16 มีนาคม 2567
สวัสดีครับ รีวิวนี้ผมก็จะขอพานักผจญภัยทุกคนนั้น ไปผจญภัยกันที่ "อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด" แห่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กันน๊ะครับ
โดยในวันแรกนั้น ผมก็เข้าไปนอนกางเต้นท์รับลมทะเลอยู่ที่ "หาดสามพระยา" ที่เป็นส่วนหนึ่งของ "อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด"
เป็นชายหาดที่สามารถกางเต้นท์ได้แบบริมทะเลเลยครับ
เมื่อได้ที่เหมาะๆแล้ว ผมก็ทำการ "ปักสมอ เท่ห์เสมอ" ทันที
หลังจากนั้นผมก็เดินสำรวจ และก้พบว่า ที่นี่มีร้านอาหารครับ
มีห้องน้ำที่พึ่งสร้างใหม่
อันนี้เป็นห้องน้ำเก่าครับ
มีห้องพักเอาไว้บริการด้วยครับ
ที่เห็นอยู่นี้มันไม่ใช่บ้านพักแบบเหมาทั้งหลังน๊ะครับ มันเป็นห้องพักแบบแบ่งเช่าครับ
วันธรรมดา 700 บาท วันหยุด 1,000 บาทครับ (ถ้าจำไม่ผิด)
มีศาลาให้นั่งเล่น
วิวหน้าหาดครับ
และเมื่อผมมองไปทางซ้ายมือ ผมก็เห็นเรือประมงชาวบ้านนั้นจอดอยู่หลายลำ ผมก็เลยเดินไปถ่ายรูปเล่นครับ
สมอเรือ
"ต้องใช้สมอเรืออันใหญ่เท่าไหน ถึงจะสามารถฉุดรั้งเธอ เอ๊ยๆๆๆ เรือเอาไว้ได้"
ภูเขาเล็กๆที่อยู่ริมสุดครับ
และหลังจากที่ผมนั้นนอนหลับแบบสบายๆ ภายในเต้นท์ ที่มีพัดลมตัวน้อยๆแล้ว ในตอนประมาณตี 3 กว่าๆ ผมก็สลึมสลือขึ้นมาถ่ายรูปดาวครับ
และด้วยความสามารถอันน้อยนิด ในการถ่ายภาพตอนกลางคืน และถ่ายเสียไปหลายใบ ผมก็ถ่ายได้มาแค่นี้ครับ
และก็เหมือนว่าผมนั้นจะมีโชคอยู่เล็กน้อย เพราะว่า นอกจากทางช้างเผือกแล้ว ผมก็ถ่ายติด แพลงก์ตอนเรืองแสง ที่ชายหาดด้วยครับ
.
.
.
17 มีนาคม 2567
และในวันรุ่งขึ้น ผมก็ตรงไปยัง "จุดชมวิวเขาแดง" ที่อยู่ไม่ไกลจาก "หาดสามพระยา" เท่าไหร่นัก
แน่นอนว่า สถานที่ท่องเที่ยว ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแห่งนี้นั้น มันเป็นเส้นทางผจญภัยแบบปีนเขาครับ
มัป้ายบอกระยะทางเป็นระยะๆ ครับ
เป็นเส้นทางแบบธรรมชาติจริงๆครับ เพราะว่าไม่มีบันไดเลย
คำเตือน: ถ้าท่านเห็นป้ายบอกระยะทางนี้แล้ว ก็ขอให้ทุกท่านนั้น หาที่นั่งพักตามร่มไม้แถวนี้ก่อนได้เลยครับ
เนี่ยครับ นั่งพักให้หายเหนื่อยเลยครับ เพราะว่าข้างบนจุดชมวิว มันจะไม่มีที่หลบแดดแล้ว และข้างบนยอดคือร้อนมากครับ
ถึงแล้วครับ
Writer: ผมนี่อยากตะโกนเสียงดังบนยอดเขานี้เลยครับ
Reader: ตะโกนว่า "เหินฟ้า" เหรอ
Writer: หึ๊ จะตะโกนว่า "ร้อนโว๊ยๆๆๆ"
ดังนั้น ขอเตือนทุกท่านว่า ให้พกร่ม พกหมวกกันมาด้วยน๊ะครับ
หมายเหตุ: และสำหรับจุดชมวิวจุดนี้นั้น ไม่ได้เป็นที่นิยมในการชมพระอาทิตย์ตก และการเดินขึ้นรอบสุดท้ายนั้น ก็คือ บ่าย 3 โมงเย็น (เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่า ถึงนั่งรอมันก็ไม่สวยหรอก)
แต่ที่นี่นั้น ค่อนข้างเป็นที่นิยมในการปีนขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ว่าจะต้องทำการนัดหมายล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ เพื่อที่เค้าจะได้จัด โลคอลไกด์ พาท่านมาขึ้นเขาตรงจุดนี้ ตั้งแต่เวลาประมาณ ตี 5 ครับ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมน๊ะครับ)
หาดสามพระยา ที่ผมนอนกางเต้นท์เมื่อคือ ก็น่าที่จะอยู่ตรงช่องเขาตรงนี้เหลอะครับ
ค่อนข้างสวย และมีมุมให้ยืนถ่ายรูปค่อนข้างแย่ะครับ (แต่ร้อนมากๆๆๆ)
และหลังจากที่ผมนั้น เดินลงเขามา และนั่งพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้ว
ผมก็บ่นกับตัวเองว่า "เหนื่อยว่ะ กลับดีกว่า"
และในขณะที่ผมนั้นกำลังขับรถกลับ กทม. ผมก็เห็นป้าย "ถ้ำไทร"
Writer: อะไรว๊ะ "ถ้ำไทร" ไม่รู้จัก ลองขับรถไปดูหน่อยดีกว่า เผื่อไม่ต้องเดิน
และเมื่อผมขับรถไปถึง ก็พบว่า ที่บริเวณทางเข้านั้น มีร้านอาหารอยู่หลายร้านครับ
อยู่ใกล้หาดทราย
และมีห้องพักติดชายหาดอยู่บ้างครับ
อัยย่ะ ทางขึ้นเขาอีกแล้วครับ (แต่แค่ 280 เมตรเอง)
หมายเหตุ: จุดชมวิวเขาแดง ระยะทางเดิน 480 เมตร น๊ะครับ
เอาว๊ะ เดินก็เดิน ไหนๆก็มาแล้ว
อ่าๆๆๆ มีวิวทะเลด้วยๆๆๆ
ถึงแล้ว
นี่เป็นปากทางเข้าครับ
และหลังจากที่นั่งพักเหนื่อย และแว่ะพูดคุยกับนักท่องเที่ยว ที่นั่งพักอยู่ที่ปากถ้ำ ซักพักใหญ่ๆ ผมก็เดินเข้าไปแบบไม่ได้หวังอะไรมากครับ
อืมมม มุมนี้เหมือนในถ้ำพระยานคร ที่ผมเคยไปเลยนี่ๆๆๆ
https://th.readme.me/p/40216
รีวิวอันเก่าของ ถ้ำพระยานคร ที่ผมเคยไปมาครับ
แล้วหลังจากนั้น ผมก็เดินเข้าไปภายในถ้ำ ที่อยู่ในห้องถัดไป
แล้วทันใดนั้น ผมก็ได้พบกับ ถ้ำหินงอกหินย้อย ที่มีความสวยงามมากๆ
ลวดลายตามธรรมชาติ ที่ปรากฏให้เห็นนั้น มันเด่นชัดมากครับ
และที่สำคัญ ผมนั้นยังมาถูกช่วงเวลาด้วย เพราะว่า มันเป็นเวลาที่มีแสงนั้นลอดผ่านจากบนปล่องถ้ำด้านบนแบบพอดิบพอดี
หมายเหตุ: รูปนี้ถ่ายตอนเวลาประมาณ บ่ายโมง น๊ะครับ
แต่ก็น่าเสียดาย ที่วันนี้นั้น ผมไม่สามารถเดินลงไปด้านล่างตรงนี้ เพื่อถ่ายรูปในมุมด้านหน้าได้ เพราะว่า เจ้าหน้าที่นั้น เอาป้ายห้ามผ่านมาติดเอาไว้ เนื่องจาก ไม่กี่วันก่อนนั้น มันมีหินจากด้านบนนั้น ร่วงหล่นลงมา
และเนื่องจากว่า ในวันนี้นั้น ผมก็ได้ถ่ายรูปภายในถ้ำแห่งนี้เอาไว้แบบแย่ะมากจริงๆ ผมก็เลยขอทำการแยกรีวิว "ถ้ำไทร ของอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด" เอาไว้อีกรีวิวหนึ่ง เพื่อรวบรวมภาพทั้งหมดน๊ะครับ
ปีนเขา เข้าถ้ำ แล้วถ่ายรูปหินงอกหินย้อยที่ "ถ้ำไทร" แห่ง "อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด" จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
https://th.readme.me/p/47782
.
.
.
และหลังจากผมนั้น นั่งพักเหนื่อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็พบว่า มันยังมีถ้ำอีก 1 ที่ ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ที่ผมนั้นยังไม่เคยไป นั่นก็คือ "ถ้ำแก้ว"
เอาว๊ะ แค่ 128 เมตรเอง
หมายเหตุ: และสำหรับท่านใดนั้น ที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ผมก็อยากที่จะให้ท่านนั้น ช่วยแชร์รีวิวนี้เล็กน้อยครับ เนื่องจากว่า สำหรับการมาผจญภัยที่ "ถ้ำแก้ว" แห่งนี้นั้น มันเป็นการผจญภัยแบบ Adventure ของจริงครับ
เพราะภายในถ้ำนั้น มืดมากครับ แบบว่า มืดของจริง ที่ไม่มีแสงเข้าไปได้เลยครับ ดังนั้น ถ้าท่านที่ไม่ได้เตรียมไฟฉายมาเอง ก็ต้องเช่าจากเจ้าหน้าที่น๊ะครับ (ค่าเช่า 40 บาท)
และสภาพภายในถ้ำนั้น ไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเล็ก และการใส่รองเท้าแตะเข้าไปเดินน๊ะครับ เพราะว่ามันมีหลายจุดที่ พื้นนั้นลื่น และมีจุดที่เป็นหน้าผาสูงหลายเมตรครับ (ถ้าตกลงไป มีเจ็บตัวแน่นอนครับ)
ทางเดินขึ้นครับ
ถึงแล้วครับ (ทางเดินในถ้ำมีระยะทางประมาณ 200 เมตรครับ)
ทางลงถ้ำ จะมีบันไดอยู่ทางขวาน๊ะครับ
ทางลงครับ
ไฟฉายที่เช่ามาจากเจ้าหน้าที่ครับ
อัยย่ะ มีหินงอกหินย้อยด้วยๆๆๆ (เริ่มตื่นเต้นแล้ว)
สำหรับตรงปากถ้ำตรงนี้ ยังพอมีแสงจากภายนอกน๊ะครับ
โอ้โห๋ๆๆๆ อย่างกับในเกมส์ First Person Shooting เลย (ตื่นเต้นๆ)
สำหรับทางตรงนี้ มันเป็นทางลอดที่ต่ำมากน๊ะครับ คือต้องคลานเข่าเลยน่ะครับ
ในถ้ำตรงนี้ คือมืดมากแล้วน๊ะครับ
ตรงนี้ก็ค่อนข้างต่ำครับ
เดินตามลูกศรไปเรื่อยๆครับ
ไปทางไหนต่อว๊ะ
แอ๊ะๆๆๆ มีห้องรับแขกอยู่ทางซ้ายด้วย แว่ะหน่อยดีกว่า
อัยย่ะ เจอสมบัติด้วยครับ อย่างกับผจญภัยในหนังอินเดียน่าโจนส์เลยๆๆๆ ฮ่าฮ่าฮ่า
(สำหรับจากรูปนี้ อย่าว่าคนไทยงมงายเลยน๊ะครับ เพราะเท่าที่ดู มันมีเหรียญของชาวต่างชาติแย่ะกว่าครับ)
เดินต่อครับ (มือเริ่มสั่นแล้ว เพราะข้างในร้อนมาก อย่าลืมน้ำดื่มเป็นอันขาดน๊ะครับ)
อ่าวๆๆๆ มุดอีกแล้วๆๆๆ
แอ๊ะๆๆๆ ลูกศรเริ่มหายไปแล้วๆๆๆ
เจอลูกศรแล้ว
ลูกศรอยู่ไหนว๊าๆๆๆ (เริ่มลนลานแล้วครับ)
จากความตื่นเต้น เหมือนกับในเกมส์ผจญภัยในตอนแรกนั้น ตอนนี้ก็กลายเป็นเกมส์เอาตัวรอด แนว Survivor ไปแล้วครับ เพราะว่า ลูกศรที่ควรจะหาง่ายนั้น มันเริ่มหายากแล้วครับ
"ลูกศรกรูอยู่ไหนๆๆๆ"
เจอแล้วๆๆๆ
ตรงนี้สูง และก็ลื่นมากน๊ะครับ
ตรงนี้เป็นห้องโถงใหญ่ ที่ผมนั้นต้องเดินวนหาลูกศรอยู่นานมากครับ
แอ๊ะๆๆๆ อะไรดำๆ อยู่บนเพดานถ้ำ
เฮ้ยๆๆๆ ค้างคาวนี่หว่าๆๆๆ
เฮ้ยๆๆๆ ปากถ้ำ รอดแล้วเรา ฮือๆๆๆ
Writer: เป็นการเดิน 200 เมตร ที่ตื่นเต้นมากๆครับ
Reader: ตื่นเต้นในความงดงามตระการตา ของหินงอกหินย้อย ภายในถ้ำใช่มั๊ยๆๆๆ
Writer: ฮึ๊!!! ข้าไม่ได้สนใจหินงอกหินย้อยเลย ข้ามองหาแต่ไอ้ลูกศรในถ้ำนี่เหลอะ หาโครตยากเลยๆๆๆ
"นึกว่า พอออกมาแล้ว เวลาข้างนอกจะผ่านไปเป็นหมื่นปีเหมือนในหนังแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า"
แบกกล้อง
วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 21.56 น.