ใครๆ ก็บอกว่าอยากเริ่มเดินภูให้ไปภูกระดึง วันนี้เราอยากมาอัพเดตภูกระดึงที่เราเองไม่ได้ไปมา 3-4 ปีแล้ว  รอบนี้ทำให้เราอยากแบ่งปันข้อมูลสำหรับใครที่แพลนอยากจะไป 

**สิ่งจำเป็นมากๆ = เงินสด (ไว้จ่ายค่าสัมภาระ เพราะลูกหาบหลายๆ คนอาจไม่รับเงินโอน)**


การเดินทาง : รถยนต์ส่วนตัว

จำนวนสมาชิก : 7 คน

ค่าใช้จ่าย : ค่าเข้า = 45 บาท/คน

- ค่ายานพาหนะ (รถยนต์ 4 ล้อ) ราคา 30 บาท

- ค่าเข้า (ผู้ใหญ่) คนละ 40 บาท/คน

รวมค่าบริการ สมาชิก 7*40 = 280 + 30 = 310/7 = 44.29 เฉลี่ย 45 บาท/คน

ค่าน้ำมัน = คนละ 150 บาท/คน *5 คน

(กฎกลุ่มไม่ให้เจ้าของรถกับคนขับจ่ายค่าน้ำมัน) **จะได้ไปด้วยกันหลายๆ ทริป**

 ค่าที่พัก = 165 บาท/คน/คืน

-ค่าขอใช้พื้นที่กางเต็นท์อุทยาน 30 บาท/เต็นท์/คืน

-ค่าเต็นท์ 200 บาท/หลัง/คืน

รวม 230 บาท/คืน หาร 2 คน = 115 บาท/คน

-เช่าหมอน 10 บาท/ใบ

-เช่าแผ่นรองนอน 20 บาท/แผ่น

-เช่าผ้าห่ม(แนะนำผืนเล็ก อุ่นกว่า) 30 บาท/ผืน

รวม 60 บาท/คน

ค่าอาหาร = ประมาณ 500-600 บาท (เนื่องจากกินเยอะจนจำไม่ได้)

-น้ำ ~ 30 บาท/ขวด

-อาหาร ~50,60,70,80/จาน

-สปอนเซอ ~ 40 บาท/ขวด

-ผลไม้ ~30 บาท/แก้ว

ค่าลูกหาบ = ไม่เสีย (เนื่องจากแบกเป้เอง)

-กิโลกรัมละ 30 บาท/กิโล

-ค่าบัตรติดสัมภาระ 5 บาท/บัตร

ค่าประกันอุบีติเหตุ : 10 บาท/คน

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 970 บาท


เริ่มต้นออกเดินทางได้

เราเริ่มออกเดินทางจากบ้านเราในเช้ามืดวันเสาร์(อำเภอด่านซ้าย เลย) ด้วยรถยนต์ส่วนตัวกับสมาชิกอีก 7 คน ในเวลา ตี4:30 ใช้เวลาเดินทาง 2ชั่วโมง 30นาที จะถึงที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตอน 07:00 น.(เคาน์เตอร์ที่อุทยานเริ่มเปิดตอน 6 โมงเช้า) พอไปถึงด่านทางเข้าเราจะต้องเสีย ค่ายานพาหนะ+ค่าเข้าใช้บริการอุทยาน **เก็บบัตรเข้าอุทยานไว้นะ 

7guau5se4dpd

อ่อ รอบนี้เราไม่ได้จองคิวเข้าอุทยานจากแอพ QQ นะ เรามา Walk in (แนะนำให้ลองถามเจ้าหน้าที่ว่ามีคิวเหลือไหมนะ แต่เขาให้คิวWalk in เยอะอยู่) จากนั้นก็ไปติดต่อทำประกันอุบัติเหตุ คนละ 10 บาท จะมีเจ้าหน้าที่เรียกเลยไม่ต้องมองหา

iuarhmrrpnsb

ถัดไปก็ไปจองเต็นท์ แต่!! พอดีว่าเราอยากได้เต็นท์ลายทหารของอุทยาน ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าเต็นท์แบบนี้ต้องจองผ่านเว็บอุทยานเท่านั้น จองที่พักอุทยานแห่งชาติ  ซึ่งทางเราไม่ได้จองมา เลยได้เช่าเต็นท์พ่อค้าแม่ค้า

**เท่ากับว่าเราต้องจ่ายค่าพื้นที่กางเต็นท์ให้กับอุทยาน ในราคา 30 บาทที่เคาน์เตอร์ข้างล่างก่อน จากนั้นให้ไปติดต่อเช่าเต็นท์กับเจ้าหน้าที่ข้างบนอีกที 

n2hcycqp53rn

อาคารหมายเลข 3 มีพาสปอร์ตอุทยานขายด้วย แต่ช่วงเราไปของมาแล้วและของหมดแล้ว แต่ใครที่มีสมุดแล้วสามารถปั้มได้เลย ที่ภูกระดึงมีตราปั๊ม2จุด ข้างล่างและข้างบนเน้อ แต่ตอนเราไป ไม่มีเจ้าหน้าที่เราเลยข้ามไปก่อนขาลงมาค่อยแวะละกัน


พอจัดการเรื่องที่พักเสร็จ เราไปดรอปกระเป๋าให้ลูกหาบต่อได้เลยที่อาคารหมายเลข 4 กิโลละ 30 บาท และป้ายติดสัมภาระใบละ 5 บาท เขียนชื่อและเบอร์โทรเราติดไว้รอชั่งกิโลและเก็บหางบัตรสัมภาระไว้รับที่ข้างบนภูด้วยนะ 

7g015rvmr9ck

ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมตัวออกเดินทางได้

7e2gpsy2y43h

แต่ละซำเราไม่ต้องบรรยายเนาะเพราะหลายๆ เว็บก็รีวิวไว้เยอะแล้ว สตอรี่เราจะไปทางบอกว่า 

วันเสาร์นี้ "คนเยอะ" และ "ร้อนมาก แห้งมาก" สุดท้าย "มีไฟไหม้ด้วย"


ปางกกค่า>ซำแฮก>ซำบอน>ซำกกกอก>ซำกอซาง>พร่านพรานแป>ซำกกหว้า>ซำกกไผ่>ซำกกโดน>ซำแคร่>หลังแป = ระยะทางประมาณ 5.5 กม. (4-6 ชม.)

vp0mnq2cio12

เอาเป็นว่าใครรอดขึ้นมาถึง "ซำแฮก" ซำต่อไปๆ อากาศและอุณหภูมิมันจะเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่สมาชิกทีมเรานั้น ได้ถึงซำแฮกที่แทร่ทรู

fjenqjk8ztto

ด้วยความที่ร่างกายพี่เค้าไม่พร้อม แต่ใจเกินร้อย บวกกับและสภาพอากาศที่ร้อนมาก อยากแนะนำและเตือนทุกคนจริงๆ ว่า "ไม่ควรเร่งเดิน" ไม่งั้นจะได้ลมพัดตึ้งจ้ำภูกระดึงของจริง  เราเลยหยุดซำแฮกยาวๆ ไปเลย **ใครมาช่วงกุมภาดูแลร่างกายดีๆด้วยนะ อากาศเริ่มแย่แล้ว**


เรามาถึงก่อนทุกคน รอบที่แล้วกินแตงโมไป รอบ2ขอน้ำแตงโมงปั่น ร้านขวามือแรก

p06k4fiuglhy

แนะนำส้มตำร้านขวามือระหว่างรอพี่เขาพักฟื้น (ร้านที่คัลแลน พี่จอง และน้องแดนนั่งกินตะลิงปลิงกัน เจ้าของร้านใจดีมาก เอาพัดลม เอายาดม และตะลิงปลิงมาให้ด้วย 555 พี่เขาบอกว่าจะได้ตื่น)


  หลังจากซำแฮกไป ซำอื่นๆ จะเริ่มมีสีเขียวขึ้นมา และอากาศก็จะดีขึ้นด้วย ไฮไลท์ของภูกระดึงคือ "ลูกหาบ" ทั้งพลังกล้ามเนื้อ และเพลงม่วนๆ ที่มาพร้อมกับผับเคลื่อนที่ขนาดย่อม สีสันระหว่างทาง 

8s50byqq4w4a

และ "ซำ" ที่มีของกินไม่ซ้ำ แวะเติมพลังได้ทุกซำ

gmw57v8bp1sy
qe2tyhyrkjjh

จุดทรมารสุดที่ภูกระดึงสำหรับเราคือ ซำแฮก = ชัน ร้อน และจุดสุดท้ายก่อนถึงหลังแป = หิน ชัน

8805vrgb9caw

และจุดหลังแปคือจุดถ่ายรูปยอดนิยม วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ที่เรา นักท่องเที่ยวเยอะนะ ถึงขั้นต่อแถวถ่ายรูปเลย (แดดร้อนก็ไม่หวั่น) ใช้เวลาเดินไป 6 ชั่วโมง 

q6vb5s4w4z7q

จากนี้ก็เป็นจุดทรมานอีกเช่นเคย หลังแป>ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง (3.5 กม.) ทางราบที่เหมือนง่าย แต่เน้นทรมาณมากกว่า กับคำว่า เมื่อไหร่จะถึงงงงง........

yizooh773vmo

แดดที่ส่องลงมาตรงๆ บวกกับซากต้นสนที่ถูกเผา นี่คือภูกระดึง เวอร์ชั่น 2024 "ไม่ร้อนมาก แต่เน้นแสบ"


ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

q45zizchxng5

-เมื่อมาถึงเข้าไปติดต่อเต็นท์+เครื่องนอน (เราจะได้เช่าเต็นท์จากเอกชน ในราคาหลังละ 200 บาท/หลัง/คืน) ผ้าห่ม (แนะนำผืนเล็ก) 30 บาท/ผืน/คืน หมอน 10 บาท/อัน/คืน แผ่นรองนอน 20 บาท/อัน/คืน

4ei9i5vxibkd

 หากมีเงินสดก็สามารถจ่ายได้เลย แต่เจ้าหน้าที่ก็รับโอนอยู่ จากนั้นก็ไปเดินทางไปรับอุปกรณ์นอนที่อาคารถัดไป (ฟีลค่ายลูกเสือ)

hnzw7dr78f3q
u3c5pberqlc0

และไปรับผ้าห่มที่อาคารที่อยู่ตรงกลาง (ขออภัยไม่ได้ไปถ่ายมา)


เดินรอบที่2 เริ่ม!!

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว ซึ่งเรามีแพลนจะเดินไป "ผาหล่มสัก" เราเลยรีบจัดการทุกอย่างแล้วออกเดินทางต่อเลย

>>เส้นทางเดินหน้าผา<<

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว> 2.3 กม. (ผาหมากดูก)>600 ม. (ผาจำศีล)>550 ม. (ผานาน้อย)> 1.6 กม. (ผาเหยียบเมฆ)>1.9 กม. (ผาแดง)>2.4 กม. (ผาหล่มสัก) ระยะทาง 9.3 กม. ใช้เวลาเดินประมาณ 4-5 ชม. 

(ไป-กลับ)ระยะทาง = 18.6 กม. ใช้เวลา 8-10 ชั่วโมง

3sgc40hnhmwd

 สมาชิกที่จะเดินมี 5 คน ที่เหลือจะเช่าจักรยานปั่น (เช่าจักรยานล้อใหญ่ 410 บาท/คัน) 

"เรียกได้ว่าไปทันพระอาทิตย์ตกแบบขาตึงกันไปเลย"

3lxas2wwxa9k

  บรรยายกาศควันไฟจากการเผาไร่อ้อยก็จะประมาณนี้ มีพระอาทิตย์และควันไฟ


ขากลับ(สุดตื่นเต้น)

ตอนขากลับเรากับน้ารีบเดินออกมาก่อนจะค่ำ แต่แม่ๆ ยังห่วงถ่ายรูปให้คนอื่นๆ อยู่ ระหว่างนั้นมีนักท่องเที่ยวเดินแซงเราไปพอดี (คนเดินกลับน้อยมาก ส่วนใหญ่ปั่นจักรยานกัน) พี่เขาบอกว่า 

"เดินรวมกลุ่มกันไว้นะครับ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าช้างออกมาแถวหน้าผา"🐘

uspdpiwgeln2

กลุ่มเราเร่งเดินกันมาจนเจอกับนักท่องเที่ยวอีก 2 กลุ่ม พ่อค้าแนะนำว่าให้เกาะกลุ่มกันไป มีอะไรค่อยวิ่ง 555 หลังจากนั้นเราเกาะกลุ่มกันเดินไปถึงผาหมากดูกเลยจากป้าที่ร้านค้าว่า "ช้างมันเดินตัดทางออกมาจากป่าแถวนี้แหละ ตอน6โมงกว่าๆ ป้าเลยไฟเปิดไฟฟ้ากันไว้ มาตัวเดียวแต่ตัวใหญ่มาก" ตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่มาเฝ้าอยู่แล้ว เขาบอกมันไปสักพักแล้ว แต่เกาะกลุ่มกันไปนั้นแหละ "ถ้าช้างมาข้างหน้าให้วิ่งไปข้างหลัง ถ้าช้างมาข้างหลังให้วิ่งไปข้างหน้า อย่าเดินก้มหน้า ให้ส่องไฟฉายไปทั่วๆ ถ้าเจอช้างให้ร้องดังๆ" อุ่นใจทุกประโยค โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย "ไม่ต้องกลัวหรอกครับแค่ช้างเอง" 5555

สุดท้ายพวกเราร่วมเกือบ 20 ชีวิตสายเดินก็รอดกลับมาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้ และใช้เวลาเดินกลับแค่ 2 ชั่วโมง (โหดมากสำหรับเราที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย)

เราน่าจะถึงเต็นท์ตอน2ทุ่ม รีบอาบน้ำแล้วไปกินข้าวก่อน 4 ทุ่ม เพราะร้านค้าจะปิด และงดส่งเสียงดัง ทางอุทยานจะประกาศทางลำโพง

fikeillb45d0

หิวมากไปหน่อย เลยสั่งเยอะ แล้วเขาให้ข้าวเยอะมากกกก สุดท้ายกินไม่หมด 555

ปล.น้ำอุทยานท้าทายมาก เย็นแบบเจ็บผิว แต่สะใจ ใครทนไหวต้องจัด ห้องน้ำมีแบบนั่งและยอง มีสายชำระด้วย


เช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567

05:30 น. เจ้าหน้าที่นำทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้น(ที่โดนเมฆบังเพราะเมื่อคืนฝนปรอย) เราไม่ทันได้ยินประกาศเมื่อคืน แต่ตอนตี5 เราได้ยินเสียงคนตื่นกัน

5xqm3fgqacml

ปล.ขาเจ็บมาก + เจ้าหน้าที่เดินเร็วมาก แต่ไม่ต้องกังวลไปคนไปด้วยเยอะ ค่อยๆเดินไป แต่ขาเรานั้นติดเดินเร็วเมื่อวานมาแล้วเช้านี้เลยเดินจ้ำๆ ทั้งที่ขาเจ็บเพราะขามันไปเอง

-ขากลับจากดูพระ(เจอพระจริงๆ 2 รูป)อาทิตย์ขึ้น เราเดินเลี้ยวซ้ายไปลานวัดพระแก้วแวะไหว้พระสักหน่อย

3zgurmkpvakd

ระหว่างขากลับกำลังจะไปแวะกินข้าว ก็เจอน้องกวาง

b8ehi72i70sw

ดาราท่านนี้มีตากล้องจับจ้องเยอะมาก เขาบอกเมื่อวานน้องไม่ออกกันมา แปลว่าเช้านี้เราโชคดี


แวะกินข้าวเช้า จะมีเสียงประกาศจากอุทยานให้นำสัมภาระไปชั่งกิโล

0888pk5y9x2t

พอเราเก็บของคืนอุปกรณ์ชั่งสัมภาระลงแล้ว ก็เตรียมตัวลงเขาได้ ที่อุทยานมีโครงการเอาขยะลงไปทิ้งด้วย ถุงขยะเราสามรถเอาลงไปข้างล่างแล้วทางอุทยานเขาจะมีใบประกาศให้ด้วย

vdiwtllvhurd

ได้ทั้งทำความดี แล้วได้รูปด้วย 


 เราเดินกันมาถึงหลังแปด้วยความร้อนและเหนื่อย หลังจากนั้นเราเหนื่อยกว่าเดิมเพราะ รถเจ้าหน้าที่ขับผ่านหน้าเราไปเลย 555

41v85hvxg0t4

มันเจ็บที่ตรงนี้ 555 ลงเขากันเถอะ


r2thexyz7gvf

ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากให้คนที่สนใจอยากท้าทายตัวเองให้ไปลองเที่ยวที่นี่ดู แนะนำอยากเที่ยวให้สนุกแต่ไม่ลำบากก็สัก 3วัน 2คืน แต่ใครชอบประสบการณ์ท้าทายตัวเอง 2วัน 1คืนก็น่าสนใจ ที่สำคัญคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ช้างลงมากินน้ำตลอด เส้นน้ำตกไม่สามารถเดินได้ (จะมีเจ้าหน้าที่ประกาศรายวันว่าวันนี้มีช้างหือไม่มีช้าง) เส้นหน้าผาค่ำมาก็ไม่ดี แนะนำให้มาช่วงปลายปลายปีหรือต้นปีอาจจะดีกว่า

หวีงว่าใครที่แวะเข้ามาอ่านจะสามารถปลุกไฟและเป็นแนวทางในการเที่ยวทริปต่อไปของทุกๆคนนะคะ

ความคิดเห็น