ฤดูฝนผ่านไปเมื่อไหร่ ก็ได้เวลาของลมหนาวแล้วววว!!! มีโปรแกรมท้าลมหนาวกันรึยังเอ่ย.. สนใจ "ปางมะผ้า" มั้ย??

ความเดิมจากตอนที่แล้ว...(การเดินทางเมื่อปี 59)

.หลังจากที่ขับรถจากเชียงใหม่มาตามทางหลวงหมายเลข 1095 ผ่านอำเภอปาย ได้แวะแชะภาพสะพานประวัติศาสตร์ปาย ลองกินอาหารยูนนานที่หมู่บ้านสันติชล นั่งชมวิวทิวเขาสุดลูกหูลูกตาที่ดอยกิ่วลมกันแล้ว ก็มาหยุดที่อำเภอปางมะผ้า

ที่นี่มีอะไรน่าสนใจ ... ตามกันมาได้เล้ยยย ลูกเพ่!!

อำเภอปางมะผ้า อยู่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน 64 กิโล "ปางมะผ้า" มาจากคำว่า "มะผ้า"หรือ"หมากผ้า" เป็นภาษาไตหรือไทยใหญ่ ชาวเขาที่อาศัยอยู่สวนใหญ่จะเป็น ชาวไต มูเซอ และลีซอ

เราออกเดินทางจากเชียงใหม่เช้านิดนึง เพราะตั้งใจว่าจะแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ มาถึงตัวเมืองปางมะผ้าก็เกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นแล้วด้วย

พอมาถึงที่นี่ค่อนข้างที่จะแปลกตา เพราะเมื่อคืนพักในตัวเมืองเชียงใหม่ ค่อนข้างควักไขว่เต็มไปด้วยรถและผู้คน ต่างจากที่นี่!! เงียบสงบมากๆ อยากอยู่ที่นี่นานๆแล้วอ่ะดิ!!

"เดอะร็อคปางมะผ้า" ที่พักเราคืนนี้ รู้สึกว่า จะมีแขกเข้ามาพักแค่ 2 ห้องเอง ยังดีที่พักห้องติดกัน 555+++

ห้องพักน่ารัก สะอาดสะอ้านดีจร้า!!

รีสอร์ทตั้งอยู่ริมถนนเลยหาง่าย ตรงข้ามสถานีตำรวจปางมะผ้า ถ้ามาทางปายก็จะอยู่ซ้ายมือ จากที่พักถ้าจะไปตลาดก็ขับรถไปก็ได้ไม่ไกลมาก หรือถ้าชอบเดินก็ได้น่ะ ออกกำลังไปในตัว ไม่เกิน1โลก็ถึงแล้ว

ถึงปางมะผ้าจะเมืองเล็กๆ แต่รับรองว่าไม่อดเรื่องของกินแน่ๆ เพราะมี 7-11 แล้ว 555+++ ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารตามสั่ง ตอนเย็นของจะมีขายไม่มากนัก

แต่ทุกเช้าวันอังคาร ที่นี่จะมี...ตลาดนัดชาวเขา... หรือ "กาดนัดวันอังคาร" จะมีเฉพาะวันอังคารน่ะ ชาวเขาเผ่าต่างๆที่อยู่บนดอย จะนำพืชผักผลไม้ ผ้าชาวเขา ลงมาขายที่นี่ ขายกันตั้งแต่เช้ามืดพอประมาณเที่ยงก็เก็บแล้ว

เราโชคดีที่มาตรงกับวันที่มีตลาดพอดี ..... งั้นต้องรีบนอนแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปเดินตลาดกัน อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆล่ะ!!! หนาวววแล้วววว

.........................

.... ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกก็ได้น่ะที่นี่ มีไก่คอยช่วยปลุก ขันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง 555+++....

อากาศวันนี้ประมาณ 17องศา สำหรับเราค่อนข้างไปทางหนาวเลยหล่ะ ดีแล้วจะได้เดินตลาดสบายๆ ไปเดินเที่ยวตลาดกันดีกว่าโน๊ะ ป่านนี้ชาวเขาคงเริ่มนำของมาวางขายกันแล้วหล่ะ

มาถึงกาดนัดแล้ว!! รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับผักมากมาย หลากหลายสี ที่ชาวเขานำลงมาขายเหลือเกินแล้ว คริคริ!!

ผ้าถุงแบบชาวเขา

ผักสดมากๆ ถ้ากลับบ้านเลยคงจะได้ซื้อติดมือกลับบ้าง แต่ต้องไปอีกหลายที่ เอาแค่เดินชมล่ะกัน

มีน้อยมีมากก็มาวางขายได้

นอกจากผักสดต่างๆแล้ว ยังมีของกินอีกอย่างที่ขายดีทีเดียว คนต่อคิวยาวมากๆ เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวไตหรือไทยใหญ่ "ถั่วพลูอุ่น" แต่ไม่ได้ลองชิมอ่ะ เลยไม่ได้เก็บรูปมาฝาก มีแต่ถั่วพลูทอด มาให้ดู อิอิ!!

หน้าตาของถั่วพลูทอด จิ้มกับน้ำจิ้ม คล้ายๆกับเต้าหู้ทอดนี่แหละ

ก็ไม่ได้ลองชิมรสชาตอีกนั่นแหละ แต่เก็บรูปมาฝากน่ะเออ!!

บรรยากาศที่กาดนัดวันนี้ ค่อนข้างครึกครื้น ทั้งคนพื้นราบและคนบนดอยต่างก็มาจับจ่ายสินค้า ชาวเขาก็มาหาซื้อของจากด้านล่างขึ้นไป ส่วนคนที่อยู่พื้นราบก็หาซื้อผักสดของสดๆที่พึ่งเก็บลงมาจากบนดอย มองดูแล้วเป็นวิถีชีวิตที่น่ารักและมีเสน่ห์ .. สงสัย.. จะหลงรักที่นี่เข้าแล้วสิเรา!!

ไม่ใช่แค่วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ ที่ทำให้เราหลงรักเพียงอย่างเดียว ยังมีที่เที่ยวอีกหลายที่ที่จะทำให้เรารักแบบโงหัวไม่ขึ้นเลยหล่ะ จริงจริ๊งงงงง!!! (เสียงสูงทำมัย)... ไปดูกัน!!

หลังจากเดินกาดนัดจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาออกเที่ยวแล้ว ที่แรกที่เราจะไปคือ "ถ้ำลอด" หรือ "ถ้ำน้ำลอด" ห่างจากตัวเมืองปางมะผ้าไป 9 กิโล เดินช่วงเช้าหน่อยก็ดีน่ะ จะได้ไม่ร้อน

"ถ้ำน้ำลอด" อยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มแม่น้ำปาย ที่ชื่อว่าถ้ำน้ำลอดเพราะมี น้ำจากลำห้วย "น้ำลาง" ไหลผ่านถ้ำจากด้านนึงไปอีกด้านนึงของถ้ำ

ภายในถ้ำลอด จะมีถ้ำอีก 3 ถ้ำ ใช้เวลาในการเดินประมาณ1.30-2.00 ชั่วโมง อีกอย่างภายในถ้ำค่อนข้างที่จะมืดมาก จำเป็นจะต้องมีไกด์นำทาง นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าไปเองได้ อ้อ!! พกไฟฉายติดด้วยมาด้วยก็ดีน่ะ!!

ก่อนเข้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมกันก่อน ทั้งค่าเข้า ค่าแพ(นั่งได้3-4คน) ค่าคนนำทาง ค่าตะเกียง ทั้งหมดก็ 450 บาท (รวม 2คนน่ะ) ตอนแรกก็คิดว่าแพงเหมือนกัน แต่พอได้เข้าไปแล้วก็เข้าใจเลยว่ามันไม่ได้แพงไปกว่าสิ่งที่ได้เห็นเลย

เมื่อพร้อมกันแล้วก็เข้าไปดูภายในถ้ำกันดีกว่า!!

บริเวณปากถ้ำ

ถ้ำแรกที่เราจะเข้า คือ ถ้ำเสาหิน ระยะทางเดิน 300 เมตร ระหว่างเดินก็จะมีหินงอกหินย้อยให้ดูไปเพลินๆ จากนั้นก็นั่งแพเพื่อข้ามฝั่งไปยังปากถ้ำ ถ้ำนี้จะพบ หินที่มีลักษณะเป็นแท่งเสาขนาดใหญ่ คล้ายกับเป็นเสาที่ค้ำกับตัวถ้ำ

จากนั้นก็เดินกลับมาขึ้นแพ เพื่อไปยังถ้ำที่สอง "ถ้ำตุ๊กตา" ถ้ำนี้เหมือนชื่อเลย หินในถ้ำนี่จะมีรูปร่างแปลกๆ มีภาพเขียนสีโบราณ ว่าไปแล้ว..ถ้ำนี้โหดสุด ต้องเดินขึ้นบันไดที่ทั้งชันทั้งสูงมากๆ

หินกบ ดูออกมั้ย!! ก็ว่าเหมือนน่ะ

หินหนุมาน

เหมือนเจ้าขอนลอยอ่ะเป่า!! 555++ ก็หินจระเข้งัย อิอิ!!

อันนี้หินนมสาว

หลังจากเดินดูหินรูปร่างแปลกๆ ก็ต้องลงแพต่อ จะมีชาวบ้านคอยลากแพให้ ตอนนี้ก็เป็นจังหวะได้พักเมื่อยแล้ว ระหว่างทางก็จะเห็นฝูงปลาที่แวะเวียนกันเข้ามาในถ้ำ ให้อาหารได้น่ะ!! ปากทางเข้าถ้ำมีอาหารปลาขายด้วย

ถ้ำสุดท้าย "ถ้ำผีแมน" ภายในถ้ำนี้จะพบข้าวของเครื่องใช้โบราณ รวมถึงโลงศพไม้สักเก่า เชื่อกันว่าใช้ฝังศพมนุษย์โบราณ สันนิษฐานว่าอายุน่าจะประมาณเกือบ 2000 ปีมาแล้ว ...โหนานมาก!!!!

ป้าไกด์บอกว่า ถ้ำแรกกับถ้ำสองเป็นที่พักอาศัย ส่วนถ้ำสามเป็นที่ฝังศพ บรึ้ย!!! ถ้ำนี้น่ากลัวสุด

โลงไม้สักเก่าโบราณ ของจริงแท้แน่นอน!! (ป้าไกด์บอก)

เดินดูครบทั้ง 3 ถ้ำแล้ว ก็ต้องลงแพเพื่อออกไปยังปากถ้ำ ขากลับป้าไกด์ของเรารับหน้าที่ถ่อแพ แล้วก็มีคนลากอีก1คน เพราะจะต้องลากทวนกระแสน้ำ สงสารพี่ที่ลากแพมาก พยายามทำตัวให้เบาที่สุด พี่เขาจะได้ออกแรงน้อยๆ แต่ไม่รู้ว่าได้ผลปล่าว 555+++

น้ำจากลำน้ำลางที่ไหลผ่านเข้าถ้ำ

ถ้าใครได้เข้ามาเที่ยวที่นี่แล้ว จะคิดแบบเราว่าค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะต้องเสียก่อนเข้า มันคุ้มค่ามาก แถมยังช่วยให้ชาวบ้านท้องถิ่นได้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยน่ะ (ดูสวยขึ้นทันที 555++)

นอกจากถ้ำน้ำลอดแล้ว ยังมีอีกที่นึง จะไม่พูดถึงหรือไม่ไปสัมผัสไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง แท่นแท๊นนนน!! "บ้านจ่าโบ่" นี่งัย อิอิ!!

ออกจากถ้ำน้ำลอด ก็มาทางแม่ฮ่องสอน ตามทางหลวงหมายเลข 1095 จากนั้นเลี้ยวขวาเข้ามาทางบ้านแม่ละนา ประมาณ 3โล ก็จะถึง ร้านก๊วยเตี๋ยวที่มีวิวสวยที่สุดไม่แพ้ใครในโลก เพราะที่นี่คือประเทศไทย

แต่มาถึงร้านปิด 555++ ไม่เป็นไร ถึงไม่ได้ชิมก๊วยเตี๋ยว แค่ชมวิวอย่างเดียวก็แจ๋วแล้วววว แต่ถ้าอยากได้ภาพทะเลหมอก ต้องตื่นเช้าหน่อยน่ะ จะได้ทันดูทะเลหมอกยามเช้า

เห็นแดดแรงอย่างงี้ แต่ไม่ร้อนนะเจ้า!! มาช่วงเดือนพฤศจิกานี่ก็ดีน่ะ อากาศกำลังสบายๆ นักท่องเที่ยวก็ยังไม่ค่อยเยอะ ไม่ต้องแย่งกันถ่ายภาพ เสมือนจุดชมวิวนี้เป็นของเราเพียงผู้เดียว (เวอร์ป่ะ??)

ยัง...ยังไม่หมดนะจ๊ะ สำหรับปางมะผ้า มีที่ๆน่าแวะเที่ยวอีกที่นึง "อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ" ซึ่งเราจะแวะเที่ยวที่...ถ้ำปลา... แปะน้ำตกเอาไว้ก่อน แฮร่!!

ถ้ำปลา ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1095 ก่อนถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 18 กิโล ด้านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีทั้งร้านขายอาหาร ร้านขายของที่ระลึก อยู่หลายร้าน เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 6.00-19.00 น.

ปลาที่นี่มีตำนาน ด้วยน่ะเออ!! ..... ตำนานเล่ามาว่า ปลาที่มาอยู่บริเวณนี้เป็นปลาเจ้า ถ้าใครคนใดจับปลาในนี้ไป คนๆนั้น จะต้องมีอันเป็นไป ..... จนถึงปัจจุบัน ก็ไม่มีใครกล้าจับปลาที่อาศัยอยู่ที่นี่เลย

ลักษณะของถ้ำปลา จะเป็นโพรงถ้ำอยู่ใต้เชิงเขา ปลาที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ก็เช่น ปลามุง ปลาคัง ปลาพลวง

ปลาตัวหย่ายยยย....มากกกก

ทางเดินไปถ้ำปลา ประมาณ 400 เมตร ต้นไม้เยอะมาก ค่อนข้างร่มรื่น แต่หากจะไปน้ำตกผาเสื่อด้วย ต้องไปตามถนนสายหมอกจำแป่-พระตำหนักปางตอง แต่เวลาเราไม่พอ ขอแค่ถ้ำปลาก่อนล่ะกันเน้อออ

ออกจากถ้ำปลาก็เกือบสี่โมงเย็น พอดีแก่เวลาเลย เพราะเย็นนี้เรามีโปรแกรมจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ พระธาตุดอยกองมู ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน

จากจุดนี้ขับรถไปประมาณ 20 นาที ก็เข้าสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนแล้ว ในช่วงฤดูท่องเที่ยวถนนคนเดินจะเปิดทุกวัน หากแต่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวก็จะเปิดแค่เสาร์-อาทิตย์ โชคดีของเราอีกแล้ว.......

คืนนี้จะพักที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน 1 คืน แล้วไปตะลอนเที่ยวกันต่อที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนน่ะคร้าาาา!!

......จะมาเล่าให้ฟังใหม่น่ะ......

....ปิดท้ายด้วยภาพพระธาตุดอยกองมู พระธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองแม่ฮ่องสอน แล้วกันน่ะจ๊ะ.....

ปางมะผ้า ... ถึงเป็นแค่เมืองเล็กๆกลางหุบเขา เป็นทางผ่านของใครหลายคน แต่ก็ยังเป็นเมืองที่น่าค้นหาในความคิดเรา .... ผ่านไปแม่ฮ่องสอน ลองแวะนอนปางมะผ้าสักคืน แล้วคุณจะรู้ว่าธรรมชาติของวิถีชีวิตที่แท้จริงแล้วเป็นเช่นไร

ขอขอบคุณ http://www.Amphoe.com

เข้าไปอ่านเรื่องราว "เล่าเรื่องเที่ยว" ได้ที่ http://toonnstory.blogspot.com

........จบล่ะน๊าาาาาาา.......

เจอกันที่สถานีต่อไป ....เมืองสามหมอก....!!!!

ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านน๊าาา

...ขอบคุณครับผม...

การเดินทาง​ครั้งใหม่

 วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.48 น.

ความคิดเห็น