จากความเดิมตอนที่แล้ว ROMANIA #5 : Salina Turda https://th.readme.me/p/5243
จาก Turda เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็มาถึงคลูส นาโปกา 1 ใน 7 เมืองป้อมปราการแห่งทรานซิลเวเนีย เช่นเดียวกับซิบิวและชิกิโชอะราครับ คนขับรถพาเรามาส่งที่ Central Hotel ซึ่งเป็นที่พักของผมในคืนนี้ครับ
เป็นคืนเดียวที่ผมเข้าพักในรูปแบบโรงแรมครับ
ลอบบี้แบบง่ายๆ ครับ
ห้องพักถือว่าโอเคเลย สนนราคา 64 usd ครับ
หลังเก็บกระเป๋าเข้าที่เรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปหาอาหารมื้อบ่าย (สาม) ทานกันครับ
เมื่อเดินออกมาที่หน้าโรงแรม มองเห็นโบสถ์เล็กๆ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ด้านนอกดูสวยงาม เลยขอเข้าชมด้านในดูบ้าง บอกเลยว่าด้านในงดงามไม่แพ้ด้านนอกเลยครับ ถึงเป็นโบสถ์เล็กๆ แต่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
บ่ายนี้ผมเลือกทาน Pizza ที่ร้าน La Tina ครับ
สั่ง Pizza ถาดใหญ่มา 2 ถาด พาสต้าอีก 1 จาน ซุปอีก 1 ถ้วย แอบเห็นโต๊ะข้างๆ เขาสั่ง Pizza 1 ถาด/1 คน ผมนึกในใจ ทานไหวได้ยังไงเนี่ย สนนราคามื้อนี้ 50 leiครับ
หลังอาหารเราใช้วิธีเดินเท้าเพื่อสำรวจรอบๆ เมืองคลูส นาโปก้า จุดแรกคือ โบสถ์เซนต์ไมเคิล (St Michael's Church) ครับ
โบสถ์เซนต์ไมเคิลเป็นโบสถ์โกธิคขนาดใหญ่อายุเก่าแก่ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1350 ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสยูนิริ ด้านข้างโบสถ์เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์กษัตริย์แมทเทียส (Matthias Corvinus) วีรกษัตริย์แห่งฮังการีผู้ปกครองอาณาจักรในช่วงคริสตศวรรษที่ 15 ซึ่งท่านถือกำเนิดที่เมืองคลูส นาโปก้าครับ
ภายในโบสถ์ดูอลังการมาก มีร่องรอยของภาพเขียนสีบนผนังโบสถ์ที่ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์แต่ก็เห็นถึงความทรงคุณค่าของโบสถ์แห่งนี้ มีการจัดแสดงของเก่าเช่นออร์แกนขนาดใหญ่ บรรยากาศภายในดูขรึมและเงียบสงบมากๆ ครับ
ออกจากโบสถ์ ผมเดินเล่นไปเรื่อย ต้องยอมรับเลยว่าตึกรามบ้านช่องของที่นี่ดูมีเสน่ห์มากๆ ทั้งโครงสร้างตึก การออกแบบ และการให้สี ยิ่งเดินยิ่งเพลินครับ
อาคารสีเหลืองที่เห็นนี่คือ Teatrul National ครับ
ฝั่งตรงข้ามของ Teatrul National จะเป็นลานกว้างของจัตุรัสกวาลัม ลันกู ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์นิกายออโธดอกสีขาวขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า มหาวิหารแห่งการสิ้นพระชนม์ของแม่พระ (Dormition of the Theotokos) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1923
ภายในโบสถ์ดูโอ่โถงกว่าโบสถ์ออโธดอกซ์อื่นๆ ที่ผมได้ชมมาตั้งแต่วันแรก ภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวทางคริสศาสนาที่ดูแล้วสะกดผมจนไม่อยากจะออกจากโบสถ์เลยครับ
ใกล้ๆ โบสถ์มีอนุสาวรีย์ด้วย แต่ไม่มีข้อมูลว่าอนุสาวรีย์ของผู้ใดครับ
ช่วงที่ผมอยู่ที่จัตุรัสยูนิริ มองออกไปด้านหลังของโบสถ์เซนต์ไมเคิล จะมองเห็นเนินเขาเตี้ยๆ ซึ่งด้านบนจะมีโบสถ์และโรงแรมขนาดใหญ่อยู่ด้วย ผมเล็งไว้ว่า บนเนินเขาลูกนั้นน่าจะเป็นจุดชมวิวมุมสูงของเมืองคลูส นาโปก้า ได้
แล้วก็เป็นอย่างที่คิคครับ จุดนี้สามารถชมเมืองคลูส นาโปก้า ได้แบบไม่มีอะไรบดบังสายตาเลย
หลังลงจากจุดชมวิว ก็ถึงเวลาอาหารมื้อค่ำแล้วครับ มื้อนี้เราเลือกไปทานที่ร้าน Camino ครับ
ร้าน Camino จะอยู่ใกล้กับโบสถ์ฟรานซิสแคน (Franciscan Monastery) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่คริสตศวรรษที่ 15 นับได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองคลูส นาโปก้า เลยครับ
ฝั่งตรงข้ามของโบสถ์ฟรานซิสแคนเต็มไปด้วยร้านอาหารอยู่เต็มไปหมด และร้าน Camino ก็อยู่ในบริเวณนี้แหล่ะครับ
ร้าน Camino มีให้เลือกนั่งได้ 2 บรรยากาศ ใครใคร่ outdoor ก็สามารถ แต่ผมว่าบริเวณ outdoor จะเหม็นบุหรี่มากๆ ผมเลยขอนั่งในร้านดีกว่า ในร้านตกแต่งได้หรูหรา น่านั่งเชียวครับ
สั่งไวน์เย็นๆ มาจิบเรียกความสดชื่นนิดหน่อยครับ
อาหารตกแต่งมาได้อย่างน่าทานมาก รสชาติก็ดีครับ ร้านนี้ถือว่าผ่าน ราคาก็ไม่แพงเกินไป สนนราคามื้อนี้ 135 lei ครับ
กว่าจะทานเสร็จก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว ผมเดินผ่านโบสถ์เซนต์ไมเคิล ซึ่งเป็นทางกลับสู่โรงแรม เป็นช่วงเวลาที่ฟ้ากำลังเปลี่ยนสีพอดี ผมและพี่นิค (เพื่อนร่วมทริปอีก 1 คน) เลยขอแยกออกจากกลุ่มเพื่อรอเก็บแสงช่วงฟ้าบลูครับ
ต่างคนก็ต่างแยกหามุมถ่ายภาพของตัวเอง เมื่อผมถ่ายเสร็จก็กะจะรอกลับโรงแรมพร้อมพี่นิค แต่เห็นพี่นิคยังสาละวนกับการถ่ายภาพอยู่ ผมเลยเลือกเดินกลับโรงแรมด้วยตัวเอง จำได้ว่ากี้บอกให้เดินจนสุดตึกที่อยู่ด้านหน้า แล้วให้เลี้ยวซ้าย เดินไปอีกหน่อยก็จะถึงโรงแรม สิ้นสุดความคิด ก็เดินอย่างมั่นใจ แต่เมื่อเลี้ยวซ้ายและเดินไปได้สักพัก เอ๊ะ ชักแปลกใจ ทำไมไม่ถึงเสียที แถมยิ่งเดินมันยิ่งเปลี่ยว ณ เวลานั้นก็เกือบห้าทุ่มแล้ว ตอนนั้นใจไม่ดีเป็นอย่างมาก คิดหาทางว่าจะทำอย่างไรดี ไม่มีผู้คนให้สอบถามเส้นทางเลย เลยตัดสินใจเดินกลับไปยังโบสถ์เซนต์ไมเคิลอีกครั้ง เพราะคิดว่าพี่นิคคงเดินมาทันผมพอดี แต่ ณ ความจริงกลับไม่เห็นเงาพี่นิคเลย จังหวะนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าตึก ผมเลยเดินเข้าไปสอบถามเส้นทางกับเธอ เข้าไปถามทั้งๆ ที่ทักษะภาษาอังกฤษของผมมีเพียงระดับ Primary School เท่านั้น เธอทำหน้างงๆ ในสิ่งที่ผมพูดไป ผมไม่รู้จะทำอย่างไร นึกขึ้นมาได้ว่าผมถ่ายภาพหน้าโรงแรมไว้ เลยรีบเปิดภาพให้เธอดู แต่เธอยังไม่ทันได้ดูก็รีบเดินจากไปทันที เอาละว๊ะ จะทำยังไงดี หรือเราจะเดินกลับไปตั้งต้นหาพี่นิคที่โบสถ์ดี
เหมือนฟ้ามาประธาน ช่วงที่ผมกำลังเดินกลับไปยังโบสถ์นั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังปั่นจักรยานมาอย่างช้าๆ ผมรีบโบกมือให้เขาจอดทันที พร้อมรวบรวมความกล้า ค่อยๆ เปล่งข้อความแบบคำต่อคำ เพื่อพยายามสื่อสารให้เขาเข้าใจ
Do you know "Central Hotel"?หลังสิ้นประโยค ชายหนุ่มคนนั้นทำหน้างง ผมย้ำไปอีกที "Central Hotel" , I'm lost. พร้อมควักรูปหน้าโรงแรมให้เขาดู เขาก็ยังทำหน้างงๆ แต่คิดว่าเขาคงเริ่มเข้าใจแล้วว่าผมต้องการความช่วยเหลือจากเขา เพียงแต่สำเนียงของผมอาจจะไม่ได้ใส่ accent ให้ฟังเป็นภาษาอังกฤษกระมัง เขาถึงยังไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของผมอยู่ที่ใด ทันใดนั้นเขาก็ควักโทรศัพท์ของเขาออกมา แล้วก็บอกว่า "Google earth"ผมเลยค่อยๆ สะกดทีละคำ เมื่อ Google หาพิกัดเจอแล้ว เขาพยายามบอกทางผมเป็นฉากๆ บอกว่าให้เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย ตอนแรกผมก็เริ่มหนักใจอีกครั้ง ที่เขาพูดมาเราจะเข้าใจไหม ผมเริ่มทำหน้าเอ๋อๆ และบอกกับเขาว่า My english is not good. เขาก็เลยพูดช้าลง ผมเริ่มจับความหมายของเขาได้ แท้จริงแล้ว เส้นทางที่ถูกต้องคือ ผมต้องเดินผ่านซอยที่ผมเดินหลงไปอีก 1 ซอย ถึงจะเลี้ยวซ้าย สรุปคือ ผมเลี้ยวซ้ายเร็วไป 1 ซอย ผมกล่าวขอบคุณเขา แต่!!! เขาคงกลัวว่าผมจะหลงทางอีก เขาเลยบอกว่าให้เดินตามเขาไป ผมบอกว่าไม่เป็นไร ผมจำทางได้แล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันว่าจะพาไปเพราะเป็นเส้นทางที่เขาจะไปพอดี เขาพยายามชวนผมคุยตลอดเส้นทาง แต่ผมทำหน้าเอ๋อๆ ประโยคไหนฟังเข้าใจก็ตอบเขาไป ประโยคไหนไม่เข้าใจก็เงียบแล้วพยายามนึกหาประโยคเพื่อมาตอบเขา จนบางทีเขาเห็นผมเงียบไป เขาก็โยนคำถามอื่นมา แทนที่ผมจะตอบคำถามใหม่ ผมกลับไปตอบคำถามที่เขาถามคาไว้ ก็มันเพิ่งจะนึกคำตอบได้นี่นา
เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าซอยมาได้สักนิด ผมเองพยายามจะชวนเขาคุยเพื่อให้รู้ว่าผมจำทางได้แล้ว ก็เลยบอกไปว่า The church is opposite my hotel แล้วจะเดินต่อ แต่เขากลับหยุด แล้วบอกว่าถึงโรงแรมแล้ว ผมนี่นึกอยากจะกราบงามๆ แนบอกเขาเลยที่พาผมมาส่งถึงโรงแรมผมนึกในใจ นี่ถ้าเขาไม่หยุด ผมคงเดินเลยโรงแรมไปแล้ว...
ติดตามชม ROMANIA #7 : Bran Castle ได้ที่ https://th.readme.me/p/5245
ลุงเสื้อเขียว
วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.48 น.