สำหรับสายป่า สายTrekking คงไม่มีใครไม่รู้จักเส้นทาง Trekking ยอดฮิตที่เนปาลอย่างเช่น เส้นABC หรือชื่อเรียกเต็มๆอย่างเทห์ว่า Annapurna Base Camp เราเองก็หวังจะได้ไปเยือน ไปได้สัมผัสความงามด้วยตาตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต 

จองตั๋ว หาข้อมูลการเข้าประเทศ เส้นทางการเดิน ...... 

การจองตั๋ว .......

หลังโบนัสออก เราก็มองหาตั๋วราคาดีๆสักใบ จนได้ราคาถูกที่สุดในตอนนั้นคือของ thai lion air เดือนมีนาคม ราคา 8 พันกว่าบาทบินตรงจาก ดอนเมืองสู่กาตมันดุ ประเทศเนปาล ซึ่งเราได้ซื้อน้ำหนักเพิ่มไปกลับอีก20โล กับประกันการเดินทาง ประกันชีวิตตอนซื้อตั๋วเลย รวมๆแล้วยอดตั๋วอยู่ที่12,000 บาท 


การขอวีซ่า.......

หลังจากได้ตั๋วมาแล้ว ก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าประเทศเนปาล ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แล้วจะไปเดินะทรคกิ้งต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง  ซึ่งปัจจุบันการเดินทางเข้าเนปาล ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มอะไรมากมาย ใช้แค่วีซ่า สามารถไปยื่นขอที่ สถานฑูตเนปาลประจำประเทศไทย แถวคลองตัน หรือจะไปขอเอาที่หน้างาน ตรงสนามบินที่กาตมันดุ เลยก็ได้ยื่นแบบฟอร์ม แต่เราขี้เกียจไปทำให้สนามบิน เพราะกลัวคนจะเยอะจะนาน เลยขอวีซ่าจากที่ไทยไปเลย ใช้เวลาในการรอวีซ่าประมาน 1-2 วัน

เอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่า

1.แบบฟอร์มขอซีซ่า ไปกรอกข้อมูลแล้วปริ้นออกมา ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ 

(ในการกรอกข้อมูล ต้องใช้ไฟล์รูปถ่ายด้วยนะ) ลิงค์กรอกข้อมูลด้านล่าง

https://nepaliport.immigration...

2.พาสปอรท์ตัวจริง

3.ชำระเงิน 

เราก็จะได้วีซ่าในการเข้าประเทศเนปาลเรียบร้อย แต่เรายังไม่สามารถดุ่มๆขึ้นไปเดินเขาได้เลยนะ 


การขอใบอนุญาติเดินเขา ใบPermit......

เราต้องไปขอใบอนุญาติเดินเขาด้วย หรือเรียกว่าใบPermit ซึ่งเราขอใบอนุญาติเดินเขาได้ 2 ที่คือ ที่

1.nepal tourism board ที่กาตมันดุ 

2.nepal tourism board ที่โปขระ 

เอกสารที่ใช้ในการขอ Permit สำหรับเดินเขา

1.เดินเข้าไป เค้าจะให้เรากรอกแบบฟอร์มในการขอเดินป่า ในนั่นจะบอกว่า เราจะไปเดินเส้นไหน ขึ้นจุดไหน ลงจุดไหน ไปกี่วัน และที่สำคัญที่สุดคือประกันการเดินทาง ต้องใส่เลขของประกันการเดินทางด้วย

2.พาสปอรท์ตัวจริง

3.รูปถ่าย 1 นิ้ว 2 ใบ 

ใช้เวลาไม่นานประมาน 20 นาที เราก็จะได้ใบ Permit มา ใบอนุญาติจะมี 2 แผ่น คือ ACAP กับ TIMS จากนี้ก็สามารถขึ้นไปเดินเขาได้แล้ว 


หาข้อมูลเส้นทางในการTrekking .......

ที่ประเทศเนปาลมีเส้นทาง Trekking  หลายสิบเส้นทาง เลือกที่อยากจะไปให้เลย อยากไปตรงไหน จุดไหน ก็แล้วแต่ที่เราอยากจะไป โดยมีตั้งแต่เส้นระดับง่าย เดิน3-4 วัน จนแบบยากหน่อย 10-15 วัน  หรือจะมัดรวมเส้นนู้นเส้นนี้เข้าด้วยกัน ก็ได้ 

โดยเส้นที่เรานั้นอยากจะไปเดินTrekking ในทริปนี้ ก็คือ เส้น annapurna basecamp กับ mardihimal basecamp ซึ่งสองเส้นนี้อยู่ติดกัน จะไป โดยแพลนเส้นทางของเราทั้ง 17 วันนั้นก็ตามนี้เลยจ้า ลอกไปได้เลย 

Day1 BKK>KTM
DAY2 KTM>Pokhara
DAY3 Pokhara>Nayapul>Birethanti>Syauli Bazar
DAY4 Syauli Bazar>Kimche>Ghandruk>Komrong Dada
DAY5 Komrong Dada>Kimrung>Chhomrong
DAY6 Chhomrong>Sinuwa>Bamboo>Dovan
DAY 7 Dovan>Himalayan>Deurali>MBC
DAY 8 MBC>ABC
DAY 9 ABC>MBC>Deurali>Himalayan>Dovan
DAY 10 Dovan>Bamboo>Sinuwa>Chhomrong
DAY 11 Chhomrong>Jhinu Danda>New Bridge>Landruk
DAY 12 Landruk>Forest Camp>Low Camp
DAY 13 Low Camp>Badal Danda>Mardi himal Base Camp
DAY 14 Badal Danda>Low Camp>Sidhing>Pokhara
DAY 15 Pokhara>Kathmandu
DAY 16 Thamel Chill DAY
DAY 17 Kathmandu>DMK


น้ำๆมาเยอะแล้ว งั้นเราเข้าเนื้อเลยดีกว่า

ป่ะ!! ไปเดิน Trekking ไปพร้อมกับเราได้เลย Let's go

DAY 1 BKK>KTM

เราบินด้วยสารการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ ค่าตั๋วไป-กลับรวมน้ำหนักกระเป่า20โลและประกันการเดินทางประกันชีวิต อยู่ที่คนละ 12,000 บาท ขึ้นที่ดอนเมืองบินตรงไปยังกาฐมาณดุ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง มีอาหารว่างและน้ำมาเสริฟ 1 ครั้ง โดยตอนแรกจองไว้ไฟลท์เช้าแต่โดนเลื่อนมาเป็นไฟลท์บ่ายแทน 

ใบฟ้า น้ำหนักก่อนขึ้นชก 15 กิโล 

น้องใบเทา น้ำหนักก่อนขึ้นชก 12 กิโลกรัม

ใช้เวลาในการเดินทางประมาน 4 ชั่วโมง เราก็มาถึงเมือง กาตมันดุ โดยรอบแรกเครื่องบินไม่สามารถจอดลงได้เนื่องจากมีลมแรง เสียววาบเลย ในใจคือท่องมะโมพุธโธแล้ว พอครั้งที่สองลงจอดได้ก็เฮ ปรบมือให้คนขับกันทั้งลำ

จากสนามบิน เข้าต.ม.แปปเดียว เพราะเราทำวีซ่ามาแล้วตั้งแต่ประเทศไทย แล้วก็เดินไปที่ตู้ATM กดเงินรูเปีย ออกมาก็นั่งแท๊กซี่ไปยัง ที่พักย่านทาเมล พวกค่าใช้จ่ายต่างๆในทริปนี้จะสรุปไว้ทีเดียวตอนท้ายรีวิวเลยนะ จดไว้อย่างละเอียดเลย 

อากาศหนาวมาก นี้แค่ตัวเมือง ประมาณ 15 องศาได้

คืนแรกเราพักกันที่ โรงแรม Grand Yak Boutique Hotel หากันสดๆร้อนๆเลย ราคา 2,800 รูเปีย สะอาด เตียงนุ่ม แอร์เย็น แต่ห้องน้ำไม่มีน้ำอุ่น และมีนกมาเกาะที่หน้าต่างเสียงดังทั้งคืน 555 เข้าที่พัก เก็บของ ออกมาเดินหาอะไรกิน เพราะทั้งวันยังไม่ได้กินข้าวเลย 

เดินออกมาไม่ไกลจากที่พัก ก็เจอกับร้านอาหารจีน อยู่ในซอย 

ย่านทาเมล เป็นย่านที่ครึกครื่น มีของ อุปกรณ์เดินป่าขายเยอะมาก ราคาถูก  มีครบทุกอย่าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของเทียบแท้ แต่คุณภาพก็แล้วแต่ตาดีได้ตาร้ายเสีย ตามราคา ซึ่งหลังจากเราทานข้าวเสร็จ ก็เดินหาซื้อแก๊สซาลาเปา เพราะเราแบกหม้อมาด้วย เพื่อต้มมาม่า โกโก้ กาแฟ น้ำขิงน้ำชาไว้กินยามเช้าๆ


DAY 2 KTM>Pokhara

ตื่น6 โมงเช้า เพื่อจะไปที่ Tourist Bus Stop แถวทาเมล ตอนแรกกะว่าจะเดินไป แต่แท๊กซี่ตือและ+กับเราไม่เคยมา กลัวไปหลงขึ้นรถผิดที่ และเราก็ไม่ได้จองตั๋ว Tourist Bus ไว้ นางเลยอาสาไปส่งด้วยค่ารถ 400 รูเปีย พร้อมจองตั๋วรถบัสให้เราด้วย ในราคาคนละ 1,200 รูเปีย พอถึงก็ยกของเก็บหลังรถแล้วก็ขึ้นไปนั่งได้เลย รถจะออกแค่รอบเดียวนะ ถ้าเป็น Tourist Bus คือรอบ 7 โมงเช้า และออกตรงเวลาด้วย

นั่งออกจากเมืองมาได้ไม่นานมากนัก ก็แวะจอดให้เราได้หาอะไรทานช่วงเช้า

ช่วงเที่ยง ก็จอดแวะให้พัก ทานอาหาร

ใครจะทานก็ทาน ไม่ทานก็นั่งรถที่รถได้ พักประมาน 30 นาที จุดพักทานอาหารส่วนใหญ่จะเป็นบุฟเฟ่ ราคาคิดต่อหัว คนละ 400 รูเปีย ไม่อิ่มก็มาตัดเพิ่มได้ตลอด 

เรามาถึง เมืองโปขระ ตอน 4 โมง 20 เลยเดินไปที่  nepal tourism board เพื่อจะขอทำใบpermit แต่ก้ไม่ทัน เค้าปิดไปแล้ว ที่นี่ปิดกันไวจริงๆ ก็เลยเรียกรถไปที่พัก แถวทะเลสาบ Phewa lake

เก้บกระเป๋า อะไรเสร็จ เราก็ออกมาช๊อปปิ้ง ซื้อของที่ยังขาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าบัฟ กระป๋องแก๊ส หมวกไหมพรม ยาไดมอก บลาๆ

Kaemp 8848 เป็นแบรนด์เสื้อผ้า ของเนปาล เราก็เข้าไปจัดกางเกงเดินป่ากันมาคนละตั๋ว ขอบอกว่า ของแบรนด์นี้ใช้งานได้จริง ใช้เกือบตลอดทั้งทริป

SHERPA adventure gear เป็นอีกร้านที่เรา เข้าไปจัด ผ้าบัฟสุดเท่ห์ หมวกลายmachapuchare แต่ของที่นี่น้อย ไปซื้อที่สาขา ทาเมล ดีกว่าของเยอะมาก มีตั้งแต่กระเป๋า เสื้อ ถุงเท้า รองเท้า ของแท้หลากหลายแบรนด์

ขอลาค่ำคืนนี้ ไปด้วย อาหารจีนอีกแย้วววววว


DAY 3 Pokhara>Nayapul>Birethanti>Syauli Bazar

9 โมง ออกจากโรงแรม ก็ได้รถลุง พาไปส่งที่ Nepal Tourism Board เพื่อที่จะไปขอทำ Permit คุยไปคุยมาตอนแรกกะให้มาส่งที่เดียว แต่แกถามว่าจะไปไหนต่อ เลยบอกแกว่า เด๋วทำPermit เสร้จก็จะนั่งรถไป ท่ารถบัส แล้วก็นั่งรถบัสไป Nayapul นางเลยบอกว่า งั้นให้ฉันไปส่งไหมเหมาราคาเลย 3000 รูปี ประมาน800 กว่าบาท ซึ่งดูจากเส้นทางแล้วก็ไกลอยู่พอสมควร ขี้เกียจต่อรถหลายๆต่อแล้วด้วย เลยตกลงกับแกไป แกก็นั่งรอเราทำ Permit จนเสร็จ ใช้เวลาประมาน 30 นาที

ปล.ให้เดินเข้าไปกรอกเอกสารด้านในเลย
ปลที่2.หลัง1เมษายน 2566 เราไม่สามารถไปขอใบ Permit เองได้แล้ว ต้องให้บริษัททัวร์ขอใบ Permit ให้ 

ค่าใช้จ่ายในการขอ Permit คนละ 3000 รูปี เราจะได้ใบ ACAP กับ TIMS มา
เอกสารที่ใช้ ก็มี รูปถ่าย 2 ใบ กรอบแบบฟอร์ม (ต้องใส่เลขประกันการเดินทางด้วย) และก็เงิน 3,000 NPR

จากตัวเมืองโปขระ ไปยังเมืองNayapul  จุดเริ่มเดินนั่นคือ Nayapul Treeking Starting Point ประมาณ 1 ชั่วโมง บางช่วงเป็นทางดิน หลุมบ่อ แล้วก็ไต่เขาผ่านหลายสิบหมู่บ้าน อย่างไกล จนเราเริ่มคิดในใจว่า ราคาที่ลุงบอกถูกต้องแล้วใช้ไหม ไม่ใช่ว่าเราไปฟังผิด 

เที่ยง เราก็มาถึงยังเมือง Nayapul แล้วก็บอกลาลุง 

สนใจใช้บริการลุง ก็ติดต่อได้ตามนี้เลย ลุงเค้าเฟรนลี้และน่ารัก 

เรามาถึงเมือง Nayapul ช่วงเที่ยงๆ ก็จัดข้าวของ เริ่มออก start เดินกันเลย นี้คือครั้งแรกของการมาเดินเทรคกิ้งและต้องแบกกระเป๋าเองของเราเอง จะรอดไม่รอด โดยของที่ช๊อปปิ้งเพิ่มเข้าไปกับขนม น้ำเปล่าที่ต้องใส่ขวดสต๊อกไว้ในกระเป๋าตลอด ทำให้น้องเทาอัพสกิลไป 15โล+

แซ๊ะ!! ถ่ายเซลฟี่กับป้าย Annapurna conservation area สะหน่อย โดยเส้นที่เราจะเดินคือ ABC+Mardi himal B.C. ก็อยู่ในส่วนหนึ่งของ Annapurna conservation area

จาก Nayapul เดินมาประมาน 30 นาที เราก็มาถึง Birethanti ตรงนี้จะมีจุด check point ให้เราเข้าไป check point กันด้วยนะจ๊ะ สำหรับคนที่จะไป poon hill ก็เลี้ยงซ้ายเดินขึ้นเขาไปได้เลยค่ะ สำหรับเรานั่น ตัด poon hill ออกไป ก็ให้เลี้ยวขวาไปทาง Ghandruk

จาก Birethanti จนถึง Syauli Bazar จะเป้นทางถนน เดินเลียบไปเรื่อยๆ ถามว่าไกลไหม ไกลมาก

เดินตั้งแต่เที่ยง ยังไม่ได้กินข้าวเลย

แล้วเราก็มาถึง Syauli Bazar เมืองนี้ ที่พักน้อย มีอยู่ไม่กี่แห่ง ทำไมนะหรือ เพราะว่าเค้าไม่เดินกันไงละ มีแต่เรานี้แหละที่เดินมาจาก Nayapul แล้วเค้าไปเดินตรงไหนกัน ก็คิดอยู่ในใจแต่ก็ยังไม่รู้คำตอบ

เริ่มต้นเดินวันแรกแบบไม่จัดหนักมาก เพราะเราต้องปรับตัวกับน้ำหนักกระเป๋า 

กู๊ดไนท์ 


DAY 4 Syauli Bazar>Kimche>Ghandruk>Komrong Dada

วิวเจ้าหางปลาหน้าห้องพัก 

แปดโมงเริ่มออกเดิน

จากSyauli Bazar ไปยัง Ghandruk จะเป็นเส้นทาง บันไดและก็เส้นถนน สลับๆกัน วันนี้ขึ้นล้วนๆ

ช่วงเช้าแดดออก ฟ้าโปร่ง มองเห็นยอดเขาชัดเจน

รองเท้า เป็นอีก1 สิ่งที่สำคัญมาก ถึงมากที่สุด เพราะเราจะต้องใส่มันเดินทุกวันตั้งแต่เช้ายันเย็น 10-20 กิโล แนะนำจริงๆว่าควรจะเป็นรองเท้าเทรคกิ้งแบบฝั่งซ้าย ส่วนขวานั่นใช้มา4ปีแล้ว ซ่อมแล้วซ่อมอีก แปะแล้วแปะอีก ไม่รู้ว่าทริปนี้จะรอดไหม

แล้วเราก็มาถึง KIMCHE

คงต้องบอกว่า Coke ที่ประเทศเนปาล คือซ่า ไส้ขาดมาก

ฮั่นแน่ ก็ว่าทำไมไม่เจอคนเดินกันเลยว่ะ มันมีรถขึ้นมาได้ถึง Ghandruk Bus Park นี้เอง มีรถบัสด้วยนะ มาจาก nayapul ทำให้เราเสียเวลาไปเลย 2 วัน แต่ก็นะ คิดซะว่าเราเดินตามเพลนที่เราวางไว้ละกัน ใครที่อยากจะโชว์ความเหนือ ก็มาเดินจากnayapul เหมือนเราได้ 

จากนี้ไปเราเท่าเทียมกันแล้ว เริ่มเห็นนักท่องเที่ยว ที่มาเดิน เพราะจากตรงนี้รถไม่สามารถวิ่งขึ้นได้แล้ว

หิวข้าวแย้วนะ

ช่วงบ่าย เราก็มาถึง เมือง Ghandruk ความสูง 1,940 ที่นี่เป็นเมืองใหญ่ มีที่พักมากมายมหาศาล เราแวะพัก ทานข้าวเที่ยง ประมาณ 1 ชั่วโมง

มื้อเที่ยงของเรา

มาเดินที่นี่อย่าลืมพกขนมมาแจกน้องๆระหว่างทางกันด้วยนะคะ น้องๆน่ารัก

บ่ายสองเริ่มออกเดินทางต่อจาก Ghandruk ไปยัง Komrong Dada

มีความเป็นเกาหลีนิดๆ เดินๆนี้แอบหวั่นว่าซอมบี้จะออกมา

ก่อนถึง Komrong Dada ฝนก็ตกลงมา จนต้องมาหลบฝน แล้วได้เจอกับน้องงง หยิบขนมออกมาสิคะ รอไร :)

เราถึง Komrong Dada ที่ความสูง 2,100 ประมาน 5 โมงเย็น เส้นทางคือเดินขึ้นเขาสลับบันได แล้วก็หาที่พัก ที่นี่มีที่พักอยู่ประมาน 2-5 ยังมีไฟ และวายฟายให้เล่น

จุดนี้คือเริ่มหนาวแบบจริงจัง คือต้องใส่เสื้อฮีทเทกแล้วด้านใน

แล้วพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไป พร้อมกับอากาศที่หนาวเย็นระดับเลขตัวเดียว


DAY 5 Komrong Dada>Kimrung>Chhomrong

มอนิ่ง เช้าการเดินเทรคกิ้ง วันที่ 3 ที่ Komrong Dada วิวที่นี้สวยมาก ปกติทัวร์เค้าไม่พามาเดินเส้นนี้ฝั่งนี้กันแล้ว เค้าจะเริ่มเดินกันฝั่ง Jhinu Danda แล้วก็ตัดขึ้น Chhomrong เลย แต่เราไม่รู้ไงงงงงงงงง

ถ่ายรูปคู่หน่อย อุสาห์แบกขาตั้งกล้องมาตั้ง3-4 โล ถ้าไปเปลี่ยนเป็นขนม มาม่านี้อิ่มไปได้หลายวัน

ฉันเกลียดหมวกเทอมาก อีหงอนไก่

ลุงเจ้าของที่พัก แอบสงสารแกนะ เพราะคนไม่ได้ค่อยมาเดินเส้นทางนี้แล้ว ที่พักก็เงียบเหงา แกทำอาหารอร่อย และค่าไวฟาย ก็ให้เล่นฟรีอีกต่างหาก

จาก Komrong Dada ก็เดินลงเขายาวๆ และข้ามแม่น้ำไปยัง Kimrung จริงๆถ้ามีเวลา ก็ลงมานอนที่ Kimrung ใช้เวลาเดินลงมาประมาณ 50 นาที มีน้ำลำธารให้มานั่งเล่นชิวได้ แต่ก็จะได้วิวตอนเช้าคนละแบบ

ใบฟ้า อัพสกิลจาก 15โล เป็น 20โล เพิ่มความแข็งแกร่งของแก๊สไป 2 กระป๋อง เสื้อ กางเกง น้ำเปล่า แต่เดินไปก็เริ่มชินกับน้ำหนักที่แบกมากขึ้น

หลังจากที่เราเดินลงเขามาจาก Komrong Dada แบบลงสุดตีนเขา เราก็ต้องเดินเข้าขึ้นใหม่อีกลูกแบบเดินขึ้นยอดเขา เพื่อจะไป Chhomrong อะไรว่ะเนี่ย

หมดเวลาไปทั้งวันกับเขาสองลูกนี้ เดินขึ้นเดินลง เห็นหลังคาฟ้าๆนั่นไหม นั่นแหละห่ะ Chhomrong

เราเดินมาจาก Komrong Dada ตั้งแต่ 8 จนถึง Chhomrong ตอน 3 โมงเย็น กว่าจะได้พักทานข้าว

ตอนแรกที่คิดว่าถึง Chhomrong แล้วนั่นคือ มันเป็นปลายๆChhomrong หมู่บ้านจริงๆต้องเดินไปอีกประมาน 200 เมต แล้วเราก็มาถึง เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่และเจริญมาก สูง 2,140 ม มีที่พักมากมาย เบเกอรรี่ คาเฟ่ 

เราว่าจะขอเดินต่อไปอีกสักหน่อย จะยังไม่นอนที่นี่

ตรง Chhomrong จะมีจุด check point อย่าลืมเข้าไป check point ทั้งขาขึ้นและขาลงกันด้วยนะ เขาจะได้รู้ว่าเราเดินทางกันไปถึงไหนแล้ว เผื่อหายไปจะได้ตามถูก

ทีแรกกว่าจะเดินไปต่ออีกสักหน่อย ไปที่ Sinuwa แต่ฝนตกลงหนัก เลยต้องหลบฝน และก็มองหน้ากัน พร้อมพูดออกมาว่า "เรานอนที่นี่กันเลยไหม " นั่นแหละห่ะ วิวช่วงพระอาทิตย์ตกที่ Chhomrong


DAY6 Chhomrong>Sinuwa>Bamboo>Dovan

สวัสดี เช้าวันที่4 ของการเดิน Trekking
หลังจากเมื่อคืนฝนตกตลอดทั้งคืน ทำให้เช้านี้สดใส แจ่มแจ่วเลย

วิวจากห้องพัก

มีคนมาขอกินขนม

8 โมง startออกเดิน 

มุ่งหน้าสู่ Sinuwa แต่เด๋วก่อน มองขึ้นไปเจอแต่ทางขึ้นและก็บันไดทั้งนั่นเลยนะ

นั่งพัก กินอาหารเช้าที่ Sinuwa

จากSinuwa ก็เดินขึ้นรัวๆ รัวๆจนท้อ 

เห็น Upper sinuwa แต่ไกล เดี่ยวเราจะพักทานอาหารกันก่อนที่นั่น

ออกเดินทางกันต่อ 

จากUpper sinuwa ก็เริ่มเดินเข้าสู่เส้นเลียบป่า แบบนี้ไปเรื่อย ชันบ้างเล็กน้อย 

พอถึงประมาณเกือบยอดเขาเสร็จ แล้วก็ลงบันไดรัวๆอีกรอบไปยัง Bamboo 

เราเดินมาถึงBamboo ตอนประมาน 3 โมงครึ่ง ก็นั่งพักแล้วก็ถามคนเจ้าของที่พักว่ามีห้องพักไหม เราก็กะกว่าจะนอนที่นี่เลย แต่ก็หันไปเจอป้าย Map มันบอกว่าเดินจากนี้ไป Dovan อีกแค่ชั่วโมงเดียว และความสูงก็ไม่ห่างกันมาก นั่นแสดงว่า เราไม่ต้องปีนขึ้นเขาโหดๆอีก ก็เลยหันมามองหน้ากันอีกรอบ "เราไปนอนที่ Dovan กันไหม" ก็เลยตัดสินใจออกเดินทางกันต่อ 

4 โมงเราออกเดินจาก Bamboo แล้วก็มาถึง Dovan แบบไม่เหนื่อยมากนักตามที่คาดไว้ ตอน 5 โมง ก็เดินถามที่พัก วิธีเลือกที่พักสไตย์เราง่ายๆคือ ดูห้องว่ากั้นด้วยอะไร เพราะถ้ากั้นด้วยอิฐจะเก็บเสียงถ้ากั้นด้วยแผ่นไม้คือไม่เก็บเสียงใด กลางคืนมีเสือคำรามแน่นอน คนพักเยอะไหม เพราะถ้าคนพักเยอะ สั่งอาหารแต่ละทีก็รอเลย 1-2 ชั่วโมง ส่วนเรื่องราคาห้องพัก ก็ไม่หนีกันในแต่ละแห่ง ส่วนนี้ไม่โฟกัสเลย

หมดสภาพ

ผ่าน Dovan ก็จะเจอกันน้องงงง น้องโดนผูกสายไว้ สงสัยกลัวจะป่วนหรือหนีเที่ยวเดินตามนักท่องเที่ยวแน่ๆ น่าสงสาร แต่น้องนิสัยน่ารัก ขี้เล่น เราก็เลยให้ขนมน้อง ที่แบกมาจากไทยไปชุดใหญ่จนเกือบหมดถุง

หมอกลงหนาจัด หนาวจับใจ คืนนี้ นอนกันด้วยอุณหภูมิติดลบ 

ฝันดี 


DAY 7 Dovan>Himalayan>Deurali>MBC

มอนิ่ง อากาศยามเช้า ฟ้าโล่ง โปร่ง แจ่มใส เสมอ

วันที่ 5 ของการ Trekking 8 โมง เราเริ่มเดินออกจาก Dovan ไปยังจุดหมายต่อไปก็คือ The Himalayan

ในช่วงแรก เดินไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อยๆ มีบันไดสลับทางเนิน ผ่านมาสักพักก็จะเจอกับน้ำตกขนาดใหญ่

เหมือนว่ากำลังปรับปรุงเป็นวัด มีธงมนต์ติดรอบต้นใม้แถวนี้

หลังจากผ่านจุดน้ำตกใหญ่เท่านั่นแหละ บันไดล้วนๆไม่มีอะไรผสม ยาวจนถึง himalaya

วิวตอนฟ้ายังเปิดที่ himalayan

เราถึง The Himalayan ช่วง 11 โมง สั่งอาหารกับนมร้อน และก็นั่งต้มมาม่ากิน อยากของแซ่บ

เที่ยงๆเราก็ออกเดินทางกันต่อ เริ่มมีฝนตกลงมาแบบบางๆเลยหยิบ raincover มาใส่

จาก The Himalayan จุดมุ่งหมายต่อไปก็คือ หมู่บ้าน Deurali เป็นการไต่ระดับความสูงที่เฉียบฉลันมาก หมายความได้ว่า เป็นการเดินที่ทั้งชันและขึ้นแบบยาวๆ ทั้งฝน ทั้งหมอกมาเต็ม จนมองไม่เห็นทาง ไม่เห็นหมู่บ้านข้างหน้า

เดินไป ก็หันมาถามไปว่า ไกล้ถึงยัง เดินมานานหรือยัง คือฉันจะรู้ไหม ไม่เคยมาเหมือนกัน แต่ก็ตอบไปว่า ไกล้ถึงแล้วแหละ เราเดินมานานมากแล้ว ตามเวลามันก็ควรจะถึงแล้ว การที่เราเดินแบบมองไม่เห็นทางข้างหน้า มันบันทอนกำลังในการเดินของเรามากๆ

Deurali สูงจากระดับน้ำทะเล 3,230 ม กว่าเราจะมาถึง ก็เล่นไปบ่าย 2 ครี่ง บนนี้คือหนาวมาก และฝนเริ่มตกหนักแล้ว เราจึงแวะพักทานอาหารกัน และดูว่าควรไปต่อไหม หรือควรนอนที่นี่ดี
และนี้คือการตัดสินใจที่พลาดที่สุดเท่าที่เคยตัดสินใจอะไรๆหลายอยากในชีวิต

3 โมงกว่า เราตัดสินใจ เดินทางออกจากหมู่บ้าน Deurali หนังจากที่ เจ้าของที่พักและนักท่องเที่ยวที่เดินลงมาจาก ABC เตือนว่า ไม่ควรขึ้นไปแล้ว สภาพอากาศคือไม่ได้แล้ว เลวร้ายมาก ซึ่งเราดูในตารางโบว์ชัวร์ของเจ้าหน้าที่ ในนั่นบอกกว่า ใช้เวลาเดินไป 2 ชั่วโมง แต่เราแบกของด้วยเลยคิดว่า เราน่าจะถึงประมาน 5โมงถึง5โมงครึ่ง

ฝนยังคงตกหนักมากอยู่เรื่อยๆ จนเวลาผ่าน1 ชั่วโมง ก็เปลี่อนเป็นหิมะตก ตกแบบถล่มหนักมาก จากที่หมอกบังไม่ห็นอะไรแล้ว ตอนนี้กลายเป็นเราเริ่มมองไม่เห็นทางเดินต่อไป ทำให้เราหลงทางไป1 ครั้ง ดีที่ไหวตัวทัน ใช้ทุกวิชาที่ร่ำเรียนมา หนังที่เคยดู ในการแกะรอยเพื่อจะต่อ จนเริ่มถึงจุดที่ต้องเดินปีนทางชันขึ้นเรื่อยๆ ความเหนื่อย +กับความมองไม่เห็นวิวไม่เห็นทาง และที่แย่ที่สุดตอนนี้คือ มัน6 โมงกว่าแล้ว แทบไม่เหลือแสงสว่าง ฟ้าเริ่มมืด
สภาพร่างกายที่เดินล้ามาทั้งวัน เราให้เทนเริ่มที่จะเดินต่อไปไม่ไหว ผมจริงคอยเดินขึ้นไปก่อนทีละเนินๆในใจก็คิดเสมอว่า พ้นเนินนี้เราคงถึงๆแต่มันก็ไม่ถึงสักที นาทีนั้นเริ่มคิดถึงแม่แล้ว ให้แม่ช่วยลูกด้วย ขอให้ถึงไวๆก่อนจะมืดสนิดด้วยเถอะ กว่าจะเดินข้ามมาได้แต่ละเนินก็ใช้เวลามาก จนเนินสุดท้ายที่เดิน ก็เจอกันธงมนต์ แต่ไม่เจอหมู่บ้าน ตรงจุดนั่นคือไม่ไหวแล้ว ผมตะโกนไปยังภูเขาที่มองไม่เห็นว่า " Help me Helppppppppme ช้ำๆ" ตะโกนอยู่นานประมาน 5 นาที ในที่สุด ก็มีเสียงสวรรค์กระโกนกลับมาว่า " Hello What"s happened " ดังทั่วทั้งเขา พร้อมทั้งส่งสัญญาณไฟฉายมายังที่ผม เลยหันไปบอกเทนว่า เห็นคนแล้วอยู่บนเขานู้น เห็นไฟไหมนั่นไง ทำให้เรามีความหวังมเอาแรงเหือกสุดท้ายเดินต่อ จนถึง MBC ที่พักแรกที่อยู่หน้าสุด พร้อมกับฝรั่งที่คอยเอาใจช่วย (ถ้าคนเคยเดินจะรู้)

นางฟ้า เทวดา เสียงสวรรค์ ที่ช่วยเราไว้ ไม่งั้นเราคงได้นอนกลางทางแน่นอน เพราะในหัวคือหาที่หลบนอนแล้ว แต่เป็นไปได้ยากมาก ไม่มีหินอะไรให้นั่งให้หลบหิมะที่ตกถล่มตลอดทั้งคืนเลย น้ำยังพอต้มได้ แต่อากาศที่หนาวจัด ถุงนอนไม่มีมีแต่เสื่อผ้า มันคงเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก จนเราไม่อยากที่จะนึกต่อ


DAY 8 MBC>ABC

เช้าวันที่ 6 ของการเดิน Trekking
ตอนนี้เราอยู่กันที่ Machhapuchhare Base Camp สูง 3,700 ม หลังจากหิมะตกหนักทั้งคืน เช้านี้อากาศก็สดใส แจ่มแจ๋ว

Machapuchare ในมุมด้านหลัง

มองลงไปเห็นทางที่เราเดินเมื่อคืน

เมือคืน เกิดอาการ มึนหัวนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับอ้วก ตื่นเช้ามาอาการดีขึ้นวันนี้เราจึกออกจากที่พักช้า ตอนแรกเราเพลนว่า จะขึ้นไปพิชิต Annapurna basecamp แล้วก็กลับลงมานอนที่ MBC แต่ๆ เกิดไรขึ้นอีก ไปดู

เราออกจาก MBC ประมาน 10 โมง เดินไปจนถึง ABC จะใช้เวลาประมาน 2 ชั่วโมง เป็นทางเดินไต่ขึ้นไปเรื่อยๆไม่มีบันไดสูงๆชันๆแล้ว วิวด้านหลังนี้มันอลังการ สวยสดจนต้องยกกล้องถ่ายรูปรัวๆ

Machapuchare Base Camp

เส้นTrekking  MBC เดินขึ้นไปยัง ABC คงต้องบอกเลยว่า สวยตะโกนมาก สวยที่สุดตลอดการเดินทางมาทั้งหมด 8 วัน สวยกว่าตอนไปอยู่ที่ ABC สะอีก 

วันนี้ เราเดินน้อย จึงไม่เน้นรีบ เสพบรรยากาศและรัวซัตเตอร์ เต็มที่

เราทิ้งของ สัมภาระไว้บางส่วน เพราะกะว่าจะมา hiking ขึ้นแล้วก็ลง ทำให้เรารับรู้ว่า เออ ถ้ากระเป๋ามันไม่หนัก เราก็เดินเร็วเหมือนคนอื่นๆหรือไวกว่าคนอื่นอีกนะ

ไม่นานหมอกหนา ก็ไล่ตามหลังเราขึ้นมาติดๆ

เดินไป ถ่ายรูปไป หันไปอีกที ก็คือหมอกมาอีกแล้วจ้า ปิดมิดจนมองไม่เห็นวิวอะไรอีกเลย

WTF อิหยั่งว่ะเนี่ย หมอกมาหนักขนาดนี้ ใจคอเริ่มไม่ดีแล้ว เดินขึ้นเรื่อยๆก็จริง แต่ก็ต้องระวังเรื่อง AMS แพ้ความสูงด้วย

ในที่สุดเราก็มาถึง " Annapurna base bamp " พร้อมกับหิมะที่เริ่มตกลงมา

มาถึงแล้วนะ สาหัสมาก แต่เราก็ทำมันสำเร็จจนได้ เป็นความเหนื่อยที่มีความสุข ให้เจ๊ฝรั่งกลุ่มมะกี้ถ่ายรูปให้ จริงๆเราเจอกับกลุ่มนักเดินทาง หลายกลุ่มเลย ทักพูดคุยกันตลอด เวลาไปถึงก็ถึงพร้อมๆกัน บางคนถึงก่อน บางคนถึงหลัง เจอแต่คนเดิมๆจนจำกันได้

บ่ายโมง เราก็มาพักทานอาหารที่เลาจ์แรกเลย เพราะต้องมาหลบหิมะ ตกหนักอีกแล้ว หลังจากไม่มีท่าทีว่าหิมะจะตกเบาขึ้นเลย เราเลยเดินไปถามเจ้าของที่พักว่ามีห้องพักว่างไหม เค้าบอกว่ามีว่างห้อง1 พอดี จริงมองหน้ากันแล้ว "ก็ตัดสินใจว่าจะนอนที่นี่1คืน เราจะไม่ลุยหิมะแบบเมื่อวานอีกแล้ว" เราไม่ได้เตรียมชุดไรมาเพราะไม่คิดว่าจะมานอนค้าง ก็นอนหลับไปทั้งชุดนั่นเลยจ้า ตกค่ำอากาศหนาวมาก เริ่มมีอากาศมึนหัว ยาก็ไม่ได้เอาขึ้นมาด้วยสิ ซิปหายล่ะ จึงต้มน้ำขิงกับน้ำร้อนกินกันตลอด และก็นั่งคุยที่เลาจ์จน2 ทุ่ม ค่อยเข้านอน
ไกด์กลุ่มอื่น บอกกว่า ถ้าอาการไม่ดี มึนหัว ง่วงนอน อย่าได้เผลอนอนตอนกลางวันเด็ดขาด มันจะทำให้ตอนกลางคืนคุณนอนไม่หลับ และอากาศแย่ลงมาก ร่างกายไม่ปรับตัว


DAY 9 ABC>MBC>Deurali>Himalayan>Dovan 

เช้าวันที่ 7 ของการเดิน Trekking
ตอนนี้เราอยู่ที่ ABC ความสูง 4.230 ม วันนี้เราจะต้องเดินลงรวดเดียวกลับไปเอาของ ที่ MBC แล้วก็เดินยาวๆได้แค่ไหนเอาแค่นั้น จึงทำให้เราต้องตื่นเช้าแล้วทำเวลาในการชมวิวแบบเร่งด่วน

annapurna base camp มีที่พัก ค่อนข้างเยอะเลย ประมาน 3-5 เจ้า เจ้าหนึ่งก็มีหลายห้องอยู่ 

เพื่อนเนปาลบอกว่า ถ้ามาเดินเส้นนี้แล้ว ก็ควรจะมานอนที่annapurna base camp สักครั้งและตื่นเช้ามาชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่จะได้เห็นยอดเขาต่างๆที่รายล้อม โอบกอดเราไว้ 

ทริคควรรู้ ที่เราไม่รู้มาก่อน : อากาศในช่วงเช้าท้องฟ้าจะเปิด แต่พอหลังเที่ยงคือสภาพอากาศจะปิด หมอกปัง หิวมะตก ฝนตก ฉะนั่นถ้าจะไปเดินไหน ไปชมวิวไหน ให้เพลนเส้นทาง เวลาให้ดีๆ
เช่น ถ้าเมื่อวานเราเดินขึ้น ABC ตั้งแต่7โมง เราก็จะถึง ABC ประมาน 9 โมง ได้เห็นวิวสวยๆตลอดสองข้างทางและก็ได้เห็นวิวสวยๆตรงจุดชมวิวหลังที่พัก แต่เราเดินขึ้นมาเมื่อวานก็บ่ายโมงแล้ว ตอนนั้นคือหมอกปิด หิมะตกถล่มแล้ว ฉะนั้นวางแผนการเดินทางและเวลาให้ดี

บะบายยยย กลับแล้วนะ ไว้เจอกันใหม่ 

7 โมงครึ่งเราก็เก็บของ เดินลงไปยัง MBC
สำหรับใครที่อยากไปแต่คิดว่าเดินคงไม่ไหวแล้ว เค้าก็มีบริการนั่งเฮลิคอปเตอร์จอดลงที่ป้ายสวยๆแบบนี้เลย ให้เงินมันทำงาน หรือบางคนที่ไม่สบายป่วยหนัก ก็จะมีฮอมาลงรับผุ้ป่วยเหมือนกัน ช่วงเช้าๆนี้ บินขึ้น บินลงไปว่าเล่น เพราะมันเป็นช่วงที่ฟ้าเปิด หลังเทียงสภาพอากาศแย่ก็บินไม่ได้ ลงจอดไมได้แล้ว

สำหรับใครที่มีวันหยุดน้อย ร่างกายเริ่มไม่ไหว ก็ให้เงินมันทำงานโลดดดด

VIP จอดส่งให้หน้าป้าย Annapurna basecamp เลย

ขาลงไวแบบสับ ขึ้น2 ชั่วโมง ลง45 นาที บางช่วงคือวิ่งลงยังดีกว่าเดิน เซฟร่างกาย เซฟขาได้เยอะ

9 โมง ลงมาถึง MBC เก็บของที่ห้อง แล้วก็ทานอาหาร เช็คเอ๊าท์ 10 โมงก็เดินลงต่อไปยัง Deurali

วันนี้ อากาศร้อน หมอกมาช้า หิมะที่ตกหนักไว้เมื่อคืน ละลายไวมาก ทำให้เวลาเดินเป็นน้ำแฉะๆ เลื่อน ต้องระวังมากๆ

ยังไหวค่ะ :)

เดินลงมาเรื่อยๆ หิมะก็เริ่มจากเราไป 

เราถึง Deurali ช่วงบ่าย แวะทานอาหาร เพราะเมื่อเช้ากินมาม่าไปไม่อิ่ม และระยะทางลงมาจาก MBC ก็ชันมาก +กับเจ็บขาทำให้เราทำเวลาได้ช้าลง

เมื่อเช้ายังไหว ตกบ่ายคอตกเฉย

เสียลุคสาวแกร่งหมด เอาใหม่ๆถ่ายใหม่

หันมองกลับไป ทางที่เราพึ่งจากมา ก็ใจหายนะ เวลามันผ่านไปเร็วมาก แปปเดียวก็ 9 วันแล้ว 

เดินลงบันได ยาวๆไปยัง Himalaya

เราแวะพัก ทานขนม กาแฟที่ Himalayan ประมาน 1 ชั่วโมง แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ

เดินต่อจาก Himalayan ไป Dovan

เราเดินกลับมาถึง Dovan ประมาน 5 โมงเย็น พักผ่อน วันนี้เป็นวันที่เดินลงมายาวมาก


DAY 10 Dovan>Bamboo>Sinuwa>Chhomrong

เช้าวันที่ 8 ของการ Trekking เรามาลาน้อง ก่อนจะกลับลงไปจาก Dovan ถ้ามีโอกาศเราคงได้กลับมาเจอกันอีกนะ 

จาก Dovan เดินลงมาเรื่อย ประมานชั่วโมง ก็ถึง Bamboo

แวะพักกินอาหารเช้า จะได้มีแรงเดิน

เราแวะพักทานอาหารเช้า ประมาน 1 ชั่วโมง ก็ออกเดินทางต่อ ไปยัง Sinuwa ซึ่งทางต่อไปคือกันขึ้นบันไดแบบสุดเขา

โอ๊มายก๊อดดดดดดดด ขึ้นให้สุด แล้วก็สุดอีก 

วิวข้างทาง ทำให้นึกอิจฉาคนที่ไปขึ้นยอด ABC วันนี้ เพราะนี้เวลาบ่ายกว่าแล้ว ฟ้ายังเปิดขนาดนี้ ข้างบนของสวยมากแน่ๆ ไม่เหมือนกันตอนที่เราไปถึงในวันนั้น

หลังจากเดินขึ้นบันไดขั้นสุดแล้ว ต่อไปก็เดินเรื่อยๆไต่ลงไปยัง Upper sinuwa

หลังจากผ่านบันไดสุดโหดมาแล้ว เราก็มาถึง Sinuwa (upper Sinuwa) แวะทานอาหารกันที่นี่

กินอิ่ม พักหน่ำใจแล้ว ก็เป็นช่วงเดินลงเขาลงไปเรื่อยๆ จนถึงสะพานที่เชื่อมไปยัง Chhomrong

ฝนเริ่มตกหนัก จนต้องแวะใส่เสื้อกันฝน แล้วก็ลงลงมาถึงสะพาน ข้ามสะพานไปแล้ว ไม่อยากเงยหน้ามองขึ้นไปแล้ว เข้าใจแล้วว่า Chhomrong ที่เค้าว่าโหด มันโหดขนาดไหน ที่มันโหดเพราะเราเดินมาทั้งวันแล้ว เย็นแล้วกะจะหาที่นอนชิวๆก็ต้องมาเจอบันไดอีกเป็นตับ กว่าจะถึงจุดพัก

เข้าไป check point ขากลับที่ Chhomrong อีกรอบ แล้วก้หาที่พักนอนกันในคืนนี้ 


DAY 11 Chhomrong>Jhinu Danda>New Bridge>Landruk

เช้าวันที่ 9 ของการ Trekking
ตอนนี้เรากลับมายัง Chhomrong แล้ว ดูวิวยอดเขา machapuchare นั่นสิ ใส่หมวกด้วย

วันนี้เราจะเดินกลับไปอีกเส้น คือจาก Chhomrong แล้วเลี้ยวซ้ายลงไปที่ Jhinu Danda เป็นทางลงเขาแบบรัวๆ ใช้เวลาประมาน 1 ชั่วโมง อากาศร้อนจนต้องถอดเก็บเสื้อนอก

เดินไม่เหนื่อย เล่นกับหมากับแมวเหนื่อยมากกว่า

เราข้ามสะพานจาก Jhinu Danda และก็เห็นป้ายว่า กลับ โปกขระ กับไปNew Bridge มันทำให้เราต้องมานั่งคุยกันอีกครั้ง ว่าควรจะไปต่อ หรือเดินไปแล้วต่อรถกลับเมือง เพราะเงินที่กดมาไกล้จะหมดแล้ว ถ้าไปต่อก็ต้องประหยัดในการกินมากขึ้น แต่ถ้าเรากลับ เราก็จะเหลือเวลาว่างอยู่ในเมืองอีก 4-5 วัน และที่เรารีบๆเดินกันตั้งแต่แรกก็จะหมดความหมายไปเลย
จุดนี้ทำให้เราถึงบางอ้อว่า บริษัททัวร์ส่วนใหญ่ เค้ามาส่งลูกทัวร์กันที่นี่ นี่เอง ไกล้เลย ข้ามสะพานก็ถึงJhinu Danda และเดินขึ้นเขาไปก็ถึง Chhomrong ช่วยลดระยะเวลาเดินไปได้3 วันแหนะ ถ้ามาทางนี้

เราตัดสินใจที่จะไม่กลับไปที่โปขระ และออกเดินทางต่อไปยัง New Bridge เพื่อจะตัดไปอีกเส้นทาง Trekking ที่ชื่อว่า Mardi himal

เดินลงมาจาก Jhinu Danda ประมาน 1 ชั่วโมง เป็นทางลงอย่างเดียว ไม่เหนื่อยมากนัก เราก็มาถึง New Bridge

จาก New Bridge ก็เดินทางไปยัง Landruk ต้องบอกว่าเส้นนี้ ไม่ได้รับความนิยมมากนัก ตั้งแต่มีถนนตัดผ่านส่งนักท่องเที่ยว เดินขึ้น Jhinu Danda ทางค่อนข้างรกร้างหน่อยๆ 

แต่ก็ไม่ได้ดูยาก จนขนาดหลงป่า

สภาพหมู่บ้าน ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน แต่ก็มีข้อดีนะ คือ มันเงียบสงบมาก และอยู่หลังเขา ให้อารมเหมือนมีบ้านอยู่แถวเขาหลัก 

มันเงียบมาก ถ้ามาคนเดียวคืออินดี้แบบสุดๆ ถ้าผู้หญิงคือต้องบอกเลยว่า อันตรายอยู่นะ ถ้าตกเย็นคือเลี่ยงเดินเลย เพราะช่วงที่เราเดินตลอดเส้นนี้ไปยัง Landruk ไม่เจอคนเดินผ่านลงมาเลย

บ่าย 3 เราก็เดินมาถึง Landruk เราเลือกที่จะนอนที่นี่ คงไม่ไปต่อแล้ววันนี้ เพราะจุดหมายข้างหน้าคือต้องเดินไปอีก 2 ชั่วโมง ถ้าเป็นเราก็+เพิ่มไปอีก1 ชั่วโมง ก็คือค่ำแน่นอน ไม่เสี่ยงดีกว่า
หมู่บ้าน Landruk เป็นหมู่บ้านที่แยกไปได้หลายที่ บางคนก็นั่งรถJeep จากหมู่บ้านนี้กลับโปขระ บางคนก็ตัดขึ้นไปยัง Ghandruk ส่วนเรานั่นจะไปจุดหมายต่อไปก็คือ เดินตัดไปที่ Forest Camp ของเส้น Mardi himal เลย


DAY 12 Landruk>Forest Camp>Low Camp

วันที่ 10 ของการ Trekking
วันนี้เราตื่นแต่เช้า ออกจากหมู่บ้าน Landruk เดินตามทางเรื่อยๆก็จะเจอกับป้าย เลี้ยวขวากับไปยังโปรขระ เลี้ยวซ้ายจะเป็นทางเดินเลาะขึ้นเขา

ตอนแรกเราคิดว่าเดินบันไดขึ้น-ลง Chhomrong Sinuwa คือที่สุดของที่สุดแล้ว แต่การมาเดินขึ้นเขาแบบ nonstop จาก Landruk ไปยังForest Camp คือเดอะเบส
ให้ที่สุดแห่งความเหนื่อย ความชัน ความท้อ เดินเท่าไหรก็ไม่ถึงสักที

เดินตั้งแต่8 โมงเช้า ถึง tea house จุดพักระหว่างทางขึ้นไปยัง Forest Camp ประมาณ 10 โมง

เดินขึ้นจนสุดเขา ก็จะเริ่มตัดเดินเข้าไปในป่า

สัญญาลักษณ์ สีขาว-ฟ้า ตรงต้นไม้ นั่นหมายความว่า คุณได้เดินเข้ามาในเขตเส้นของ Mardi himal แล้ว
ต่อให้คนจะเดินเส้นนี้น้อย แต่ก้ไม่ต้องกลัวหลง ให้คอยสังเกตสัญญาลักษณ์ตรงต้นไม้ไว้ เค้าจะทำไว้ตลอดเป็นช่วงๆของการเดินป่า

หลังจากที่เดินขึ้นเลาะเขาแบบชันสุดๆแล้ว ก็นึกดีใจว่า น่าจะไกล้ถึง Forest Camp แต่แท้จริงแล้ว เราพึ่งเดินมาได้ครึ่งทาง

หลังจากคุยกับตัวเองอยู่ในป่า ตั้งแต่8 โมง เที่ยงเราก็เดินมาถึง Forest Camp สะที เป็นการเดินทางจากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง ที่เหนื่อยที่สุดเท่าที่เดินมาในเส้นนี้เลย สำหรับคนที่จะเดินตามเพลนเรานี้ ควรที่จะเดินมาในช่วงเช้าเหมือนกับเรา เพราะถ้ามาเดินช่วงบ่ายๆ แล้วเดินไม่ไหวขึ้นมา คือนอนกลางป่าที่แท้ทรู ไม่มีคนเดินผ่านแม้แต่คนเดียว

เมนูยอดฮิด ดาบัด สามารถขอเติมทุกอย่างที่อยู่ในถาดได้หมด ไม่ว่าจะเป็นข้าว พัก น้ำซุป คนที่นี่และนักท่องเที่ยวสายประหยัด จะเลิฟมันมาก

บ่ายโมง เริ่มออกเดินทางต่อ โดยฝนเริ่มตกปร่อยๆตามเรามาติด จนต้องเอา Rain cover มาใส่

เส้นทางจาก Forest Camp ไปยัง Low camp เป็นเส้นทางที่ไม่ไกลมาก แต่ชันเอาเรื่องเลย คืนเดินเรื่อยๆสลับขึ้นเนิน

ไม่นานฝนก็ตกลงหนัก จนต้องหยิบเสื้อกันฝน มาใส่
เสื้อกันฝนเป็นสิ่งจำเป็นมากในทริปนี้ เพราะสภาพอากาศแปรปรวนมาก เด๋วแดดออก หิมะตก ฝนตก เลือกแบบดีๆทนๆหน่อย เพราะอาจจะต้องหยิบมาใช้อีกหลายรอบ

ทัวร์จีน ค่ะ

ต้น กุหลาบพันปี คือเยอะมาก ในเส้นนี้

เราเดินมาถึง Low camp ประมาณช่วง4 โมงเย็น หาที่พัก  


DAY 13 Low Camp>Badal Danda>Mardi himal Base Camp

เส้น Trekking Mardi himal ราคาค่าห้องค่อนข้างจะแพงกว่า เส้น ABC โดยเส้นMardi himal จะอยู่ที่ประมาณ 800-1000 รูเปีย แต่เส้น ABC ขนาดบนยอด ยังแค่ 600 รูเปียเอง

เช้าวันที่ 11 ของการเดิน Trekking  วันนี้ เราจะเดินขึ้นไปยัง High Camp

เช่นเคย เส้นนี้Mardi himal นี้  ไม่เน้นเดินไกล แต่เน้นชัน จาก Low camp ขึ้นทางเดียว ลงทางเดียว

อย่างที่ว่า ช่วงเช้าอากาศแจ่มใสเสมอ

เดินขึ้นมาประมาน 1 ชั่วโมง ก็จะเห็นป้ายต้อนรับ Badal danda

ซึ่งจะมีที่พักอยู่หลายจุด

นั้นแหละห่ะ หมอกมาเต็ม เส้นนี้คือ หมอกมาไวมาก 9-10 โมง คือเริ่มมองไม่เห็นยอด machapuchare แล้ว

เดินขึ้นต่อไปเรื่อยๆก็จะเจอกับ หญ้าสีทอง สวยเลย

มุมนี้คือสวยมาก ถ่ายรูปกันชุดใหญ่ ก่อนจะออกเดินต่อ

หิมะ ก็ตกลงมาหนัก จนเราต้องแวะทานอาหาร ที่ Hotel Himalayan Majesty (Badal Danda) อาหารอร่อยมากที่นี่ เราหลบที่นี่กันอยู่นาน กว่าหิมะจะสงบลง 

ระหว่างรอหิมะตก นั่งว่างนานๆก็เบื่อ จนต้องออกมาถ่ายรูปเล่น

ความเปลี่ยนชุด พกมาเยอะจัด

ช่วงบ่าย 2 ฟ้าก็เริ่มเปิด เราเลยออกเดินทางกันต่อ

แล้วเราก็เดินมาถึง Mardi Himal High Camp ช่วงประมาณ 5 โมง ฟ้าปิด หมอกลงจัด แทบไม่เห็นวิวอะไรเลย 


DAY 14 High Camp>Badal Danda>Low Camp>Sidhing>Pokhara

เราไม่ได้เดินขึ้นไปยัง จุดชมวิว เพราะกลัวว่าจะเดินลงไปที่ Sidhing ไม่ทัน และวิวที่เราเห็นทางตรงนี้ มันก็สวยมาก เกินกว่าที่เราตั้งไว้ ว่าจะเดินมาตั้งแต่แรก

เราเดินทางลงไปยัง Low camp พักทานอาหาร แล้วก็เดินลงต่อไปยัง Sidhing

จากหมู่บ้าน Sidhing เราก็เหมารถJeep กลับไปยัง Pokhara


DAY 15 Pokhara>Kathmandu

ตื่นเช้าวันใหม่ วันนี้ไม่ต้องเดินแล้ว
เช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรม 6 โมง แล้วนั่งแท๊กซี่ไปยัง Tourist Bus Park ตรงจุดเดิมกับที่ มาส่งเราตอนแรก ในฝั่งขากลับเมือง กาฐมาณฑุ นั่นเห็นว่ามีรอบรถ 2 รอบ คือ
รอบ 2 ทุ่ม กับ 7.30 โมงเช้า  เรานั่งมาถึงเมืองกาฐมาณฑุประมาณ 5 โมงเย็น แล้วก็เดินหาร้านอาหารเพื่อขอวายฟายในการจองที่พักย่านทาเมล 


DAY 16 Thamel Chill DAY

วันพักผ่อน ช๊อปปิ้ง ก่อนพรุ่งนี้จะบินกลับ เป็นวัน Free ควรมีเผื่อไว้ เพราะเราไม่เคยไปเดิน เทรคกิ้งที่นี่มาก่อน เราจะคาดการไม่ถูกเลยว่า เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเดินเทรคกิ้งจริงๆแล้ว มันจะตรงตามแพลนที่เราวางไว้ไหม ซึ่งเอาจริงๆก็ไม่ตรงตามที่แพลนไว้


DAY 17 Kathmandu>DMK

เรียกรถ ไปยังสนามบิน ไฟลท์บินรอบ 5 โมง มีดีเลย์นิดหน่อย ไม่มากนัก 

เช็คอิน แล้วก็บินกลับลงที่สนามบินดอนเมือง อย่างปลอดภัย 
จบแล้วทริป 17 วัน เดินTrekking ที่เนปาล
ใช้เงินสดในทริปกันไปคนละ 15,000 บาท
เหลือเศษนิดหน่อย ซื้อของกินที่สนามบิน
ระหว่างรอขึ้นบินกลับ
ขอบคุณที่อ่านกันจนจบ
ฝากกดไลท์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ


ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทาง(ไม่รวมตั๋วกับวีซ่า)
กดเงินที่ตู้ ATM 2คน คนละ 15,000 บาท มีเหลือช๊อปปิ้งที่สนามบินขากลับ รายละเอียดแต่ละวันดังนี้

Day 1
ค่ารถจากสนามบินไปรร thamel 1,000 npr
ค่าห้อง 2,800 npr
แก๊สสาลาเปา 2 ชิ้น 2,400 npr
อาหารจีน 1,700 npr

Day 2
ค่าแท๊กไปท่ารถบัส 400 npr
ค่ารถบัสไปโปขระ 2 คน 2,400 npr
ค่าข้าว 2 คน บุฟเฟ่ 800 npr
พักรถ ไอติม 80 npr
โค้ก 120 npr
ค่ารถไป รร 350 npr
ค่าห้องพัก 3,300 npr
ค่าหมวกไหมพรม 2 ใบ 850 npr
ค่ายาไดมอก 1แผง 160 npr
อาหารจีน 2,700 npr

Day 3
ค่าทำ permit 6,000 npr 2คน
ค่ารถรับจาก รร ไป ทำpermit และไปส่ง nayapul 3,000
Coke 100 nayapul npr
Coke 200 npr
Coke klili 240 npr
ค่าที่พัก 300 npr
ค่าอาหารค่ำ 840 npr
Wifi 2 คน 300 npr

Day 4
ค่าน้ำเปล่า 100 npr
Coke ระหว่างทางกันดุก 240 npr
ค่าอาหารเที่ยง 1,080 npr
ค่าห้อง 400 npr
ค่าอาหารค่ำ 1,100
ค่าไวฟาย 200

Day 5
ค่าอาหารเช้า 600 npr
น้ำเปล่า 120 npr
Coke 200 npr
อาหารกลางวัน 1,690 npr
ค่าที่พัก 500 npr
ค่าอาหารค่ำ/น้ำ/coke 1,340 npr

Day 6
เพนเค้ก/นมร้อน 480 npr
ค่าอาหารเที่ยง/น้ำเปล่า/โค้ก 1,120 npr
Coke bamboo 250 npr
ค่าที่พัก โดวาน 600 npr
ค่าน้ำร้อน 400 npr
ค่าวายฟาย 300 npr
ค่าอาหาร 1,200 npr

Day 7
แวะพัก himalaya 720 npr
แวะพัก ดูลารี 720 npr
ที่พัก mbc 2 คืน 1200 npr
อาหารค่ำ 1,370 npr

Day 8
ค่าอาหารกลางวัน abc 610+650 npr
ค่าที่พัก 600 npr
ค่าอาหารค่ำ 750+630
ค่าวายฟาย 600

Day 9
อาหารเที่ยง deurali 1,330 npr
พักเบรค แพนเค้ก/cancke 820 npr
ค่าที่พัก dovan 600 npr
ค่าน้ำร้อน2 คน 400 npr
ค่าอาหาร 650 npr

Day 10
อาหารเช้า สปิงโรว/coke 930 npr
อาหารเที่ยง ดาบัด/coke/sprigroll. 1,800 npr
นมร้อน 120 npr
ค่าที่พัก 600
ค่าอาหารค่ำ 650

Day 11
อาหารเช้า 500
Coke new brigt 280
ค่าอาหารเที่ยง 650
ค่าที่พัก 200
ค่าวายฟาย 100
ค่าอาหารค่ำ 650

Day 12
ค่าอาหารเช้า 550
พักเบรค นมร้อน/coke 500
อาหารเที่ยง ดาบัด/กระหรี่ไข่ 950
ค่าห้อง low camp 700
อาหารค่/เช้าำ 1,750

Day 13
อาหารเที่ยง 1,180
เฟรนฟราย 550
อาหารค่ำ1130
ค่าห้อง 900
น้ำเปล่า 190
วายฟาย 100
น้ำร้อน 50

Day 14
อาการเช้า 835 npr
ค่ารถ 7,000 npr
อาหารเย็น 1,750 npr
ไอตีม 325 npr
ค่าห้อง 1,800 npr
ขนมปัง 235 npr
นมร้อน 165 npr
เบียรขวด 190 npr
เบียรป๋อง 260 npr
ถุงเท้า 1,000 npr
หมูบาบีคิว 150 npr
พิชช่า 1180 npr

Day 15
ค่ารถไป ท่ารถ 400 npr
พักอาหารเช้า 500 npr
อาหารเที่ยง/coke 500 npr
ไอติม เลย 180 npr
โอ้ปั่น 395 npr
ค่าห้อง ทาเมล 2 คืน 8,736 npr
อาหารค่ำ 1,400 npr
ไอตีม 900 npr

Day 16 free day kathmandu
อาหารเที่ยง 1,130 npr
ไอติม สตอ 250 npr
อาหารเย็น 1,220 npr
ขนม 490 npr
อาหารค่ำ 1,980 npr

Day 17 back home
อาหารเกาหลี 1,650
ค่ารถไปสนามบิน 500

รวม 17 วัน 108,961 รูเปีย ประมาน 28,xxxกว่าบาท ไม่ถึง 3 หมื่น หาร2คน คนละ 15,000 บาท


อยากให้ลองเปิดใจกับการเดินทางมาเนปาล มาชมหิมาลัย หลายๆคนกลัวจะเป็นโรค AMS ที่จะเดินทางขึ้นที่สูงระดับ 4,000 อัพ มันก็ไม่ได้อันตรายมากถึงขนาดนั้น ต้องเข้าใจโรคนี้ มันมีวิธีแก้ วิธีปรับตัว ใครๆก็อาจเป็นได้ แต่โชคดีที่เราเกิดอาการแค่เล็กน้อย ตอนถึง MBC หวังว่ารีวิวของเราในครั้งนี้ จะมีข้อมูลที่ช่วยให้ตัดสินใจลองที่จะออกเดินทางไปชมยอดเขาหิมาลัย มันสวยมาก ใหญ่มากจริงๆ ไปให้เห็นกับตาสักครั้ง 


ฝากกดติดตามเพจใน facebook ของเราให้ด้วยนะคะ ที่ https://www.facebook.com/CanGo...

เจอกันทริปหน้า 

ใจมันได้

 วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลา 12.42 น.

ความคิดเห็น