. ณ บันทึกเก็บยิ้ม .
วัน เดย์ ทริป @ เสาชิงช้า
สวัสดีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สำหรับคนในตัวเมืองแบบเรา เรามักเลือกสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง และวันหยุดประจำสัปดาห์นี้ เราเลือกไปเที่ยวกันในย่านเสาชิงช้า ทริปนี้เจอสองฤดูกาลในวันเดียวกันไปเลย แต่เมื่อใจมันไปแล้ว สายฝนก็ย่อมไม่เป็นอุปสรรคอันใดทั้งสิ้น เอาล่ะ ลุย!!
โปรแกรมทริปเสาชิงช้า
วัดสุทัศนเทพวราราม > โกหลุ่น (ขนมจีนไหหลำ) > ร้านบรรพชน > ศาลเจ้าพ่อเสือ > Piccolo kafe > ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี > บัวลอยเกตุแก้ว > มนต์นมสด
การเดินทางในครั้งนี้เรานั่งรถเมล์สายที่ผ่านหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พอลงรถเมล์ปุ๊ป สายตาก็หันไปสบตากับเสาชิงช้าพอดิบพอดี
เริ่มต้นด้วยการเติมหนังท้องให้พร้อมมีแรงเดินรอบย่านเสาชิงช้า ประเดิมกันที่ร้าน 'โกหลุ่น' ขนมจีนไหหลำ
เป็นครั้งแรกเลยที่ได้กิน ขนมจีนไหหลำ เห้ย ดีอ่ะ เส้นเหนียวนึบหนับ มาพร้อมหมูกรอบ และเครื่องใน (ใครสายเส้นแนะนำเลยว่าต้องมาลอง สำหรับคนที่ไม่ใช่สายเส้นที่ร้านก็มีเมนูข้าวราดหน้าต่างๆ) ในส่วนของขนมจีนไหหลำ มีแบบน้ำข้น (บนซ้าย) และน้ำใส (บนขวา) น้ำใสดูออกจะคล้ายๆ ตือฮวนเลย แตกต่างกันที่ตือฮวนไม่โรยงาขาว ที่สำคัญคือ หมูกรอบ มัน กรอบ มาก
หนังท้องอิ่มเรียบร้อย สถานีต่อไป ขอเข้าวัด ไหว้พระกันต่อ พาไป 'วัดสุทัศนเทพวราราม' หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า "วัดสุทัศน์" เป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และเป็นหนึ่งใน 9 วัดไหว้พระขอพรรอบเกาะรัตนโกสินทร์ อีกหนึ่งจุดเด่นของวัดสุทัศน์ที่เด่นชัด คือ เสาชิงช้า ที่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณหน้าวัด
ไหว้พระในโบสถ์ และเดินชมบริเวณรอบๆ ในวัด
หลังจากไหว้พระขอพรเรียบร้อยแล้ว เรายังคงมุ่งมั่นตามแผนเดิม คือ เดิน เดิน เดิน
แดดออกจ้าแล้ว หลังจากที่ช่วงสายๆ ฝนตกลงมาปรอยๆ อากาศร้อนๆ แบบนี้ต้องหาอะไรเย็นๆ ทานกันสักหน่อย
ปักหมุดร้านปังปิ้ง บิงซู น้ำซ่า กันที่ ร้าน 'บรรพชน'
ในทริปนี้หากใครเริ่มต้นทริปด้วยการไหว้พระที่วัดสุทัศน์ ก่อนเดินเข้ามาทาน 'โกหลุ่น' (บนถนนมหรรณพ) จากร้าน 'โกหลุ่น' เดินตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 30 เมตร ก็จะเจอร้าน 'บรรพชน' ส่วนทริปนี้ของเราก็คือ เราเดินกลับเข้ามาบนถนนมหรรณพใหม่นั่นเอง ฮ่าๆๆ
ตามป้ายร้านที่ว่า 'ปังปิ้ง บิงซู น้ำซ่า' พวกเราจัดกันมาครบตามสโลแกนร้านให้สมกับบรรยากาศภายนอกร้านที่แดดกำลังร้อนแรง
สดชื่นกันชุดใหญ่ เราเดินต่อตรงจากร้านบรรพชนมาเรื่อยๆ จะพบกับอีกหนึ่งสถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อเดินทางมาย่านนี้ ไม่ว่าจะมาขอพรในวันขึ้นปีใหม่ เสริมดวงเพื่อสิริมงคล ขอโชคลาภ หรือ แก้ปีชง 'ศาลเจ้าพ่อเสือ' หรือที่คนจีนในไทยเรียกว่า ศาลตั่วเหล่าเอี้ย เป็นศาลเจ้าตามความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีนที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่คนแวะเวียนมาตลอดทั้งปี
และในวันที่เราเดินทางไปคนก็แวะเวียนมาไม่ขาดสายเลยทีเดียว
ขอพรกันเรียบร้อย ข้ามถนนจากฝั่งศาลเจ้าพ่อเสือ และเดินตรงมาเรื่อยๆ มีของทานตลอดเส้นทาง ใครชอบทานเผือก แนะนำร้านนี้เลย 'เผือกหิมะเจ๊นี'
เดินตรงต่อมาเพื่อเป้าหมายต่อไป คือ คอฟฟี่ในตอนบ่าย
ภายในตึกสไตน์โมเดิร์นแห่งนี้มีร้านกาแฟ 'Piccolo kafe' ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ตึก ในส่วนบนเปิดเป็นห้องพัก ส่วนใต้ตึกตามหมายเลข '323' เปิดเป็นร้านกาแฟ 'Piccolo kafe' ซึ่งหากใครยังไม่เคยไป แอบบอกก่อนว่าทั้งสองส่วนนี้จะแบ่งส่วนกัน ไม่สามารถขึ้นไปด้านบนที่เป็นห้องพักได้ สำหรับสายกาแฟสามารถเดินเข้าประตูหมายเลข '323' กันได้เลย
สำหรับสายเข้มแบบเรา ต้องจัด 'อเมริกาโน่ หวาน 0%' ไปเลย
ตาเริ่มกลับมาตื่นอีกครั้ง หลังจากเพลียแดดเล็กน้อย เรายังคงเดินวนเวียนอยู่รอบๆ ย่านเสาชิงช้า แวะซื้อ 'ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี' และ 'บัวลอยเกตุแก้ว' กลับบ้าน ขอบอกเลยว่า อร่อยสมคำร่ำลือทั้งสองร้าน
เรายังคงไม่หยุดอยู่เพียงการซื้ออาหารเย็นและขนมหวานกลับบ้าน
ขอปิดท้ายทริปนี้ด้วยอีกหนึ่งร้านที่พลาดไม่ได้ แม้ว่าหนังท้องจะตึงมากแค่ไหน แต่เราก็ยังจะกินกันต่อไป
'มนต์นมสด' หนึ่งร้านที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาแถวเสาชิงช้า และเป็นสาขาที่คนแน่นตลอดทั้งวัน หลังจากสอบถามพนักงานหน้าร้านแล้วว่ามีโต๊ะ เราก็ต้องจัดแล้ว ขนมปังหน้าสังขยาใบเตย กับ ขนมปังหน้าซุปข้าวโพด อย่างละแผ่น เสริ์ฟมาคู่กับน้ำอันชัญมะนาว และโกโก้
ทริปแน่นตึงตลอดทั้งวัน
บางครั้งเราเพียงอยากคลายเครียดง่ายๆ ด้วยการเดินไปเรื่อยๆ อยากกินอะไรก็กิน อยากแวะเข้าร้านไหนก็แวะ เท่านั้นเอง
. . ขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางในครั้งนี้
แล้วตามเราไปเที่ยวกันต่อทริปหน้านะ
พบกันได้ในโลกโซเชียล ณ เฟสบุ๊ค : บั น ทึ ก เ ก็ บ ยิ้ ม
https://www.facebook.com/keptyoursmile/
เ ขี ย น : มนุษย์ตัวเล็ก
มนุษย์ตัวเล็ก
วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 11.11 น.