India in memories...10 day Incredible India 5-14 Dec.,2014 Trip in North India (Sikkim - Dargeering - Patna - Gaya) backpack ทริปเส้นทางตอนเหนือของอินเดียและเส้นทางตามรอยพระพุทธเจ้า
สำหรับการรีวิวในครั้งนี้เป็นบันทึกการเดินทางเก่าค่ะ อาจจะไม่เป็นปัจจุบัน ไม่แน่ใจว่า ตอนนี้จะเปลี่ยนไปขนาดไหน อยากทำไว้เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ และแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ เผื่อท่านใดสนใจ อาจจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ
highligh:
Yumthang Valley Natural Reserve
หุบเขายุมถัง ตั้งอยู่บนระดับความสูง 3,659 เมตร เป็นหุบเขาที่มีธรรมชาติงดงามที่สุดในสิกขิมจนได้รับสมญานามว่า “หุบเขาแห่งดอกไม้” สำหรับภาพนี้ อยู่ในช่วงธันวาคม เดือนตุลาคม ถึง เดือนมีนาคม เป็นช่วงแห่งความหนาวเย็น มีหิมะขาวโพลนปกคลุมยอดเขาอย่างสวยงาม
Itinerary
- Day 1 : BKK - Kolkata - Bagdogra - Gangtok
- Day 2 : Gangtok Sightseeing (Rumtek , … )
- Day 3 : Lachung - Yumtung
- Day 4 : Lachung - Gangtok - Go to Darjeering
- Day 5 : Darjeering - Tiger Hill Ghoom Monastery
- Day 6 : Darjeering - Siliguri - Go to Patna
- Day 7 : Patna (เวลาลี - นาลันทา ) - Go to Kaya นาลันทา ราชคฤหร์ - พุทธคยา
- Day 8 : Gaya ( พุทธคยา - เขาดงคศิริ - แม่น้ำเนรัญชรา ) - Go to Kolkata
- Day 9 : Kolkata
- Day 10 : Kolkata - BKK
Map แสดงจุดที่เดินทางไปอินเดียในครานั้น อินเดียเหนือติดๆกับภูฏาน ค่ะ
สำหรับทริปนี้ ต้องขอขอบคุณจากใจ ต่อเพื่อนๆ ทั้ง 3 คน ที่จัดทริปนี้และชวน เจ ไปด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆสำหรับทุกอย่าง และทุกๆโมเมนต์ จำได้ไม่ลืมเลือน ว่าเพื่อนๆทั้ง 3 ป้าเอ๊ะ Jaruwan Schwarz ,นายกิ๊ Kittirak Moungmingsuk ,เพื่อนปุ๋ม Nuntawan Nilnoppakun ดูแลการเดินทางให้ปลอดภัยและดีที่สุด แม้การเดินทางจะยากลำบาก แต่เพราะเพื่อนทั้ง 3 ที่ทำให้ทริปนี้ สนุก เป็นอีกหนึ่งทริปที่ประทับใจที่สุดในชีวิตของเราและเป็นแรงบันดาลใจให้กับการเดินทางในทริปอื่นๆ อีกมากมาย....ขอบคุณมากๆ และคิดถึงเสมอนะ....
เริ่มต้นการเดินทางกันเลยค่ะ....
Day 1 : BKK - Kolkata - Bagdogra - Gangtok เริ่มด้วยสายการบิน Spice Jet เวลา ตี 3 จากบ้าน กรุงเทพฯ 05:10 AM - 06:25 AM Bangkok – Kolkata ออกเดินทางไป Kolkata11:30 AM - 12:25 PM Kolkata – Bagdogra ต่อเที่ยวบินในประเทศ จากเมือง Kolkata ไปยังเมือง Bagdogra จากนั้นก็นั่งรถ Taxi ราว 5 ชม. จุดหมายปลายทางในค่ำคืนนี้คือเมือง Gangtok ถึงก็ค่ำๆพอดี Gangtok (กังต็อก) เป็นเมืองหลวงของรัฐสิกขิม ประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย ที่ระดับความสูง 1,650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
อรุณสวัสดิ์ ณ เมือง Ganktok
เมื่อคืนเราทานมื้อค่ำ กันที่ Gangtok - MG Marg เข้าพักที่ Hotel : potala
ถนนคนเดินในคืนหนาวๆ ที่ MG road Gangtok (Mahatma Gandhi Marg)
บรรยากาศในตอนเช้า สมัยนั้น ยังเงียบเหงา แต่ปัจจุบัน คึกคักเป็นตลาดและแหล่งรวมสินค้ามากมายเลยค่ะ
Day 2 : Gangtok Sightseeing (Rumtek)
ด้านล่างเป็นภาพบรรยากาศในเมือง Gangtok
วันนี้เราเหมารถเที่ยว Sightseeing Gangtok รอบๆเมือง Lhasa Falls น้ำตกระหว่างทาง...มีธงประดับสีสวยสดใส
Ganesh Tok วัดฮินดูที่เงียบสงบพร้อมทิวทัศน์อันกว้างไกลจากยอดเขา
ระหว่างทางแวะซื้อขนมกินเล่นหน่อย
วัดรุมเต็ก Rumtek Dharma Chakra Centre (Rumtek Monastery) เป็นสถานที่ศึกษาและปฏิบัติธรรม เป็นวัดศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในสิกขิม ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 1,550 เมตร ห่างจากกังต็อก 24 กิโลเมตร
วัดสงบมากๆเข้าในข้างในพระกำลังสวดมนต์กันค่ะแลขลังทีเดียว
กงล้อแห่งชีวิต
ตกเย็นเรากลับมากินอาหารทิเบตแถวๆ Mg Marg บรรยากาศยามเย็นค่ะ
เดินเล่นตลาดในเมือง
ตาชั่งเท่มากเลย... เท่ สูสีกับหน้าตาพ่อค้า
คืนนี้เราพักที่ Hotel : pandim วิวจากที่พักค่ะ
เจ้าของใจดีมากๆ สุดหล่อคนนี้....
เช้าวันก่อนออกเดินทาง เจ้าของที่พักพาไปชมวิววัดบนเขา เดินขึ้นไปใกล้ๆกับที่พัก สวย สงบมากๆ Tsuglakhang Monastery & Temple
Day 3 : Lachung - Yumtung วันนี้เราจะเดินทางหนักๆ ขึ้นเหนือเข้าใกล้ฑิเบตมากขึ้นไปอีก เพื่อไป Lachung หุบเขายุมถัง และ Zero Pointโดยใช้บริการทัวร์ท้องถิ่น Lotus tour
การเที่ยว North Sikkim จะต้องใช้ปริการ Local Tour เพราะว่า Sikkim เป็นเขตติดต่อกับจีน ซึ่งมีปัญหาทับซ้อนกัน และ เป็นเขตของทหาร
เราจะเดินทางกันด้วยรถคันนี้ค่ะ
เริ่มต้นเส้นทางไปตามน้ำสีเทอร์คอยส์
ภูเขาและแม่น้ำที่ทอดยาว สวยจนด้องขอหยุดลงมาถ่ายรุปเลยล่ะค่ะ
คนที่นี่เค้าสร้างบ้านเก่งมาก เค้าขนหินดินทรายขึ้นมาได้ยังไง สูงมากแล้วถนนก็ไม่ได้ขับรถง่ายเลย ไหล่ทางก็ไม่มี
เด็กแวนซ์ประจำถิ่น 555
Day 3 : Lachung - Yumtung เดินทางกันต่อค่ะ
ถึงตอนนี้เราไต่ระดับความสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จากสายน้ำที่เห็นสีฟ้าๆชัดๆ ตอนนี้เริ่มไกลออกไปเล็กสุดลูกหูลูกตา
ระหว่างทางมีน้ำตกแวะพักหน่อย
กว่าจะถึงที่พักก็ค่ำพอดีค่ะ เดินทางนานมาก นั่งรถกันเมื่อยก้นเลยค่ะ มื้อนี้มาพักทานข้าวในหมู่บ้านที่ Lachung ได้ฟิล มากๆ
เจ้ามอมส้ม... น้องเหมือนยิ้มๆให้ด้วยนะ
เราพักค้างคืนกันที่นี่ค่ะ
Day 4 : Lachung - Gangtok - Go to Darjeering เช้านี้อากาศเย็นมากๆ เราตื่นแต่เช้าเพื่อไป Yumthang Valley และ Zero Point จากนั้นก็เดินทางต่อเพื่อไปพักที่ Darjeering ค่ะ ทางที่ไปคือโหดมากจริง
แสงอาทิตย์เริ่มมาแล้ว
ถึง Yumthang Valley อากาศเริ่มหนาวมีหิมะ เบาๆ อากาศก็แห้งมาก ภูเขาสูงแลแปลกตา
ถ่ายกับพี่ผู้ขับรถพาขึ้นมา สุดยอดมากลวกเพ่
แวะเติมพลัง เป็นมื้อที่ดีงามจิงๆ ค่ะ หิวมากๆ
กินเสร็จก็ออกมาเดินเล่นชมวิว เจอพี่น้อง แยกไม่ออกเลยนึกว่ามาด้วยกัน 5555
ขอเอาภาพขุนเขา ที่สวยแปลกตา มาให้เพื่อนๆ ชมกันเยอะๆนะคะ เราว่ามันสวยมากเลย
เดินเข้ามาในหมู่บ้าน เจอน้ำค้างแข็งเยอะมากๆ ตรงนี้คือหายใจไม่ค่อยออกแล้วค่ะ มันหนาวเหลือเกิน Zero Point
ระหว่างเส้นทางจาก กลับจาก Yumthang ไป Gangtok เพื่อเดินทางต่อไป Darjeeling นั้นเราก็ได้พบกับ yak น้องคือจามรีหรือแย็ก เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามเทือกเขาหิมาลัยและที่ราบสูง ลักษณะคล้ายวัวกระทิงแต่มีขนหนาปกคลุม น่ารักมากๆ ไม่กล้าเข้าใกล้มากน้องมีเขาขวิดได้ค่ะ
จามรี...ยักษ์ใหญ่แห่งเทือกเขาหิมาลัย
Day 5 : Darjeering - Tiger Hill Ghoom Monastery
เราเดินทางมาถึง Darjeering นอนพักที่ Classic Guesthouse เราจะอยู่ที่นี่ 2 คืน เพราะ มีที่เที่ยวเยอะ และพักให้หายเหนื่อยจากการเดินทางด้วย
(Darjeeling) “ราชินีแห่งขุนเขา” ที่ขึ้นชื่อในเรื่องชา ถือเป็นแหล่งผลิตชาที่ดีแห่งหนึ่งในโลกเลยล่ะค่ะ มาถึงทีนี่ต้องมาชิมชา เราแวะไปไร่ชา Happy Valley
นู๋น้อยในไร่ชา ยิ้มหวานน่ารักชะมัด
จากนั้นไปนั่งรถไฟ Joy ride (toy train) ชมเส้นทาง Darjeeling Himalayan Railway รถไฟหัวจักรไอน้ำ (Toy Train) เส้นทางดาร์จีลิง ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโกเมื่อปีค.ศ.1999 รถไฟหัวจักรไอน้ำมีให้บริการในสามเส้นทางได้แก่ดาร์จีลิงไปสถานีกุม (Ghum) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่มีความสูงเป็นอันดับสองของโลก
รถไฟ Toy Train ชมเมืองดาร์จีลลิ่ง รถไฟหัวรถจักรไอน้ำ ขนาดเล็ก เป็นรถไฟที่วิ่งบนภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 4,000 ฟุต
ควันโขมงเลยรถจักรไอน้ำ กำลังเติมอะไรอยู่นะ
ลุงกำลังนั่งเคลียร์รางรถไฟสะอาดเอี่ยมเลย
รถไฟจะจอดให้ชม อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บาตาเซียลูป เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารกล้ากุรข่า
สถานีกุม (Ghum) สถานีรถไฟที่มีความสูงเป็นอันดับสองของโลก
เราออกมาเดิมเล่นในเมือง เพราะพักที่นี่ 2 คืน ก็มีเวลาชมเมืองพอสมควร อากาศเย็นสบายค่ะ ที่นี่มีความเป็นอังกฤษในหลายๆจุดเลยค่ะ น่าจะเพราะเป็นเมืองขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดื่มชา เพราะเป็นแหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดในโลก รวมถึงบ้านเรือนและโบราณสถานต่างๆ
บรรยากาศในเมือง Darjeering
สำหรับ Day 6-9 จะเป็นการเดินทางข้ามเมืองโดยรถไฟ จาก Darjeering ไปเมือง Patna ขึ้นรถไฟจากสถานี New Jalpaiguri จะเล่าเกี่ยวกับ การไปพุทธคยา ในเมืองคยา เมืองที่จนที่สุดในอินเดีย และการเดินตามรอยพระพุทธเจ้า ซึ่งจะเป็นคนละฟิลกับเมือง 5 วันที่ผ่านมาเลยค่ะ
Day 6 : Darjeering - Siliguri - Go to Patna
เราออกเดินทางจากเมือง Darjeering ไป Siliguri ประมาณ 3 ชม. โดย Taxi จากนั้น นั่งรถไฟจากสถานี New Jalpaiguri ไป ปัตนะ ค่ำคืนนี้เรานอนกันบนรถไฟเลยค่ะ เป็นรถนอน 2ชั้น และทานมื้อค่ำกันบนรถไฟ
อาหารที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศ ดีที่เรากินได้ แต่เพื่อนๆบางคนกินได้แค่ไข่เจียวเลยค่ะ
ที่สถานีรถไฟเค้ามีบริการแคะขี้หูด้วยค่ะ จำได้ว่า พอแคะเสร็จ เจ้าของขี้หูไม่ยอมจ่ายเงิน ก็มีต่อยกันด้วย เรายืนดูอยู่ตกใจแล้วก็ขำมากๆ จะใส่คืนกลับในหูก็ยังไงอยู่นะ 555
Day 7 : Patna (เวลาลี - นาลันทา ) - Go to Kaya เช้าวันต่อมาเราก็ถึง Patna ค่ะ เราไปทานมื้อเช้ากันที่ นาลันทา และ เหมารถเที่ยว นาลันทา ราชคฤหร์ - พุทธคยา
อันนี้อร่อยค่ะ แป้งกรอบนอกนุ่มในจิ้มกับแกงที่มันมันฝรั่ง
ที่แรกคือ ชมมหาวิทยาลัยนาลันทา "มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก"ปัจจุบันโบราณสถานนาลันทาตั้งอยู่ราว 95 กิโลเมตร (59 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปัฏนา และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางด้านการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ห้าถึง ค.ศ. 1200 ยูเนสโกรับรองสถานะแหล่งมรดกโลกให้กับนาลันทามหาวิหารในปี ค.ศ.2016บัตรเข้าชมบริเวณทางเข้าด้านหน้า
หน้า พิพิธภัณฑ์ เมือง นาลันทา เป็นเมือง ๆ หนึ่งในแคว้นมคธ พระนครราชคฤห์ ณ เมืองนี้มีสวนมะม่วง ชื่อ ปาวาริกัมพวัน (สวนมะม่วงของปาวาริกเศรษฐี) ซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับแรมหลายครั้งคัมภีร์ฝ่ายมหายานกล่าวว่า พระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นอัครสาวก เกิดที่เมืองนาลันทา
ทางเดินเข้าพิพิธภัณฑ์
ซากปรักหักพังของนาลันทามหาวิหาร
เจอพระอาจารย์คนไทยที่นั่น
ออกมาเจอลุงหนวดสวยๆ กับน้องหมาเลยขอถ่ายภาพด้วยซักหน่อย
จากนั้นก็เดินทางต่อ ไปขึ้นยอดเขาคิชฌกูฏ (Gridhrakuta Hill) เขาคิชฌกูฏอยู่ทางทิศใต้กรุงราชคฤห์ (Rajgir) แคว้นมคธ ปัจจุบันคือ จังหวัดนาลันทา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ยอดเขาคิชฌกูฏ มีกุฏิที่พระพุทธเจ้าเคยมาจำพรรษา ในพรรษาที่ 2, 5, 7 และพรรษาสุดท้ายก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน โดยเราขึ้นกระเช้าไป จริงๆ มันคือ "เก้าอี้ลอยฟ้า" เราแปลกใจมาก ความปลอดภัยอยู่หนายยยย น่ากัวมักๆ แต่หนุกดีนะ มันเหมือนเกี่ยวไว้เฉยๆอะ แล้วเขาก็สูงซะด้วยนะ ค่าบริการ Chair Lift 60 รูปี (30 บาท) ไป-กลับ สมัยนี้ราคาน่าจะขึ้นแล้วค่ะ แต่เราขึ้นขาเดียวพอแล้ว ขอเดินลงดีกว่า5555
กระเช้าจะไม่มีหยุดเลย คือถ้าขึ้นไม่ทันก็ต้องขึ้นอันใหม่55
สำหรับทางลงเขาจะเป็นทางราบชัน ระหว่างทางจะมีพี่น้องมาขอเงิน ต้องใจแข็งสุดๆ เพราะถ้าให้ก็ตามมาเป็นพรวนเลย พูดไทยได้ด้วยนะ แล้วก็เรียกเราว่า "มหารานี" ดูรวยมากจริงๆ
มุมมองด้านบนของเขาคิชฌกูฏ เป็นกุฏิวิหารบนยอดเขาเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า
ระหว่างทางก็มีของพื้นเมืองแปลกๆขาย
ยอดเขาเหยี่ยว
ถ้ำพระโมคคัลลานะ และ ถ้ำสุกรขาตา (ถ้ำพระสารีบุตร)
Vishwa Shanti Stupa เจดีย์วัดญี่ปุ่น สันติ สถูปา หรือShanti Stupa หรือเจดีย์สันติภาพ มีน้องๆชะนีเพียบเลย งดงาม
ชะนีน้อยกอดอยู่ในอ้อมอกแม่
เราเดินทางต่อไปยังเมืองคยาพุทธคยา เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญที่สุด 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวพุทธทั่วโลก เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเวลากว่าสองพันห้าร้อยปีที่สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของจุดหมายแสวงบุญของชาวพุทธผู้มีศรัทธาทั่วโลก ในปัจจุบันพุทธคยาอยู่ในความดูแลของคณะกรรมการร่วม พุทธ-ฮินดู และพุทธคยาได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม เมื่อปี พ.ศ. 2545
มาถึงก็รีบมาถ่ายรูปพุทธคยาก่อนจะค่ำ เพราะตอนค่ำจะนุ่งขาวห่มขาวเข้ามานั่งสมาธิด้านใน เราสังเกตเห็น พระ ผู้คน หลายๆชาติ ทั้งไทย อินเดีย จีน ฝรั่ง หลั่งไหลมาเยอะมากๆ คือความศัทธราที่มีต่อพุทธศาสนายิ่งใหญ่มากจริงๆ ทำเอาเราอึ้งไปเลย หลายๆท่านก็นั่งสวดมนต์ บางท่านก็นอนค้างคืนกันที่นี่
คืนนั้น เราก็มานั่งสวดมนต์เพื่อนๆไม่ได้มาด้วย แต่มาที่นี่เพื่อนเยอะแยะเลยค่ะ
วันนี้เรานอนในวัดกันค่ะวัดไทยในเมืองคยา ใกล้ๆกับ พุทธคยา ค่าที่พักก็แล้วแต่ทำบุญเลยค่ะ ดีมากจริงๆ
อาหารที่วัดคือดีงามที่สุดในรอบ สัปดาห์เลยค่ะ คิดถึงอาหารไทยมากๆ
บริเวณนอกวัดโดยรอบ ถ่ายจากที่พัก555
เช้าวันรุ่งขึ้น เราออกมาเดินสำรวจ พุทธคยาอีกรอบ ได้เห็นอะไรแปลกใหม่เยอะเลย ชาวพุทธที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติ การกราบไหว้ที่แตกต่างกัน บางท่าน ยืนจนนอนราบในทุกครั้งที่กราบ เรียกว่าทำกันเปนร้อยๆครั้ง เรายืนดูก็อึ้งกับกำลังศัทธราจริงๆ บางคนก็อยู่หลายสัปดาห์แล้ว
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นแรกเป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า (ต้นโพธิ์ต้นนี้ ไม่มีใบร่วงหล่นตามพื้น เพราะแย่งเก็บกันไม่ทัน 555555) at Bodhgaya , Bihar.
บ่ายๆ ออกมาเดินเล่นรอบๆพุทธคยา และวัดที่มาพัก มีความหลากหลายอย่างบอกไม่ถูกเลย ข้างในกับด้านนอกช่างแตกต่างกันมากจนน่าแปลกใจ ด้านหน้าทางเข้าพุทธคยา มีคนโดนทุบตีด้วยไม้กระบอง น่าจะเป็นตำรวจ ตี ชาวบ้าน อาจจะเป็นพวกขอทาน หรือคนจร คือตีแรงน่ากลัวมา เหมือนเป็นเรื่องปกติของเค้าเลยอะ
Day 8 : Gaya ( พุทธคยา - เขาดงคศิริ - แม่น้ำเนรัญชรา ) - Go to Kolkata
วันนี้เราไปวัดเนรัญชรา กันค่ะ ได้มีโอกาสแวะไปวัดไทยเนรัญชราวาส ริมแม่น้ำเนรัญชรา เจอพระอาจารย์ ดร.มหาชาญยุทธ ท่านเก่งมาๆ สนทนาธรรมกะท่านแล้ว รู้สึกดวงตาเห็นธรรม
ด้วยวัดไม่ไกลจากพุทธคยามากนัก จึงนั่งรถสกายแลปไปค่ะ
ระหว่างทางเราจะต้องข้ามแม่น้ำเนรัญชรา แม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติ
ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า "ลิลาจัน" มาจากคำสันสกฤตว่า "ไนยรัญจนะ" แปลว่า แม่น้ำที่มีสีใสสะอาด แต่จริงแล้วเนรัญชรามีแต่ทรายเต็มไปหมด ทางน้ำไหลก็ตื้นเขินมาก และผู้คนสามารถเดินข้ามฝั่งไปมาได้ ตอนเราไปน้ำก็แห้งแบบนี้เลย
มะลิกะจีวร เล่นกันสนุกเลย น้องหมาที่วัดไทยเนรัญชราวาส
ภาพยามพระอาทิตย์ตกดิน ณ .แม่น้ำเนรัญชรา แม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติ ที่ซึ่งพระพุทธเจ้าอธิษฐานลอยถาด พระพุทธเจ้าอธิษฐานว่า “ถ้าหากข้าพเจ้าจะได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ขอให้ถาดนั้นจงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป” ว่าจะลงไปขุดหาถาดพระพทุธเจ้าแระ
แห้งแบบลงไปเล่นฟุตบอลกันได้เลย
แวะไปบ้านนางสุชาดามาด้วย นางผู้ถวายข้าวมธุปายาส เมื่อพระพุทธเจ้า ทรงรับข้าวมธุปายาสแล้ว เสด็จไปประทับที่โคนต้นศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ทรงบำเพ็ญเพียรทางจิตและได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าในวันนั้น สุดยอดเลยยยย
วิถีชีวิตแถวๆบ้านนางสุชาดา
จิตรกรรมฝาผนังขี้วัว สวยมากๆ 55555 ขี้วัวแปะไปยันโคนต้นมะพร้าว เอาไว้มาทำเชื้อเพลิงดีมากจริงๆ
ที่นี่เค้าทำการเกษตรเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมากเลย เรือกสวนไร่นาสวยมากๆ
เด็กๆจากบ้านนางสุชาดา เก่งภาษาอังกฤษมาก เป็นไกด์ท้องถิ่นได้เลย เราเลยเลี้ยงชาเด็กๆ และให้เงินเล๋็กน้อยเป็นทุนการศึกษา เด็กๆพวกนี้ไม่ขอเงิน
คืนนี้ นั่ง Taxi มาสถานีรถไฟในเมืองคยา ขึ้นรถไฟขบวน 13010 +DOON EXPRESS กลับ kolkata ใชเวลาเดินทาง 9:28 ชม. สภาพรถไฟก็จะประมาณนี้ค่ะ คืนนี้นอนบนรถไฟ เพื่อไปเช้าในเมือง 06:55 รถไฟมาถึงสถานี HOWRAH JN
Day 9 : Kolkata Indian Museum ,Victoria Memorial Hall , แม่ชีเทเรซ่า
ไปพักอาบน้ำอาบท่าแบบ day use ที่ Hotel : Capital Guest House สภาพผีมากจิงๆ สภาพแบบไม่มีสภาพ
เข้าเมืองแล้ว ค่อยสดชื่นขึ้นหน่อย 555 ภาพบรรยากาศในเมือง Kolkata
อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วก็มาตะลอนในเมืองกันค่ะ
St. Paul's Cathedral,Kolkata
Indian Museum สวยงามมาก มีครบทุกสิ่งอย่าง เก็บไว้ทุกสิ่งละเอียดยิบตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์
หุ่นเหมือนเราเลยแฮะ หรือว่าเราเป็นคนที่นี่เมืองครั้งนานมาแล้ว
ไปเยี่ยมเยือนอนุสรณ์สถาน Victoria Memorial Hall, Kolkatta เข้าไปทำบัตรหาย โดนกักตัวอยู่ 15 นาที พอบอกว่าซื้อบัตรเข้ามา 150 รูปีนะ ปล่อยตัวเลย หุหุ
Victoria Memorial Hall สร้างขึ้นเพื่อเป็นระลึก ให้กับควีนวิคตอเรีย สมเด็จพระราชอนีนาถแห่งสหราชอาณาจักรและจักรพรรดินีแห่งอินเดีย ตั้งอยู่ในกัลกัตตา ใหญ่โตสวยงามดีมากจริงๆ
แวะไปบ้านแม่ชีเทเรซ่ามาด้วยค่ะ เป็นนักพรตหญิงในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ช่วยเหลือและผู้ต่อสู้เพื่อคนยากไร้ ท่านจึงได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
จบแล้วค่ะสำหรับอินเดีย ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ลากันด้วยภาพเหล่านี้ค่ะ
รวมภาพน้องๆน่ารักๆ จากอินเดีย และชาวพื้นเมืองมุดออกมาจากรูค่ะ 5555
แนบค่าใช้จ่ายมาให้ด้วยนะคะ แต่เป็นค่าใช้จ่ายเมื่อ 10 ปี ที่แล้วนะ 5555
สรุปค่าใช้จ่าย Trip India
รวมค่าใช้จ่ายที่อินเดีย (ต่อคน) 17,599.25 รูปี
= 9,263 บาท
ค่าเครื่องบิน = 7,407 บาท
รวมค่า Trip = 16,670 บาท
Memoriesวันวาน
วันพฤหัสที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567 เวลา 15.48 น.