ไต้หวันมีอะไร ทำไมต้องไต้หวัน ?! วันนี้ขอรีวิว เกี่ยวกับเมืองที่หลายคนยังไม่ได้เคยไปสัมผัส และหลายคนก็มองข้ามไปค่ะ ......#ใต้ตะวันณไต้หวัน
ไม่อยากจะเชื่อว่า เป็นเมืองที่มีความธรรมชาติมาก มีอาหารข้างทาง อร่อยแถมถูก ค่าเงินก็พอๆกับบ้านเรา
การเดินทางครั้งนี้ เรามีเวลาเตรียมการแค่ 2 สัปดาห์ และวางแผนการเดินทางเพื่อเที่ยวแค่ 2 วัน นับว่าน้อยมากแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ..แต่เราก็ได้ประสบการณ์ที่หลากหลาย เราเหนื่อยกับการเดินทางที่การคมนาคมยังไม่เชื่อมโยงสักเท่าไหร่.. มีหลงทาง แถมอ๊วกด้วยเพราะเมารถ รวมถึงเรื่องดราม่าระหว่างมื้อชาบูเพราะคิดว่าเงินหาย555 จะบ้าตายจิงๆ....
ไต้หวัน เมืองที่มี 3 ฤดูในวันเดียว เช้ามาฝนตก บ่ายร้อน เย็นหนาว... เมืองที่ผสมกลมกลืนระหว่างธรรมชาติกับเมืองใหญ่ และเทคโนโลยี
ผู้คนมีระเบียบ บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน แม้ประชากรจะหนาแน่น แต่ก็ยังคงความเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ไม่น้อย ....ถึงเราอยู่ในเมืองก็ได้สัมผัสธรรมชาติได้อย่างง่ายดายและใกล้ๆไม่ต้องออกไปไกล...
และครั้งนี้มีเวลาน้อย แค่ 4 วัน แต่เราก็ไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เกือบครบเลยทีเดียวค่ะ...
วันที่ 1 ....ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ตอนตี 3 (ออกจากบ้านเที่ยงคืน! ) ถึงสนามบินเถาหยวน 8 โมงเช้า อากาศที่นั่น 15 องศา เย็นๆกำลังดี เช้าวันแรกหลังเช็คอินที่ โรงแรม (เราเลือกพักแถวๆ ximending ใกล้ๆไทเปเมนสเตชั่นใจกลางเมือง) เราก็มุ่งหน้าไปหาอะไรกินที่ตลาดปลา ไทเป (taipei fish market) เป็นตลาดปลาติดแอร์ไฮโซเชียว แต่อาหารไม่แพง นั่งกินกันข้างหน้าแบบ out door เสดแล้ว ก็ไป Huashan creative park ต่อด้วย หอรำลึกเจียงไคเช็ค (Chiang Kai shek memorail hall) และ วัดหลงซาน (Longshan temple ) จบท้ายด้วยเดินย่อยที่ตลาดกลางคืน ซีเมินติง ส่วนใหญ่ก็ใช้ MRT และ BUS จบวันแรกด้วยความเหนื่อยล้า เพราะเดินเยอะจิงๆ แต่แช่น้ำอุ่นก็คลายล้าได้มากนะ ^----^
วันที่ 2....เราออกนอกเมืองซักนิด ขึ้นไปทางตอนเหนือตองเกาะไต้หวัน
ไปตามรอยเส้นทางรถไฟสายโรแมนติก Pingxi Line (ถนนสายเก่า พิพิธภัณฑ์ น้ำตก ลอยโคมไฟ) วันนี้เดินทางด้วย TRA รถไฟแบบ local สนุกและมีสีสันมาก ตลอดเส้นทางมีแต่ธรรมชาติที่งดงาม สดชืนและทรงพลัง มันมีความคลาสสิคสุดๆ และย้อนรำลึกถึงวัฒนธรรมเก่าแก่ได้อย่างดี มีน้ำตก shifen น้ำตกที่ได้ขนามนามว่า เป็นไนแองการ่าของไต้หวัน ลอยโคมที่สถานนีรถไฟนี้ จบท้ายด้วยหมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น ( jiufen old street) เมืองแห่งโคมแดงที่เจิดจรัส แต่เราไปถึงค่ำเกินกว่าจะเห็นทิวทัศน์วิวทะเลบนยอดเขาสูง น่าเสียดายไปหน่อย แล้วเราก็ต้องนั่ง bus ที่แสนจะเวียนหัวกลับมาไทเป กลับมาด้วยความหิวโซ และอยากกินชาบูร้านดัง mala hotpot ชาบูหม้อไฟ Mala Yuanyang ที่เราตั้งใจไว้ก็คิวยาววววเต็มจนเที่ยงคืน สรุปสุดท้ายก็คืออดกิน! ได้มากินสุกี้แทน ก็อร่อยไปอีกแบบ ที่นี่เรานั่งกินกันทั้งน้ำตาเพราะคิดว่าทำเงินหาย !! (ตั้ง 5,000 TWD) ดร่าม่าชุดใหญ่ 5555 โชคดีที่ไม่หายไปไหน แต่ก็เป็นบทเรียนที่มีค่ายิ่ง....^^
จบท้ายด้วยหมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น ( jiufen old street) เมืองแห่งโคมแดงที่เจิดจรัส
วันที่3.... เราขึ้นไปทางตอนเหนือของเมืองไทเป ไปไม่ห่างจากเมืองมาก ที่นี่คือแหล่ง น้ำพุร้อน ออนเซ็นที่ดีที่สุดในโลกรองจาก ญี่ปุ่นเลยทีเดียว!
เมือง เป่ยโถ Beitou และเราเดินทางด้วย MRT ลงสถานี Xinbeitou ก้าวแรกที่ลงสัมผัสเมืองนี้ โอ้ววววว++++!!!! ช่างสดชื่น! เป็นเมืองเล็กๆที่ผสมผสานระหว่างตึกและธรรมชาติได้อย่างลงตัว ที่นี่มีห้องสมุดประชาชน ซึ่งติดอันดับตึกที่ขึ้นชื่อว่าเปน green building เลยทีเดียว เป็นไม้ทั้งหลังและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งเมืองรายล้อมไปด้วย ลำธารและน้ำตกที่เป็นน้ำพุร้อน อากาศที่หนาวเย็นและมีน้ำพุร้อนไหลไปทั่วเมืองแบบนี้นับว่าหาได้ยากแห่งนึงในโลกเลยก็ว่าได้!!....
กลับจากเป่ยโถว ก็มาเก็บพระราชวังกู้กง National palace museum ซึ่งยิ่งใหญ่อลังการสมคำล่ำรือ....แวะรับประทาน ติ่มซำ din tai fung restaurant เสี่ยวหลงเปา อร่อยเหาะเลยยยยจ้า++ จบท้ายแบบสวยๆด้วย ไทเป 101 ตึกที่ไม่มาก็คือไม่ถึงไทเป.... เก็บบรรยากาศที่หมู่บ้านทหารเก่า แล้ววันนี้เราก็ได้กิน ชาบูหม้อไฟ Mala Yuanyang เพราะเราโทรไปจอง แต่ก็ยังจองผิดร้านอยู่ดี 5555 แต่ก็ไม่ลดละความพยายามจนได้กิน ท้ายสุด ก็ไปช๊อปของฝาก ที่ ตลาดซีเหมินติง ....
วันที่ 4.....เดินทางกลับเมืองไทยด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้าแต่แช่มชื่นในหัวใจ ....
ไต้หวัน เป็นอีกเมืองที่น่าจดจำ...........#ใต้ตะวันณไต้หวัน #jayamp #สองสาวตะลุยเที่ยว
ขอขอบคุณ : หลายๆรีวิวใน Pantip มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ
Memoriesวันวาน
วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลา 16.06 น.