. บันทึกเก็บยิ้ม .

16 - 20 พฤศจิกายน 2566

สายลมของฤดูหนาวพัดผ่านมาอีกครั้ง เป็นสัญญาณของช่วงเวลาใกล้เดือนสุดท้ายของปี

ฤดูกาลท่องเที่ยวรับลมหนาวมาถึงแล้วสินะ ได้เวลาที่เราจะเปิดแอปบุ๊คกิ้งจองตั๋วเครื่องบินไปรับลมหนาวที่จังหวัดทางตอนเหนือของประเทศไทยกันเสียหน่อย

ป่ะ ไปแอ่วเชียงใหม่ในแบบฉบับสองสาวพี่น้องกันเจ้าาา . .

การเดินทางไปเชียงใหม่ของเราในครั้งนี้เริ่มต้นด้วยนั่ง Airport Link ยาวๆ เข้าไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิกันเลย

ขณะนี้เวลา 23.55 นาที เรากำลังพาท่านถึงสนามบินนานาชาติเชียงใหม่

ก่อนเริ่มเดินทางไปพร้อมกับเรา เราลิสต์สถานที่ฉบับรวบรัดให้กับเพื่อนๆ ก่อน ตามนี้เลยจ้า 

เดย์ หนึ่ง - ใต้ถุนบ้าน > วัดพระธาตุดอยคำ > Khao so-i > ขึ้นดอยหลวงเชียงดาว (ทำบุญกฐินวัดถ้ำเชียงดาว)
เดย์ สอง - ทำบุญกฐินวัดถ้ำเชียงดาว > เข้าที่พัก ดูดอย คอยดาว
เดย์ สาม - 
กลับตัวเมือง > วัดเทพมณเฑียร > จริงใจ มาร์เก็ต > MARS > สุกี้ช้างเผือก > ถนนคนเดินท่าแพ
เดย์ สี่ - 
ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นวังสิงห์คำ > Rossakorn Bake & Beverage > วัน นิมมาน > GRAPH > FOHHIDE > Yogurtory > พายจริญ

เชียงใหม่ เดย์ หนึ่ง เริ่ม!

อุณหภูมิในตัวเมืองของเช้าวันใหม่ เย็นขึ้นเล็กน้อยจากสภาพอากาศที่มีฝนตกลงเมื่อคืน อากาศดีๆ แบบนี้เราต้องรีบตื่นไปสูดอากาศดีๆ พร้อมกับหาอาหารเช้าลงท้องกัน

" ใ ต้ ถุ น บ้ า น "

ร้านนี้ถูกเติมเข้ามาในลิสต์ก่อนออกเดินทางเพียงไม่กี่วัน จะเรียกว่าเราโดนตกตอนเห็นรูปร้านก็ว่าได้ คอนเซ็ปร้านที่ตรงกับชื่อร้านทำให้ทุกอย่างลงตัวโดยไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ เพิ่มเติม

ระวังศีรษะ!

ใต้ถุนบ้านทรงเตี้ย ทำให้ลูกค้าที่ได้คิวเข้าไปนั่งโซนด้านในใต้ถุนบ้านแบบเรา เห็นป้ายนี้ติดอยู่หลายจุด นอกจากโซนใต้ถุนบ้านจะมีโซนหลังบ้านอีกหนึ่งโซน วิวเอ้าท์ดอร์ก็จะได้สัมผัสสายลมและแสงแดดในยามเช้า ส่วนวิวของเราในวันนี้คือ ทูโซนไปเลยจ้า เพราะความที่ได้มานั่งโซนติดหน้าต่าง ทำให้ได้เห็นบรรยากาศหลังบ้านควบคู่ไปกับการกินอาหารเช้ามื้อนี้ไปด้วย บอกได้คำเดียวว่า "คุ้ม!" คุ้มกับการรอคิวที่สุด

แนะนำให้ทุกท่านที่จะตามมาและหากไม่อยากรอคิวนานแบบเรา ตื่นเช้าอีกสักนิดดดด

อาหารมาแล้วจ้า

สั่งแบบไม่คิดเลยว่าจะกินหมดหรือไม่

โจ๊กหมู ไข่กระทะ ขนมปังไข่แฮมชีส ขนมปังนึ่งสังขยา เสิร์ฟพร้อมมากับอเมริกาโน่เย็น

เราชอบความน่ารักตรงเมื่อเราได้คิวเข้าไปนั่ง พี่ที่ร้านจะเสิร์ฟชาร้อนมาให้ก่อนเป็นอย่างแรก เป็นการเปิดรสสัมผัสของมื้อเช้าได้เป็นอย่างดี

- ใต้ถุนบ้าน - 

เปิด-ปิด : 06.30 - 14.00 น.

อิ่มแล้วก็พร้อมลุยกันต่อ! การเดินทางสัญจรในเชียงใหม่แบบแบ็คแพ็คของเราสองคน เราไม่ได้เช่ารถขับใดๆ เราเลือกเดินทางกันโดยโบกรถแดง เรียกแกร๊ป และเดินในระยะที่เราสองคนเดินไหว

สถานีต่อไป " วัดพระธาตุดอยคำ "

หลังจากเดินย่อยอาหารออกมาจากร้านใต้ถุนบ้าน เราใช้วิธีการโบกรถแดง (แบบเหมา) ขึ้นไปวัดพระธาตุดอยคำ คุณลุงใจดีค่อยๆ ขับรถแดงผ่านโซนช้างม่อย ประตูท่าแพ มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางของเรา 

เมื่อไปถึงลานจอดรถของวัด เรานัดแนะสถานที่จอดรถของคุณลุง และเซฟเบอร์โทรคุณลุงไว้เรียบร้อยก่อนกลับมาเจอกันอีกครั้ง

แม้วันนี้จะเป็นวันธรรมดา แต่ประชากรที่หลั่งไหลเข้ามาขอพรหลวงพ่อทันใจไม่น้อยลงเลย

เราเก็บบรรยากาศวิวบนวัดพระธาตุดอยคำมาฝาก วิววันนี้ออกจะมืดๆ เสียหน่อย เดินเพลินๆ ฝนก็ตกลงมาซะงั้น

ได้เวลากลับลงมาย่านตัวเมืองอีกครั้ง 

มื้อเที่ยงนี้ที่ " ข้าว โซ อิ (Khao so-i) "

แม้ร้านนี้จะพึ่งไปเปิดตัวกันที่กรุงเทพเมื่อไม่นานมานี้ แต่เราขอมาประเดิมกินครั้งแรกที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสาขาแรกกันก่อน

ข้าวซอยเส้นสดเนื้อน่องลาย ข้าวซอยผัดแห้งไก่โซอิ

ส่วนตัวเราเป็นคนชอบทานข้าวซอยมาก และคิดว่าหากใครชอบทานรสชาติแบบกลางๆ ไม่พื้นเมืองจ๋าๆ ร้านนี้ต้องถูกใจใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน ปักหมุดร้านต้องมาลองคือร้านนี้เลย

แถมช่วงนี้มีร้าน After You มาเปิดอยู่ด้านหลังร้านข้าว โซ อิ ด้วยนะ บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปเที่ยวญี่ปุ่นเลย

- Khao so-i -

เปิด-ปิด : 09.00 - 20.00 น.

ทริปแบ็คแพ็คของเราในครั้งนี้เป็นทริปสายบุญบนวัดถ้ำเชียงดาวรวมอยู่ด้วย เลยขอพาทุกคนข้ามงานบุญไปท่องเที่ยวกันต่อ แต่ก่อนข้ามไป ด้วยความที่เราไปอยู่บนเชียงดาวแล้ว เลยถือโอกาสแวะพักสักคืนเก็บบรรยากาศเย็นๆ บนดอยกันเจ้า

" ดูดอย คอยดาว " ที่พักวิวดอยหลวงเชียงดาวในระยะใกล้ วิวสามร้อยหกสิบองศา

อุณหภูมิยามบ่ายยังคงอยู่ในระดับปกติ แต่เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดิน อุณหภูมิจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ แสงสีส้มของพระอาทิตย์ค่อยๆ หายไปจากท้องฟ้า 

คุณป้าที่คอยดูแลที่พักเตรียมวางเตาหมูกระทะให้เราสำหรับอาหารเย็นมื้อนี้ ไฟจากเตาหมูกระทะเริ่มค่อยๆ ปะทุขึ้นมา ในขณะที่อากาศค่อยๆ เย็นลงมาเรื่อยๆ ได้เวลาที่เราจะเอ็นจอยอีทติ้งดินเนอร์กันแล้วจ้า

ณ เวลา 22.00 น. อุณหภูมิในตอนนี้ 18 องศาเซลเซียล

ก่อนจะหลับปุ๋ย เราตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อได้ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน

5.50 น.

เช้านี้หมอกลงหนา เจ้าหมอกค่อยๆ เคลื่อนตัวบดบังดอยหลวงเชียงดาวสลับกับค่อยๆ จางหายเผยให้เห็นดอยหลวงแบบชัดๆ เป็นจังหวะที่เราได้เปิดกล้องถ่ายรูปมาฝากทุกคน

ในส่วนของพระอาทิตย์ขึ้นนั้น ขึ้นคนละฝั่งกับดอยหลวงเชียงดาว

เสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้เห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวคู่กับทุ่งนาสีเขียวเต็มทุ่งด้านหน้าห้องพัก เนื่องจากทางที่พักพึ่งจะเกี่ยวข้าวไป และจะเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นทุ่งดอกไม้แทน (สำหรับใครที่อยากตามรอยและอยากเห็นวิวทุ่งดอกไม้ให้ถามตอนจองอีกทีนะ)

ดูดอย คอยดาว ห้องพักสองแบบสองสไตล์ ห้องพักแบบโดม และบ้านพัก เราเลือกนอนแบบโดม จะมีห้องน้ำแบบส่วนตัวอยู่ติดโดมแต่ละหลัง แถมอ่างอาบน้ำส่วนตัวไปด้วย ใครพร้อมแช่อ่างรับลมหนาว เลือกมานอนแบบโดมกันได้เลย

กินข้าวเช้าเพื่อเติมพลังก่อนกลับไปตะลอนย่านตัวเมืองกันต่อ

ขาลงเราเหมารถจากที่พักมาส่งสถานีขนส่งเชียงดาว เดินทางกลับลงมาสถานีขนส่งช้างเผือก สำหรับรถที่จะนำกลับลงมาตัวเมืองได้ มีทั้งรถบัสไม่ติดแอร์ รสบัสติดแอร์ และรถตู้ รถบัสออกทุก 1 ชั่วโมง ส่วนรถตู้จะไม่มีเวลาแน่นอน เราได้รถตู้รอบขาลงจากฝาง (พี่จำหน่ายตั๋วบอกเราว่าเป็นรอบเก็บตก ราคาจะถูกกว่ารอบปกติ รอบปกติ 150 บาท/คน รอบเก็บตก 70 บาท/คน)

ถึงจุดหมายสถานีขนส่งช้างเผือก

ใช้เวลาการเดินทางจากบนดอยลงมาสู่ตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่นี่มีรถสองแถว รถตุ๊กตุ๊กไว้ให้เรียกใช้บริการมากมาย ส่วนเราทั้งคู่มีจุดหมายปลายทางที่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก เลยเลือกบริการเดินให้กับตัวเอง

สำหรับจุดหมายปลายทางของเราคือ " วัดเทพมณเฑียร " วัดแขกแห่งเดียวในเชียงใหม่ เป็นสาขาที่แยกออกมาจากย่านเสาชิงช้า กรุงเทพมหานคร ภายในมีเทวรูปหินอ่อนประดิษฐานอยู่หลายองค์ เช่น พระพิฆเนศ พระแม่ลักษมี พระวิษณุ เป็นต้น

สถานีต่อไป " จริง ใจ มาร์ เก็ต "

โบกพี่รถแดงไปกัน คนละ 30 บาท ถึงหน้าตลาดกันเลย

ตลาดจริงใจน่าจะถูกใจชาวอาร์ททั้งงานเสื้อผ้า กระเป๋า ของมินิมอลต่างๆ ส่วนสิ่งที่ถูกใจเราก็คือของกินในตลาดแห่งนี้

ประเดิมกันที่อเมริกาโน่แก้วนี้

กับข้าวเหนียวสีอัญชันหมูทอดและผัดไทสำหรับมื้อเที่ยงนี้

กินอิ่มแล้วเราสองคนก็เดินวนเวียนชมของขายให้ครบทุกซอย เอาให้ไม่เสียเที่ยวกันไปเลย

บ่ายวันนี้แดดดีเหลือเกิน เราสองคนขอตัวไปชาร์ตพลัง เก็บแรงไว้ช่วงเย็นสักนิด

z z z ~

แดดร่มลมตก ได้เวลาออกผจญภัยกันต่อ

ตั้งแต่มาถึงเชียงใหม่เรายังไม่ได้เก็บแต้มร้านคาเฟ่กันเลย เรียกได้ว่าเมืองเชียงใหม่ มีร้านกาแฟเต็มไปหมด หันหน้า หันหลัง มองซ้าย มองขวาก็จะเจอร้านกาแฟอย่างแน่นอน

บ่ายนี้เราพาไปร้านแรกกัน

" M A R S "

ร้านคาเฟ่ สไตล์อวกาศ ที่พาเราหลุดเข้าไปในโลกดาวอังคารในแบบฉบับ MARS 

ภายในร้านมีหลายโซนให้สามารถเลือกนั่งได้ เราชอบความลึกลับนิดนึงตรงที่หากเราเดินไปตามทางเรื่อยๆ ลองเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาดู แต่ละมุมจะแตกต่างกันไป อีกทั้งยังมีมุมจำลองดาวอังคารซึ่งเป็นมุมที่ใครๆ ก็ต้องมาแชะภาพเก็บไปลงเฟสบุ๊ค ไอจี 

ภายในร้านจะมีทั้งโทนสว่าง โทนมืดที่สามารถเลือกนั่งได้ตามใจชอบ แต่ก่อนที่เราจะเลือกนั่งได้นั้น ต้องสั่งเมนูของทางร้านที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์กันก่อน

ปล. สำหรับใครที่ตั้งใจมาถ่ายรูปอย่างเดียว มีค่าบริการท่านละ 50 บาทจ้า

Orange Planet ทานคู่กับเค้กแครอท

มุมนี้คือว้าวมาก 

- MARS -

เปิด - ปิด : 08.30 - 24.00 น.

นั่งทานกาแฟ ขนม และถ่ายรูปกันจนเพลิน เดินออกมานอกร้านอีกทีก็ไม่เห็นแสงแดดแล้วจ้า ฮ่าๆๆ

มื้อเย็นวันนี้เรามีนัดรอคิวกันที่ “สุกี้ช้างเผือก” แต่เราสองคนหนักแน่นกันมาตั้งแต่กรุงเทพฯ แล้วว่า ฉัน ต้อง ได้ กิน! ไปค่ะ ไปรอคิว โอ้โห คนต่อแถวยาวมาก เราเกือบไปรอต่อแถวกับเขาแล้ว แต่ไม่ใช่นะทุกคน ต้องไปกดคิวที่เคาน์เตอร์ก่อนนะ

6.27 น. รับคิว ที่ A082

โอ้วโห เห็นเลขคิวยังไม่เท่าเห็นแถวของบรรดาพลเมืองเชียงใหม่ นักท่องเที่ยว และอีกหลายๆ คนที่มีเป้าหมายมื้อเย็นเดียวกันกับเราในวันนี้

ในระหว่างรอคิวสุกี้ช้างเผือกอย่างใจจดใจจ่ออยู่นั้น … ท้องเราสองคนก็เริ่มหิว ขอลองท้องด้วยลูกชิ้นหมูปิ้งช้างเผือก คนละ 4 ไม้กันก่อนเบาๆ 

กินเสร็จหันมามองคิวสุกี้ช้างเผือก เหลืออีกครึ่งทาง อ่ะ ยังพอไหว ลองท้องด้วยหมูสะเต๊ะอาม่ากันต่ออีกสักหน่อย

แล้วกลับมารอคิวสุกี้กันต่อ และแล้ว. . . คิวที่ A082 เย้ คิวเราแล้ววววววว พอได้ยินเสียงเรียกคิวเท่านั้นแหละ รีบเลยจ้ะ รีบยื่นบัตรคิวให้พี่ด้านหน้าทันที

สุกี้แห้งเนื้อ และ สุกี้แห้งทะเล

ความแตกต่างของสุกี้ช้างเผือกกับสุกี้ร้านอื่นๆ สำหรับเราจะอยู่ที่ผักที่ทางร้านไม่ได้ผัดจนสุก ผักจะมีความกรอบ เคี้ยวไปยังกร๊อบ กร๊อบอยู่ ส่วนน้ำจิ้มที่ทางร้านทำเองรสชาติโอเคเลย เราสองคนกินกันหมดภายในไม่ถึงสิบนาที ฮ่าๆ

วันนี้เป็นวันอาทิตย์หลังจากกินสุกี้ช้างเผือกเสร็จ เราสองคนก็ไปเดินเล่นกันต่อที่ประตูท่าแพ ด้วยวิธีการเดิน ใช่แล้ว เดินจ้ะ เป็นการย่อยสุกี้ไปในตัว ฮ่าๆ แสงสีในตัวเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงนีออนจากร้านค้า เสาไฟที่ติดตั้งอยู่ริมทางมากมาย 

เดินผ่านวัดโลกโมฬี ซึ่งอยู่ห่างจากประตูหัวเวียง (ช้างเผือก) ค่ำคืนนี้ภายในวัดถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟทำให้ภายในวัดสวยงามมาก จุดเด่นของวัดคือองค์พระเจดีย์องค์นี้

เดินไปสักพักสุกี้ยังย่อยไม่หมดก็ถึงประตูท่าแพกันแล้วจ้า

บรรยากาศสองข้างทางตลอดการเดินเล่นชิวๆ บนถนนคนเดินท่าแพ ห้อมล้อมไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ บรรดาพ่อค้า แม่ค้า และของขาย นักวาดรูปอิสระที่พร้อมโชว์ฝีมือของตนให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้เห็นกันตรงนั้นเลย หรือใครเดินมาทั้งวันจนเมื่อยก็มีโซนหมอนวด นวดผ่อนคลายให้ ทำให้วันอาทิตย์ยามค่ำคืนนี้แม้จะดึกแค่ไหนก็เต็มไปด้วยผู้คนบนถนนคนเดินแห่งนี้

เชียงใหม่ . . . เดย์ สี่

เช้าวันที่สี่ของทริปนี้ มื้อเช้าเราตะลอนๆ กันมาแถวเส้นเจริญราษฎร์ มากินก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นวังสิงห์คำ 

กินก๋วยเตี๋ยวเป็ดแกล้มกับผักกาดหอมฉ่ำๆ ฟินไปอีกแบบ

เดินถัดจากร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดมาเพียงไม่ถึง 100 เมตร จะเจอร้าน Rossakorn Bake & Beverage 

เช้านี้เราเริ่มกันที่ชาเขียวเย็นเสิร์ฟมาพร้อมสโคน

Rossakorn Bake & Beverage ร้านกาแฟเล็กๆ ในตึกอาคารพาณิชย์ ผนังภายในร้านถูกแต่งแต้มด้วยสีเขียวมัทฉะ เคาน์เตอร์หน้าร้านเต็มไปด้วยเบเกอรี่ที่ทำสดใหม่ทุกวัน เช้านี้เรานั่งดื่มชาเชียวพลางมองออกไปนอกร้านที่มีรถเเล่นผ่านไปมาเป็นพักๆ ทำให้บรรยากาศในเชียงใหม่เช้านี้สดใสไปอีกแบบ

หลังจากที่เรานั่งชิวกันพักใหญ่ ก็ได้เวลาพาขาสองข้างของพวกเราสองคนออกไปเดินจ้ำกันต่อที่ย่านนิมมาน

นิมมานในวันจันทร์ที่เป็นวันทำงานของใครหลายๆ คน ทำให้ถนนเส้นนี้ไม่ได้พลุกพล่านไปด้วยผู้คน แต่ใช่ว่าร้านคาเฟ่ย่านนี้จะเงียบเฉียบผิดปกติ เพราะร้านกาแฟหลายๆ ร้านยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่สลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาแวะเวียนชิมกาแฟ และเดินผ่านไปมาบนถนนนิมมาน

ประเดิมกันที่ " Graph " ตั้งอยู่ใน One Nimman (Graph สาขานอก One Nimman ก็มีนะ แต่เราไปสาขานี้) 

Graph ร้านกาแฟที่ถูกตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียลให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปในโลกใบหนึ่ง โลกใบที่เงียบขรึม ผนังร้านสีดำขลับ แสงไฟวอร์มไวท์ และ เคาน์เตอร์ใหญ่กลางร้านที่ทำให้เราเห็นบาริสต้าทำกาแฟให้เราทานได้ถนัดตา

GRAPH NO.16

(Fresh Lime / Brown Sugar / Craft Soda / Espresso)

เปิด - ปิด : 11.00 - 21.00 น. (ในบางวันปิด 22.00 น. เช็คกันอีกทีนะจ้ะ)

เดินมากันต่อที่ " FOHHIDE " 

FOHHIDE คอฟฟี่บาร์ วิวดอยสุเทพบน rooftop ชั้น 5 กับเมนู La La Land

(Dirty latte with longan syrup milk)

เดอร์ตี้ นมสดไซรัปลำไยรสชาติกลมกล่อม สูตรพิเศษของ FOHHIDE

ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ค่อยชอบกินกาแฟนมเท่าไหร่ แต่พอได้กินเดอร์ตี้ที่มีทั้งนม และลำไยแก้วนี้ เรารู้สึกว่านมของที่ร้านเข้ากับไซรัปลำไยได้ดีทำให้คนไม่ค่อยชอบกินนมสดอย่างเรา กินแก้วนี้ได้หมดแก้วเลย

- FOHHIDE - 

วันจันทร์ - วันพฤหัสบดี เปิด - ปิด : 08.00 - 17.00 น.
วันศุกร์ - วันอาทิตย์ เปิด - ปิด : 08.00 - 18.00 น.

อิ่มกาแฟไปสองร้านแล้ว

ป่ะ เดินไปร้านที่สามก่อนต่อ ขอพักเบรกร้านกาแฟ มากินโฟเซ่นโยเกิร์ตที่ร้าน " Yogurtory " สามารถตักทุกอย่างได้เอง แล้วนำไปชั่งน้ำหนักที่หน้าเคาน์เตอร์

เดินทางกันมาต่อที่ร้านขนมและกาแฟสุดท้ายของทริปนี้ เราเชื่อว่านักกินขนมหวานทั้งหลายที่เดินทางมาเที่ยวย่านนิมมาน หรือคนที่กำลังมีแพลนจะเดินทางมาต้องมีร้านนี้อยู่ในลิสต์แล้วอย่างแน่นอน

“จริญ” หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อ “พายจริญ” ร้านพายมะพร้าวชื่อดังที่ใครมาเที่ยวย่านนิมมานก็ต้องมาลิ้มลองรสชาติพายมะพร้าวแสนอร่อยของร้านนี้ และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือ หากใครสั่งเมนูที่มีส่วนผสมของนมสามารถส่งรูปมาให้ทางร้านทำรูปกราฟิกบนฟองนมด้านบนแบบนี้ให้เราได้ 

ว้าวมาก ออกมาแบบนี้เลยจ้า สวยงามตามท้องเรื่อง

- จริญ -

เปิด - ปิด : 09.00 - 19.00 น.

จบทริปเชียงใหม่ 4 วัน 4 คืน

ขอบคุณ ' น้องสาว ' ผู้เป็นคู่หูตลอดการเดินทาง

แม้เราจะบอกว่าเชียงใหม่คือจุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้

แต่ทุกครั้งของการเดินทาง เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ผู้คนที่พบเจอตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้านต่างหากคือปลายทางที่สวยงามในทุกๆ วัน

บางสถานที่ . เราอาจจะมานอนได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต

บางคน . เราอาจจะไม่ได้กลับมาเจอเขาอีกเลย

ขอบคุณทุกคนที่สร้างมิตรภาพดีๆ ให้กับเราสองคนตลอดการเดินทาง

แล้วพบกันใหม่อีกครั้ง . เชียงใหม่

ตามเราไปเที่ยวกันต่อทริปหน้านะ

ชวนทุกคนไปรับกำลังใจดีๆ ได้ในโลกโซเชียล ณ เฟสบุ๊ค : บั น ทึ ก เ ก็ บ ยิ้ ม

https://www.facebook.com/keptyoursmile/

เ ขี ย น : มนุษย์ตัวเล็ก

มนุษย์ตัวเล็ก

 วันอังคารที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 12.31 น.

ความคิดเห็น