'คะน้าน้อย' สวัสดีค่าาา ^O^

พบกันอีกครั้งในบล็อคที่ 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ นะคะ 5555 ดีใจที่มีแรงเขียนต่อซะที!!

ก่อนหน้านี้คะน้าได้ปล่อยรีวิวเที่ยวไทยเบาๆ ในบรรยากาศสบายๆ ไปบ้างแล้ว

กลับมาวันนี้คะน้าขอพาเพื่อนๆ บินลัดฟ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอีกครั้งดีกว่า เปลี่ยน Feel บ้าง


ทริปนี้คะน้าแบคแพค ไป 'ประเทศญี่ปุ่น'

ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ปีที่ผ่านมา

เริ่มออกเดินทางวันที่ 12

และกลับถึงประเทศไทย วันที่ 20 เมษายนค่ะ

คะน้าแพลนเดินทางไว้ทั้งหมด 5 จังหวัด

และบล็อคนี้ คะน้าขอมาเล่าต่อ...เรื่องการเดินทางท่องเที่ยว ณ เมืองในฝันแห่งที่ห้า นั่นคือ...

"Osaka"

หลังจากที่คะน้าได้พาเพื่อนๆ ไปเดินเล่น Check in 29/30 ที่ "โดทงบุริ"

ในช่วงยามเย็นถึงค่ำมืดในบล็อคก่อนหน้านี้มาแล้วนะคะ

ซึ่งถ้าใครอยากจะแว้บๆ ไปเยือน สามารถตามกันไปได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่าาา

>>>>>>>>>> https://th.readme.me/p/9395 <<<<<<<<<


และสำหรับบล็อคนี้เรายังคงอยู่กันที่ Osaka ค่ะ แต่ไม่ได้เที่ยวในเมืองแล้ว

คะน้าจะพาไปเที่ยวแบบ One Day Trip กับสถานที่ Check in ที่สุดท้าย!!

ก่อนที่เราจะเดินทางกลับประเทศไทยกันแล้วในตอนค่ำ

และสถานที่สุดวิเศษแห่งนี้ ก่อนจะปิดทริปคะน้าแบคแพค แบบ Happy Ending ก็คือ...

"Universal Studios Japan"

ใครจะไปยกมือขึ้นนนน!!

Are you ready?

Go!!


[ ปล. เนื่องจากตลอดทริป เป็นการเดินเท้าเที่ยวแบคแพค เวลาเดิน

คะน้าจะยกกล้องถ่ายภาพไปพร้อมๆ กับการเดินตลอดเวลาค่ะ

ไม่เว้นแม้แต่ตอนนั่งรถไฟ หรือนั่งรถบัสก็จะถ่ายขณะที่รถวิ่งไปด้วย

(Snapshot นั่นเอง) เพื่อเก็บบรรยากาศในการเดินทาง น้อยครั้งที่จะหยุดยืนถ่ายนิ่งๆ

หากภาพเอียงๆ เบลอๆ ไปบ้าง อย่าถือสาเลย 55555 ]


ตื่นมาในเช้าวันที่ 19 เม.ย. 2560...

ซึ่งที่พักของเราในโอซากา คือที่ "Hostel Namba-minami KANON"

หลังจากที่พวกเราอาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกเที่ยวในวันนี้กันเรียบร้อยแล้ว

เรายังต้องเก็บกระเป๋า Check out จาก Hostel เพื่อบินกลับไทยอีกด้วย T_T

...อยู่ต่อเลยได้มั้ย อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป เธอก็รู้ทั้งหัวใจ ฉันอยู่ญี่ปุ่นหมดแล้วตอนนี้...

ถ้ามัวแต่ร้องเพลง เดี๋ยวสายกันพอดี เรารีบไปเที่ยวกันเถอะ 5555




วันนี้พวกเราออกเดินทางด้วยการนั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Shinimamiya

(สถานีที่ใกล้ Hostel ของเรานั่นเอง) ขึ้นสาย Osaka Loop Line (Outer loop)

จากนั้นเราจะลงเปลี่ยนขบวนกันที่สถานี NISHIKUJO

เพื่อนั่งรถไฟสาย JR Yumesaki Line to USJ (Universal Studios Japan) (¥180)

ซึ่งรถไฟสายนี้จะมีลายการ์ตูนน่ารักๆ แบบนี้แหละค่ะ บางขบวนเป็นรูป Harry Potter ไรงี้



เมื่อรถไฟมาจอดที่สถานี USJ เรียบร้อย เมื่อเดินออกจากสถานีมาแล้ว

เราจะเจอบรรยากาศแบบนี้เลยค่ะ ตอนนี้เวลาประมาณ 9 โมงกว่าๆ ได้ ถือว่าไม่สายมาก

แต่จะเห็นได้ว่ามีนักท่องเที่ยวทยอยกันมาเริ่มเยอะแล้วเหมือนกันนะ



เดินเพลินๆ ผ่านร้านรวงมากมายตลอดสองข้างทางมาสักพัก

ตอนนี้เห็น Gate ทางเข้าสวนสนุกอยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ แอร๊ยยยยย!!!


"Universal Studio Japan [Check-In 30/30]"



ในที่ซู้ดดด!! เราก็มาถึงแล้ววววว ฮือออ!

ทริปนี้คะน้าก็รอมาวันนี้นี่แหละ ใจพองโตมากกก >///<

เมื่อเดินมาถึงแล้ว ด้วยความที่เราสามคนมีสัมภาระเป็นกระเป๋าเดินทางที่โคตรจะหนักมาด้วย

เราจึงต้องทำการฝากกระเป๋ากันก่อน โดยไปติดต่อที่ห้อง Guest Services ด้านซ้ายมือสุด

ติดต่อฝากกระเป๋าที่เจ้าหน้าที่สาว ซึ่งให้บริการสุดแสนจะยิ้มแย้มในการต้อนรับแบบสุดพลัง

แถมยังพูดได้ตั้ง 4 ภาษาเลยนะคะ ทั้งญี่ปุ่น จีน อังกฤษ และเกาหลี

ทั้งยังมีบริการติดต่อเกี่ยวกับการเดินทาง ส่งปณ.ก็ได้ หรือจะแลกเงิน มีครบจบในที่เดียว



และนี่คือห้อง Coin Locker ที่ทางเจ้าหน้าที่ส่งต่อพวกเรามาค่ะ 5555 ว้าเหว่เชียว

ซึ่งขนาดของตู้จะแบ่งไซส์ตามนี้ค่ะ ตู้เล็ก (357 × 453 × 398) / ปานกลาง (357 × 453 × 533)

ปานกลางเกือบใหญ่ (360 × 425 × 300) และใหญ่ไปเลย (357 × 453 × 802)

ราคาหยอดเหรียญตามไซส์ตู้เลยนะคะ และแน่นอนว่าพวกเราหยอดตู้ใหญ่สุด


พอฝากกระเป๋าจนเหลือแต่ตัวเบาๆ กันแล้ว เมื่อเดินออกมาจากห้อง Coin Locker

เราต้องมาถ่ายรูปตามประเพณี Universal กันนะคะคุณขา

การถ่ายรูปคู่กับลูกโลกยี่ห้อ Universal นั้นไซร้ คือ ของมันต้องมี!!

ยิ่งไปกว่านั้น การถ่ายรูปตรงนี้ไม่ใช่จะยืนแป็บๆ แล้วกดชัตเตอร์ได้นะจ๊ะ!

ต้องรอให้โลกมันหมุนๆ มาครบรอบจนเห็นคำว่า "Universal" ก่อน ถึงจะถ่ายได้

บอกเลยยืนกันไม่ต่ำกว่าสามนาที เพราะถึงมันจะหมุนมาแล้ว แต่บังเอิ๊ญบังเอิญมีคนอื่น

วิ่งมาเข้าเฟรมเราพอดี ก็ต้องรอจนกว่าคนจะหลบไป รอทั้งโลกหมุนวนมาใหม่ เถิดเทิงมาก พูดเลย!



ผ่านไปสองหน้ากระดาษ...อะไรกัน!! เพิ่งจะเดินมาถึงห้อง Tickets วั้ยตั่ยแล้ววว >_<

แต่เพราะ แอ๋มศรี ได้จัดการซื้อตั๋วผ่านทาง Online มาจากประเทศไทยแล้ว

พร้อมปริ้นท์มาเป็น A4 เลยค่ะ เพราะงั้นเมื่อเรามาถึง เราก็ยื่นตั๋วขนาด A4 ให้เจ้าหน้าที่เช็คตั๋วเลย

แล้วก็เดินผ่าน Gate เข้าไปแบบสวยๆ (ราคาถ้าจำไม่ผิด น่าจะราวๆ 2,500 บาทค่ะ)



เมื่อเดินสวยๆ เข้ามาแล้ว เราจะเจอกับร้านค้าต่างๆ มากมาย ทั้งของที่ระลึก และของกินค่ะ

คะน้านี่มองไปทางไหนก็อยากจะถ่ายรูปไปซะทุกมุม ทำไมมันน่ารักอะไรขนาดนี้ โอ้ยยยย

คะน้าทั้งฟิน ทั้งมี Inner แบบใจบางมากกกก อากาศก็ดีมาก ว้าวเว่อร์!!



พวกเราเดินตรงเข้ามาด้านในเรื่อยๆ และเรื่อยๆ เพื่อ Survey เก็บเกี่ยวบรรยากาศกันก่อน

ซึ่งร้านค้า หรือ Station ต่างๆ ก็จะมีมุมสวยงาม น่ารัก น่าถ่ายรูปไปซะทุกย่างที่ก้าวเดิน

คะน้าต้องฟินจนดีดดิ้นตายแน่ๆ วันนี้ นี่กดชัตเตอร์รัวๆ จนนิ้วจะล๊อคอยู่แล้ววววว TOT



เมื่อเดินเรื่อยเปื่อยได้สักพัก...เริ่มคิดว่าตัวเองเป็น Alice In Wonderland คือชักจะงงๆ

ว่าเดินเรื่อยเปื่อยจนมาอยู่ตรงไหนแล้ว และที่นี่มีอะไรให้เราเล่นบ้าง ซึ่งที่นี่ดีงามมาก

เป็นทวิภพที่เตรียมความพร้อมแก่ผู้ที่ทะลุมิติมาเยือน มีป้ายและผังบอกทางชัดเจน

ทำให้พวกเราเริ่มวางแผนกันเล็กๆ ว่า...เราจะไปเริ่ม Zone ไหนก่อนดี??



ด้วยความสวยที่ละม้ายคล้ายเฮอร์ไมโอนี่เช่นคะน้า...

ก็ย่อมอยากจะมาเยือนหมู่บ้าน Hogsmeade เป็นที่แรกอยู่แล้ว 555555

(อะไรบรรดลให้มั่นหน้าขนาดนี้ลู๊กกกก!)

และสำหรับรถฟอร์ดแองเกลียที่จอดอยู่ตรงนี้ แน่นอนว่าสาวก Harry ต้องจำได้

ใช่แล้วจ้า...นี่เป็นรถบินของครอบครัว รอน วีส์ลีย์ นั่นเองงง ^o^

ซึ่งคะน้าพลาดที่ไม่ได้ถ่ายรูประหว่างทางที่เราจะต้องเดินผ่าน ก่อนที่เราจะเข้าไปยัง

โซน The Wizarding World of Harry Potter มาด้วย คือเป็นทางเดินที่ยาวพอสมควร

ยาวในที่นี้คือเดินเพลินค่ะ จะเป็นป่าสน (เหมือนบรรยากาศรอบรถของรอน)

ประดับด้วยหินภูเขาก้อนใหญ่ๆ ข้างทาง (หินเทียม) ซึ่งในบางจุดก้อนหินเหล่านั้นคือ ลำโพง ค่ะ

จะให้เสียงดนตรีเหมือนในหนังเลย เดินไปฟังไป เหมือนทะลุมิติไปแล้วจริงๆ อินสุดอะไรสุด!



ย๊ากกกกกก!!! เดินผ่านป่าสนมากำลังเพลินๆ ก็มาถึงทางเข้าหมู่บ้านแล้วววว

และนี่คือ หมู่บ้าน Hogsmeade แค่ทางเข้าคะน้าก็น้ำตาซึมแล้ว ฮืออออ ชอบบบบ



นี่คือ Station แรกที่เราจะเห็นเมื่อเดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาในหมู่บ้าน ด้านขวามือ

ใครจะไม่รู้จักบ้าง นี่คือรถไฟ Hogwarts Express ชื่อดังในตำนานเชียวนะ

เดินทางมาจาก...สถานีคิงส์ครอส ในลอนดอน บนชานชลาที่ 9-3/4

เพื่อพาพ่อมดแม่มดมาส่งที่โรงเรียนเวทมนตร์ Hogwarts นั่นเอง



โอโหหหหหหห!! สมจริงอลังการ มองไปทางไหน ฟินทางนั้นอ่ะ พูดเลย 55555

หมู่บ้านนี้น่ารัก น่าอยู่เกินไปแล้วววว >O<

และร้านค้าในหมู่บ้านนี้ก็เต็มไปด้วยสินค้าที่มาจากในหนังสือทั้งนั้นเลยค่ะ

แต่เดี๋ยวคะน้าพาแวะใหม่นะ ตอนนี้ตื่นเต้นอยากจะเข้าปราสาท Hogwarts ใจจะขาดแล้ววว



หวายยยยย!! จะถึงแล้ววววว

เห็นยอดปราสาทตรงนั้นมั้ยยยยย...



แอร๊ยยยยย!! มาถึงหน้าทางเข้า ปราสาท Hogwarts แล้วนะคะคุณขาาา

เป็น The Wizarding World of Harry Potter ที่แท้ทรู อลังการสมจริงมาก

พวกเรายังไม่เข้าไปข้างในง่ายๆ คิวไม่ได้ยาวค่ะ แต่ห่วงถ่ายรูปกันแบบจริงจังขั้นสุด



หลังจากเดินถ่ายจนไม่รู้จะถ่ายยังไงแล้ว เราก็เข้าคิวเพื่อที่จะเข้ามาข้างในปราสาทฯ กันค่ะ

และนี่ทางเข้าที่คะน้า Snapshot มาได้ทันพอดี เพราะจริงๆ ต้องเดินกันเร็วพอสมควร




เมื่อเข้ามาด้านใน จะมี 2 แถวให้เราเลือกเข้า คือจะเข้าแถวเพื่อไปยังเครื่องเล่น 4K3D

หรือถ้าใครอยากเดินเที่ยวเล่นในปราสาทฯ ก็สามารถเดินเล่นได้ (แต่ห้ามถ่ายรูปแล้วนะ)

ซึ่งโซนเดินเล่นจะแบ่งเป็น 3 โซนคือ

ห้องแรก...ห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ห้องต่อมา...ภาพเหมือนในปราสาทฮอกวอตส์

เราจะเห็นภาพถ่ายผู้คนที่เคลื่อนไหวได้จริงเหมือนในหนัง ตรงมุม "Moving Portrait Corridor"

และ "Portrait of the Fat Lady" และห้องสุดท้าย...คือห้องทำงานของดัมเบิลดอร์

อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนฮอกวอตส์ ห้องนี้มีหมวกคัดสรรกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่ด้วยนะ

ส่วนคะน้า แอ๋มศรี และเฮียตั้ม

งานนี้ขอเลือกเข้าแถวเครื่องเล่นอย่างแน่นอน 5555 ซึ่งเมื่อเราแยกแถวมาแล้ว

เราจะต้องเข้ามาฝากของที่ตู้ Locker ห้องนี้ค่ะ เพื่อเก็บทุกสัมภาระของเราไว้ที่นี่

เข้าไปด้านในได้แต่ตัวเท่านั้น ของมีค่าเช่นกระเป๋าตังค์ มือถือ กล้องถ่ายรูป ต้องใส่ตู้ไว้ทั้งหมด


(ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.usj.co.jp/)


สำหรับเครื่องเล่น 4K3D ในโซนนี้จะมีชื่อว่า...

"Harry Potter and the Forbidden Journey"

ซึ่งพอเข้าไปแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่แจกแว่นตา 3D ให้เราเตรียมใส่ตอนนั่งเครื่องเล่น

เมื่อถึงคิว เราจะได้นั่งบนเก้าสีแดงแบบห้อยขา มีตัวล๊อคแบบรถไฟเหาะทั่วไป

นั่งได้แถวละ 3 คน ซึ่งพอดีกับพวกเราเลยค่ะ คะน้านั่งริมกับเฮียตั้ม ส่วนแอ๋มนั่งตรงกลาง

จากนั้นสวมแว่นตาให้เรียบร้อย...และรีวิวภายใน 5 นาทีต่อจากนี้ จะมีแต่...

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!

ภาพ 3D ที่เราเห็นตรงหน้าคือพวกเรากำลังขี่ไม้กวาดค่ะคู๊ณณณณ

กำลังแข่งขันไล่จับลูก Golden Snitch อยู่เหนือน่านฟ้าปราสาท Hogwarts

โดยมีแฮร์รี่ที่รัก และบรรดาตัวละครอื่นๆ นำทางเราไป

ขุ่นพระ!!

มีทั้งบินลอดช่องแคบ บินขึ้นฟ้า โฉบลงหน้าผา แถมยังมาโดนไล่ยิงอีก

อะไรก็ไม่รู้ นี่ตูจะตายมั้ยยยย พูดดด!!!



5 นาทีผ่านไป...

หลังจากจบการแข่งขันจับลูกสนิชแล้ว พวกเราได้ชัยชนะมาแบบขาดลอย

ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริง แล้วชนะเลิศขนาดนี้ ไม่ใช่ฝีมือคะน้าแน่นอน ไม่มีทางงงง 55555

และพอเราเดินออกมาจากปราสาท บริเวณทางออกจะมีร้านขายของที่ระลึกนะคะ

สำหรับผ้าพันคอ ไม้กายสิทธิ์ เสื้อผ้า เข็มกลัด ฯลฯ สามารถซื้อได้จากร้านในปราสาทเลยค่ะ

ทว่า...ตอนนี้คะน้าและแอ๋มศรี พอซื้อของที่ระลึกเสร็จ

ก็ได้นำพาตัวเองมาอยู่ที่ห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ดูสภาพสิ... 55555



กลับออกมาด้านนอกปราสาทฯ อีกครั้ง จริงๆ แอ๋มศรีบอกว่าจะเข้าคิวเล่นอีกรอบก็ได้

(เพราะคะน้าและเฮียตั้มติดใจมาก สนุกมาก คืออารมณ์ยังค้างรุนแรง)

แต่เรากลัวว่าจะไปเล่นโซนอื่นไม่ครบ เราเลยออกมาก่อน ถ้าเวลาเหลือค่อยกลับมาก็ได้



โหวววววว!! กระท่อมแฮกริดก็มาาาา >O<

ตอนนี้คะน้าได้มาอยู่ที่โซนเครื่องเล่นอีกมุมหนึ่ง ตรงข้ามกับปราสาทฯ พอดีเลย

โซนนี้ชื่อว่า "Flight of the Hippogriff" มีกระท่อมและรถคู่ใจของแฮกริดอยู่ด้วย

ซึ่งจริงๆ ตอนนี้เรากำลังเข้าแถวเพื่อขึ้นเครื่องเล่นอยู่ค่ะ ระหว่างที่รอเราก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ



การถ่ายให้ได้ครบทุกมุมของโซนนี้ คือต้องถ่ายทุกครั้งที่แถวหยุด

และเมื่อแถวขยับเดินหน้าต่อ เราก็จะได้ถ่ายมุมใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ



และในที่สุดก็ถึงคิวของเรา วะฮ่ะฮ่าาาา!!

เครื่องเล่นนี้ดูรวมๆ ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ เป็นการนั่งรถไฟที่เร็วแต่ไม่ถึงกลับเร็วมาก

ซึ่งเครื่องเล่นนี้จะเสมือนเรากำลังขี่เจ้าฮิปโปกริฟฟ์อยู่นั่นเอง

(เจ้าตัวที่มีหัวเป็นนกอินทรีย์ แต่ตัวเป็นม้า ในตอนนักโทษแห่งอัซคาบันไงคะ)



เฮียตั้มบอกว่า...

"เครื่องเล่นตะกี้ ใช้เวลาแค่สองนาทีเท่านั้น" 55555




และแล้วเฮียก็อดใจไม่ไหวที่จะไม่ลอง "Butter Beer"

เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอร์ มีรสหวานๆ หอมๆ เหมือนวนิลาก็ไม่เชิง

คะน้าชอบนะ อร่อยดี จำราคาไม่ได้ ไม่แน่ใจว่า ¥600 รึเปล่า เพราะไม่ได้จ่ายเอง 5555




ถัดจากรถ Butter Beer มานิดนึง จะได้ยินเสียงกลุ่มพ่อมด แม่มด ร้องเพลงกันอยู่ค่ะ

ความชิคคือกบยักษ์มันก็ร้องไปด้วยนะ โชว์นี้ชื่อ Frog Choir ค่ะ ดื่มเบียร์ไป ฟังไป บันเทิงดี

เมื่อการแสดงจบ สามารถเข้าไปขอถ่ายรูปได้ด้วย แต่คะน้าไม่ได้ไป ยืนดูเฉยๆ 5555


จักรวาลไปทางไหนคะ!?

ผิด! 5555 คะน้าว่าก่อนที่คะน้าจะมั่วไปกว่านี้...

เราเดินกลับเข้าไปในหมู่บ้าน ไปเดินดูว่ามีร้านค้าอะไรบ้างดีกว่า




เริ่มกันที่ร้านแรก...ร้านนี้ชื่อว่า Filch's Emporium of Confiscated Goods

เป็นร้านขายเครื่องแบบนักเรียน Hogwarts เครื่องเขียน เข็มกลัด เนคไทน์ อะไรแบบนี้

และของที่ระลึกต่างๆ ค่ะ เข้าร้านนี้ร้านแรก สาวกแฮร์รี่ก็แทบจะหมดตัวแล้วอ่ะ 55555



และสำหรับร้าน Ollivanders เราจะไม่แวะได้อย่างไร

ร้านนี้ขายไม้กายสิทธิ์ค่ะ ของคุณโอลิแวนเดอร์ อยากได้ไม้ของใคร แค่เอาเงินไปแลกเท่านั้น

ไม่ต้องไปหาตามหา ไปตบตีแย่งชิง จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเหมือนในหนังนะฮะ 5555



ต่อมา...ร้านนี้ชื่อ Three Broomsticks เป็นร้านอาหารในโซนนี้ค่ะ

เป็นร้านของมาดามโรสเมอร์ทา ที่จะแน่นไปด้วยลูกค้าตลอดทั้งปี ในหนังนั่นเองงง

ร้านนี้พื้นที่กว้าง มีโต๊ะให้นั่งเยอะ ลูกค้าก็เยอะตามไปด้วย คะน้าเข้าไปเดินเก็บภาพมาฝากเฉยๆ

ไม่ได้ทานอะไร เลยแนะนำไม่ได้ว่าอะไรอร่อยบ้าง ไว้ไปใหม่รอบหน้าเนอะ (หาเรื่องเที่ยวงี้ แฮ่!)



ร้านนี้เราต้องไม่พลาดนะ ร้าน Honeydukes ร้านขายขนมยอดฮิตประจำหมู่บ้าน

ลูกอมรสอ้วก รสขี้หู ขี้ดิน อะไรงี้ ช่างสรรหาจะมาทำ ถามว่าคะน้ากินหรือยัง?

ตอบเลยว่า...ไม่...ไม่กล้าจริงๆ อ่านรีวิวลูกอมมาแต่ละคนบรรยายจนแบบ...กลัวล้าวววว! 55555

แต่ไม่เพียงแค่ลูกอมเยลลี่ของเบอร์ตี้บอตต์นะคะ ร้านนี้ยังมี กบช็อกโกแลต

ขนมฟัดจ์น้ำตาลข้น ฟีซซิ่งวิสบี้ เค้กหินของแฮกริดยังมีขายเลย



พักเรื่องลูกอม มาดูของสวยๆ งามๆ กันบ้าง กับร้าน Gladrags Wizardwear

เป็นร้านขายเสื้อผ้างามๆ ผ้าคลุมพ่อมดแม่มด และ Jewelry เหมาะกับชะนีที่แท้ทรู

สายแฟชั่นนิสต้าที่อยากลองแฟชั่นแม่มดดูบ้าง ต้องไม่พลาดนะร้านนี้



และนี่คือร้านไปรษณีย์นกฮูก Owl Post & Owlery ค่ะ

ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียน และอุปกรณ์การส่งจดหมายทั้งหลาย รวมไปถึงของที่ระลึกด้วย

พิเศษสุด! เราสามารถส่งจดหมายไปที่ใดก็ได้ในโลกนี้

ด้วยสแตมป์จาก The Wizarding World of Harry Potter เลยนะ >O<




ป้ายนี้เจ๋งมาก มีเสียงดนตรี และคนในรูปก็ขยับได้ด้วย ทำดีมาก...

คะน้าก็อินในอิน อีกนิดนึงจะขี่ไม้กวาดกลับไทยแล้วนะ 55555



นี่ก็คือภาพบรรยากาศรวมๆ ในโซน The Wizarding World of Harry Potter นะคะ

สำหรับโซนนี้จะมี Highlight อีกทีตอนค่ำๆ เดี๋ยวเราต้องเดินมากลับมาใหม่

เพราะงั้นตอนนี้เราไปเดินเล่นโซนอื่นกันต่อโลดดดดด...



Station ต่อมาที่คะน้าแวะก็คือ...JAWS

JAWS เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับปลาฉลามชื่อดังที่กวาดรางวัลมามากมาย

เพราะงั้นโซนนี้จึงถูกสร้างขึ้นเป็น Amity Village ชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับ ชายหาดอมิตี้

มีความสายฝ. มาก เหมือนย่อส่วนชานเมืองของอเมริกามาให้แบบใกล้แค่ตาเห็น




เมื่อเราต่อคิวจากด้านหน้าทางเข้ามาเรื่อยๆ (คิวยาวมาก แต่รอไม่นานเกินกว่าจะทนได้นะคะ)

ระหว่างที่ต่อคิวก็ไม่รู้ว่าเครื่องเล่นของโซนนี้จะอารมณ์ประมาณไหน เพราะทางเดินเลี้ยวไปๆ มาๆ

มองไม่เห็นว่าด้านในเขาเล่นอะไรยังไงกัน 5555 ก็ลุ้นดีนะ

โดยตลอดทางเดินมีบรรยากาศคล้ายกับในภาพยนตร์ให้เราเดินชมไปเพลินๆ ด้วยค่ะ




จนกระทั่งใกล้จะถึงคิวของเรา...

แถวมาหยุดอยู่ที่ริมน้ำ ที่ถูกสร้างเป็นท่าเรือเล็กๆ ไม่นานนักเรือลำนี้ก็มาจอดส่งผู้โดยสาร

แล้วรับผู้โดยสารรอบใหม่ขึ้นไปนั่งแทน คนขับเรือทำหน้าที่ได้น่ารักมากนะคะ

พูดบิ๊วอารมณ์คนเล่นให้อินไปว่า...นี่เรากำลังจะไปโดนฉลามแDกกันแล้วนะ พร้อมมั้ย!! 55555

จริงๆ คะน้าฟังไม่รู้เรื่องนะ พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ แต่น้ำเสียง และ Body Language

ทำให้พวกเราพอจะอินตามได้ รู้สึกสนุกไปกับน้ำเสียง สีหน้าและท่าทางของเขามากกว่า

ซึ่งเครื่องเล่นนี้คือการนั่งเรือ โดยมีคนขับพากษ์เสียงพันธมิตรไปตลอดเวล่ำเวลา...

ใต้น้ำมีรางเลื่อนนะคะ คะน้าชะโงกหน้าก้มลงไปดูมา คนขับไม่ได้ขับจริงๆ เพราะงั้น

ถ้าจะเห็นเขาหันหน้าหันหลัง หมุนพวงมาลัยบ้าง ปล่อยมือบ้าง เป็นแค่แอ็คติ้งค่ะ สนุกดี

เรือจะพาเราล่องชมวิวไปเรื่อยๆ จนถึงจุดไคลแม็กซ์ที่ปลาฉลามตัวเท่าบ้านพุ่งออกมา

ด้วยความเร็วจนเกิดคลื่นน้ำกระเพื่อม ทันใดนั้น! คนขับเรือคว้าปืนยิงเจ้าจอว์สนั่นหวั่นไหว

ทั้งละอองน้ำ และไอร้อนจากไฟ เอฟเฟ็คเยอะแยะไปหมด คนนั่งริมก็จะเปียกๆ หน่อย

ซึ่งคนนั่งริมก็คือ...เออ! ตูเอง T^T งึ่ย!



ผ่านไป 7 นาที...เกือบถูกฉลามคาบไปกินละมะ 555555

ตอนนี้เราออกมาด้านนอกแล้วค่ะ แต่ยังคงอยู่ในโซน Amity Village นะคะ

ก็จะมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกตลอดสองข้างทาง

สถานที่สวยมาก น่าถ่ายรูปเล่นเอาไว้เปลี่ยนรูป Profile ให้ระเบิดระเบ้อไปข้างนึง




เดินผ่านโซนหมู่บ้าน Amity Village มาเล็กน้อย จะเจอจุดชมวิว มีทะเลสาปแบบนี้ค่ะ

ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของโซน San Francisco ซึ่งเสมือนจริงตรงที่มีสะพานแขวน

คล้ายกับสะพานแขวนโกลเดนเกต รวมไปถึง วิวอ่าวซานฟรานซิสโก ด้วย ปรบมือให้ผู้สร้างจริงๆ

ที่นี่มีม้านั่งไว้บริการตามจุดต่างๆ ในสวนหย่อมเล็กๆ และยังใกล้ห้องน้ำอีกด้วยนะ




ตลอดทั้งวันที่เราเดินเล่นกันมาใน USJ สิ่งที่เราสังเกตได้ก็คือ หลายๆ คนจะเดินถือแท่งอะไรไม่รู้

เดินไปกินไปกันเยอะแยะเลย จนกระทั่งคะน้าเดินมาถึงโซน Jurassic Park – The Ride

แอ๋มชี้ให้ดูว่า..."นั่นไงร้านขนมที่เขาเดินถือกินกัน"

และแอ๋มก็จัดการเข้าไปซื้อมาให้คะน้ากับเฮียตั้มลองกินดูคนละอัน...เออ! อร่อยอ่ะ >///<

เป็นขนมปังเกลียวๆ หวานๆ มีเกล็ดน้ำตาล กลิ่นก็หอมแบบบอกไม่ถูก




ถัดมา...ตอนนี้เราเดินเข้ามายังด้านในของโซน Jurassic Park – The Ride แล้วค่ะ

ตรงนี้แอ๋มบอกว่า..."มาแล้วต้องกินไก่งวงนะ อร่อยมาก"

และก็ตามรูปค่ะ สาบานว่านั่นขาไก่?? ใหญ่กว่าหน้าไปอีกกกกก!!

นอกจากร้านขายของทานเล่นตรงนี้แล้ว โซนนี้มีร้านอาหารถึง 3 ร้านใหญ่ๆ ให้นั่งด้วย

Fossil Fuels ภายในจะขายขนมทานเล่น เช่น ป๊อปคอร์น ไรงี้

ส่วน Lost World Restaurant จะเป็นอาหารสไตล์อเมริกาใต้

ตกแต่งร้านธีม Jungle เข้ากับบรรยากาศของภาพยนตร์มากๆ

ร้านสุดท้าย Discovery Restaurant บรรยากาศร้านเหมือนในหนังเรื่อง Jurassic Park

และเราสามคนก็นั่งพักเหนื่อย และทานขาไก่งวงกันที่หน้าร้าน Fossil Fuels นี่แหละค่ะ




สำหรับเครื่องเล่นของโซน Jurassic Park – The Ride ก็จะมีทั้งหมด 2 เครื่องเล่นค่ะ

เครื่องเล่นแรกคะน้ามองไม่เห็น เลยไม่ได้เก็บภาพมาฝาก ซึ่งจะเป็นเครื่องเล่นแบบร่องเรือ

ไปในป่าที่มีแต่ไดโนเสาร์ เหมือนกับว่าเรากำลังอยู่ในภาพยนตร์ Jurassic Park ค่ะ




และอีกเครื่องเล่นนึงก็คือเจ้าโหดนี่แหละ ชื่อว่า The Flying Dinosaur

เป็นรถไฟเหาะตีลังกาที่ตีลังกาสมชื่อ พีคตรงที่รางมันจะหมุนเกลียวติ้วๆ ไป 360 องศา

แถมความอลังการของเครื่องนี้ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของ USJ ก็จะมองเห็นและได้ยินเสียงกรี๊ด

ตลอดเวลา บางโซนที่เราเดินๆ อยู่ บางทีเงยหน้าไป มันก็วิ่งผ่านหัวเราไปฟิ้วววว...หน้าตาเฉย!

ยิ่งใหญ่และควงโลกหมุนขนาดนี้...คะน้ากลัวล้าววว 55555 (ข้ามไปค่ะ ใจไม่สู้)




กินอิ่มแล้ว เราไปเดินย่อยกันเถอะ...

คะน้าเดินออกมาจากโซน Jurassic Park เดินวนเข้ามาอยู่ใน

โซน San Francisco อีกรอบ แต่คนละฝั่งกัน บรรยากาศด้านนี้คนไม่เยอะมาก

เสียงค่อนข้างสงบกว่าโซนด้านในๆ เยอะเลย


นี่ก็ว่าเดินออกมาไกลแล้วนะ นี่มันอะไร!! รางของเจ้า Dinosaur ยังตามมาถึงนี่

เห็นมั้ยคะน้าบอกแล้ว เดินๆ อยู่ตรงไหนก็ช่าง มันก็พร้อมจะวิ่งผ่านหัวเราไปตลอดเวลา 55555



เดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงบริเวณทางแยก พอเดินมาถึง คะน้าก็งงหน่อยๆ

เพราะคนแห่มาอยู่รวมกันตรงนี้เยอะมากกกกก!

พอหันไปทางขวามือ ถึงได้รู้เฉลย...ตรงนี้คือโซน Minion Park ที่เปิดใหม่นั่นเองค่ะ

แต่เนื่องจากปริมาณมนุษยชาติเยอะมากจริงๆ แอ๋มที่ชื่นชอบมินเนี่ยนยังยอมใจ

คะน้ากับเฮียตั้มรู้ว่าแอ๋มชอบมินเนี่ยนนะ จะพานางเข้าไปเล่น แต่เพราะคนล้นมาก!

แอ๋มเลยบอกว่า..."ไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่ก็ได้"

โอโหหหห! ดูนางตอบ นี่ญี่ปุ่นนะโว้ย! ต้องบินมา ไม่ได้นั่งบขส. ขนลุกเลยตู 555555




เมื่อตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปโซนมินเนี่ยน เราเลยเดินต่อมาทางซ้าย ซึ่งเข้าสู่โซน New York

โซนนี้เมคอิทแฮฟเพ่นสุดๆ เหมือนไม่ได้อยู่เอเชีย สิ่งก่อสร้างจำลอง New York มาได้ละมุนมาก

ตึกอาคาร ร้านรวงต่างๆ ใส่ใจขนาด Sculpture ยังเป็น Bronze สไตล์ยุโรปหมดเลย





ทริปนี้เป็น Photo Trip ที่แท้ทรู 5555 รูปเป็นล้าน มือถือนี่ไล่แบตหมดกันไปทีละคนแล้วค่ะ

ส่วนกล้อง Memory เต็มไปสองรอบ คะน้าต้องนั่งลบรูปไปบ้าง แอ๋มกับเฮียขำแบบสมน้ำหน้าหน่อยๆ

แหม! ก็มันสวยอ่ะ เดินไปทางไหนละมุนตาไปหมด อะไรๆ ก็ดูตื่นตาตื่นใจ เลยอยากเก็บรูปไปเยอะๆ งี้



และแล้วเราก็เดินมาเจอของเล่นใหม่แล้วจ้าาา ตอนนี้เราเดินมาอยู่กันที่...

โซน The Amazing Adventures of Spider Man

เป็นเครื่องเล่นแบบ 4K3D เหมือนที่เราไปเล่นกันมาแล้วในโซน Harry Potter เลย

แต่ต่างตรงที่ว่า ของ Harry Potter ในฉากจะเป็นคนจริงๆ สถานที่ในภาพยนตร์จริงๆ

แต่ของ Spider Man จะเป็นภาพการ์ตูน เพิ่มเติมคือมีเอฟเฟ็ค เช่นละอองน้ำ ไอร้อนๆ มาโดนเรา

ระหว่างที่ตะลุยไปตามฉากต่างๆ มีกรี๊ดกร๊าดบ้าง หวาดเสียวบ้าง เวียนหัวหน่อยๆ ก็มี

เพราะมันหมุนๆ โยนๆ แต่รวมๆ ก็สนุกมาก ถ้าไปอีกก็เล่นอีกแน่อ่ะ





เดินกันต่อในโซน New York นะคะ เรามาแวะเข้าห้องน้ำกันแป็บนึง

ตรงนี้มีรอยมือคนดังๆ ให้เราลองประกบเล่นด้วย มีให้เลือกเยอะแยะไปหมดเลย

แต่ในที่สุดแอ๋มศรีก็หามือที่พอดีกับตัวเองเจอ คะน้าตาลาย ขอยืนดูเฉยๆ พอ 5555



เดินต่อมาอีกนิด ในโซน Universal Cool Japan ตรงนี้จะเป็นย่านอนิเมะแล้วค่ะ

ร้านแรกที่เจอคือ Shop ขายของที่ระลึก อย่างร้านนี้เป็นของที่ระลึกจาก

เรื่องโคนัน การ์ตูนเรื่องโปรดของคะน้าเอง เลยขอเอาตัวเองไปเดินปลิวๆ

อยู่ในร้านราวๆ ห้านาที แต่ก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาหรอกนะคะ 55555



ผ่าพิภพไททันก็มาาาา!!

ตัวใหญ่มากกกกกก ตรงนี้ให้เราเข้าไปยืนในอุ้งมือของไททันเพื่อถ่ายรูปเล่นค่ะ

ส่วนคนที่ใส่เสื้อคลุมโคนันที่เห็น เป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยบริการจัดคิวนักท่องเที่ยว

ให้เข้าไปถ่ายรูปกันอย่างเป็นระเบียบ ไม่แย่งคิวกัน




มาแล้ววววว! นี่ก็เครื่องเล่นใหม่ สาวกเกมส์ต้องอยากมากันแน่ๆ เลย

โซนนี้คือ Monster Hunter the Real

เป็นจอ 3D ขนาดใหญ่ในห้องเสมือนจริงแบบ 360 องศา

ให้เราเข้าไปผจญภัยเป็นตัวละครในเกม

(จริงๆ โซนนี้เหมาะกับเด็กที่มี Imagine เยอะๆ มากกว่าป้าๆ อย่างพวกเรานะฮะ 5555)



เมื่อเดินเข้ามาภายในสตูดิโอจะถูกตกแต่งไว้ด้วยสิ่งของเครื่องใช้จากในเกมทั้งนั้น

อารมณ์เหมือนมาเดินในพิพิธภัณฑ์ประมง 55555

(ป้าคงแก่เกินไปแล้วจริงๆ ลู๊กกก)



เมื่อเราเดินมาด้านในสุด เราจะเจอตัวละคร 3D ออกมาต้อนรับเรา แอบตื่นเต้นในเทคนิค

เพราะของจริงที่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่ต้องใส่แว่นตา 3D ก็เหมือนตัวละครมันออกมาจริงๆ นะ

หลังจากนั้น พวกเราก็เดินไปยัง State ที่เป็นหัวเรือ จากนั้นภาพในจอ 3D แบบ 360 องศา

ก็ปรากฏฉาก ล่องเรือเหาะไปบนท้องฟ้าเวิ้งว้าง เพื่อไปตามหามังกรอามัตซึมะกัตซึจิ

กับมังกรบารุฟารุคุ มีการต่อสู้กันด้วย แต่พวกเราก็ยังปลอดภัยดีนะ 55555

อืมมม...อนาคตถ้ามีลูกมีหลานจะพามาโซนนี้แหละ รับรอง! สะกด!



เรามุ้งมิ้งกันมามากพอแล้วเนอะ คะน้าพามาต่อกันที่โซน Holly Wood ค่ะ

เครื่องเล่นนี้ชื่อว่า Hollywood Dream เป็นรถไฟเหาะนั่นแหละ

แต่มี 2 รางให้เลือก คือแบบหันหน้าปกติ หรือหันหลัง (The backwards roller coaster)

และแน่นอนว่า...สายแข็งเช่นคะน้ากับแอ๋มศรี มาถึง USJ กันทั้งที!!

พวกเราต้องเล่นแบบ...หันหน้าปกติ อยู่แล้วล่ะ 555555555555



สำหรับคนที่ใส่รองเท้าแบบมีแนวโน้มว่าอาจจะหลุดร่วงระหว่างที่รถไฟเหาะอยู่กลางอากาศ

ทางเจ้าหน้าที่ชายชาติญี่ปุ่นผู้มีหน้าตาหล่อเหลางานดี จะมียางหนาๆ แบบนี้มาเตรียมไว้ให้

แต่ไม่ได้ส่งให้เรากับมือนะคะ!! พ่อหนุ่มรูปงามจะก้มลงไปรัดให้เราที่รองเท้าเรียบร้อย

บอกเลยตอนนั้นมโนตัวเองซินเดอเรลล่าตอนที่เจ้าชายเอารองเท้าแก้วมาใส่ให้มาก โฮะๆๆ

บริการดีแบบนี้ จะให้ขึ้นมานั่งตีลังกาบนรถไฟเหาะอีกสักกี่รอบก็ย่อมได้ 555555



เดินเล่นจนยามเย็นมาเยือน...

พวกเราสามคนก็ไปมาครบทุกโซนแล้วนะ แต่เพราะพวกเราเป็นแฟนแฮร์รี่

ดังนั้น...งานซ้ำต้องมี 5555 ไปค่ะ!! เราเดินกลับไปยัง

โซน The Wizarding World of Harry Potter กันอีกรอบเถอะ ติดใจมากกก!!


ว้าวววว!! หมู่บ้าน Hogsmeade เปิดไฟแล้วค่ะ

บรรยากาศดูขลังและสมจริงไปจากตอนช่วงเช้ามาก เสียงดนตรีที่เปิดคลออยู่ตลอดทาง

ยิ่งช่วยสร้างให้บรรยากาศเสมือนว่าเราหลุดไปอยู่ในโลกเวทมนตร์สมจริงเข้าไปอีก



เอ๊ะ! นั่นเขายืนทำอะไรกัน??

ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน คะน้าก็จูงแอ๋ม กับเฮียตั้มไปดูด้วยกัน

ตรงนี้จะมีเจ้าหน้าที่ในชุดแม่มดคอยเล่นกับเด็กๆ อยู่ค่ะ สำหรับใครที่ซื้อไม้กายสิทธิ์

อยากจะมีโมเม้นท์ที่เสกไฟได้ ก็ลองไปยืนเล่นดูขำๆ ตรงนี้ก็ไม่ Bad นะคะ

คะน้าดูน้องเขาเล่นไปก็ยิ้มไป ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา ทำท่าทางตามที่แม่มดคนสวยคอยสอนอยู่

พอเสกไปยังปล่องไฟบนหลังคาบ้าน ไม่กี่วินาที ไฟก็ลุกขึ้นมาแบบในรูป เป็นอีกมุมที่น่ารักดี



ไฟจริงๆ เลยนะดูสิ คะน้าว่าที่นี่เขาใส่ใจในรายละเอียดมากซะจนรู้สึกว่า...เออ! คุ้มแล้วที่มาเที่ยว




และเมื่อเรามาถึงหน้าปราสาท Hogwarts สตั๊นท์ไปเลยคนละ 3 วิ!!

ทำไมคนมันเยอะขนาดนี้!!!

คือที่เราเดินย้อนกลับมา เพราะอยากจะเข้าไปเล่นเครื่องเล่น 4K3D กันอีกรอบค่ะ

แต่พอเห็นคนมายืนรอกันมากมายอยู่หน้าปราสาทก็เริ่มสงสัยว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เลย

สักพักคะน้าก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ประกาศเป็นภาษาอังกฤษเพื่อจัดความเรียบร้อย

ประมาณว่า "ถ้าจะดูโชว์ให้รอตรงนี้ และถ้าจะเข้าไปเล่นในปราสาท ให้ไปต่ออีกแถวนึง"

พอได้ยินคำว่า "โชว์" ซึ่งก็ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรกับเขาเลยว่ามันคือโชว์อะไร

แต่เพราะเรามาทั้งที เราต้องเอาให้คุ้ม ต้องรู้ ต้องลอง ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะยืนรอค่ะ



คนรอดูโชว์กันเยอะมากจริงๆ เวลาตอนนี้ประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ ได้ค่ะ

อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว และเวลายิ่งผ่านไป

ผู้คนก็เริ่มทยอยมาอยู่โซนนี้กันมากขึ้นกว่าเดิม



จนกระทั่งแสงอาทิตย์เริ่มจะหมดไป

บนปราสาทค่อยๆ เปิดไฟทีละจุดอย่างช้า



จนในที่สุด...ความมืดก็เข้าปกคลุม แสงไฟจากโคมไฟสี Warm Light

กับอากาศที่เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ความสนุกมันทำงานตลอดเวลา



แล้วบนปราสาทก็เปิดไฟจนทั่ว มีการเล่นแสงไฟให้วูบไหวไปมา ดูมีมนตร์ขลัง

ราวกับบรรดาพ่อมดแม่มดกำลังร่ายมนตร์เล่นกันอยู่ในนั้น...



จนกระทั่งเวลาราวๆ หนึ่งทุ่ม...

การแสดง Lighting & Sound ก็เริ่มต้นขึ้น

นักแสดงออกมาเล่นกันไปตามบทบาทบนเวทีข้างหน้าของพวกเรา

และตัวปราสาทก็ปรากฏแสงสีที่สวยงามอลังการ จนคนดูร้องว้าวกันอย่างไม่ขาดสาย...


ไม่แน่ใจว่าการแสดงใช้เวลานานเท่าไหร่ เพราะดูเพลินมาก สวยมาก อลังการมาก

พวกเราไม่ละสายตาไปจากโชว์เลยสักนิดเดียว จนกระทั่งการแสดงจบลง

เสียงปรบมือกับเสียงร้องชื่นชมดังระงมไปทั่วทั้งโซน ขนลุกเลยตอนนั้น ปิติมาก

ยังคิดอยู่เลยว่า...ถ้าไม่คิดจะเดินกลับมาเล่นโซนนี้ซ้ำ คงอดดูแน่ๆ เลย

(คะน้าขอไม่สปอยซีนที่ใช้ในการโชว์นะคะ ถ้ามีโอกาสอยากให้ไปชมกันนะ งานดี คุ้มค่ามาก)



เมื่อการแสดงจบลง ผู้คนก็เริ่มแยกย้ายกันกลับแล้วค่ะ



และนี่คือหมู่บ้าน Hogsmeade ในยามค่ำคืนค่ะ

สวยมากเลยใช่มั้ยล่ะ!! คะน้านี่ไม่อยากลับบ้านเลยนะ อยากอยู่ต่อ มันรู้สึกไม่อิ่ม 5555



เลอค่าแม้กระทั่งทางเดิน...

บรรยากาศดูเรียลกว่าตอนกลางวันเยอะเลย



เมื่อเราออกมาจากโซนเวทมนตร์แล้ว

แอ๋มก็ทักขึ้นมาว่า "ลองเดินโซนนี้ก่อนมั้ย เรายังไม่ได้มาเลย"

นี่คือโซน Universal Wonderland ค่ะ อยู่ติดกับโซนแฮร์รี่เลย

แต่เพราะเมื่อตอนกลางวันพวกเราเดินวนทวนเข็มนาฬิกา และพอจะครบรอบ

พวกเราดันเลี้ยวกับไปโซนแฮร์รี่ซะอย่างนั้น ทำให้เราจะหลุดโซนนี้นั่นเอง 5555



แต่มาก็ไม่ทันแล้ว เพราะเครื่องเล่น และร้านค้าต่างๆ ในโซนนี้ปิดกันหมดแล้ว

เสียดายนิดนึง เพราะถ้าเดินมาเล่นตอนกลางวัน เราคงได้ถ่ายรูปกันกล้องแตกแน่ๆ เลย

โซนนี้มัน Cute มากเลยค่ะคุณขาาาาา TOT

และที่อยู่ด้านหลัง คือเครื่องเล่นชื่อว่า The Flying Snoopy ค่ะ

ว่าแต่...เฮียคะ เฮียจะมาเซิ้งอะไรตรงนี้ไม่ได้!! แอ๋มก็ไม่ห้ามเลยลู๊กกกก!



ถัดมาจะเป็นร้าน Hello Kitty's Ribbon Collection

สาวกคิตตี้มีแดดิ้นตายแน่ๆ เพราะมันน่ารักมากกกกก >///<

น่ารักแค่ไหน...ถามเฮียดูสิ 55555 ทำไมเฮียดูอินเนอร์กับโซนนี้ผิดปกติคะเฮีย!



ตรงนี้เป็นม้าหมุน Big Bird's Big Top Circus

มันน่ารักและน่าเล่นมากนะคะ แต่พอเดินไปถาม เจ้าหน้าที่บอกว่า...รอบนี้ที่กำลังเล่นอยู่

คือรอบสุดท้ายแล้วค่ะ ว้าาาา! เสียดายยยยยย

และจริงๆ โซนนี้ก็มีเครื่องเล่นอีกเยอะเลยนะคะ เหมาะกับเด็กๆ คนโตก็เล่นได้ค่ะ เบาๆ ขำๆ

เน้นน่ารัก หรือจะมาถ่ายรูปเล่นก็ยิ่งดีหนัก เพราะว่าโซนนี้ Cute มาก ย้ำ!




และนี่คือยามค่ำคืนของ USJ นะคะ เปิดไฟแสงสีสวยงามทุกร้านเลยค่ะ

เหมือนไม่ได้อยู่ในสวนสนุกเลย เหมือนกำลังท่องราตรีอยู่ในเมืองมากกว่า...ดีต่อใจจริงๆ



เอาล่ะ! กลับมาที่ Guest Services กันอีกครั้ง เรามาเอากระเป๋าคืนค่ะ

ได้เวลากลับบ้านซะแล้ว ฮือออออ TOT




และระหว่างรอติดต่อเจ้าหน้าที่ คะน้าก็ยืนชมของตกแต่งในห้อง Guest Services ไปเรื่อยเปื่อย

มีทั้งรูปในอดีต มีทั้งลำดับ Logo อืมมมม...น่าสนใจ เลยอดไม่ได้ที่จะกดชัดเตอร์เก็บภาพมาด้วย



ก่อนกลับ...มาทักทายลูกโลกกันอีกรอบ คนบานเลยจ้าาาา 5555



เดินออกมาถึงถนนด้านนอก เพื่อไปยังสถานีรถไฟ อาคารร้านค้าทั้งบริเวณนี้

จัดไฟแสงสีสวยงามยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครยอมใคร สร้างให้บรรยากาศแถวนี้ดูครึกครื้นมาก

เป็นกลางคืนที่บันเทิง มีสีสัน และดูสนุกสนานไปหมด ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ตาม

และรุ่นสาวเราๆ เพลงนี้มันต้องมา... "จะไปกับแสงสี กับปีกที่สวยๆ ให้เหมือนผีเสื้อราตรี...ฮู้ฮูวว"



และนี่คือทริปที่คะน้าประทับใจที่สุดในปี 2017 เลยค่ะ

กับทริป "คะน้า แบคแพค เช็คอิน 30 ที่เที่ยว 5 เมืองในฝัน เดินลุยๆ 7 วัน ในญี่ปุ่น"

ทริปนี้คะน้าเขียนออกมาทั้งหมด 6 Blog ด้วยกัน และ USJ คือรีวิวที่ 6 สุดท้ายแล้วค่ะ

และสำหรับประเทศญี่ปุ่น ต้องมีซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างแน่นอน...คะน้าหลงรักที่นี่มากจริงๆ >///<

โดยเฉพาะ Mt.Fuji San และ USJ ยังไงก็จะมาอีก มาแน่ๆ 5555 ตราตรึงมากกกก

ทว่า...ตอนนี้คะน้าไปสนามบินก่อนดีกว่า เดี๋ยวตกเครื่องได้อยู่ญี่ปุ่นต่อสมใจกันพอดี ฮ่าาา!



ขากลับเรานั่งรถไฟสาย JR Yumesaki Line ค่ะ

แล้วไปลงเปลี่ยนขบวนที่สถานี NISHIKUJO จากนั้นไปต่อขบวนรถไฟ

JR Kansai Airport Rapid Service

เพื่อไปยังสนามบินคันไซค่ะ



มาถึงสนามบินแล้ว หน้าตามันก็จะหงอยๆ หน่อย T^T


จัดการ Check in รอขึ้นเครื่องบินกลับไทยเรียบร้อยแล้วค่ะ...ไว้เจอกันใหม่น้าาาา


ก่อนกลับ...

คะน้าขอบคุณแอ๋มศรีมาก เป็นคนจัดการให้ตั้งแต่เรื่องตั๋วเครื่องบิน จัดตารางทริป

จองโรงแรม ซื้อบัตร USJ แลกเงินเยน หาร้านอาหาร พานั่งรถไฟ

และยังดูแลเรื่องกระเป๋าเดินทางให้ด้วย รักเธอที่สุดในโลกเลยยยยย ^o^

ขอบคุณเฮียตั้ม พี่ชายที่น่ารัก ที่เหนื่อยกับทริปนี้สุดอะไรสุด แต่ก็ยังเอ็นจอยไปด้วยกัน

และขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนจริงๆ จากใจ ที่ให้กำลังใจในการอ่านบล็อคของคะน้า

แถมช่วย Shared ให้ด้วย น่ารักจังเลยค่าาาา

คะน้าฝากให้ติดตามกันต่อๆ ไปในทริปหน้าและอีกหลายๆ ทริปนะคะ

และขออีกนิด ฝากเพจของเราด้วย

เพจ >> https://web.facebook.com/TheLocationKana จิ้มๆ เลย >///<


#LoveYouAll




ความคิดเห็น