ย่างเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน ต้นฤดูหนาวที่ลมหนาวเริ่มพัดมาเบาๆ พร้อมๆ กับยังคงความเขียวขจีของต้นไม้ ก่อนจะผลัดใบเข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัวในเดือนธันวาคม ภาคเหนือก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากเงียบเหงาในช่วงฤดูฝน

เราเลยอยากลองออกไป Road Trip ขับรถเที่ยว เปลี่ยนที่นอนทุกคืนในประเทศไทยดูบ้าง (หลังจากเคยทำที่อเมริกา และโอมาน) จังหวัดที่เราเลือก คือ แม่ฮ่องสอนค่ะ ซึ่งเป็นจังหวัดที่เดินทางยากอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเลย เพราะความขึ้นชื่อของ 4,088 โค้งนั่นเอง


4,088 โค้งนับยังไง 

นี่เลยแผนที่เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เส้นทางยอดฮิตของการเดินทางไปแม่ฮ่องสอน โดยการบินมาลงเชียงใหม่ แล้วเริ่มต้นขับรถจากเชียงใหม่ จะประหยัดเวลากว่าการขับรถจากกรุงเทพฯ ไปได้สัก 2 วัน

เส้นทางที่ 1 (สีแดง) : อ.เมืองเชียงใหม่ ลงมาทางด้านล่าง เข้า อ.ฮอด อ.แม่สะเรียง ขึ้นไปยัง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เส้นทางนี้ 1,864 โค้ง

เส้นทางที่ 2 (สีม่วง) : อ.เมืองเชียงใหม่ ขึ้นไปทาง อ.ปาย แล้วลงมา อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เส้นทางนี้ระยะทางสั้นกว่า แต่โค้งเยอะกว่า คือ 2,224 โค้ง

เส้นทางที่ 3 (สีแดง + สีม่วง) : ขับรถเป็นวงกลม จะรวม 4,088 โค้ง


แต่ทริปนี้ เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ขับรถไปแม่ฮ่องสอนเลย เพราะถ้าบินไปเชียงใหม่แล้วเช่ารถ สำหรับเราไม่ค่อยสะดวก ไหนๆ ต้องขับรถอยู่แล้ว ขับจากกรุงเทพฯ ไปเลยดีกว่า ขนของไปได้เยอะดี ^^

เราเลยวางแผนไว้ทั้งหมด 8 วัน 7 คืน เป็นทริปต๊ะต่อนยอนนะคะ ช้าๆ ไม่รีบ โดยเริ่มขับรถจากกรุงเทพฯ และไปจบที่กรุงเทพฯ ซึ่งกฎการ Road Trip ของเรา คือ ขับรถแต่ละรอบต้องไม่นานมาก ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ต้องแวะเที่ยวระหว่างทางไปเรื่อยๆ เพื่อพักร่างกาย ไม่ให้ล้าจนเกินไป ไม่ตะบี้ตะบันขับรถ ทริปเราเลยแวะยิบย่อยมาก จึงเป็นที่มาของทริปต๊ะต่อนยอน ^^ และจะถึงที่พักแต่ละที่ไม่เกิน 5 โมงเย็น ดังนั้น อาจจะใช้เวลาหลายวันหน่อย แต่หากใครมีเวลาไม่มาก และขับรถเก่งๆ ก็สามารถย่นระยะเวลาให้น้อยลงได้ค่ะ

นี่คือ เส้นทางของเรา จากกรุงเทพฯ ไปทางแม่สอด เข้าแม่ฮ่องสอน กลับทางปาย ผ่านเชียงใหม่ ลงมากรุงเทพฯ เป็นวงที่ใหญ่มาก 55 ตัวเลขในแผนที่ คือ จุดพักในแต่ละคืนจ้า


มาดูจังหวัดแม่ฮ่องสอนกัน ที่นี่เหมาะกับการ road trip เป็นอย่างมาก เพราะภูมิประเทศของแม่ฮ่องสอน เรียงตัวกันขึ้นไปเป็นแนวยาว ถ้าไปตามแพลนของเรา จะผ่านทุกอำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลย


อ.แม่สอด จ.ตาก

ก่อนจะไปแม่ฮ่องสอน เราไปทางแม่สอด เลยแวะเที่ยว ถ้ำสีฟ้า unseen in Thailand ด้านในถ้ำ ผนังถ้ำเป็นสีฟ้าจริงๆ สวยงาม ไม่มืด เพราะจะมีไฟที่ติดไว้ในถ้ำตลอดทาง


หลังจากแม่สอด เราจะขับไปยังแม่ฮ่องสอนค่ะ โดยขึ้นไปทาง อ.ท่าสองยาง ถนนดี ลาดยางตลอดเส้นเลย เป็นทางขึ้นเขา โค้งเยอะ แต่ไม่หักศอกนะ โอเคอยู่จ้า แต่ระยะทางตรงนี้ยาวไกลเหลือเกิน ขับรถชมวิวต้นไม้ไปตลอดสองข้างทางเพลินๆ อากาศดี เย็นสบาย ซึ่งถนนเส้นนี้ ได้ชื่อว่า เป็นถนนที่สวย เพราะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ตลอดทาง รถผ่านน้อยมาก จึงควรขับเวลากลางวันเท่านั้น เพราะถ้าหากรถเสีย จะได้มีคนผ่านมาช่วยเหลือเราได้


อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน

เรามาพักที่ อุทยานแห่งชาติแม่เงา (เตรียมการ) ซึ่งตั้งอยู่เขตแดนระหว่างอำเภอท่าสองยาง จ.ตาก และ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตทุกเครือข่าย เงียบสงบมากๆ และคืนนี้มีอยู่ 2 เต็นท์ถ้วนจ้า 

สถานที่กางเต็นท์ จะสามารถกางได้ริมแม่น้ำเงา แม่น้ำใสมากๆ ทริปนี้เป็นการกางเต็นท์ครั้งแรกของเรา กว่าจะเก็บเต็นท์ได้ ทุลักทุเลพอสมควร 55


จากนั้นเราแวะจุดชมวิวแม่น้ำสองสี บ้านสบเมย เป็นจุดที่แม่น้ำเงา และแม่น้ำยวมไหลมาบรรจบกัน โดยมาตัดกันสองสีจริงๆ สีที่ใสกว่า คือ แม่น้ำเงา สีที่ขุ่นกว่า คือ แม่น้ำยวม


 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

จากนั้นเราเดินทางต่อไป อ.แม่สะเรียง ที่นี่จะประดับด้วยโคมไฟล้านนาแบบนี้ทั่วทั้งอำเภอ เป็นสัญลักษณ์ว่า มาถึงแม่สะเรียงแล้วนะ เราแวะทานมื้อเที่ยงที่นี่ แต่ไม่ได้ไปพระธาตุใดๆ ในแม่สะเรียงเลย เพราะเลทมาตั้งแต่เก็บเต็นท์ และการขับรถบนเขาของคนเมืองแบบเราและแฟน ไม่สามารถทำเวลาได้ค่ะ ต๊ะต่อนยอนไปเรื่อยๆ กลัวว่าจะถึงดอยแม่อูคอเย็นเกินไป เลยตัดพระธาตุออกหมดเลย


อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน

จากแม่สะเรียง เราจะเดินทางต่อไปยัง ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม ซึ่งที่นี่คือ จุดพีคของทริปนี้ค่ะ เพราะ ทุ่งดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอ จะบานแค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งสัปดาห์ที่พีคที่สุด บาน 100% คือ สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน เราจึงแพลนมาทริปนี้ให้ตรงช่วงนี้พอดี 


ระหว่างทางก่อนถึงทุ่งดอกบัวตอง เราจะผ่านตลาดม้ง ขายของกันริม 2 ข้างทาง แนะนำเลยว่า ให้จอดซื้อสตรอเบอรี่นะคะ หวาน อร่อย และถูกมาก กล่องละ 100 บาท เราซื้อทั้งขาขึ้น และขาลงเลย อิอิ


เมื่อถึงทุ่งดอกบัวตอง คนเยอะนะ แต่ไม่ได้เยอะมาก เพราะเป็นวันธรรมดา และเราก็ได้เห็นภาพทุ่งดอกบัวตองที่บานสะพรั่งเต็มทุ่ง ไกลสุดลูกหูลูกตา ช่างสวยงามมากๆ และนี่คือสิ่งที่ได้ ดอกไม้บานเต็ม 100% จริงๆ หายเหนื่อยเลยจ้า


ดอกบัวตองบานเต็มที่ ดอกใหญ่มาก และบานเต็มทุ่งเลย อากาศช่วงบ่าย ประมาณ 20 ต้นๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ตัดกับดอกสีเหลือง สวยมากๆ ค่ะ


เรามาถึงบ่าย 3 กว่าๆ และอยู่รอจนพระอาทิตย์ตก ซึ่งบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกสวยสุดๆ ไปเลยค่ะ แสงอาทิตย์สีทองกระทบกับดอกบัวตองที่บานไปทั้งทุ่ง โอ้โห สวยมาก คุ้มค่ากับการขับรถในทริปนี้มากๆ จ้า


คืนนี้เราพักบนดอยแม่อูคอเลย เป็นสถานที่กางเต็นท์ ที่ทาง อบต. ทำขึ้นมาโดยเฉพาะในฤดูชมดอกบัวตอง มีลานกางเต็นท์ทั้งหมด 3 โซนด้วยกัน เราพักโซน 2 ซึ่งที่จอดรถอยู่ข้างลานกางเต็นท์เลย ไม่ต้องขนของไกล ห้องน้ำสะอาดมากๆ มีฝักบัวด้วย ค่าบริการพื้นที่กางเต็นท์คนละ 50 บาทเอง เดินไม่กี่ก้าว ก็เป็นทุ่งดอกบัวตองที่นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมแล้ว ถ้าใครไม่ได้นำเต็นท์มา แต่อยากนอนบนดอย ก็มีเต็นท์ให้เช่าด้วย แต่เราไม่ทราบราคาจ้า

ปล. รูปพื้นที่กางเต็นท์จาก fb องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อูคอ (ซึ่งเป็นช่วงก่อนดอกบัวตองจะบาน เลยจะยังเขียวๆ อยู่)


เนื่องจากเรานอนบนดอยแม่อูคอ ซึ่งอยู่บริเวณทุ่งดอกบัวตองเลย เช้านี้ตื่นมา เราก็เดินมาชมดอกบัวตองอีกรอบค่ะ ฟีลลิ่งต่างจากเมื่อวาน เพราะตอนเช้าคนน้อยมาก และอากาศก็เย็นมากๆ ด้วย เพียง 14 องศาเท่านั้น เหมือนอยู่กลางทุ่งดอกไม้เมืองนอกเลยล่ะ อิอิ จัดชุดหนาวๆ มาเลยจ้า แต่ไม่ต้องขนาดเสื้อโค้ทนะคะ นั่นก็เวอร์ไป


อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

ได้เวลาร่ำลาทุ่งดอกบัวตองแล้ว ก็ไปต่อที่ หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวห้วยเสือเฒ่า อ.เมืองแม่ฮ่องสอนกันต่อ ซึ่งที่นี่เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่ใกล้เมืองมากที่สุดแล้ว เดินทางสะดวก เราได้เห็นชาวกะเหรี่ยงคอยาวจริงๆ แต่เราขอไม่ลงรูปชาวกระเหรี่ยงคอยาวนะคะ เพราะไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของภาพไว้ แนะนำว่าไปเยี่ยมชมกันเอง และอุดหนุนสินค้าของชาวกะเหรี่ยงคอยาวดีกว่าค่ะ 

ชาวกะเหรี่ยงใจดีมาก ให้ยืมพร็อพถ่ายรูปด้วยนะ ซึ่งที่สวมคอ หนักมาก ก้มไม่ได้เลย 55


ช่วงบ่ายไปต่อที่ พระธาตุดอยกองมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนด้วย


หลังจากนั้นเราจะมุ่งหน้าไปปางอุ๋งกันแล้ว แต่ก่อนถึงปางอุ๋ง จะผ่านสะพานซูตองเป้ ซึ่งเป็นสะพานไม้ไผ่ข้ามทุ่งนาเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านกุงไม้สัก และสวนธรรมภูสมะ ซึ่งลานจอดรถจะอยู่ฝั่งหมู่บ้าน แล้วเดินข้ามสะพานไปยังวัดได้เลยค่ะ ถ้ามาตอนเช้าจะมีพระสงฆ์เดินบิณฑบาตรด้วย


จากนั้นก็ได้เวลาขับรถไปปางอุ๋งแล้ว ปางอุ๋ง หรือชื่อเต็มๆ คือ อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน นั่นคือ ถ้ำปลา น้ำตกผาเสื่อ และปางอุ๋ง เราตั้งใจกางเต็นท์นอนในปางอุ๋ง ซึ่งเป็นภาพจำที่เห็นมาตั้งนานแล้ว และชอบมาก คิดว่าสักวันต้องมาให้ได้ เลยต้องทำตามความตั้งใจสักหน่อย ถ้าใครไม่อยากกางเต็นท์ ก็มีโฮมสเตย์อยู่ด้านหน้านะคะ แต่ฟีลลิ่งมันไม่เหมือนกับกางเต็นท์ริมน้ำ ซึ่งจุดกางเต็นท์ เราต้องขับรถผ่านด่านตรวจเข้าอุทยานก่อน แล้วเข้ามากางเต็นท์ตรงป่าสนค่ะ


หลังจากได้ที่กางเต็นท์แล้ว ก็ออกไปเดินเล่นตรงโฮมสเตย์ มีของขายเต็มไปหมด พอถึงเวลาอาหารเย็น เราเดินกลับมาตรงลานกางเต็นท์ จะมีขายหมูกระทะจ้า ซึ่งแม่ค้าปูเสื่อ ตั้งเตาให้พร้อมเลย มากัน 2 คน เราจัดไป 2 ชุด ^^ อากาศเย็นๆ หนาวๆ แบบนี้ ช่างเข้ากันสุดๆ

ฤดูนี้ คนเยอะมาก คึกคักมากจ้า เป็นคืนวันเสาร์พอดีด้วย อากาศ 17 องศา รีบนอนดีกว่า จะได้รีบตื่นมารอช่วงเวลาสำคัญของปางอุ๋ง นั่นคือ ตอนเช้าค่ะ

ช่วงเวลาที่หมอกบางๆ ค่อยๆ ลอยขึ้นจากน้ำ ดูโรแมนติกสุดๆ ยากจะบรรยาย อยากให้ไปเห็นด้วยตาจริงๆ บอกเลย ต้องไปนอนค้าง เพื่อตื่นมาให้ทันตอนเช้านะคะ 


มีนั่งแพไม้ไผ่ด้วยนะ แต่เราไม่ได้นั่ง ถ่ายจากบนฝั่งลงไป ได้ภาพแบบนี้สวยมาก ชอบ


พอแดดเริ่มออก ก็ยังสวยค่ะ สวยทุกมุมจริงๆ ปางอุ๋ง


และพระเอกนางเอกของปางอุ๋ง นั่นคือ หงส์ดำ และหงส์ขาวจ้า เราไม่เจอหงส์ดำ แอบเสียใจนิดนึง 55


เต็มอิ่มกับปางอุ๋งแล้ว ตอนสายๆ เราไปที่ หมู่บ้านรักไทย ต่อค่ะ ขับรถจากปางอุ๋งไปต่อแค่ 30 นาที ไปเดินเล่น ถ่ายรูปที่ ลีไวน์ รักไทยรีสอร์ท (แม้จะไม่ได้พักที่นี่ ก็สามารถไปถ่ายรูปและทานอาหารได้นะ)


เป็นคนเก็บชาสักหน่อย ให้เข้ากับบรรยากาศ


มุมตรงร้านกาแฟ และล่องเรือ


ถ้าตอนเช้าๆ ก็จะมีหมอกขึ้นจากน้ำเช่นเดียวกับปางอุ๋ง แต่เราจะพัก อ.เมือง แค่คืนเดียว เลยต้องเลือก เราอยากนอนเต็นท์ที่ปางอุ๋งมากกว่า และถ้ามาบ้านรักไทยตอนสาย จะได้ทานมื้อเที่ยงที่นี่ต่อเลย อาหารยูนนานขึ้นชื่อที่ต้องทาน ขาหมูหมั่นโถว อร่อยมากจ้า มีชาจีนให้ด้วยนะ


อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน

หลังจากอิ่มที่บ้านรักไทยแล้ว เราไปต่อที่หมู่บ้านจ่าโบ่ อ.ปางมะผ้า ซึ่งเป็นชุมชนชาวเขาเผ่า ลาหู่ หรือมูเซอ เราพักโฮมสเตย์ผู้ใหญ่ บ้านจ่าโบ่ คนละ 500 บาทรวมอาหารเย็น ซึ่งที่นี่เต็มไวมาก ต้องจองเนิ่นๆ ซึ่งหลังที่เราได้ วิวดีมากค่ะ นั่งรอชมพระอาทิตย์ตกดิน ฟินสุดๆ แล้วทางโฮมสเตย์ก็จะนำอาหารเย็นมาเสิร์ฟให้ระเบียงหน้าห้องเลย ข้าว 1 โถ กับข้าว 3 อย่าง เติมได้ด้วยนะ เราเติมกับข้าวทั้ง 3 อย่างเลย อร่อย ^^ และเราก็ไปเดินเล่นในหมู่บ้านต่อเพื่อชมวิถีชีวิตชาวเขาที่นี่ บรรยากาศชิวๆ และซื้อของกินเพิ่มอีกจ้า ^^


ตอนเช้า รีบตื่นมาดูทะเลหมอกกัน วันนี้หมอกไม่เยอะมาก แต่ก็ยังมีหมอกให้เห็นอยู่ 


จากนั้น ก็ มุมมหาชนของบ้านจ่าโบ่ ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา จ้า ร้านเปิดปุ๊บ คนเยอะปั๊บ กินไปชมทะเลหมอกไป ดีงาม


อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

สายวันนี้ เราไปต่อที่ อ.ปาย แวะ หมู่บ้านสันติชล ก่อนเลย เป็นหมู่บ้านสไตล์จีนยูนนาน มีให้เช่าชุดจีนยูนนานถ่ายรูปด้วยนะ เข้ากับสถานที่ดี แต่เราขอแต่งตัวปกติดีกว่า วันนี้แดดแรงมาก ให้แต่งชุดจีน อาจจะเป็นลมได้ 55


ที่นี่มีขาหมูหมั่นโถวด้วยจ้า แต่เราเพิ่งทานจากบ้านรักไทยมา เราเลยลองหมั่นโถวทอดจิ้มนมข้นไป แต่เราว่ารสชาติยังเฉยๆ เลยตัดสินใจไปทานมื้อเที่ยงที่ ร้านอาหารน้องเบียร์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับถนนคนเดินปาย เมนู ข้าวซอยเนื้อ อร่อยมากๆๆๆ เข้มข้นสุดๆ เนื้อก็นุ่ม ไม่เหนียว 


แวะ สะพานประวัติศาสตร์ปาย ซะหน่อย เดี๋ยวหาว่ามาไม่ถึง 555


คืนนี้เราพักกันที่ Pai Country Hut ค่ะ ที่พักน่ารักนะ เป็นบ้านเป็นหลังๆ มีโต๊ะ เก้าอี้ เปลนอนหน้าห้องทุกห้องเลย และพื้นที่ตรงกลางเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ ที่นี่สามารถเดินไปถนนคนเดินได้เลย มื้อเย็นเราเลยเดินไปถนนคนเดินปาย สนุกมาก ของกินเยอะมาก ซื้อมาเต็มไม้เต็มมือ มานั่งกินที่หน้าห้องพักจ้า

รูปจาก Booking.com

สิ้นสุดทริปแม่ฮ่องสอนแล้ว เราเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยขับรถไปทางเชียงใหม่ แวะนอน อ.เมือง ตาก อีก 1 คืนก่อนด้วย

แม่ฮ่องสอนสวยจริงๆ นะ ได้ชื่นชมธรรมชาติอันงดงาม พร้อมๆ กับวิถีชีวิตของชาวบ้านท่ามกลางสายหมอกในต้นฤดูหนาวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน คุ้มค่ากับการเดินทางจริงๆ ค่ะ

Travelholic

 วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 12.29 น.

ความคิดเห็น