ขึ้นหมื่อกาโด่ ลง พะติโด่ โหด มัน เสียว
ทริป 3 วัน 2 คืน(การเดินทางเดือนพฤศจิกายน 63) ได้ยินชื่อครั้งแรกหลายคนคงงงว่าดอยอะไร ตั้งอยุ่จังหวัดอะไร พะตีโด่ – หมื่อกาโด่ ภาษากะเหรี่ยงแปลว่า ลุงใหญ่ - ป้าใหญ่
ทริปเดินป่าไม่ชิล หมื่อกาโด่-พะติโด่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งดอยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ ด้วยเส้นทางการเดินป่า ที่ต้องไต่เขา ปีนป่าย บางเส้นทางดูๆแล้วไม่น่าจะผ่านไปได้ก็ยังมีทางไปได้เฉยเลย เส้นทางช่วงจากหมื่อกาโด่ไปพะติโด่ ส่วนใหญ่เป็นเหวลึกสองข้างเป็นทางเดินแคบๆ ต้องปีนไปตามซอกหิน ที่นี่ได้ทั้งความสนุกและตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกันก็โคตรอันตราย ถือเป็นป่าที่ต้องใช้สติในการเดินมากๆ
จุดเด่นของดอยพะติโด่ หมื่อกาโด่คงเป็นเรื่องเส้นทางการเดินป่ามากกว่าจุดชมวิวที่ปลายทาง...แต่ก็ถือว่าไม่ผิดหวังเลย และเป็นอีกหนึ่งในลิสต์ที่ไม่ควรพลาดค่ะ...เพราะว่ามัน - มั น ม า ก -
การเดินทาง กรุงเทพฯ ถึง โรงเรียนบ้านปางอุ๋ง ระยะทางราวๆ 800 กิโลเมตร เป็นการเดินทางที่ยาวนานเหลือเกิน ออกจาก กรุงเทพฯ ตอนบ่าย 3 โมงเย็น ถึง ร.ร.บ้านปางอุ๋ง 7 โมงเช้า แวะทุกปั้ม เนื่องจากคนขับคนเดียวยิงยาว
ข้อมูลและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ควรทราบ
1. ควรพกถุงมือไปด้วย
2. บนเขาทั้ง 2 วันมีจุดที่สามารถไปตักน้ำได้
3. ที่นี่คงไม่เหมาะสำหรับคนที่มีโรคประจำตัวหรือกลัวความสูง
4. สำหรับการกางเต้นท์ค้างแรม เหมาะกับการกางเต้นท์มากกว่าเปลคะ
5. ที่นี่มีบริการลูกหาบ
ค่ารถกะบะ : รับส่ง จาก โรงเรียนบ้านปางอุ๋ง ถึง จุดเริ่มเดิน ราคา 2000 บาท
ค่าบริการลูกหาบ : วันละ 500 บาท
----------------------
วันที่ 1
ทริปนี้สมาชิคทั้งหมด 9 คน
ช่วงเช้านัดเจอกับคนนำทาง 10 โมงเช้า ในหมู่บ้านมีร้านค้า สามารถเตรียมห่ออาหารมื้อกลางวันได้จากจุดนี้เลยอะไรขาดเหลือหาซื้อได้เลยร้านค้ามีหลายร้าน
ได้เวลาแล้วเดินทางกันเลย....ทางเข้าไปจุดเริ่มเดินต้องผ่าน โรงเรียนในหมู่บ้านแวะรับลูกหาบที่นี่จัดของอีกครั้ง....
ตลอดเส้นทางเป็นทางลูกรัง ผ่านไร่ของชาวบ้าน
เส้นทางทั้งหมดของทริปนี้
ตรงนี้คือจุดเริ่มเดินเท้า...#สิ้นสุดทางรถ T T
ทางชันตั้งแต่ 100 เมตรแรกเลย เส้นทางนี้คือฝั่งหมื่อกาโด่ เดินขึ้นวันนี้ด้วยระยะทางทั้งหมด 1.1 กิโลเมตร จากระดับความสูงที่ 1,093 เมตร แล้วไปตั้งแคมป์ที่ความสูง 1,640 เมตร
เส้นทางก็ชันกับชันอย่างเดียวเลย...อากาศร้อนถึงร้อนมาก เพราะมาในช่วงหน้าหนาวด้วยหรือเปล่าไม่รู้ ป่าดูแล้งๆ หญ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีทองแล้ว
90 องศา บันไดมีขั้นแรก กับขั้นสุดท้าย
ชันต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนผ่าว
ถ้าเดินไป บ่าย 2 โมงก็จะถึงจุดกางเต้นท์
ที่นี่กางเปลได้ แต่แนะนำเป็นเต้นท์จะดีกว่า เพราะต้นไม้ตรงจุดนี้น้อย
เมนูเย็นนี้ พวกเราจัดชาบูน้ำดำ - โรตีกรอบ
กินอิ่มแล้วคืนนี้สองทุ่มมีนัดถ่ายดาวกันนะ
วันที่ 2
ตอนเช้าเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดหมื่อกาโด่
ลงมากินข้าวอะไรให้เรียบร้อยเก็บของแล้วเดินต่อไปยังดอยพะติโด่ วันนี้จะเดินเยอะกว่าวันแรกหน่อย
อ่าวเราต้องเดินผ่านจุดชมวิวนี้อีกกรอบหรอเนี่ยรู้งี้เอาเป้มาทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าก็ดี
เดินไม่ถึงโล ก็แวะกินตลอดทาง กระหรี่ปั๊บจากร้าน Mymoon เก็บมา 2 วันแล้วยังกรอบ สดใหม่อยู่เลย เนี่ยแหละคุ่ซี้นักเดินทาง เก็บไว้ได้หลายวัน สะดวกพกพาง่าย รองท้องระหว่างทางดีสุดๆ
เดินต่อไป....
พ้นเนินนี้ไป ก็เข้าสู่ความบ้าระห่ำ ไต่เขา ขึ้นสุด ลงสุด แบบ โหดจริง
ทางดิ่งลงเหว ต้องเกาะตามขอบๆหินจ้า
ขาสั้นจะไปยากหน่อยนะ
จุดนี้ถ้าพลาด คือ ลาก่อน
บ้าบอมาก ที่นี่จุดอันตรายหลายจุด ไม่มีเชือกหรือไม้อะไรให้เกาะเลย ฉะนั้นถุงมือเป็นเรื่องสำคัญที่ควรพกมาด้วย..พี่ในทริปคนนึงร่วงลงไปเพราะดินตรงนั้นร่วนมาก ให้ไม้เทรลค้ำแล้วแต่ก็ไม่อยู่ ดีมากที่อีกคนดึงเป้ไว้แล้วช่วยดึงขึ้นมาอย่างปลอดภัย มีบาดแผลเล็กน้อย
หน้าตาของคนที่เดินขึ้นเขาแล้วต้องเดินลง ขึ้นๆลงๆ สลับไป 3-4 แล้วยังไม่ถึงปลายทาง
ฉันก็ไม่ไหว แดดร้อนเหลือเกิน งองแงขั้นสุด
ปลายทางอยู่ที่ยอดโน้นนนนนนนนนน เลยจ้าาาาาา ขาเพลีย!!!
ถึงแล้วว้อยยยยย
นั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วเตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ตกที่ยอดดอยพะติโด่
ภาพระหว่างทางไม่มีเด้อ.....ชันเหลือเกิน ทางโคตรแคบ ทางเดินเป็นดินหินกรวดร่วนๆ เดินแล้วเสียวๆ ตรงนี้คือจุดครึ่งทางไปยังจุดชมวิว พวกเราทั้งหมดพร้อมใจกันไม่ไปต่อขอสิงอยู่แค่ตรงนี้พอ...
ดอกไม้ที่อุตส่าห่อไว้ให้ เธอไม่รับไปมันเจ็บไปทั้งหัวใจ ทำไมยังทน เรื่องนี้มันยาวขออุ๊ปไว้แล้วกัน
พวกเราปักหลักอยู่ตรงนั้น จนกว่าทางช้างเผือกจะขึ้นชัด หนาวมาก ลมโชยตลอด บวกกับบทสนทนาในตอนนั้นที่ทำให้พวกเรารู้จักกันมากขึ้น แฮบปี้สุดๆ
รูปหมู่เดียวที่ทุกคนนั่งนิ่งๆได้เป็นเวลา 15 วินาที 55555+
เดี๋ยวมดกัด เดี๋ยวปวดตด หยุดขำไม่ได้
หมดเวลาสนุกของวันนี้ เข้านอนแค่หัววัน
วันที่ 3
เช้าที่สดใสของ ผอ.นนท์
หุงข้าว ทำกับข้าวกันโดยเชฟโด คนเดิมคนดี อร่อยทุกมื้อ ถ้าไม่ทำเขียวหวานหกไปครึ่งหม้อ!! งื้อ...
เมนู : ข้าวต้มปลา และติ่มซำ
กินข้าวเสร็จก็เตรียมเก็บของเดินลง
จากแคมป์ไปถึงทางแยก 1 กิโลเมตร จากนั้นเดินต่อไปถึงตีนเขาอีก 2 กิโลเมตร
ขาลงใช้เวลาเดิน ประมาณ 1 ชม.
ลงมาถึงข้างล่างจะเจอไร่กระหล่ำปีของชาวบ้านกำลังสวยเลย
เจอน้องตรงไร่กระหล่ำปี เลยให้ซาลาเปากับกระหรี่ปั๊บน้องไป
จบทริปไปอย่างสวยงาม หมื่อกาโด่ พะติโด่ อาจจะเป็นเขาที่ไม่ต้องเดินไกลมากสักเท่าไหร่ แต่ยอมรับเลยว่าที่นี่โหดมากเรื่องการไต่เขา เดินลัดเลาะไปตามเหวทางแคบๆ ขึ้นสุดลงสุดในช่วงรอบต่อของเขาทั้งสองลูก ได้ทั้งความสนุกและความมันแน่นอน (อีกหนึ่งเขาที่นักล่าภูเขาไม่ควรพลาด)
ขอบคุณภาพสวยๆจากเพื่อนๆทุกคนในทริปและอาหารทุกมื้อจากเชฟโด
#เสพติดเขา
Mint Septidkhao
วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 10.19 น.