ถึงแม้ว่าจะผ่านมาแล้วเกือบสองปี แต่โควิดก็ยิ่งทำให้เราหวนหาบรรยากาศการเที่ยวแต่ก่อน หลายคนอาจจะนั่งเปิดดูรูปเก่าๆ ที่เคยไป เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

เมื่อพูดถึงสเปนหลายคนอาจนึกถึงมาดริดและบาร์เซโลน่า แต่วันนี้เราจะขอสโคปให้แคบลงไปนิดนึง ไปที่เมืองอย่างซาลามัง เมืองเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมที่ราวกับว่าถ้าได้ไปเหยียบเมืองนี้แล้ว เหมือนกาลเวลาจะหมุนพาเราไปหาอดีตของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อย่างสเปน

ย้อนกลับไปเมื่อท้ายของปี 2019 วันที่ 30 ธันวาคม วันนี้คือการเข้าสู่วันที่สามแล้วของการเที่ยวสเปนแบบไปคนเดียวและเที่ยวคนเดียว ซึ่งวันนี้เราจะไปทัวร์ที่จองในราคา 1900 บาท เราโชคดีที่ซื้อในวัน black Friday ราคามันเลยลดลงตั้งพันนึง ซึ่งทัวร์นี้จะออกจากมาดริดไป avila และ salamanca ใน 1 วัน มีรถบัสรับ-ส่งให้ มีไกด์ที่พูดภาษาสเปนและอังกฤษ

เช้านี้เราตื่นหกโมงเช้า เมื่อเตรียมของเรียบร้อย ออกจากที่พัก 7 โมง 

ทัวร์นัดที่สนามวัวกระทิง เวลา 7 โมงครึ่ง ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเป็นสนามวัวกระทิง เหมือนได้ที่เที่ยวเพิ่มอีกที่นึงเลย

เราไปถึงก่อนเวลา ท้องฟ้ายังมืดสนิท อากาศหนาว 

เมื่อถ่ายรูปไปสักพัก ก็เห็นรถบัสมาจอดอยู่หลายคันเลยเดินไปถามเค้าว่าคันไหนคือคันที่เป็นทัวร์ที่เราจองมาเผื่อรถจะมาแล้ว ใช่จริงๆ ด้วยรถบัสที่เราจะขึ้นอยู่ตรงนี้ มีทัวร์หลายคันจอดอยู่ ที่เราเห็นมีไป Segovia และ Toledo ด้วย

เมื่อขึ้นไปบนรถแล้วจับจองที่นั่งเรียบร้อย เรานั่งคนเดียว ภายในยังมีที่ว่างอยู่บ้าง คนส่วนใหญ่ก็มีคู่นั่งกัน เห็นจะมีก็แต่เรากับคุณป้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามเนี่ยแหละที่มาคนเดียวเบาะข้างๆ เลยว่างทั้งคู่

เรายื่นใบจองที่ปริ้นมาให้ไกด์ดู ไกด์เช็คชื่อ

เมื่อคนมาครบรถก็ออกเวลา 7.45 เป๊ะตามที่บอกในตาราง ไกด์แนะนำตัวต่างๆ โดยจะพูดภาษาสเปนก่อนแล้วค่อยตามด้วยอังกฤษ

รถบัสจอดให้พักตรงจุดพักรถ รู้สึกคิดถึงฟีลลิ่งเวลาออกไปเที่ยวไกลๆนั่งรถบัส แล้วรถจอดให้พัก จุดพักรถในเส้นทางไกลแบบนี้ จะมีปั๊ม มีร้านมินิมาร์ต คาเฟ่ มีห้องน้ำให้เข้า ก็ไม่ต่างอะไร แต่ที่จะต่างกันไปก็จะเป็นวิวข้างทาง ซึ่งครั้งนี้เป็นวิวภูเขา ทุ่งหญ้า กว้างใหญ่ บางส่วนของเส้นทางก็จะเห็นมีบ้านหลังไม่ใหญ่ ตั้งอยู่ห่างกันออกไป

mt0zfcu2cqdb
xew5kxs6kqak

เราลงไปซื้อขนม เดินกลับมาถ่ายรูปแถวรถบัส ไกด์ทักเราว่า

“ไง ท้องฟ้าเพิ่งสว่างสินะ”

“ใช่ค่ะ เลยอยากถ่ายรูปเก็บไว้ โทษนะคะ เราจะไปที่เมืองซาลามังกาหรืออาบีลาก่อนคะ”

“ไปซาลามังกาจ้ะ”

“นานเท่าไหร่คะ”

“อีกชั่วโมงครึ่งจ้า”

อ๋อเราเข้าใจแล้ว เหมือนบัสจะพาเราไปซาลามังกาก่อนแล้วขากลับค่อยไปอาบีลา ซึ่งเป็นทางผ่านขากลับพอดี งั้นแสดงว่าจากมาดริดไปซาลามังกา ก็ประมาณสามชั่วโมง เราน่าจะหลับเก็บแรงไว้นะเนี่ย เสียดายจริง

มาถึงซาลามังกาแล้ว ไกด์ก็บอกว่ารถบัสจะจอดอยู่ตรงนี้ และตอนสุดท้ายหลังจากที่ปล่อยให้เดินตามอิสระแล้ว ให้กลับมาเจอกันตรงนี้บัสจะจอดอยู่ที่เดิม

ไกด์เป็นผู้หญิงสเปนผมบลอนด์ หน้าตาหน้ารัก ส่วนสูงพอๆ กับเรา พี่ไกด์จะพาเดินและอธิบาย ซึ่งเวลาอธิบายเป็นภาษาอังกฤษไกด์ชอบมองหาเรา แล้วชอบพูดขึ้นมาว่า “where are you?” เหมือนเค้าเห็นเรายังเด็ก เลยเป็นห่วงล่ะมั้ง ฮ่าๆ

“เมืองซาลามังกาเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญในฐานะเมืองแห่งการค้าขายที่มีความเจริญรุ่งเรือง และด้วยความงามทางด้านสถาปัตยกรรมแล้วทำให้ได้เป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย เดี๋ยวจะพาเดินชมแต่ละจุดกันนะคะ”

8f0efrd59rlz
mfbuye5lkony
9ywo0zcr2p8r
ppu0c7k1rfow
zqealni2doeg

ไกด์พาพวกเราเดินผ่านเมืองมาเรื่อยๆ และมาหยุดที่หน้าอาคารหลังหนึ่ง

นี่คือบ้านหอย (House of Shell) หรือ Casa de las Conchas ตอนที่เราไปก็เห็นเปลือกหอยขนาดใหญ่ติดอยู่บนอาคารอย่างโดดเด่น ไกด์บอกว่ามีเปลือกหอยถึงสามร้อยเปลือก แถมบางตำนานยังบอกว่าครอบครัวที่เป็นเจ้าของในสมัยก่อนได้แอบฝังเครื่องประดับ บางอันก็เป็นทอง ซ่อนเอาไว้ใต้เปลือกหอยนี้ และปัจุบันอาคารแห่งนี้ได้กลายเป็น ห้องสมุดสาธารณะและ Information office

87ma6iq66vvy

ต่อไปก็มาถึงหนึ่งในสถานที่ขึ้นชื่อและมีความสำคัญทางการศึกษาของเมืองนี้ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซาลามังกา

University of Salamanca

"เป็นมหาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของสเปน ตัวอาคารถูกตกแต่งให้โดดเด่นไปด้วยงานคราฟต์ที่เป็นรูปสัตว์ในตำนานและบางอย่างที่เกี่ยวของกับศาสนา" 

ตอนนั้นทุกอย่างที่เราเห็นคืองานละเอียดมากอย่างที่ไกด์กำลังอธิบาย

osyp9ht87a9f
43aqujc1zfk2
hubktq0jn59j


ส่วนนี้คือรูปปั้นของ Fray Luis de León นักกวีชื่อดังของสเปน

hyrbp72zu6uk

มีห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปด้วยเช่นกัน ไกด์พาเราเดินเข้าไปแต่เราไม่ได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ จำได้เพียงแต่ว่าบรรยากาศขลังสุดๆ 

vx2rkm0xlte1
ueg868k7rbva

ที่นี่มีไฮไลต์สนุกๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมท้าทายคือ บนกำแพงจะมี "frog on a skull” รูปปั้นกบเล็กๆ แอบอยู่ ซึ่งไกด์บอกว่าถ้าสามารถหาเจอได้ด้วยตัวเองแล้วจะถือว่าเป็นโชคดีของเรา แต่ตรงนั้นมีคุณป้าที่ยืนอยู่ข้างรถเข็นขายพวงกุญแจของเธอ พร้อมถือเลเซอร์ไฟชี้ไปที่รูปปั้นกบเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ เฉลยให้พวกเราดูกันแบบดื้อๆ ฮ่าๆ

qlr6mhpe5107

พอออกมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว ก็เดินตามพี่ไกด์ต้อยๆ ราวกับมาทัศนศึกษานอกโรกเรียน

มีจังหวะหนึ่งที่เรายืนข้างๆ เธอ เลยเอ่ยปากชวนเธอคุย

"พีไ่กด์อยู่ที่เมืองนี้หรอคะ"

“อ๋อ เปล่าหรอก ฉันอยู่มาดริดน่ะ แล้วเธอล่ะมาจากไหน”

“มาจากกรุงเทพ ประเทศไทยน่ะ”

“อ่าฮะ ฉันเคยไปเที่ยวเกาะปันหยาด้วยนะ สวยมากเลย ชอบมาก”

คุยกันเพลินๆ ไม่นานก็มาถึงจัตุรัสใจกลางเมือง ซึ่งสวยอะสวยจริง แต่สำหรับเรา เราว่ามันถ่ายรูปยากมากเลย เหมือนจะถ่ายตรงไหนก้เก็บไม่หมดสักที

ไกด์บอกว่า

"จัตุรัสใจกลางเมืองที่ถูกสร้างในกลางศตวรรษที่ 18 เป็นหนึ่งในจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดของสเปน จัตุรัสนี้ถูกขนาบข้างด้วยตึกสไตล์บาโรค ลานกว้างๆ ที่เราเห็นนี้ เมื่อก่อนเคยถูกใช้เป็นที่แข่งวัวกระทิงด้วย แต่ปัจจุบันก็กลายเป็นร้านรวงต่างๆ อ้อสมัยก่อนเด็กนักเรียนผู้หญิงกับผู้ชายจะเดินเป็นแถวสวนกันรอบจัตุรัสนี้ด้วยนะ เรียกว่าบางคนสบตากันแล้ปิ๊งกันจริงๆ ก็มี ฮ่าๆ"

"นี่เธอชอบจัตุรัสนี้ไหม" ไกด์ถามในขณะที่เรากำลังถ่ายรูป

"ชอบสิสวยมาก"

"ใช่ ฉันว่าฉันชอบมันมากกว่า Plaza Mayor ที่มาดริดอีกนะ ฮ่าๆ "

w7ffli1gfdxr
2rexf6bd1qoj
7atnbc8k8ub1
5soxgy7gdeuq

ตอนเดินผ่านร้านคามอน ไกด์แนะนำว่าถ้าอยากทำการบ้านหรือรายงานส่งครู ก็เข้ามาหาข้อมูลที่ร้านนี้ได้นะ อาหารอร่อยดีและดังมากของเมืองนี้ นั่นแหละอย่างที่บอกเหมือนไกด์เห็นเราเป็นเด็ก แกเลยชอบแซว 5555

saknmdeyrphx

เราก็แวะซื้อเก็บไว้เป็นข้าวกลางวันสักหน่อย นี่คือสภาพในร้าน หลายๆอย่างดูน่ากิน แม้เราจะไม่ค่อยคุ้นเคยอาหารประเภทนี้เท่าไหร่

j7mtheho3a6x

ไกด์พาเดินไปถึงจัตุรัสใจกลางเมืองนี้ และพาย้อนกลับไปที่มหาวิหาร ตอนนั้นไกด์ก็เริ่มทยอยแจกตั๋วเข้าชม

Catedral Vieja de Salamanca

อาสนวิหารซาลามังกาซึ่งที่เราเข้าชมเป็นตัววิหารเก่าซึ่งเป็นโบสถ์โรมาเนสก์ สร้างอุทิศให้กับซานตามาเรียเดลาเซเด ซึ่งก่อสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 และ 13 ตั้งอยู่ข้างๆ วิหารหลังใหม่ที่เป็นสไตล์กอธิค จุดเด่นของอาสนวิหารอีกอย่างคือตอร์เรเดลกาโย ซึ่งมีเครื่องชี้ทิศทางลมรูปไก่ตั้งอยู่ข้างบนอันเป็นที่มาของชื่ออาคาร

ไกด์บอกว่า

“จะให้เวลาเดินเองชั่วโมงนึง แล้วไปเจอกันที่บัสเวลา 12.45นะ”

เข้าโบสถ์เค้าก็แจก audio ที่เป็นเหมือนโทรศัพท์ พนักงานกดปุ่มให้เป็นภาษาอังกฤษแล้วยื่นมาให้เรา เอาไว้ฟังรายละเอียดของสิ่งต่างๆ มนนี้ แต่เราก็ไม่ได้ฟังมากหรอก เอาแต่ถ่ายรูปเสียมากกว่า แหะๆ 

สังเกตดีๆ บนกำแพงจะเห็นรูปปั้นนักอวกาศจิ๋วๆ ซ่อนอยู่ด้วย เราชอบมากเลย

wl25r0eolaf6
gr3n7pe0alf4

เมื่อเข้าไปข้างในก็สวยงามอลังการ ข้างในมีคูหาสวดมนตร์ใหญ่ ฉากประดับแท่นบูชาสมัยศตวรรษที่ 15 ซี่งมีบานระบายสีที่แสดงภาพเหตุการณ์ในประวัติพระ และนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยสอบไล่ปากเปล่าในคูหาสวดมนตร์แห่งนี้

xzjqt6o080zx
ksza9zk7xoh2
gcsvy6u2j8ww
n26lm2157psf
nt3bq4h57huq
n7yl9n932s7r
jjuv8lj8v549
65b6n9td6knn

เราใช้เวลาแค่ 15 นาที เดินในโบสถ์ แล้วออกไปเก็บตกเดินตามทางที่ไกด์พาเดิน

ไกด์บอกว่า "ขากลับง่ายมากหันหน้าเข้า cathedral เธอจะได้ไม่หลง"

gca7nm0cayzn

ส่วนนี่ก็เป็นบรรยากาศเมืองซาลามังกาที่เราเดินถ่ายรูปเองชิวๆ ตอนใกด์ปล่อยลูกทัวร์ให้เดินเล่นกันเอง 

7qpjmsu67s4i
lbumvts12ao2
flr7fgckr427
dukr6fft0kw1

d7g7j6gaq7v0
wryrq6lrb494
qtjnmigrh3yv
l0r3dura9do1
mf53d9pwblxi
mbz7l4sxo0ak
1mnurskvo6qu

ก่อนจะไปขึ้นบัสเราแวะที่สะพานโรมันที่เชื่อมไปอีกฝั่งของเมือง สะพานนี้ทอดข้ามแม่น้ำตอร์เมส แต่ตอนที่เดินไปตรงสะพานที่เรารู้สึกว่ามันให้บรรยากาศเงียบเหงาแปลกๆ อาจจะเพราะอากาศที่หนาวและต้นไม้ไม่มีใบเลยล่ะมั้ง ที่ทำให้ความสดใสมันลดลง แต่ถึงอย่างไรก็ตามเราว่ามันก็เป็นเสน่ห์ของช่วงเวลานั้นดี

vhyclxrqrhyf
dcz69js2es67
brpq11hwfmmf
cnljtf971oic
7y0jix7hj7vg


ขากลับมาที่บัส เรามารอที่บัสก่อนเวลานิดนึง พอใกล้ถึงเวลา เราเดินลงจากบัสไปถ่ายรูปเล่นๆ ก็เห็นไกด์วิ่งหอบมา บอกว่ากำลังมองหาเราอยู่ เค้าคงคิดว่าเราเป็นเด็ก อาจจะหลงก็ได้

แต่เรามาถึงรถบัสแล้วนะ อิอิ

ยังไงก็ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะพี่ไกด์

จากซาลามังกาไปอาบีลาใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางเราก็นั่งกินคามอนที่เพิ่งซื้อมาเป็นอาหารเที่ยง กินอิ่มก็อยากจะหลับเอาแรง แต่มันก็ไม่ยอมหลับง่ายๆ 

0xkww47bqdwf

ยังไงตอนนี้ก็พร้อมไปลุยที่เมืองอาบีลาต่อแล้ว!

ความคิดเห็น