กระบี่ มีความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทะเลสวยๆ แหล่งกำเนิดต้นน้ำ ถ้ำ วัดวาอาราม หรือแม้กระทั่งคาเฟ่วิวดีๆ แต่ละที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ผมจึงได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ ของกระบี่ มาไว้ที่นี่ที่เดียว ให้เพื่อนๆ ใช้เป็นข้อมูลในการวางโปรแกรมการท่องเที่ยวกระบี่ครับ
1. เกาะห้อง
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จุดที่น่าสนใจของเกาะห้องคืออ่าวบิเละ ซึ่งเป็นอ่าวรูปทรงโค้ง 2 อ่าวเรียงตัวเชื่อมต่อกันจนดูคล้ายกับนกที่กำลังโบยบิน หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสสีเขียวมรกต เป็นเกาะที่ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 10 Dream Destination กาลครั้งหนึ่งต้องไป ของ ททท. เมื่อราวๆ ปี 2557 ด้วยครับ
หากใครมีเรี่ยวแรง แนะนำให้เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวเกาะห้องซึ่งตั้งอยู่บนเขา เส้นทางเดินขึ้นจุดชมวิว เดินง่ายแต่ค่อนข้างสูงชัน ด้านบนจะมองเห็นป่าเกาะมุมสูงแบบ 360 องศา บอกเลยว่าเมื่อได้เห็นวิวที่อยู่ตรงหน้าแล้วหายเหนื่อยเลยครับ แต่อย่าลืมพกยาดมติดตัวไปด้วย ได้ใช้แน่นอน
2. ทะเลใน
ทะเลใน หรือลากูน ทางเข้าออกลากูนมีเพียงช่องทางเดียว โดยมีความกว้างประมาณ 10 เมตร ด้านในของลากูนถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาชัน ยามน้ำลงจะเห็นน้ำใส ทรายขาว เราสามารถลงไปยืนในทะเลในได้เลย แต่ถ้าหากน้ำขึ้นก็จะเห็นน้ำทะเลออกสีเขียวมรกตครับ
3. เกาะเหลาลาดิง
เกาะเหลาลาดิง หรือเกาะพาราไดซ์ เกาะลับเล็กๆ ที่แฝงไว้ด้วยความสวยงามของหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด และมีความเงียบสงบส่วนตัว
4. เกาะผักเบี้ย
เกาะผักเบี้ย เป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ทางด้านหลังของเกาะห้อง โดยมีแนวชายหาดไม่กว้างนัก ในช่วงที่น้ำทะเลลงจะมีสันทรายคล้ายๆ ทะเลแหวก ทอดยาวไปยังอีกเกาะหนึ่งซึ่งเรียกว่าเกาะผักเบี้ยเช่นกัน สามารถเดินถึงกันได้ในช่วงเวลาที่น้ำลงเท่านั้น
สำหรับการท่องเที่ยวเกาะห้อง ทะเลใน เกาะเหลาลาดิง และ เกาะผักเบี้ย สามารถเหมาเรือจากหาดทับแขก ผ่านคุณศักดิ์สิทธิ์ 089-5868058 ในราคาลำละ 1,800 บาท (ต่อนักท่องเที่ยว 2 คน) ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 20 นาที หรือจะไป Joy Trip กับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ โดยซื้อแพคเกจทัวร์จากบริษัทท่องเที่ยวแถวอ่าวนางก็ได้ครับ การนั่งเรือจากหาดทับแขกจะใกล้กว่านั่งเรือจากอ่าวนางครับ
5. เกาะพีพีดอน
เกาะพีพีดอน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะพีพี เป็นเกาะที่มีหาดทรายสวยงาม น้ำใส ใจกลางของเกาะอยู่บริเวณอ่าวต้นไทร จุดนี้จะเป็นศูนย์รวมรีสอร์ทและร้านอาหาร หากใครมีเวลาและกำลังวังชาเยอะ แนะนำให้เดินขึ้นไปยังจุดชมวิว ด้านบนจะมองเห็นความสวยงามของเวิ้งอ่าวต้นไทรและเวิ้งอ่าวโละดาลัม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกาะพีพีดอนครับ
6. อ่าวปิเละ ลากูน
อ่าวปิเละ ลากูน เป็นเวิ้งอ่าวขนาดใหญ่ที่แวดล้อมด้วยหน้าผาสูงของเกาะพีพีเล น้ำมีสีเขียวมรกต สวยงามมากๆ ครับ
7. อ่าวมาหยา
อ่าวมาหยา เป็นส่วนหนึ่งของเกาะพีพีเล ความสวยงามของอ่าวมาหยาดังไกลไปทั่วโลก เพราะอ่าวแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลีวู้ดอย่าง The Beach ปัจจุบันอ่าวมาหยายังปิดเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู แต่สามารถจอดเรือชมความสวยงามอยู่ห่างๆ ครับ
8. ถ้ำไวกิ้ง
ถ้ำไวกิ้ง เป็นส่วนหนึ่งของเกาะพีพีเลเช่นกัน ถ้ำไวกิ้งเป็นถ้ำที่มีการสัมปทานรังนก ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมภายในถ้ำ แต่สามารถจอดเรือชมอยู่ห่างๆ ได้ครับ
9. เกาะไม้ไผ่
เกาะไม้ไผ่ เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน เป็นเกาะที่เงียบสงบ หาดทรายขาว น้ำทะเลใสมากๆ นอกจากนี้ยังมีแนวปะการังหลากหลายชนิด จนได้รับการขนานนามว่า ดงปะการังแสนไร่
การมาเที่ยวเกาะพีพีดอน อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา ถ้ำไวกิ้ง และเกาะไม้ไผ่ สามารถซื้อแพคเกจ One day Trip จากแถวๆ อ่าวนาง หรือจะเหมาเรือหางยาวของอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา ก็ได้ครับ
10. ทะเลแหวก
ทะเลแหวก ช่วงที่น้ำทะเลลด เราจะเห็นสันทรายขาวสะอาดเชื่อมเกาะสามเกาะ คือเกาะไก่ เกาะหม้อ และเกาะทับ เข้าไว้ด้วยกัน แต่ในช่วงที่น้ำทะเลขึ้น สันทรายก็จะจมหายไป มองเห็นทั้งสามเกาะแยกออกจากกัน นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้น
11. เกาะไก่
เกาะไก่ เป็นหนึ่งในเกาะที่ทำให้เกิดทะเลแหวก ที่เกาะนี้มีชื่อว่าเกาะไก่ ก็เพราะด้านปลายสุดของเกาะมีหินแหลมๆ มองดูคล้ายๆ คอไก่ครับ
การเดินทางมาเที่ยวทะเลแหวก เกาะไก่ สามารถซื้อแพคเกจ One day Trip หรือจะเหมาเรือหางยาวของอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา หรือแถวอ่าวนางก็ได้ครับ
12. หาดถ้ำพระนาง
หาดถ้ำพระนาง เป็นถ้ำตื้นๆ เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของพระนางอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวเรือแถวนี้เคารพสักการะ ด้านในถ้ำจะมีศาลของเทพธิดา และมีปลัดขิกหลากหลายขนาดนับร้อยๆ อัน ที่ชาวบ้านนำมาแก้บน ในช่วงเย็น สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้ด้วยครับ
13. หาดทับแขก
หาดทับแขก คำว่า “ทับแขก” มาจากคำว่า “ทับ” หมายถึง “บ้าน” และคำว่า “แขก” หมายถึง “ผู้มาเยี่ยมเยือน” เสน่ห์ของหาดทับแขกคือ หมู่เกาะห้อง 13 เกาะ ที่ชาวบ้านเรียกว่าป่าเกาะ ซึ่งหมายถึงเกาะจำนวนมากมาย ทอดตัววางเรียงอยู่ด้านหน้าหาด อยู่ทางทิศตะวันตก มีเกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ขวางบังคลื่นลมราวกับกำแพงที่ธรรมชาติสร้างไว้ ทำให้หาดทับแขกเป็นเสมือนหาดไร้คลื่นทะเล ไม่มีไอน้ำเค็มเหมือนเช่นหาดอื่นๆ
ช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์จะตก ผมแนะนำว่าไม่ควรพลาดมานั่งชมบรรยากาศของหมู่เกาะห้องนะครับ ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า แสงของดวงอาทิตย์จะเริ่มอ่อนกำลังลง และสาดส่องมายังหมู่เกาะทั้ง 13 ทำให้หมู่เกาะทั้ง 13 เหมือนจะเปล่งแสงสีทองออกจากเกาะกันเลยทีเดียว ตำแหน่งของเกาะแต่ละเกาะที่อยู่ใกล้ ไกลกัน ทำให้มองเห็นเป็น Layer อย่างสวยงาม เกาะไหนที่อยู่ใกล้เรา จะเป็นสีเข้ม ส่วนเกาะไหนที่อยู่ไกลเรา จะเป็นสีจางๆ สวยงามอย่าบอกใครเชียว ความสวยงามจะเริ่มตั้งแต่แสงของดวงอาทิตย์ที่เริ่มอ่อนกำลังลง จนทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์ที่กลมโต ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าไป และหลังจากนั้นก็จะได้เห็นแสงสีที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นอีกครั้ง สวยงามจนสะกดให้ผมตกอยู่ในภวังค์เลยครับ
14. หาดนพรัตน์ธารา
หาดนพรัตน์ธารา อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เดิมชาวบ้านเรียกหาดแห่งนี้ว่า “หาดคลองแห้ง” เพราะช่วงที่น้ำลง น้ำคลองที่ไหนมาจากภูเขาทางด้านเหนือจะแห้งขอด กลายเป็นหาดทรายทอดตัวลงไปในทะเล บรรจบกับเกาะเขาปากคลอง ช่วงที่น้ำลงเราสามารถเดินไปยังเกาะเล็กๆ ด้านหน้าหาดได้เลยครับ
15. Tew Lay Bar
Tew Lay Bar เป็นคาเฟ่ที่มีพื้นที่ให้นั่งแบบชิลๆ เยอะมาก แถมมีมุมถ่ายรูปไว้อวดเพื่อนๆ เพียบ..... มีทั้งมุมรังนก มุมชิงช้า และอีกมุมที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง นั่นคือ ที่นั่งไม้บนกิ่งไม้ที่ยื่นยาวลงไปในทะเล ใครมา Tew Lay Bar แล้วไม่ได้มาถ่ายภาพมุมนี้ ถือว่ามาไม่ถึง Tew Lay Bar ครับ Tew Lay Bar เปิดให้บริการตั้งแต่ 09.00-23.00 น. หากใครมาเที่ยวที่ไร่เลย์แล้ว ไม่อยากให้พลาดที่นี่ครับ
การเดินทางมา Tew Lay Bar สามารถมาได้ทางเดียว คือการนั่งเรือเท่านั้น สะดวกสุดคือนั่งเรือจากอ่าวน้ำเมา นั่งเรือประมาณ 10 นาที เพื่อมาลงยังท่าเรือไร่เลย์ฝั่งตะวันออก จากท่าเรือเดินเลี้ยวขวา เลาะทะเลมาเรื่อยๆ จนสุดเส้นทางครับ ระยะทางไกลพอสมควร แต่เดินมาถึงแล้วได้เจอวิวสวยๆ แบบนี้ คุ้มค่าเหนื่อยครับ
16. อ่าวท่าเลน
อ่าวท่าเลน เป็นอ่าวเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงไม่เล็กเหมือนขนาดของอ่าว แต่อ่าวท่าเลนมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกในเรื่องธรรมชาติที่สวยงาม มีทั้งป่าชายเลนที่สมบูรณ์และยังมีภูเขาหินปูนมากมาย จึงเป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกนิยมมาพายคายัคเพื่อชมทิวทัศน์ของอ่าวท่าเลน โดยช่วงแรกเราจะต้องพายคายัคออกจากท่าเรือ มุ่งตรงไปยังป่าชายเลน ช่วงนี้อาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะต้องพายผ่านกระแสน้ำทะเลครับ
แต่เมื่อพายเข้ามาในพื้นที่ของป่าชายเลนแล้ว จะพายได้ง่ายขึ้น น้ำจะนิ่ง ไม่มีคลื่นลม พายลัดเลาะไปตามป่าโกงกาง ได้เรียนรู้ระบบนิเวศของป่าชายเลน สำหรับระยะทางในการพายจะเริ่มต้นที่ 4-6 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเราจะได้พบกับไฮไลต์ต่างๆ มากมาย เช่น ถ้ำลอด ลากูนกลางทะเล ชายหาดเล็กๆ ป่าเกาะหินปูน ถือเป็นการออกกำลังกายไปพร้อมๆ กับการได้ซึมซับกับธรรมชาติเป็นอย่างมากครับ
17. แหลมจมูกควาย
แหลมจมูกควาย ซุ้มประตูหินธรรมชาติ 1 ในสถานที่ท่องเที่ยว Unseen ที่นักท่องเที่ยวน้อยคนนักจะรู้จัก อาจเพราะที่นี่เข้าถึงค่อนข้างลำบากเลยทำให้ไม่ปังเหมือนหมู่เกาะต่างๆ ยามที่แสงสาดส่องมายังซุ้มประตูหิน เราจะเห็นเป็นสีออกชมพูๆ สวยงามเลยทีเดียว แนะนำว่าให้มาเที่ยวช่วงตอนเย็น เพราะจุดนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดๆ ในกระบี่ โดยมีฉากหลังเป็นหมู่เกาะห้องครับ
การเดินทางมายังแหลมจมูกควาย สะดวกสุดคือการเหมาเรือจากอ่าวท่าเลน ในราคาลำละ 800 บาท ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 15 นาทีครับ สามารถติดต่อได้ที่ บังบ่าว 092-2394518 ครับ
หรือถ้าใครเหมาเรือจากอ่าวท่าเลนเพื่อไปเที่ยวชมหมู่เกาะห้อง ขากลับสามารถบอกให้คนเรือพาแวะที่แหลมจมูกควายก็ได้ครับ
18. ประภาคารเกาะลันตา
ประภาคารเกาะลันตา มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ประภาคารปัชโชติวชิราภา ตั้งอยู่บนแหลมโตนด ทางตอนใต้ของเกาะลันตา เป็นจุดสุดทางของเกาะ ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ที่ได้ชื่อว่าแหลมโตนด เพราะว่าที่นี่เต็มไปด้วยต้นตาลโตนดครับ
แหลมโตนดเป็นแหลมที่ยื่นออกนอกทะเล โดยมีหาดทรายทางด้านทิศตะวันออก และมีหาดหินกลมมนหลากสีสันจำนวนมากอยู่ทางทิศตะวันตก ชาวบ้านขนานนามหาดแห่งนี้ว่าป่าหินงาม ประภาคารแห่งนี้นับเป็นสัญลักษณ์ของเกาะลันตาครับ
19. สุสานหอย 75 ล้านปี
สุสานหอย 75 ล้านปี เป็นแหล่งฟอสซิลในยุคโบราณเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ.2551 ปัจจุบันมีสภาพชำรุดทรุดโทรมลงอย่างมาก สภาพที่ตั้งของแนวฟอสซิลเริ่มพังทลายหลายจุด เนื่องจากถูกน้ำทะเลกัดเซาะ ทางอุทยานจึงได้กันพื้นที่ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเหยียบย่ำบริเวณลานฟอสซิลครับ หากใครที่ยังไม่เคยมาชม แนะนำว่าให้รีบมาชมก่อนที่ซากฟอสซิลจะพังทลายไปมากกว่านี้ครับ
20. ท่าปอม คลองสองน้ำ
ท่าปอม คลองสองน้ำ เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาเพื่อเรียนรู้ธรรมชาติทางน้ำใต้ดินและพืชพรรณที่สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งในน้ำและบนดิน คลองสองน้ำมีลักษณะพิเศษของระบบนิเวศที่ในช่วงขึ้น 12 ค่ำไปจนถึงแรม 5 ค่ำ น้ำทะเลจะหนุนสูงลึกเข้ามาในคลองท่าปอมและผสมกับน้ำจืดในคลองท่าปอม กลายเป็นคลองน้ำกร่อยที่มีสีฟ้าค่อนข้างขุ่น แต่ก็จะขุ่นไม่นาน หลังจากนั้นน้ำทะเลก็จะลงและถูกแทนที่ด้วยน้ำจืดใสแจ๋ว มองเห็นเป็นสีเขียว นอกจากนี้ยังเห็นปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายเล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลินใจ
เสน่ห์อีกอย่างของท่าปอม เห็นจะเป็นรากไม้ริมตลิ่งสองฝั่งคลอง ที่มีการปรับตัวด้วยการโผล่รากขึ้นมาหายใจ ลักษณะพันเกี่ยวกันยิ่งกว่าเถาวัลย์ นี่ถ้าหากสุนทรภู่เคยมาเที่ยวที่ท่าปอม คลองสองน้ำ เราคงได้ยินบทกวีที่ว่า “แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงรากไม้พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน” การเข้าชมท่าปอมคลองสองน้ำ มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 20 บาทครับ
21. สระมรกต
สระมรกต สระน้ำธรรมชาติกลางใจป่าที่มีน้ำใสเป็นสีเขียวมรกต มีกำเนิดจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ เป็นน้ำพุร้อนลักษณะเป็นสระน้ำร้อน 3 สระ ได้แก่ สระแก้ว สระมรกต และสระน้ำผุด มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส การเข้าชมสระมรกตมีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 20 บาทครับ
จากสระมรกต หากเดินเท้าต่อกันอีกสักพักใหญ่ จะพบกับบ่อน้ำผุดซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสระมรกต ลักษณะเป็นตาน้ำสีฟ้าอมน้ำเงิน ที่แวดล้อมด้วยผืนป่า สระแห่งนี้เป็นสระน้ำแร่ธรรมชาติ มีฟองอากาศผุดขึ้นมาเหนือน้ำตลอดเวลา
22. น้ำตกร้อนคลองท่อม
น้ำตกร้อนคลองท่อม เป็นอ่างอาบน้ำธรรมชาติกลางป่า ที่รองรับสายน้ำตกที่ไหลหลั่นลงมาจากเนินเขา ประหนึ่งอ่างจากุชชี่ที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้น สายน้ำตกที่ไหลมาเป็นสายน้ำแร่ ลักษณะเป็นธารน้ำพุร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ มีอุณหภูมิพอเหมาะกับการอาบน้ำหรือแช่น้ำในบริเวณธารน้ำตกร้อน เชื่อกันว่าสามารถบำบัดอาการไขข้ออักเสบ ปวดหลัง และโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้ การเข้าชมน้ำตกร้อนมีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาทครับ
23. คลองหรูด
คลองหรูด ไปออกกำลังแขน พายคายัค เพื่อชมต้นน้ำคลองหนองทะเลที่คลองหรูด เดิมที่นี่เป็นคลองน้ำจืดสายเล็กๆ ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ต่อมาได้มีการสร้างฝายทดน้ำขึ้นเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง ทำให้คลองด้านเหนือฝายกลายเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ส่วนด้านท้ายฝายจะไหลลงคลองหนองทะเล เราต้องพายคายัคไปตามทุ่นลอยน้ำสีขาว ระยะทางในการพายคายัคไปถึงต้นน้ำประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างทางจะพบเห็นกล้วยไม้พันธุ์พื้นเมืองหลากหลายสายพันธุ์ขึ้นอยู่บนซากไม้ น้ำในคลองหรูดใสมาก ใสจนเห็นซากต้นไม้ที่ถูกโค่นลงรวมถึงพันธุ์ไม้น้ำมากมาย
พายไปเพลินๆ จนสุดหนองน้ำจะกลายเป็นเส้นทางแคบๆ ผ่านจุดเล่นน้ำเข้าไปนิดเดียวก็จะพบต้นน้ำธรรมชาติคลองหนองทะเล จะเห็นน้ำผุดขึ้นมาจากตาน้ำตลอดเวลา สำหรับราคาเช่าคายัคอยู่ที่ลำละ 300 บาท คายัค 1 ลำ สามารถนั่งได้ 2 คนครับ
24. คลองสระแก้ว
คลองสระแก้ว มีลักษณะเป็นธารน้ำใสที่อยู่ท่ามกลางป่าดงดิบและป่าพรุที่อุดมสมบูรณ์ จนได้รับฉายาว่าอเมซอนของกระบี่กิจกรรมในคลองสระแก้ว จะมีการพายคายัคไปตามคลองสระแก้ว ชมทัศนียภาพของป่าสองข้างทาง หรือใครจะเล่นน้ำใสๆ ก็ได้ และอีกหนึ่งกิจกรรมคือการเดินชิลๆ ไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ บริเวณคลองสระแก้วจะมีท่าน้ำให้นักท่องเที่ยวได้ลงเล่นน้ำถึง 14 ท่า ใครอยากเล่นท่าไหนก็ตามแต่ใจชอบเลยครับ นอกจากท่าน้ำแล้ว ในคลองสระแก้วยังมีอีกจุดที่น่าสนใจนั่นคือเสาโบสถ์วัดในสระ ตามป้ายให้ข้อมูลไว้ว่ามีอายุประมาณ 300 ปีแล้ว การเที่ยวชมคลองสระแก้วมีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท
25. หนองทะเล
หนองทะเล สวยจนตะลึง!! กับบรรยากาศยามเช้าของหนองทะเล บึงน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ของชุมชนหนองทะเล ในวันที่ฟ้าใสเราจะได้สัมผัสกับความสวยงามที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้น ภาพเงาสะท้อนน้ำของทิวเขาน้อยใหญ่ มาพร้อมกับไอน้ำบางๆ ที่ลอยอยู่บนผืนน้ำ ถูกฉาบด้วยแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ มันงดงามจับใจ ใครอยากจะมาซึมซับบรรยากาศของหนองทะเลด้วยตาของตัวเอง แนะนำให้รีบตื่นแต่เช้า มาถึงที่นี่ราวๆ 05.45 น.-07.30 น. จะเป็นช่วงเวลาที่หนองทะเลสวยที่สุดครับ
26. เขาทองฮิลล์
เขาทองฮิลล์ เป็นคาเฟ่ริมเขากับบรรยากาศวิวทะเล ที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย ดูน่ารักและกลมกลืนกับธรรมชาติ ที่สำคัญมีมุมถ่ายภาพเยอะมาก แนะนำให้มาที่นี่ช่วงแดดร่มลมตก สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมอาหารเมนูเบาๆ มาทาน เคล้ากับบรรยากาศของป่าเกาะที่กระจายตัวอยู่เบื้องหน้าเราแบบใกล้แค่เอื้อม ยามที่แสงสีทองสาดส่องลงมายังเกาะน้อยใหญ่ บอกเลยว่าโรแมนติกสุดๆ เขาทองฮิลล์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น.-19.30 น. ครับ
27. ดินแดงดอย
ดินแดงดอย อีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่กำลังมาแรงแซงโค้ง คงต้องยกให้ ดินแดงดอย จุดชมวิวแบบ 360 องศา ซึ่งสามารถชมวิวได้ทั้งในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก แต่ในความคิดเห็นส่วนตัววิวช่วงพระอาทิตย์ขึ้นจะสวยกว่า เพราะจะมองเห็นกลุ่มภูเขาหินปูนวางตัวกระจัดกระจายแบบพาโนรามา ที่โผล่ขึ้นมาจากแผ่นดินซึ่งถูกปูพรมด้วยผืนป่า
ยามดวงอาทิตย์โผล่พ้นกลุ่มภูเขาหินปูน แสงสีทองจากดวงอาทิตย์จะสาดส่องมายังยอดไม้ของผืนป่าที่ถูกคลอเคลียด้วยสายหมอกบางๆ ความงามที่เห็นในภาพมันคงเทียบไม่ได้กับภาพที่มองผ่านสายตาของตัวเอง หากใครต้องการขึ้นมาสัมผัสกับบรรยากาศยามเช้าแบบนี้ จะต้องเดินเท้าจากจุดจอดรถประมาณ 500 เมตร ขึ้นไปบนเนินเขาที่ไม่สูงชันมาก จุดชมวิวนี้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 05.30 น.-19.00 น. โดยเสียค่าบำรุงสถานที่คนละ 20 บาท ด้านบนมีร้านอาหารไว้ให้บริการด้วยครับ
28. งานศิลปะยายสา
งานศิลปะยายสา เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2561 ภายใต้ Concept : No Sunrise No Sunset ไม่มีพระอาทิตย์ขึ้นไม่มีพระอาทิตย์ตก โดยศิลปินผู้สร้างได้นำเรื่องราวของยายสา หญิงชราคนหนึ่งที่มีตัวตนอยู่จริง ที่ต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง เธอเป็นผู้ศรัทธาในความรัก เธอเฝ้ารอสามีที่ล่องเรือสู่ท้องทะเลด้วยความหวัง รอตั้งแต่เช้ายันค่ำ โดยศิลปินได้สร้างกล่องขนาดใหญ่แทนถ้ำ ไว้ริมหน้าผา ผิวนอกของกล่องมันวาว แต่ด้านในมืดทึบ ด้านหน้าเป็นทะเลกว้าง ภายในกล่องว่างเปล่า มีเพียงหุ่นกับเงาของยายสา สารภาพเลยว่าเมื่อเห็นในตอนแรก รู้สึกหลอนมากๆ พอใช้กล้องซูมดูหน้ายายสาชัดๆ ปรากฏเห็นรอยยิ้มของยายสา แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้ความหลอนลดลงได้เลย 555 ต้องยอมรับเลยว่า แววตา รอยยิ้ม และรอยเหี่ยวย่น เหมือนคนมากๆ ครับ
งานศิลปะยายสา ตั้งอยู่ด้านหลังของกระบี่รีสอร์ท หากใครต้องการมาเยี่ยมยายสา ต้องจอดรถไว้บริเวณชายหาด แล้วเดินเลาะเลียบทะเลไปจนถึงด้านหลังของกระบี่รีสอร์ท จากนั้นเดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึงครับ มีป้ายคอยบอกทางอยู่
29. ประติมากรรมนกออก
ประติมากรรมนกออก การจัดสร้างประติมากรรมนกออก หรือนกอินทรีย์ทะเลท้องขาว กม.0 เพื่อวัตถุประสงค์ที่อยากจะบอกเล่าเรื่องราวของนกอินทรีย์ที่ถือได้ว่าเป็นนกคู่เมืองกระบี่ และมีเอกลักษณ์ในการดำรงชีวิตที่น่าจะนำมาเป็นแบบอย่าง “บินให้สูง มองให้ไกล ไปให้ถึง” ครับ
30. อนุสาวรีย์ปูดำ
อนุสาวรีย์ปูดำ อีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของเมืองกระบี่ บริเวณลานปูดำ เราสามารถมองเห็นเขาขนาบน้ำ ตั้งอย่างโดดเด่นริมแม่น้ำกระบี่ จริงๆ สามารถเหมาเรือเพื่อนั่งไปชมบรรยากาศเขาขนาบน้ำแบบใกล้ๆ ได้
31. เขาขนาบน้ำ
เขาขนาบน้ำ แลนด์มาร์คเมืองกระบี่ เขาขนาบน้ำเป็นเขาสองลูกที่มีความสูงราวๆ 100 เมตร ตั้งอยู่เคียงคู่กันขนาบแม่น้ำกระบี่ มีตำนานเล่าต่อๆ กันมาว่า มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งเป็นที่ต้องการของพญานาคและพญายักษ์ ซึ่งพญานาคได้แปลงกายเป็นมนุษย์ เพื่อต่อสู้แย่งชิงเจ้าหญิงกับพญายักษ์ จนกระทั่งทั้งคู่เสียชีวิตลง ทำให้ศพนั้นกลายเป็นเขาหิน 2 ลูกที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน เราสามารถนั่งเรือหัวโทงเพื่อไปสัมผัสเขาขนาบน้ำได้อย่างใกล้ชิดได้ ระหว่างทางมีจุดให้แวะท่องเที่ยวด้วยครับ
32. วัดแก้วโกรวาราม
วัดแก้วโกรวารามตั้งอยู่บนเนินดินเตี้ยๆ กลางเมืองกระบี่ เป็นวัดประจำจังหวัดกระบี่ มีความสำคัญทั้งด้านความเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาและศูนย์กลางการศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์จังหวัดกระบี่ด้วย
ลักษณะของพระอุโบสถสีขาวหลังใหญ่ดูโดดเด่น มองเห็นแต่ไกล เนื่องจากพระอุโบสถตั้งอยู่บนเนินดิน ภายนอกว่างดงามแล้ว ภายในก็งดงามไม่แพ้กัน ด้านในประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่ มีลายจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามทั้ง 4 ด้าน ประกอบไปด้วยภาพพระแม่ธรณีบีบมวยผม พระศาสดาประสูติ พระโพธิสัตว์ประทับเสวยรมย์ อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต ก่อนเสด็จลงมาเป็นพระพุทธเจ้า ถ้าหากเพื่อนๆ มีเวลา อยากให้มาไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเองกันที่วัดแก้วโกรวารามครับ
33. วัดถ้ำเสือ
วัดถ้ำเสือ ชื่อของวัดถ้ำเสือไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดแต่สันนิษฐานกันว่าในอดีตเคยมีเสือมาอาศัยอยู่ ภายในถ้ำยังพบหินธรรมชาติเป็นรูปแบบของอุ้งเท้าเสือด้วยครับ สิ่งที่น่าสนใจในวัดถ้ำเสือยังมี พระธาตุเจดีย์ระฆังใหญ่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง มีขนาดความกว้างของฐาน 58 เมตร และมีความสูงถึง 90.90 เมตร โดยตั้งใจจะให้เป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดในโลก ถึงแม้ว่ายังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง แต่ก็ยังพอมองเห็นโครงสร้างที่เป็นรูปเป็นร่างแล้วครับ ส่วนด้านในของวัดยังทำเป็นอาคารทรงจีน ภายในประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมขนาดใหญ่ ให้นักท่องเที่ยวได้สักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลครับ
วัดถ้ำเสือยังมีจุดชมวิวเพื่อชมเมืองกระบี่มุมสูงด้วย แต่การจะขึ้นไปชมต้องแลกมาด้วยกำลังขาของนักท่องเที่ยว เพราะจะต้องเดินขึ้นบันไดนับพันขั้นเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว ใครที่มีกำลังวังชา ลองขึ้นไปชมจุดชมวิวดูนะครับ เห็นว่าสวยงามอยู่ไม่น้อย
34. ถ้ำพระนางใน
ถ้ำพระนางใน ถ้ำหินปูนที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม บางจุดให้ความรู้สึกเหมือนน้ำตกที่ไหลลดหลั่นลงมา บางจุดเหมือนเสาหินขนาดใหญ่ บางจุดหินย้อยมีความอ่อนไหวคล้ายกับผ้าที่พลิ้วไหว ภายในถ้ำอากาศเย็นสบาย ทางอุทยานฯ ได้ทำเส้นทางเดินให้เดินเที่ยวชมด้วยความสะดวก มีไฟส่องสว่างตลอดเส้นทางเดิน ระยะทางจากปากถ้ำถึงด้านในประมาณ 200 เมตร
แปลกใจที่ถ้ำสวยๆ แบบนี้ ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากนัก หากใครต้องการมาชมความสวยงามของถ้ำพระนางในต้องนั่งเรือมาเท่านั้น โดยขึ้นเรือที่อ่าวน้ำเมา ประมาณ 10 นาที เพื่อข้ามมายังท่าเรือไร่เลย์ฝั่งตะวันออก จากนั้นเดินเท้าต่ออีกนิดหน่อย ก็จะได้สัมผัสกับความสวยงามของถ้ำพระนางในแล้วครับ การเข้าชมถ้ำพระนางใน มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท สามารถเก็บหางบัตรไว้แสดงตอนที่เข้าชมสุสานหอยได้นะครับ จะได้ไม่ต้องเสียค่าเช้าชมเพิ่มครับ
35. ถ้ำปราสาทนาฬาคิริง
ถ้ำปราสาทนาฬาคิริง อยู่ในพื้นที่ของวัดถ้ำปราสาทนาฬาคิริง คำว่า “นาฬาคิริง” มาจากชื่อ “นาราคิรี” ช้างสำคัญเชือกหนึ่งในสมัยพุทธกาล ต้องบอกเลยว่าด้านในถ้ำอลังการงานหินงอกหินย้อยจริงๆ บางจุดคล้ายม่านหินธรรมชาติที่ห้อยจากเพดานถ้ำลงมาจนถึงพื้นถ้ำ เนื่องจากถ้ำแห่งนี้มีความสัมพันธ์กับช้าง หินหลายก้อนจึงถูกจินตนาการคล้ายส่วนต่างๆ ของช้าง เช่น ขาของช้าง บั้นท้ายของช้าง บางจุดมีหนอนถ้ำซึ่งมีลักษณะคล้ายเส้นใยแมงมุมด้วย และจุดที่เป็นไฮไลต์ของถ้ำปราสาทนาฬาคิริง คือ หินรูปหัวใจ เวลาโดนแสงไฟ หัวใจจะส่องแสงระยิบระยับเลยครับ
ถ้ำนี้เป็น “ถ้ำเป็น” จึงมีหินงอกหินย้อยเติบโตอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่เข้าชมถ้ำนี้ ขอเถอะครับ ดูแต่ตา มืออย่าต้อง ไม่เช่นนั้นหินที่ท่านไปแตะต้อง จะกลายเป็นหินตาย ไม่เจริญงอกงามอีกต่อไป การเข้าชมภายในถ้ำ ต้องขออนุญาตจากทางวัดเสียก่อน ทางวัดจะได้จัดลูกศิษย์วัดเป็นผู้นำชมและให้ข้อมูลต่างๆ ในการเข้าชมด้านในถ้ำ วัดถ้ำปราสาทนาฬาคิริง นอกจากจะมีถ้ำที่สวยงามแล้ว ยังมีโบสถ์หลังงามที่มีรูปทรงเป็นรูปช้างหมอบ ชูงวง ชูงา ดูแปลกตา รับรองว่าไม่เหมือนที่ใดในประเทศไทยครับ
ท้ายสุดนี้ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปให้กำลังใจและติดตามผลงานของผมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/unclegreenshirt นะครับ
ลุงเสื้อเขียว
วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 17.34 น.