอายุกว่า 1,300 ปี สร้างโดยเจ้าผู้ครองนครศรีโคตรบูร พ.ศ. 1328 ภายหลังเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าองค์พระติ้วถูกเพลิงไหม้ จึงมีการสร้างพระติ้วองค์จำลองขึ้นมา (พระเทียมไม่ได้บุทองคำแต่ลงรักปิดทองเปลว) ภายหลังกลับพบพระติ้วลอยขึ้นมาจากแม่น้ำโขง จึงกลายเป็นพระพุทธรูปคู่แฝด คือ พระติ้ว (องค์ขวามือ) และ พระเทียม (องค์ซ้ายมือ) เดิมทั้งพระติ้วและพระเทียมประดิษฐานอยู่ที่วัดธาตุ แต่ภายหลังได้ย้ายมาประดิษฐานที่วัดโอกาสศรีบัวบานแห่งนี้เมื่อกว่า 250 ปีที่แล้ว
หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์
หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ เป็นหอนาฬิกาที่ชาวเวียดนามได้สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชาวนครพนม เมื่อคราวย้ายกลับบ้านเกิดที่ประเทศเวียดนาม เป็นเหมือนการขอบคุณคนไทยของชาวเวียดนามครับ
วัดนักบุญอันนา-หนองแสง
วัดนักบุญอันนา-หนองแสง หากฟังชื่อแล้วอย่าเพิ่งนึกสงสัยว่าทำไมชื่อวัดดูแปลกๆ แท้จริงแล้ววัดนักบุญอันนา-หนองแสงเป็นโบสถ์คริสต์ที่มีความเก่าแก่และสวยงามแห่งหนึ่งของนครพนมเลยครับ ก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ.1926 เดิมตัวโบสถ์ถูกทำลายจากการถูกฝรั่งเศสทิ้งระเบิดถล่มเมืองนครพนมในสมัยกรณีพิพาทอินโดจีน ซึ่งทำให้โบสถ์พังเสียหายยับเยิน ต่อมาจึงมีการสร้างโบสถ์หลังใหม่ขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีทางศาสนาของชาวคริสต์สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ก่อนวันคริสต์มาส ชาวคริสต์แต่ละชุมชนในนครพนมจะประดิษฐ์ดาวรูปแบบต่างๆ แล้วแห่มารวมกันไว้ที่โบสถ์แห่งนี้ นึกภาพตามแล้วคงสวยงามมากๆ
หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ
หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ ลักษณะอาคารเป็นแบบเรอเนสซอง ดูคลาสิคมากๆ อาคารแห่งนี้ใช้แรงงานนักโทษในการก่อสร้าง เดิมใช้เป็นศาลากลางจังหวัดนครพนมครับ
พระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม
พระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม ในเขต อ.ปลาปาก เป็นพระเจดีย์ที่ผู้ที่มีจิตศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาและในตัวของหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ มีความประสงค์จะสร้างขึ้น ลูกศิษย์จึงได้ร่วมกันออกแบบและก่อสร้างเพื่อเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของทุกคน ด้วยงบประมาณที่ประมาณไว้กว่า 600 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ โดยองค์พระมหาเจดีย์มีความสูงประมาณ 56 เมตร ลักษณะเป็นรูปทรงคล้ายเขาพระสุเมรุ ปัจจุบันองค์ประกอบด้านนอกแล้วเสร็จไปกว่า 80 % แล้ว สำหรับภายในแบ่งเป็น 6 ชั้น โดยชั้นที่ 1 เป็นชั้นที่เก็บสัมภาระต่างๆ ของผู้มาปฏิบัติธรรม ปัจจุบันก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ สำหรับชั้นที่ 2 เห็นว่าเป็นห้องปฏิบัติธรรมและนั่งสมาธิสำหรับพระสงฆ์ ชั้นที่ 3 เป็นพื้นที่ปฏิบัติธรรมสำหรับฆราวาส ชั้นที่ 4 เป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ชั้นที่ 5 เป็นชั้นมหาสมบัติที่เป็นพิพิธภัณฑ์รวบรวมเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา ที่เริ่มตั้งแต่สมัยทราวดี เชียงแสน อยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ และชั้นบนสุดเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และอัฐิธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ผมเห็นว่าด้านล่างยังไม่แล้วเสร็จ เลยยังไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปสำรวจในแต่ละชั้นครับ
ต้องยอมรับในความยิ่งใหญ่ของพระมหาธาตุเจดีย์องค์นี้จริงๆ ครับ ประหนึ่งเหมือนยกภูเขาทองมาตั้งอยู่กลางพื้นที่กว้าง ที่มองเห็นได้ในระยะไกลเลย นี่ถ้าหากสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมเชื่อว่าที่นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของนครพนมเลยครับ
ไปดูร้านอาหารกันบ้างครับ
ร้านปากหม้อศรีเทพ
ร้านข้าวเกรียบปากหม้อศรีเทพ อยู่ในตัวเมืองบนถนนศรีเทพ ตรงข้ามโรงแรมศรีเทพ แม่ค้าจะมาทำข้าวเกรียบปากหม้อกันให้เห็นด้านหน้าร้าน
ข้าวเกรียบปากหม้อเป็นไส้หมูผัดกับต้นหอม ทานคู่กับน้ำจิ้มหวานๆ ใส่พริกสดตำ ความแตกต่างแต่ละเมนูของข้าวเกรียบปากหม้อศรีเทพจะอยู่ที่ตัวแป้งและการห่อ แต่ไส้จะเหมือนกันทุกเมนู จะแตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลยครับ
“ปากหม้อ” แป้งเป็นแป้งธรรมดา ห่อด้วยไส้ปกติ เมนูนี้ถือเป็นเมนูพื้นๆ ครับ
“ปากหม้อใส่ไข่” เป็นการผสมไข่ลงในตัวแป้ง ห่อเป็นทรงกระบอกคล้ายก๋วยเตี๋ยวหลอดครับ
สำหรับใครที่ชอบความแหวกแนว ต้องจานนี้เลยครับ ”ข้าวเกรียบปากหม้อ” เพิ่มความกรอบด้วยข้าวเกรียบที่จะนำมาห่อไว้บนตัวแป้งอีกที มีข้าวเกรียบให้เลือก 3 แบบ คือ ข้าวกล้อง งาดำ และ งาขาว เมื่อเคี้ยวไปจะมีทั้งความกรอบของข้าวเกรียบและความหนึบนุ่มของตัวแป้ง มันเป็นความแตกต่างที่ลงตัวมากๆ ถูกใจเมนูนี้ครับ
สนนราคาข้าวเกรียบปากหม้อแต่ละเมนูก็ไม่แพงครับ เมนูละประมาณ 30-35 บาทเท่านั้นเอง หากมากันหลายคน แนะนำว่าให้สั่งหลายๆ เมนูมาทานร่วมกันครับ
โชคดีติ่มซำ สาขานครพนม
ร้านโชคดีติ่มซำ สาขานครพนม อยู่ตรงประตูทางออกศาลากลางจังหวัดนครพนมเลยครับ หาง่าย บรรยากาศในร้านสะอาดสะอ้าน การจัดวางโต๊ะแบบหลวมๆ ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดครับ
จิบน้ำเก๊กฮวยเย็นแบบ Refill แก้กระหายวนไป ช่วยดับร้อนได้จริงๆ
ผมเริ่มที่ชุดบักกุดเต๋ ช่วงที่ผมไปทาน มีโปรฯ เป็น Set บักกุเต๋+ผักสด+เห็ดเข็มทอง+คะน้าฮ่องกงน้ำมันหอย+ก๋วยเตี๋ยวหลอด สั่งแบบเป็นชุด ประหยัดไปได้เกือบ 30 บาทครับ สำหรับบักกุดเต๋ หอมเครื่องยาจีนมากๆ รสชาติกลมกล่อม ซี่โครงหมูตุ๋นนี้เปื่อยได้ใจมาก ส่วนก๋วยเตี๋ยวหลอดนั้น แป้งบาง ไส้เป็นไส้ สมราคาครับ
บะหมี่ซี่โครงอ่อนน้ำแดง บะหมี่เส้นแบน ราดด้วยน้ำซอสหมูแดง ทานร้อนๆ อร่อยเชียว แต่ชามเดียวเล่นตัดกำลังผมไปเยอะเลยครับ
ปลาราดซอสซีฟู้ด เนื้อปลานุ่ม ซอสรสชาติกำลังดี ไม่เผ็ดมาก เปรี้ยว+หวาน นำ ผมนี่นั่งซดซอสซีฟู้ดจนเกลี้ยงเลยครับ
ขนมจีบปูซอสผงกระหรี่ เมนูนี้ก็ดีงาม ผมเคยกินแต่ขนมจีบจิ้มจิ๊กโฉ่ว มาลองซอสผงกระหรี่ดูบ้าง บอกเลยอร่อยเอาใจผมไปเต็มๆ ครับ
ดินแดนทางภาคอีสานริมฝั่งโขง ที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์ มีประเพณีที่ยิ่งใหญ่ เช่น ประเพณีไหลเรือไฟ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอีกมากมาย เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความสุขที่สุดในเมืองไทย เมืองที่มีดีจึงต้องบอกต่อ...นครพนม
ท้ายสุดนี้ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปให้กำลังใจและติดตามผลงานของผมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/unclegreenshirt นะครับ
ลุงเสื้อเขียว
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 21.52 น.