วันนี้จูงมือไปจะมาขอย้อนรีวิวการเดินทางไปเที่ยวเชียงรายของวีกับแฟน เมื่อช่วงต้นปีกันค่ะ เป็นการเดินทางที่มีเพียงกระเป๋าคนละใบ และเที่ยวไปตามรีวิวในกูเกิ้ลแบบอันแพลนสุดๆ จะได้ไปไหนบ้าง ไปชมกันค่ะ
เราเริ่มเดินทางออกจากเชียงใหม่ด้วย กรีนบัส (Greenbus) หรือ รถเมล์เขียว เป็นผู้ให้บริการรถโดยสารเส้นทาง เชียงใหม่ ไป เชียงราย โดยจองตั๋วผ่านแอพพิเคชั่นของกรีนบัสและตัดผ่านบัตร โดยได้ราคาตั๋วคนละ 263 บาท แต่ๆๆๆ ละไว้สำหรับคนชอบแนวใช้ชีวิต แนวผจญภัย หรือต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายนะคะ เพราะเราต้องใช้เวลาเดินทางโดยประมาณถึงสามชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว ว่าแล้วก็ไปค่ะ
หลังจากนั่งรถกันมายาวนานก็มาถึงท่ารถใหม่จังหวัดเชียงราย เราก็ไม่รอช้าเรียกแท็กซี่ต่อไปที่พักกันเลยจ้า ในส่วนที่พักที่เราเลือกครั้งนี้มีชื่อว่า กราฟฟิค เฮ้าส์ @ เชียงราย เป็นโรงแรมในรอบเวียง ตั้งอยู่ที่ รอบเวียง ใกล้สนามบิน ใกล้เซ็นทรัล และใกล้บิ๊กซีชนิดเดินไปได้เลยอยู่หน้าโรงแรม ถึงจะเป็นโรงแรมขนาดเล็ก แต่ที่พักสะอาด มีเครื่องปรับอากาศ มีตู้เย็น ทีวีจอแบน Wi-Fi ห้องน้ำมีฝักบัวพร้อมของใช้ในห้องน้ำฟรี น้ำดื่มฟรี พร้อมบริการทำความสะอาดทุกวัน คุ้มเกินราคา น่าเสียดายเรามัวแต่เหนื่อยกับทริปก่อนหน้าเลยไม่ได้เก็บบรรยากาศที่พักมาฝากเพื่อนๆ หลังจากพักผ่อนกันเต็มที่ก็เริ่มหาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์เพื่อเตรียมตัวออกเที่ยวกันตามฉบับขาลุยของเรา โดยเราเลือกใช้บริการของ 🛵B-rider Motorcycle Rental Chiangrai วันละ 250 บาท มีบริการส่งรถถึงที่พักด้วยนะคะ สรุปวันแรกหมดไปกับการพักผ่อนที่โรงแรม
เช้าวันต่อมาเมื่อคนพร้อม รถพร้อม เราก็ดิ่งไปจุดหมายแรกของเรา โดยเราเลือกไปสถานที่ไกลสุดก่อนแล้วค่อยเลาะกลับมา ที่เที่ยวแรกและเป็นที่ทานมื้อเช้าของเรานั่นก็คือ ไร่ชาฉุยฟง เส้นทางไม่ต้องพูดถึงเรียกได้ว่าแว๊นข้ามอำเภอเพื่อเธอคนเดียว ระยะทางอาจจะไกลใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงแต่ผลลัพที่ได้คุ้มค่ามากค่ะ ความยิ่งใหญ่ กว้างขวางและความงดงามไม่ต้องพูดถึง อาหารถึงราคาจะแรงไปนิดแต่บวกค่าวิวก็โอเคค่ะ รสชาติอร่อยเลยแหละ แล้วยังมีชาชั้นดีมากมายให้ได้ซื้อกลับไปเป็นของฝากติดไม้ติดมือกันด้วย
เมื่ออิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจ แล้วก็ออกเดินทางได้.....สถานีต่อไป พิพิธภัณฑ์บ้านดำ อ.ถวัลย์ ดัชนี เรียกได้ว่าคนรักศิลปะไม่ควรพลาดสถานที่นี้เลย ผู้สร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้น คือ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติชาวล้านนา ภายในพื้นที่บ้านดำประกอบอาคารสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบหลากหลาย แปลกตา กว่า 40 หลังและมีการจัดแสดงผลงานศิลปะของ อ.ถวัลย์ ไปจนถึงของสะสม ไม่ว่าจะเป็นหนัง เขา และกระดูกสัตว์ มากมาย เช่นงู หมี ควายป่า เสือ ช้าง รวมถึงงานปูนปั้นและงานแกะสลักไม้ แต่ที่เราชอบมากก็รูปภาพที่จัดแสดงโชว์สามารถใช้อินสตาแกรมทำให้ภาพเคลื่อนไหวได้ด้วย ด้วยพื้นที่กว่าร้อยไร่นอกจากชมศิลปะล้านนาแล้วยังเหมาะกับการพักผ่อนทางใจอย่างมาก บ้านดำเปิดให้เข้าชมเข้าทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. โดยมีค่าเข้าชม 80 บาทค่ะ
เมื่อดื่มดำศิลปะกันจนเรียบร้อย ก็ได้เวลาเข้าวัดทำบุญกันจ้า ไปต่อกันที่นี่เลย วัดห้วยปลากั้ง ความสวยงามที่ตั้งอยู่บนเขา ซึ่งจะมี พบโชคธรรมเจดีย์ เจดีย์ที่มีรูปปั้นมังกรทอดยาวทั้งสองข้างบันได มีทั้งหมด 9 ชั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปและพระอรหันต์ต่างๆ รวมถึง เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้องค์ใหญ่ โดดเด่นอยู่ภายในเจดีย์
ถัดจาก พบโชคธรรมเจดีย์ จะพบพระอุโบสถ์สีขาวที่ถูกแกะสลักลวดลายปูนปั้นทั้งหลัง ซึ่งประดิษฐานองค์พระประธานสีขาวอยู่ภายใน
จุดเด่นที่สำคัญอีกที่ของวัดก็คือ องค์เจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนเนินเขา มีรูปปั้นมังกรสีขาวตรงบันไดที่ถูกแกะสลักอย่างงดงามทั้งสองข้าง ที่สำคัญเราสามารถขึ้นไปเพื่อชมวิววัดห้วยปลากั้งจากมุมสูงได้โดยใช้ลิฟท์ไปชั้น 25 มีค่าขึ้นลิฟท์ คนละ 20 บาท ซึ่งพอขึ้นไปจะพบกับการแกะสลักที่งดงามอยู่ทั่วทั้งชั้น ที่ดวงตาของเจ้าแม่กวนอิม สามารถชมทิวทัศน์ได้ พนักงานบริการดีมากค่ะ เป็นอีกไฮไลที่ไม่ควรพลาดค่ะ
หมดพลังงานจากการถ่ายรูปและเดินชมความงดงาม ได้เวลาไปเติมพลังกันต่อที่ Lalitta Café คาเฟ่ที่เหมือนกับเดินเข้าไปป่าหิมพานต์ ไม่ว่าจะเป็นความร่มรื่นจากต้นไม้นานาพันธุ์ น้ำตกจำลองขนาดใหญ่ รูปปั้นของเหล่ากินรี และยังมีไอน้ำลอยอยู่ตลอดทาง ทำให้เหมือนเดินอยู่ในโลกเทพนิยาย ในส่วนของเมนูมีทั้งอาหาร เครื่องดื่มและขนม ถึงจะมีค่าเข้าชมคาเฟ่ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 40 บาท แต่ก็สามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่มได้ค่ะ
ปิดท้ายของวันแรกที่ วัดร่องเสือเต้น หรือ Blue Temple Chiangrai ที่ได้ชื่อนี้เพราะประติมากรรมด้านในจะใช้เฉดสีเป็นสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองทั้งหมด ความอลังการเริ่มตั้งแต่ซุ้มประตูวัดที่สร้างเป็นพญานาคท้าวมุจลินทร์ และปู่ศรีสุทโธ และความงดงามด้านในก็ไม่ทำให้ผิดหวังที่ได้มาเยี่ยมเยียนเลย
วันที่สองเราเริ่มต้นเช้าวันใหม่ก่อนออกไปตะเวนเชียงรายกันที่ หอมจันทร์ เชียงราย - Homchan ร้านอาหารที่นำบ้านเก่าเกือบร้อยปีมารีโนเวทด้วยสไตล์บ้านคลาสสิค และสวนสวยสไตล์อังกฤษ การตกแต่งของร้านมีเอกลักษณ์และงดงาม สวยทั้งภายในและภายนอกเลยค่ะ
ด้วยความที่ร้านสไตล์นี้เรื่องอาหารไม่ต้องกังวลต้นตำหรับชาววังมาเอง ทั้งอาหารและขนม นอกจากจะมีชื่อไทยที่ไพเราะแล้วหน้าตาและรสชาติยังไม่ทำให้ผิดหวัง และไม่ได้มีเพียงแต่อาหารกับขนมไทยเท่านั้น ชา กาแฟและเครื่องดื่ม รวมถึง สลัดหรือพาสต้า และโทสต์อย่างฝรั่ง ก็มีให้เลือกนะ
ถ่ายรูปออกมาให้ความรู้สึกมารับประทานอาหารและดื่มชาที่บ้านเจ้าคุณป้าเลยค่ะ สายถ่ายรูปห้ามพลาด!!!
เมื่อท้องอิ่ม เติมพลังกันเต็มที่แล้ว สถานที่แรกที่สามีและgoogle map พาไปคือ วัดพระธาตุดอยเขาควายแก้ว เส้นทองอาจสูงชันสักนิดแต่เราก็บิดรถขึ้นไปกันจนได้ เป็นวัดที่สายมูต้องไม่พลาด เป็นต้นฉบับของแมง 4หู 5ตา ตำนานชาวเชียงราย ที่เชื่อกันว่าหากมาขอพรเรื่องใดก็จะสมหวัง โดยต้องบนด้วยถ่านไฟ เพราะแมง 4หู 5ตา กินถ่านไฟเป็นอาหารและถ่ายออกมาเป็นทองคำ โดยจะมีทางเดินลงไปถ้ำที่เชื่อว่าแมง 4หู 5ตาอาศัยอยู่ นอกจากนั้นยังมีตำนานควายเผือกแก้วเขาแสง และยังประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวเมืองเชียงรายที่สวยงามและใกล้ตัวเมืองมากที่สุดอีกด้วย
ลงจากเขาเราจะแวะไปถ่ายรูปคู่กับที่สิงห์สีทอง ที่สิงห์ปาร์ค และหาเครื่องดื่มทาน ที่ Farm Design (ฟาร์ม ดีไซน์) ที่อยู่ในพื้นที่ของสิงห์ปาร์ค แต่เราไม่ได้เข้าไปทำกิจกรรมด้านในนะคะ ในส่วนนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไปอีกค่ะ
และสถานที่ที่เราจะไปต่อจากนี้คือแลนด์มาคของเชียงรายนั่นก็คือ วัดร่องขุ่น หรือที่รู้จักของชาวต่างชาติในชื่อของ "White Temple" หรือ "วัดขาว" แทบจะไม่ต้องรีวิวอะไรเลยเพราะ วัดร่องขุ่นเป็นการสร้างงานพุทธศิลป์ ที่วิจิตรเป็นเอกลักษณ์ งดงาม ประณีต อลังการ ควรค่าแก่การเยี่ยมชมสักครั้งในชีวิต
และก่อนจบทริปจูงมือไปเที่ยวเชียงราย เราจะพาทาสแมวไปชมความน่ารักของเหล่าเจ้านายที่ CAT 'n' A CUP Cat Cafe' คาเฟ่แมวใจกลางเมืองเชียงราย มีน้องแมวออกมาเล่นประมาณ 10 กว่าตัว น้องเชื่องมาก เครื่องดื่มและอาหารราคาไม่แพง น้องจะรักเรามากขึ้นเมื่อมีขนมแมวเลียในมือค่ะ
ทริปหน้าเราจะจูงมือไปที่ไหน รอติดตามได้เลยนะ
-----------------------------------------------------
Facebook : Tiktok" class="redactor-autoparser-object">https://www.facebook.com/joong...
อย่าลืมกด Like กด Share และ Subscribe ไว้ด้วยนะคะ
joongmeupai(จูงมือไป)
วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 18.36 น.