เปิดทริปต้นเดือนตุลากันที่อินเดียค่ะ ธรรมชาติแคว้น Kashmir ช่วงนี้ทุ่งหญ้าเขียวขจีผลิออกรอบสองข้างทาง อากาศเริ่มหนาวตอนเช้าและหัวค่ำ แต่ในช่วงกลางวันร้อนหน้าแทบไหม้เลย อัพเดทการเดินทางเข้าอินเดียผ่าน www.newdelhiairport.in/airsuvi... โดยอ้างอิงข้อมูลจาก newdelhi.thaiembassy.org ค่ะ
[ ข้อมูลสำหรับการเดินทาง ]
ภาษา (Languages) : Hindi , English
วีซ่า (Visa) : ขอ E-visa ที่นี่ http://indianvisaonline.gov.in โดยแนบไฟล์รูปกับ Passport จากนั้นชำระเงิน 25 USD
เมื่อวีซ่า Granted แล้วให้เข้าไปปรินท์เอกสารเพื่อยื่นตอนผ่าน Immigration
สกุลเงิน (Currency) : Rupee
Time Zone : ช้ากว่าไทย 1.5 ชั่วโมง
Emergency number : Royal Thai Embassy,New Delhi +91 11 2419 7200
Flight
จากไทยไม่มีเที่ยวบินตรงไป Srinagar จำเป็นต้องต่อเครื่องที่ Delhi ก่อน ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชม. เมื่อถึง New Delhi Airport สนามบินที่ขึ้นชื่อว่าตรวจละเอียดยิบ และคิวยาวมาก มีป้ายบอกเวลาสำหรับช่อง Immigration >20 นาที ของเราใช้ 2 ชม.ค่ะ ยืนเข้าคิวจนเมื่อย แต่ ตม. ไม่ถามอะไรเลย ที่สำคัญอย่าลืมกรอก Arrival card กันด้วยนะคะ
ต้องเปลี่ยน Terminal 3 (International) ไป Terminal 1 (Domestic) ให้นั่ง Free shuttle bus ตรงเสาด้านหน้าอาคารต้นที่ 10 ใช้เวลา 20 นาที รถออกทุก 20 นาที
เราใช้บริการ SpiceJet ค่ะ ประสบการณ์ครั้งนี้แย่มาก ขอผ่านไปละกัน เดี๋ยวจะหมดสนุกกันซะก่อน แต่ถ้าให้เราแนะนำควรเลือกบินกับ Indigo ดีกว่า เพราะเราซื้อตั๋วใหม่กับ Indigo หรือจะเลือก Vistara ก็แนะนำค่ะ
ส่วนไฟท์ขาไป Srinagar แนะนำนั่งฝั่งขวา ขากลับนั่งฝั่งซ้าย จะมองเห็นแนวเทือกเขาหิมาลัยขาวโพลนซับซ้อนเรียงรายเป็นแนวยาว
Srinagar เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังมาก ช่วงนี้มีเที่ยวบินมาลง Srinagar ถึง 45 เที่ยวบินต่อวัน
Private car
สำหรับใครที่ชอบคนขับไม่พูดเยอะ แต่ใจดี เราขอแนะนำคุณ Guzar รถที่เช่าเป็น Totota Innova คันใหญ่ สะอาด มารยาทดีตามแบบฉบับคนอินเดียนะ ฮ่า…. ติดต่อเบอร์นี้ได้เลยค่ะ WhatsApp +91 84929 43388
จาก Srinagar airport ไป Nigeen lake ใช้เวลา 45 นาที
จาก Srinagar ไป Sonamarg ใช้เวลา 2.5-3 ชม.
จาก Srinagar ไป Pagalgam ใช้เวลา 3.5-4 ชม.
Sonamarg
กว่าจะพ้นช่วง Rush hour ตอนเช้าของตัวเมือง Srinagar เราแวะพักจิบชา ทานขนมปังมื้อเช้าที่บ้านพักส่วนตัวของเจ้าของบ้านเรือก่อนค่ะ จองนอนบ้านเรือมาสองคืน แต่คืนนี้มีอะไรบางอย่างที่ต้องซ่อมแซม ต้องเปลี่ยนแพลนมานอนบนบกในคืนแรกก่อน
Kashmir เป็นดินแดนพิพาทระหว่างอินเดียกับปากีสถาน เป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอกองกำลังทหาร และตำรวจตั้งป้อมอยู่รอบตัวเมือง ไปจนนอกเมือง ผู้คนที่นี่ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีเคอร์ฟิวบ่อยเหมือน 3-4 ปีก่อน นักท่องเที่ยวที่เราเจอส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดียที่เดินทางมาจากเมืองอื่นๆ
ขับขึ้นไปทางตอนเหนือ ระหว่างทางสามารถแวะซื้อของกินที่ตลาด Kangan ได้นะคะ แล้วค่อยขับรถต่อตามเส้นถนนแคบลาดยาวไปเรื่อยๆ มีรถติดบ้างเป็นจุดๆเนื่องจากรัฐบาลอินเดียมีนโยบายสร้างถนนอุโมงค์ต่อไปยัง Leh Ladakh แต่ต้นสน ลำธารเล็กๆ ก็ช่วยให้ช่วงรถติดไม่น่าเบื่อจนเกินไป
ผ่านมา 3 ชม. จะถึงทางเข้าหมู่บ้าน Sonamarg หรือ Sonmarg มองเห็นเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักตากอากาศ และโรงแรม
เพื่อนๆสามารถเลือกเที่ยวที่นี่ได้ทั้งสองแบบ ขี่น้องๆ Pony หรือเดินขึ้นเอง เส้นทางไม่โหดไม่ชันมาก เดินเพลินๆไม่เหนื่อยแน่นอน เพราะอากาศที่เย็น ลมที่พัดผ่านตลอด ส่วนเราตอนนั้นขี้เกียจเดิน เน้นสร้างรายได้สู่ชุมชน ฮ่า…. เลยเช่าน้อง Pony พร้อมคุณลุงไกด์
จากที่สัมผัสคนอินเดียน่ารักมากจริงๆ มีน้ำใจ ตั้งใจบริการอย่างดี เราบรีฟมุมถ่ายรูปให้คุณลุงก็ฟังอย่างใจเย็น จนได้ภาพสวยๆมาหลายภาพเลยค่ะ ยื่นทิปให้แค่ไหนก็แค่นั้น เต็มใจรับไม่มีบ่น และไม่ใช่แค่ที่ Sonamarg นะคะ ไม่ว่าจะเป็นที่ Pahalgam ที่ Delhi หรือที่อื่นๆก็ดีหมดทุกคนเลย ถือว่าโชคดีมาก
จากข้อมูล Sonamarg ตั้งอยู่บนพื้นที่ความสูง 2730 เมตร เส้นทางจากหมู่บ้านนี้ สามารถขึ้นไปถึงยังจุด Thajiwas glacier หรือ Snow point ผู้คนจะมากในช่วง Summer ช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวคือช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน
ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทาง Trekking ต่างๆได้แก่ Vishansar, Kishansar, Gadsar, Satsar และ Gangabal อีกด้วย
ราคาเช่าน้อง Pony ช่วง High season อยู่ที่ 700 - 1500 Rupee ขึ้นอยู่กับจำนวนสถานที่ที่ต้องการไป ของเราตกลงกันด้วยราคา 1500 Rupee 3 สถานที่ แต่คุณลุงไกด์ใจดีพาเดินไปอย่างไกลเพิ่มให้อีกจุดค่ะ น่ารักมากใช่มั้ยคะ…..
Sonamarg ถูกเรียกอีกชื่อคือ ‘a meadow of gold‘ สันนิษฐานว่าเป็นสีทองของยอดเขาล้อมรอบหมู่บ้านยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ตัดกับสีของแม่น้ำ Sindh ที่ไหลผ่านกลางหุบเขา
จุดนี้มีเต็นท์ขายอาหาร ขายชาร้อนๆ เรียงอยู่ประมาณสิบ หน้าวิวอลังการนี้เลยค่ะ เรามาถึงประมาณบ่ายสามกว่าๆ ไม่ทันอยู่ดู Sunset เพราะกลัวจะถึงที่พักในเมืองดึกเกินไป แต่ถ้าใครพอมีเวลา แนะนำพักที่ Sonamarg ได้นะคะ
ขากลับ เราเจอหมู่บ้านนึงห่างจากจุดขี่ม้า 10 กม. ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกมั้ยนะคะ “Kalmakar village” หมู่บ้านบนเนินเขาแต่ละหลังสลับกับต้นสน ชอบมากๆ มันสวยมากๆ
Pahalgam
มาอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวหลักในเขตเมือง Anantnag ที่ Pahalgam เค้าต้อนรับนักเดินทางกันตลอดทั้งปี ถนนหนทางกว้างขวางดี ในช่วงแรกขับผ่านค่ายทหารยาวไปไกลหลายกิโล และเข้าสู่เส้น Jammu Srinagar Highway วิวเปลี่ยนเป็นทุ่งข้าวในฤดูเก็บเกี่ยว ชาวบ้านยังใช้วิถีดั้งเดิมตีข้าวนวดข้าว แบบไม่ได้ใช้เครื่องจักรช่วย เราว่าเป็นวัฒนธรรมที่หาดูยากทีเดียวค่ะ
มาได้ครึ่งทางจะพบไร่ Saffron หรือหญ้าฝรั่น ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องเทศที่แพงมาก ส่วนที่ดีที่สุดเป็นเกสร นิยมใส่ในเครื่องดื่ม ใส่เหยือกชาร้อนๆ บางร้านผสมเข้ากับ Almond และน้ำผึ้งด้วยค่ะ
คุณ Guzar แวะร้านนี้ซื้อ Walnut Almond รวมๆมากับผลไม้อบแห้งในถุง ถูกใจใช่เลย กินคนเดียวค่อนถุง ชอบมาก โดยเฉพาะ Walnut ที่เม็ดเหมือนสมองคน รสชาติมันๆกินเพลินสุด
ขับมาอีกหน่อยจะเจอสนามกีฬาและแหล่งซ้อมกีฬา Cricket ซึ่งเป็นที่นิยมมากในอินเดีย โดยตลอดสองข้างทางจะมีร้านอุปกรณ์ Cricket ขายค่ะ
เส้นทางเที่ยว Pahalgam มีจุดแวะหลายที่มากๆ เราแวะสวนแอปเปิ้ลด้วยค่ะ ต้นเดียวแต่ลูกดกมาก น้ำแอปเปิ้ลคั้นสด หวานสดชื่น ไม่แช่เย็นไม่ใส่น้ำตาล อร่อย แถมราคาไม่แพง แก้วละ 50 Rupee เอง ที่ร้านยังขายผลิตภัณฑ์อื่น เช่น แยม ด้วย เติมพลังแล้วก็ชมธรรมชาติกันต่อค่ะ
ถึงแล้ว Pahalgam ดินแดนหุบเขาสูง เส้นทางค่อนข้างสูงชัน เราแนะนำขี่ Pony ดีกว่า ไกด์ทุกคนจะตกลงราคากับลูกค้าตามลิสต์ที่ถูกกำหนดมาให้ ไกด์บางคนลดราคาให้ถูกกว่าด้วยค่ะ โดยราคาจะขึ้นกับแต่ละสถานที่ตามนี้นะ
-Baisaran,Dabyan,Kashmir valley,Denow valley ราคา 2420 Rupee
-Kanimullah 1760 Rupee
-Pagalgam valley 500 Rupee
-Old Shikargah 1650 Rupee
-Tulyan Lake 2420 Rupee
ขี่ม้าในหุบเขาป่าสนให้ความสุขไปอีกฟีลต่างจากที่ Sonamarg วันนี้ฟ้าโปร่งแดดจ้าเป็นพิเศษ อยู่ท่ามกลางความร่มรื่นสดชื่น ลมพัดเอื่อยๆสบายๆดมกลิ่นไม้ใบหญ้าได้ตามทาง
เลาะขึ้นเนินเขาสูงชันไปเรื่อยๆ ผ่านความเงียบสงบของป่าสน จนมาถึงเมืองโล่งกว้างกลางหุบเขาอย่าง Baisaran ค่ะ ที่นี่คนเยอะมาก มีร้านค้า ขายอาหาร เครื่องดื่ม กิจกรรม Zip line , Zorb Ball เสียค่าเข้าเพิ่มอีกคนละ 30 Rupee
เส้นทางลงเขาของอีกด้าน จะผ่านหุบเขาแกะ ถ้ามองดูในภาพดีๆจะเจอแกะหลายร้อยตัว ไกด์บอกว่าช่วง Winter วันที่หิมะตกเยอะๆหมู่บ้านที่อยู่บนเขาอีกลูกจะสวยมากทีเดียวค่ะ
ก่อนเข้าเมืองอันแสนวุ่นวาย นั่งเล่นเก็บบรรยากาศริมแม่น้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ
Kashmir ยังมีอีกหลายที่ อย่างช่วง Winter หิมะหนาวๆต้องไปขึ้น Gondola ที่ Gulmarg , ชิมชา Saffron ที่ Pulwama , Aru Valley , Yusmarg Valley , Betaab Valley , Dachigam National Park นี่ยังไม่รวมกิจกรรมสำหรับสาย Trek อีกนะคะ
ที่พัก (Accommodations) : Delhi
Persona International โรงแรมอยู่ใน location ติดห้างเล็กๆและร้านอาหาร สะอาด ดูปลอดภัยค่ะ เดินเข้าไปในซอยนิดเดียว ข้อดีคือไม่ค่อยได้ยินเสียงแตรรถตามท้องถนนในช่วงกลางคืน เจ้าของที่พักบริการดีมาก เสริฟชาเป็น welcome drink ด้วย
(ติดต่อที่พัก Tripadvisor : Abyss Tours
Contact : Whatsapp +91-9811380861)
ห้องพักกว้าง มีน้ำอุ่นให้ด้วย สำหรับเราที่สั่ง Meat masala with Roti กับทางที่พัก มีบริการยกขึ้นมาเสริฟให้นั่งรับลมเย็นๆบนดาดฟ้าด้วยค่ะ
ที่พัก (Accommodations) : Srinagar
คืนแรกบ้านเรือที่จองมาต้องซ่อมแซม เราเลยได้มานอนห้องรับรองแขกของเจ้าของบ้านเรือในหมู่บ้านแทน
Nigeen lake
คืนที่สองได้พักบ้านเรือแล้วค่ะ ที่พักชื่อ Peach of mine Boathouse เส้นทางน้ำสามารถเชื่อมไป Dal lake ได้ วิวจากที่พักมองเห็นป้อมปราการ Hari Parbat บนเนินเขา
บ้านเรือหนึ่งหลังแบ่งออกเป็นหลายห้อง เราได้ห้องใหญ่ที่สุดของเรือ วางกระเป๋าไม่ถึงห้านาที ผู้ดูแลก็เสริฟน้ำเสริฟอาหารอร่อยๆให้ทานเลย ถึงไม่ทันนั่งดูพระอาทิตย์ตกยามเย็น แต่บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าอากาศหนาวในวันถัดมาก็สวยมากๆเลยนะคะ
อาหารการกิน (Food) :
เดินทางมาอินเดีย เพื่อนๆเข้าบ้านไหนก็จะได้การต้อนรับด้วย Kashmir tea ค่ะ ไปยืนดูวิธีต้มชามา เริ่มจากบดเครื่องเทศก่อน จากนั้นต้มกับน้ำร้อน ใส่ชา ใส่น้ำตาลหรือถ้าไม่ชอบหวานก็ไม่ต้องเติม ใช้เวลา 3 นาที ยกขึ้นใส่เหยือกได้เลย
แต่ก่อนเราว่าอาหารของอินเดียออกเลี่ยนไปหน่อย พอได้มาทริปนี้กลับชอบขึ้นมาซะงั้น โดยเฉพาะ Chicken masala กินกับข้าวแคชเมียร์ที่เค้าว่าอร่อยกัน ตักข้าวจนพูนจานราดด้วย Dal คล้ายกับซุปข้นๆเหลืองๆผสมเครื่องเทศ สมุนไพร และถั่วต้ม
Paneer Butter Masala หรือแกงชีสอินเดีย รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ และแกงใส่มันฝรั่งกับมะเขือก็อร่อย
แอปเปิ้ลที่นี่เค้าสดจริงนะคะ พกใส่กระเป๋าเป้ตั้งสองวันยังสดกรอบอยู่เลย
การเดินทางภายในเมือง Delhi :
ลองนั่งขนส่งสาธารณะในอินเดียดูบ้าง เริ่มต้นด้วยการยืนงงอยู่หน้า Chart Metro พักใหญ่เลย line สถานี เหมือนใยแมงมุม ทุกสีมาครบ
สุดท้ายต่อแถวไปถามเจ้าหน้าที่ค่ะ ง่ายสุด เราขึ้นสายสีส้ม สถานี Airport ไปสถานี New Delhi ราคา 60 Rupee ตั๋ว Day pass ไม่มีขายทุกสถานีนะคะ ต้องนั่งไปซื้อที่สถานี New Delhi
นี่คือตั๋ว Metro แบบรายเที่ยว ใช้ Barcode สแกนเข้าออกสถานีได้เลย ภายในสถานีกว้างขวาง สะอาด
Delhi
จริงๆ Delhi ไม่ได้อยู่ในแพลน แต่โดนสายการบิน SpiceJet ปล่อยทิ้งกันกลางทางซะก่อน เลยต้องสู้ชีวิตแบบไม่ได้รีวิวมาแต่อย่างใด ดีที่ขึ้น Metro ไม่ได้ยากลำบากอะไร ขึ้นมาด้านบนเสียงแตรเสียงผู้คนจอแจมากๆ ระหว่างกำลังยืนงงก็มีคนมาทัก คุยไปคุยมาคุณลุงเลยแนะนำ Incredible India ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับที่เราเจออยู่ด้านหลังใบ Arrival card คุณลุงขับตุ๊กตุ๊กไปส่งคิดราคาแค่ 10 Rupee เองค่ะ แต่เราทิปให้ 50 Rupee เพราะพาขับไปไกลมาก
มาถึง Incredible India ก็มีคนแนะนำรายละเอียด วางแผนให้อย่างดี มีหลาย Package ให้เลือก A B C ส่วนตัวเราเองผู้หญิงเดินทางคนเดียวเน้นทุกอย่างที่ปลอดภัยค่ะ แล้วก็ให้เค้าจัดการให้หมดเลยตั้งแต่จองตั๋วไป Srinagar ให้ใหม่ ทริปในเดลี และ Private trip ที่ Srinagar จ่ายแพงหน่อย แต่คุ้มค่ามาก เหมือนมีบอดี้การ์ดส่วนตัวเลยค่ะ
ข้อมูลติดต่อ ที่นี่ค่ะ Ministry of Tourism www.incredibleindia.org , www.tourism.gov.in
รถขับไปตามย่านเมืองเก่าของเมืองเดลี รถตุ๊กตุ๊กแท็กซี่เต็มไปหมด ได้มีโอกาสมองการใช้ชีวิตของผู้คนตามทางไปเรื่อย
จอดรถที่ด้านหน้า Jama Masjid มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย สถาปัตยกรรมอินเดีย กำแพงหินสีแดงชมพูดูเรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่อลังการ มัสยิดนี้บรรจุคนได้เป็นหมื่น โดยเฉพาะช่วงพิธีทางศาสนา
เดินทางด้วย Metro มาลงสถานี Chandni chowk
ราคาตั๋วชาวต่างชาติ 300 Rupee เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี เข้าชมฟรี
ถัดจากประตูทางเข้า Jama Masjid ไกด์จ้างจักรยานสามล้อขับชมตลาดในตรอกเล็กๆที่ขายของใช้ เสื้อผ้า ของกิน แล้วปั่นต่อไปตามถนนแถวนั้น
ด้านหน้าวัดใหญ่ของศาสนาซิกข์ในเดลี
เจอคนเยอะก็มีเวียนหัวบ้าง อาจเพราะว่าอากาศวันนี้ร้อนอบอ้าวบวกกับช่วงกำแพงยาวมีจัดพิธีในวันเกิดของใครสักคน ตลาดบางส่วนจึงถูกปิดไปด้วย ไม่งั้นคนจะเยอะกว่านี้อีก ซึ่งวันนี้ก็เยอะมากแล้วนะ ฮ่า…. ผู้คนเดินไปมากันด้วยสีหน้าเรียบเฉย บ้างก็ทำมาหากินเต็มสองข้างทาง เด็กวัยรุ่นบางคนเดินมาขอถ่ายรูปด้วย ไปๆมาๆชอบอินเดียซะงั้น มันดูเรียลอย่างบอกไม่ถูก เวียนหัวก็เวียน สนุกก็สนุก
เคยดูคลิปทำอาหารอินเดีย ใส่ส่วนผสมเครื่องเทศหลายอย่าง แต่ไม่คิดว่าลูกอมมินท์ก็มีส่วนผสมหลายอย่างด้วยแฮะ
นี่ไกด์ของเราค่ะ Mr.Habir Ota (Driver+Guide) ติดต่อได้ Whatapps 9811126207
ไปไหนต่อ (Where to go next) : Delhi-Agra-Jaipur-Taj Mahal
And...More great things to do in Delhi and Kashmir? แนะนำเราได้เลยนะคะ
InspireMyJourneys
วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 22.33 น.