ทริปนี้เกิดจากผมได้รับคำเชิญให้ไป “สเปน" จากสายการบิน Qatar Airways และ Spain tourism board ในฐานะ “สื่อออนไลน์" ผมรีบแทบไม่ทัน
หมายเหตุ :
-รีวิวนี้ผมจะให้ข้อมูลการเดินทางด้วย metro ไว้ด้วยเผื่อใครจะมาเที่ยวด้วยตัวเองจะได้ตามรอยได้
-รีวิวนี้จะเน้นการเที่ยวสเปนก่อนส่วนรีวิวขึ้น business Qatar และร้านอาหาร Michelin จะเป็นอีกตอนครับ
พูดคุย ติดตาม เม้ามอย สอบถาม กับหนุ่มออฟฟิศ สายท่องเที่ยว ฝันไปรอบโลกได้ที่
http://www.facebook.com/ChillJourneyสเปนมันอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้ คำถามที่คนสงสัย สเปนอยู่ในทวีปยุโรปครับ เอาง่ายๆคือมันอยู่ใต้ฝรั่งเศสนั้นหล่ะ แต่สำหรับคนไทยมักมองข้ามประเทศนี้ไป เที่ยวกันแต่ ฝรั่งเศส-สวิส-อิตาลี(รวมถึงผม 555 )
ข้อมูลเป็นประโยชน์ก่อนไปเที่ยวสเปน
-สเปนอยู่ในเขตเชงเก้น ดังนั้นจะเข้าก็ใช้วิธีการขอวีซ่าเชงเก้นเหมือนประเทศอื่นในกลุ่มยุโรปนั่นหละ
-เมืองหลวงของสเปน คือ เมืองมาดริด
-คนสเปนใช้ภาษาสเปนเป็นหลัก แต่คนส่วนมากที่ผมพบเจอก็พูดภาษาอังกฤษได้
-ตามรถไฟฟ้าและขนส่งสาธารณะมีภาษาอังกฤษกำกับ ไม่ต้องห่วง
-รถไฟใต้ดินในเมืองมาดริด และ บาร์เซโลนา ดีมาก ดังนั้นใช้ใต้ดินเถิด
-คนสเปนอาหารมื้อหลักเค้าคือ มื้อกลางวันดังนั้นมือกลางวันจะจัดเต็ม แต่มือเย็นจะกินเบาๆ
-ควรไปทะเลสเปน เพราะแซ่บมากบอกตรงๆ
-จองรถไฟได้ที่
www.renfe.com ถ้าจองแต่เนิ่นๆจะได้ตั๋วราคาโปรโมชั่นถูกกว่าปกติประมาณ 20-30%
-สเปนเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ดีมาก เพราะสเปน Tax refund เยอะระดับบนๆของยุโรป15.7%
-บาร์เซโลนา คือเมืองที่ผมหลงรักไปแล้วววว คุณต้องไปผมแนะนำจริงๆ
แผนเที่ยว -July 2015 ทริปสั้นๆ 6 วันแต่เน้นคุณภาพมีตารางตามนี้ครับ
Day1 – BKK - Madrid
Day2 - Madrid
Day3 – นั่งรถไฟไป Barcelona
Day4 – Barcelona City tour
Day5 – Barcelona ( Camp nu & shopping La Roca Village )
Day6 – Barcelona ครึ่งวันและบินกลับไทย
*ไฮไลท์ทริปนี้อยู่ที่บาร์เซโลนา ดังนั้นอ่านให้จบนะครับ ^^Day1BKK-Doha-Madrid
เริ่มต้นทริปด้วยการเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิบินไป Madrid เมืองหลวงของสเปน ด้วยสายการบิน Qatar Airwaysซึ่งสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส สามารถบินเริ่มต้นจากกรุงเทพ หรือ ภูเก็ตได้ทั้งคู่โดยจะไป Transit แวะพักให้ช็อปปิ้งกันที่เมือง Doha ก่อนบินต่อไปยังจุดหมายปลายทางอีกมากกว่า 100 ที่ทั่วโลก ตารางบินถี่มากดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ site : http://www.qatarairways.com
จาก Economy นั่งหลังขดหลังแข็งรอบนี้ชีวิตดีได้บิน Business class ครับ แต่ได้ฟินไปจนถึงแค่โดฮาเท่านั้น จากนั้นถูกถีบตกสวรรค์บิน Economy เหมือนเดิมไปมาดริดครับ 555
เป็นการขึ้น Business class ครั้งแรกของผมตื่นเต้นครับทำไรไม่ถูก ต้องขอบคุณแอร์ที่ช่วยแนะนำให้ทุกอย่างเลยครับ อาหารอลังและอร่อยมาก ที่นอนปรับนอนได้ 180 องศา เอวี่ติง จิงกาเบล ดีไปหมด เข้าใจแล้วว่าทำไมคนมีตังเค้าบิน Business class กันบอกตรงๆถ้ามีตังจะไม่ทนนน
.ใช้เวลานั่งประมาณ 6 ชั่วโมงก็จะมาถึงสนามบิน Hamad International Airport เมือง Doha ตอนนี้เป็นสนามบินใหม่แล้วครับสวยมากอลังมากจนน่าตกใจ มาสนามบินนี้จะพลาดไม่ได้เลยต้องมาถ่ายรูปน้องหมียักษ์
จากนั้นเจ้าหน้าที่กาตาร์ แอร์เวย์ส ก็พาทัวร์สนามบินในฝั่งของ Business class lounge ผมเอาภาพมาให้ดูความอลังเล็กน้อยก่อนไว้อ่านต่อเรื่องหรูๆไฮโซๆตอนหน้า
จากสนามบินเมืองโดฮา เรานั่งเครื่องบินต่ออีกประมาณ 7 ชั่วโมงก็มาถึงกรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปนแล้วครับ ความประทับใจแรกคือสนามบินที่นี่ตรงจุดรับกระเป๋าแปลกตาดี ^^
บ่ายแล้วขึ้นบัสที่ทางการท่องเที่ยวสเปนจัดไว้ให้ไปทานร้านอาหารที่เก่าแก่สุดในโลก
หมายเหตุ : สำหรับเพื่อนๆที่มาด้วยตัวเอง จากสนามบินจะนั่ง metro , รถไฟไปตัวเมืองก็ได้เช่นกันครับ ^^
El Botin (Oldest Restaurant in the World)
Metro Station - Opera / SOL ( อยู่ใกล้กับ Plaza Mayor )
ร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่โตครับประมาณ 2 ห้องแถว เราได้นั่งชั้นใต้ดินอารมณ์เหมือนเข้าถ้ำไรงี้
อาหารจานเด็ดของที่นี่คือ หมูย่าง/แกะย่างอย่าเพิ่งตกใจกับภาพที่ถ่ายมานะครับ คือเค้าจะเอามาเยอะๆก่อนค่อยแบ่งใส่จานทีละคนที่สั่งอีกทีครับ สำหรับร้านนี้นอกจากจะมีตำนานว่าเก่าแก่สุดในโลกแล้ว รสชาติยังอร่อยอีกด้วย (และให้เยอะมาก สองคนจานเดียวก็พอนะ) ผมกินหมูย่างแล้วปิดท้ายด้วยขนมหวานสั่งเมนูแนะนำของร้านเช่นกัน “ไวท์ช็อคชีสเค๊ก" อร่อยมาก มื้อแรกก็ฟินนนนน
กินแล้วได้เวลานอน เฮ้ย.. ได้เวลาเช็คอิน สองคืนที่มาดริดเราจะพักกันที่โรงแรม We Are Chamartin ที่พักนี้อยู่ชานเมืองหน่อย ผมลองนั่งใต้ดินกลับจากตัวเมือง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ข้อดีของโรมแรมคืออยู่ติดทั้งรถใต้ดิน และ รถไฟเลย โรงแรมสะอาด นอนสบาย อาหารเช้าอร่อย ราคาประมาณ 2 พันนิดๆ ถือว่าโอเคเลยหล่ะ
Metro Station – Chamartin , site : http://www.hotelchamartin.com/EN/hotel.html
เค้าให้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเช็คอินครับ ผมเอากระเป๋าเก็บห้องเสร็จก็ออกสำรวจรอบๆโรงแรม หาช่องทางในการออกไปเที่ยวต่อด้วยตัวเองหลังจบโปรแกรมตามประสา backpackerและก็พบขุมทรัพย์ว่าโรงแรมมันอยู่ติด metro เลย รวมทั้งติดสถานีรถไฟอีกด้วยมาดริด เดียวเราเจอกัน!
วันแรกเราทาน Dinner ที่ “Platea" Metro : Serrano , Site : http://www.plateamadrid.com/
ถ้าได้พาใครสักคนมา dinner ที่นี่มันจะโรแมนติกมากกกก
คนสเปนมื้อดึกเค้าจะทานอะไรเบาๆอย่างเช่น ทาปาส ( อารมณ์ขนมปังออเดิฟ ) ทานอิ่มแล้ว
ปิดท้ายด้วยของหวานน่ารักน่าทาน อ้วนๆก่อนนอนกันไป เป็นวันจบวันแรกกิน-นอน-กินชีวิตดีกันไป
Day2 City tour Madrid
เริ่มต้นวันที่ 2 เราจะบุกตะลุยเที่ยวเมืองมาดริดกันครับ จุดเริ่มต้นที่ทุกคนมักจะมาเริ่มกันเวลาเที่ยวกรุงมาดริดก็คือ Plaza mayorถ้าใครนั่งรถใต้ดินมาก็ลงสถานี SOL ครับ
เมื่อมาถึงแล้วผมแนะนำให้คุณไปเที่ยวพระราชวังกรุงมาดริด (Royal Palace of Madrid ) เป็นอันดับแรก เพราะถ้าสายๆวันหยุดคิวจะยาวมากกกก ดังนั้นให้ไปก่อนเลย ต่อคิวซื้อตั๋วเข้าในราคา 10 EU ครับ
ด้านในก่อนเข้าตัวอาคารก็ประทับใจแล้ว
.ภายในวังที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นวังสวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เทียบชั้นกับแวร์ซายน์เลย เวลาผ่านแต่ละห้องโถง อลังการมากแต่ละคนอุทาน ว้าวว ว้าววว ตลอดทาง แต่คือออออ ที่นี่ไม่ให้ถ่ายรูปด้านในถ่ายมาได้แค่ปากทางเข้าเท่านั้นครับ ดังนั้นต้องมาดูเองนะครับ ถ่ายภาพมาฝากไม่ได้จริงๆ
ก่อนจากกันขอภาพส่วนตัวเก็บไว้หน่อยเฮ้!
.จบจากการชมวังเดินย้อนกลับทางเดินมุ่งหน้าสู่ Plaza mayor ครับ ก่อนจะถึงเราจะเจอ Mercado San Miguel ตลาดไฮโซติดแอร์อยู่ทางขวามือตลาดนี้ผมเคยฟังมาว่าเป็นการคัดสรรค์ร้านดังๆทั่วสเปนมาไว้ที่นี่ ราคาจะแพงหน่อยแต่คุณภาพและรสชาติเชื่อถือได้แน่นอน เพราะไม่ดีจริงถูกคัดออกจากตลาดครับ
สำรวจตลาดไฮโซหน่อย มีผลไม้เมืองหนาวสดๆสวยๆ
อีกหนึ่งสิ่งที่ว่าเด็ด คือ หอยนางรมสดๆ ตัวละประมาณ 2-3.5 EU ตามขนาดความใหญ่เบิ้มของหอย โดยทานคู่กับไวน์ขาว
บรรยากาศภายในตลาดแบบกว้างๆมีร้านภายในประมาณ 20 ร้านที่ถูกคัดเลือกเท่านั้น ร้านไหนไม่ดี ชิ่ว
จากนั้นผมก็เดินสำรวจบ้านเมืองแถวๆย่าน Plaza mayor และรอบๆนั่นหล่ะครับ
พอบ่ายเราก็ไปห้าง El Corte Ingles Department ( Metro : Santiago Bernabeu )
ห้างนี้เป็นสวรรค์ของสาวนักช็อปแน่นอน เพราะเป็นห้างที่ใหญ่สุดในยุโรป มีทุกแบรนด์ และตามที่บอกไปว่าสเปน Tax refund 15.7%ใครพาแฟนมาระวังบัตรให้ดี
อีกหนึ่งความช็อคของผมคือที่นี่มี Personal shopper ครับ ใครไม่รู้จะแต่งตัวยังไงให้เข้ากับตัวเอง หรือขี้เกียจเดินหาของมาตรงนี้ได้มีคนช่วยช็อป เห้ยยยย คนมีตังนี่มันช่างดีเหลือเกิน มีสตางค์จะทำอะไรก็เพลินจะตายเดียวๆๆไม่ใช่เพลงบอดี้สแลม
และที่ห้างนี้มันใกล้สนามบอล Santiago Bernabéu Stadium สนามบ้านของสโมสร Real Madrid มากๆดังนั้นพนักงานเค้าก็บอกว่านักบอลจะมาที่นี่เป็นประจำเช่นกัน สั่งไวน์ขวดละ 800 EU ทีละลังเป็นเรื่องปกติค่ะ
.
.
สมองแล่นครัช ลองคูณกลับเป็นเงินไทย สามแสนห้าหมื่นบาททท!!เห้ยยย อะไรยังไง นักบอลรวยไป กลับไปหัดเตะบอลทันไม๊และเนื่องจากมันใกล้สนามบอล มาทั้งทีเดินไปถ่ายรูปกะสนามมาดริดหน่อย ประทับตราไว้ “เด็กผีมาเยือน"
เย็นๆก็ย้อนกลับไปเดินเล่นย่าน Plaza mayor ไล่ลงมาด้านล่างเรื่อยๆครับ เดินย่อยรอค่ำเพื่อทาน dinner พร้อมดูระบำเปลื้องผ้า ผิดดดดด ดู Flamenco Showศิลปะเด่นของเมืองสเปนเค้านะครับ
ชอบภาพนี้เป็นพิเศษ ^^
เรามา Dinner and Flamenco Show ที่ร้าน Tablao Villa Rosaร้านนี้แสดงได้ Flamenco show ได้แซ่บมากกก สำหรับคนจินตนาการไม่ออก ผมว่าคล้ายกับแท๊ปแด๊นซ์แต่เป็นเพลงสเปนและหนักแน่นกว่า
( ใครอยากรู้โชว์เน้นๆเป็นไง youtube อันนี้เลย https://www.youtube.com/watch?v=dY5yOUev_ZI )
จบจากโชว์ 4 ทุ่มทุกคนก็กลับโรงแรม … แต่ผมไปต่อ ผมให้เค้าส่งลงที่สถานี Plaza espana ก่อนจากมาดริดในคืนนี้ผมอยากได้บรรยากาศยามค่ำคืนสักหน่อย ก่อนลงเจ้าหน้าที่สเปนกังวลอย่างเห็นได้ชัด
จนท. “ชิล ยูแน่ใจนะว่ากลับถูก มีนามบัตรโรงแรมแล้วใช่ไหม เรียกแท็กซี่กลับนะ"
ผม “อย่ากังวลไปเลย นี่ประเทศที่ 21 ของไอนะ และนามบัตรโรงแรมผมมีแล้วครับ"
จาก Plaza espana เดินต่อไปอีกนิดเดียวก็จะถึง Temple of debod เป็นวัดอียิปต์โบราณครับ จริงๆตอนที่มาถึงนี่ฟ้ามืดเกินไปแล้วหล่ะ แต่ผมเป็นประเภทถึงแม้ไม่สวยผมก็อยากไปดูด้วยตาตัวเอง อย่างน้อยเราก็ได้รับรู้แล้วว่าอะไรเป็นยังไงเน้อะจากนั้นผมก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับไปโรงแรมครับ บรรยากาศใต้ดินมาดริดโอเคนะ ผมว่าไม่น่ากลัวเท่ากับที่โรม หรือ มิลานครับ
Day3 Madrid – Barcelona
ได้เวลาโบกมือลากรุงมาดริดและมุ่งหน้าสู่เมือง บาร์เซโลนา ทั้งสองเมืองอยู่ห่างกันประมาณ 600 กิโลแต่รถไฟความเร็วสูงวิ่งเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นครับ อย่างที่บอกไปเน้อะจองรถไฟได้ที่ http://www.renfe.com ถ้าจองแต่เนิ่นๆจะได้ตั๋วราคาโปรโมชั่นถูกกว่าปกติประมาณ 20-30%
บรรยากาศสถานีรถไฟหลักกรุงมาดริด จะมีต้นไม้ตรงกลางด้วย แปลกตากว่าที่อื่นที่เคยไปมา
สำหรับตั๋วที่จองออนไลน์มาแล้ว ปริ้นออกมาเอาไปขึ้นรถไฟได้เลยครับไม่ต้อง verified อะไรเพิ่มแล้ว เราได้ตั๋วราคาโปรมาในราคา 90 EU ครับ
รถไฟความเร็วสูงหรูหราตามมาตรฐานรถไฟยุโรปครับ ที่นั่งสำหรับคนเอเชียต้องบอกว่ากว้างมากๆเลยหล่ะนั่งสบาย และระหว่างนั่งรถไฟถ้าหิวก็มีตู้เสบียงให้เสียตังกันได้ครับ
.ใช้เวลา 3 ชั่วโมงรถไฟตรงมาถึงตามกำหนดการ 12:35 เป๊ะเราไปทานข้าวกันครับที่ร้านอาหารร้านดัง ติดอับดับมิชิลิน L´Eggs ต่อด้วยกินขนมร้าน Escribaทั้งสองร้าน อร่อยจนผมแทบจะเลียจาน (ติดไว้รีวิวหน้าครับ)
จริงๆวันนี้เราต้องไปเข้า Barcelona Cooking class ครับแต่เกิดเหตุผิดพลาดในการจอง ดังนั้นจึงเป็นเวลาว่างซะงั้น คนจากการท่องเที่ยวสเปน เลยบอกว่าพวกเราLet's go to da beach !!( ทุกคนดี้ด้า แสดงว่าอยากทำอาหารกันมากกกกกก 555 )
ระหว่างทางไปบีชจะมีร้านค้าขายของกิน ขายของใช้น่าเดินมากๆและแล้วววว ก็มาถึงบีชจนได้ ที่เค้าว่าบีช สเปนมันแซ่บบบบ บอกเลยว่าใช่ มาสเปนไม่มาบีช คือพลาด
(สำหรับหนุ่มๆ ขออภัยทำให้ผิดหวัง ไม่กล้าถ่ายมาเพราะมีบางคน Topless กันเลยครับ !! )
ณ ชายหาด Barcelona
พี่แพท : แก เอากล้องมาแล้วปีนขึ้นไปบนนั้นเลย เดียวชั้นถ่ายรูปให้
สิ้นคำแนะนำนักเขียนรุ่นพี่ผมยื่นกล้องให้แล้วปีนขึ้นไปบนอะไรสักอย่าง
.
เห้ย ไปอีกบนสุดเลย ... โอเคร้ครัช ปีนต่อ
.
กางแขนเลย กว้างๆ เฮ้ยพี่!จะดีเหรอเอานะพี่ 3 2 1 แช๊ะะะะะะะ
จากนั้นเข้าเช็คอินกันที่โรงแรม Hotel Gran Derby
Metro : Hospital Clínic , Site :
http://www.derbyhotels.com/en/hotel-gran-derby/
โรงแรมนี้เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว นอนสบาย ทำเลดี ใกล้จุดถ่ายรูปอย่าง Montjuic ได้พักที่นี่ทำเอาผมฟินตลอด 3 คืนที่ได้นอนที่นี่เลยเพราะเดินไปถ่ายแสงเช้าแสงเย็นมุมสูงของเมืองบาเซฯ ในระยะ 2 กิโลเท่านั้นเองครับ ^^
ค่ำแล้วทุกคนพักผ่อนที่โรงแรม สาย Backpack ถ่ายรูปอย่างเราออกปฏิบัติการเดินครับ เดินไป Montjuic เพื่อไปชมน้ำพุเต้นระบำสุดอลังการกัน เดินจากโรงแรมเราไป 2 กิโลเมตร หรือถ้าใครพักที่อื่น นั่ง metro มาลงสถานี Plaza espanya ได้เลยครับ
ระหว่างทางไป Montjuic ถนนเมืองมาเซ มีทางเดินตรงกลางใหญ่มากกก ประทับใจแต่แรกสัมผัสเมืองนี้ละครับ
National Art Museum of Catalonia / Font Magica Montjuic
Metro : Plaza Espanya
พอออกจาก metro คุณจะเห็นคล้ายๆวังเด่นเป็นสง่า เดินไปตามทางนั้นเลยครับคนเยอะแยะ
พอสุดทางจะเจอ The Magic Fountain of Montjuïc (Font màgica de Montjuïc)น้ำพุเต้นระบำประกอบเสียงเพลงสุดอลังการก่อนเลย ผมประทับใจมากกกกเดินมาใกล้น้ำพุบรรจงปักขาตั้งกล้องถ่าย แสงสีเสียงมาเต็ม ฟินๆกันไปครัช!
หมายเหตุ : ปิดทำการวันจันทร์ , อังคาร หรือ พุธ ตามแต่ฤดูกาลกรุณาเช็คจากเว็บ official อีกทีครับ
ผมยืนมองน้ำพุเต้นระบำจนสะใจได้เวลาเดินขึ้นบันไดต่อหลังน้ำพุคุณก็จะได้เห็น National Art Museum of Catalonia ตะหง่านตรงหน้า
เดินต่อครับ แต่เดินไปนิดเดียวจะเจอบันไดเลื่อนส่งเราไปยังด้านหน้า Museum เลยซึ่งพอขึ้นถึงด้านบนแล้วก็จะได้เจอวิวเมืองอลังๆๆแบบนี้เลย
ด้านบนอีกมุม God view
ซึ่งตอนนี้ก็ค่ำแล้วหล่ะ ได้เวลากลับโรงแรมครับ ด้วยความอยากรู้อยากลองแทนที่จะเดินกลับโรงแรมเหมือนขามา ดันทะลึ่งอยากลองนั่งรถใต้ดินกลับครับ ไอ้ตอนนั่งก็ไม่มีอะไรเหมือนรถไฟใต้ดินดีๆทั่วไป แต่ผมดันจำสถานีที่ลงผิดครับ เดินหลงอยู่ชั่วโมงกว่าๆ
อันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่อยากแชร์แล้วกัน Barcelona เป็นเมืองที่มีผังเมืองดีมากกกกก ดังนั้นแต่ละบล็อกของตึกมันเลยเหมือนกันหมด!! คนจำทางไม่เก่งอย่างผมก็เลยหลงเอาง่ายๆเลยครับ ดังนั้นจำชื่อสถานีและทิศให้ดีๆนะ ถ้าไม่อยากออกกำลังกายเหมือนผม ^^Day 4 Barcelona city tour
วันนี้เป็นวันที่เราจะสำรวจเมืองบาเซอย่างจริงจัง เริ่มต้นวันด้วยการไปที่ Parc Guell เป็นสวนบนเขาที่มีความอาร์ตของท่านสถาปนิคเอก
“อันตอนี เกาดี อี กูร์เนต" แฝงไว้เต็มไปหมดรวมทั้งท่านได้อาศัยอยู่บนนี้ด้วยครับ ผมมีคำแนะนำให้มาแต่เช้าๆแสงน่าจะสวยและตรงจุดนี้อยู่บนเขา สามารถมองไกลไปถึงชายหาดได้เลย
ท่านเกาดี้มักสร้างอะไรโดยมีแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติอย่างภาพนี้จะเป็นลักษณ์คล้ายคลื่นทะเลครับ ขอสารภาพตรงๆว่าผมไม่ค่อยเสพอาร์ต เลยเข้าไม่ถึงเท่าไหรกับศิลปะของท่าน
แถมด้วยท่ามาตรฐาน ไม่เอาพี่อย่าแอบถ่ายพ้มม
.ต่อกันยังถนนยอดฮิต ที่นักท่องเที่ยวต้องมาถนน La Ramblaถนนนี้เป็นถนนหลักสำหรับนักท่องเที่ยวเลย จะใกล้ย่านเมืองเก่าและสถานที่สำคัญหลายที่ครับ วิธีการเที่ยวโซนนี้ก็ไม่ต้องใช้อะไรมาก เดินหลงๆไปเรื่อยๆ แวะชิมร้านขนม ร้านโน้นร้านนี้ไป เพลินนนนนน
Metro : Liceu<< สถานีนี้ฟินที่โผล่มาตรงกลางถนนเลย
เดินหลงไปเรื่อยๆเพลินๆ
เดินเล่นอยู่แถวย่าน La Ramblaได้สักชั่วโมงก็ไปต่อกันที่ ตึกที่เป็น Landmark ของเมืองบาเซ เพราะท่านเกาดี้ได้ออกแบบไว้ครับ สมัยก่อนอารมณ์เศรษฐีใครมีเงินก็สร้างบ้านแข่งกันและต้องจ้างคนเก่งสุดมาออกแบบอะครับ ตึกก็เลยสวยแบบอาร์ตๆ แถมติดกันสองตึกเลย
ด้านซ้าย Casa Batllo ด้านขวา Casa Mila
ผมได้มีโอกาสขึ้นตึกทางขวามือ (Casa Mila) ตัวตึกปัจจุบันเป็นคล้ายๆมิวเซียมเกี่ยวกับท่านเกาดี้ ไปเรียบร้อยแล้วไฮไลต์ของตึกนี้อยู่ที่บนดาดฟ้าครับ เกาดี้สร้างไว้เหมือนกับสนามเด็กเล่น มีศิลปะที่แปลกตาอยู่ด้านบนให้เราเดินชมกันได้
ชมเมืองบาเซแล้ว เที่ยงได้กินมื้อกลางวันเป็น ร้าน Michelin ที่ BistrEau Restaurant โรงแรม Mandarin Oriental Hotel ครับอร่อยเลียจานอีกครั้ง
อิ่มท้องแล้วช่วงบ่ายเราไปชม La Sagrada Familia โบถส์เอกที่ใครมา Barcelona ต้องห้ามพลาดเพราะท่านเกาดี้ออกแบบและกำกับการสร้างด้วยตัวท่านเองจนท่านเสียไปแล้วก็ยังไม่เสร็จ ขณะนี้สร้างมาแล้วกว่า 133 ปี !!
ดังนั้นถ้าคุณเจอสภาพภายนอกใกล้ๆเต็มไปด้วยเครน อย่าเพิ่งตัดสินเพราะด้านในอลังการมากกกกกก สวยมาก ยั่งกะโลกอนาคตเลยครับ บอกตรงๆว่าห้ามพลาด แนะนำให้จองตั๋วออนไลน์เพราะต่อคิวยาวมากครับ http://www.sagradafamilia.org/en/tickets/
มาชมบรรยากาศด้านในกันครับ
ด้านข้างของโบถส์จะเป็นกระจกสีครับ พอแสงส่องเข้ามาแล้ว โอ้วววว
ใหญ่โต ถ่ายภาพปวดคอกันไปเลย
ไหนๆก็แสงส่องแล้ว ขอแอ๊คท่ารับพรสักภาพ
.ช่วงเย็นต่อด้วย Tapas tour ครับมันคือทัวร์เมือง รวมทั้งกินทาปาสเป็นมื้อค่ำไปด้วยในตัวนั่นหล่ะ เดินซ้ำย่าน La Rambla วนไปตามเรื่องตามราว เพลินๆผมว่ามาเดินตอนเย็นอากาศดีๆเพลินกว่าเมื่อเช้าอีกครับ
Day5 – Barcelona ( Camp nu & shopping La Roca Village )
เช้าวันนี้เค้านัด 9 โมง ส่วนตัวผมออกไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกับเมือง ตั้งแต่ตี 5 อย่างที่ผมชอบทำเสมอและมองว่ามันเป็น “รางวัลชีวิต"ผมเดินไปที่ Montjuic ที่เดิมหน่ะครับขอไม่เอ่ยซ้ำ
จุดชมวิวสุดฟินให้ขึ้นไปถึงบนสุด หันหน้าเข้า Nation museum แล้วเดินไปทางซ้ายพระอาทิตย์จะค่อยๆขึ้นแสงแรกของวันฉาบเมือง เป็นอะไรที่ฟินนนนนนนนนน มากกกกกกกกกก
มีชายไทยคนหนึ่งกำลังเสพ “รางวัลชีวิต" ของเค้าอยู่
มุมที่ผมตามหา จากจุดนี้มองเห็นไกลถึงโบถส์ดัง La Sagrada Familia ได้ด้วยตา ( แต่ถ้าจะถ่ายชัดๆผมต้องใช้เลนส์ซูมเข้ามาครับ )
ชมแสงแรกของวันฉาบเมืองจนถึงประมาณ 7 โมงครึ่งได้เวลาเดินกลับไปเจอกับกลุ่มตามเวลานัดแล้วครับ
Camp Nou, home of FC Barcelona
ฟินต่อเนื่อง จากแสงเช้า เพราะวันนี้ผมจะได้เข้าคั้มนู !! สนามบอลของสโมรสรที่ดีสุดในโลก ณ ขณะนี้ครับ ( ผมเด็กผี แต่ต้องยอมนะทีมเค้าเก่งจริง ไอ้ทีมมะนาว...ต่างดุ๊ด)
มาถึงก็ซื้อบัตรก่อนเลย ค่าเข้า 23 EU ต่อคนครับ
เข้ามาหน่อยก็เจอ ถ้วยรางวัล Triple champ ที่ทีมบาซ่าได้ในปี 2014 อวดสายตาชาวโลก
เดินผ่านห้องแถลงข่าว เวลาเค้าเปิดตัวนักเตะใหม่ หรือ มีแถลงข่าวอะไรเกี่ยวกับสโมสรเค้าก็จะใช้ห้องนี้หล่ะ
.ต่อด้วยเดินผ่านห้องแต่งตัว และ และทางเดินเข้าสู่สนามของนักบอลผมและพี่คนไทยอีกคน แววตาเป็นประกายมากกก มากจนแก๊งสาวๆมาเลย์แซว ว่าไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น ชั้นรู้พวกเทอชอบ
เอาหล่ะครับเข้าสนามล้าวตอนแรกคิดว่าวันนี้นักบอลบาซ่าซ้อมครับ ใจเต้นระริกเลย แต่ป่าวววว ทีมอะไรไม่รู้เค้ามาเตะเหมือนการกุศลกัน แป่ววว
โชว์ลีลาเตะบอลหน่อยนะครัช…. โปรดอย่าถามว่าเท๊คไปกี่รอบ 555
จากนั้นขึ้นลิฟท์ไปชมชั้นบน สเตเดี่ยมต่อครับตรงจุดนี้จะเป็นจุดที่พวกนักพากบอลเค้าชมเกมส์จากมุมสูง วิวดีมาก ฟินๆไป
ชมด้านบนเสร็จก็จะเป็นการวงลงไปชั้นล่างเรื่อยๆครับ ซึ่งก็จะเป็นประวัติสโมรสร พวกถ้วยรางวัลมหาศาลแสดงความสำเร็จของสโมสรแห่งนี้ผมเห็นแววตาแฟนบอลแต่ละคนแล้วรู้สึกดีมากๆเลย การได้มาชมสโมรสรที่เรารักมันเป็นอย่างงี้เอง โดยเฉพาะเด็กตัวเล็กๆใส่เสื้อบาซ่ามากับพ่อ คือดีอะ
เมื่อเดินจนสุดก่อนออกก็จะเป็น Shop ขายของที่ระทึก ให้เสียเงินกันครับ มีคนฝากผมซื้อผ้าพันคอ ราคาอยู่ที่ 19.9 EU ครับ ^^
อันนี้เสื้อฤดูกาลใหม่ที่จะถึงนี้มั้งครับ สวยเชียว
.จบครึ่งวันเช้าเราไปทานข้าวกลางวันกันที่ห้องอาหาร Salt Restaurant โรงแรม W Barcelona Hotel โรงแรม W อยู่ติดกับชายหาดที่เราไปมาวันแรกที่มาถึงบาเซ เลยหล่ะครับ โรงแรมนี้คือวิวดีงามมาก ถ้าได้มาค้างที่นี่สักคืน เดินหาด เล่นน้ำทะเล คงฟินนน
กินเสร็จต่อด้วยนั่งรถไปช็อปปิ้งกันที่ Outlet“La Roca Village"ที่นี่เป็นสวรรค์นักช็อปเลยครับเพราะของถูกมากกกกกกกกกกกก ลด 50-80% กันไปเลย แล้วยิ่งไปกว่านั้นมี Tax refund ของสเปนอีก 15.7%ขนาดผมไปแบบจนมาก กรอบมาก กะไม่ช็อปยังได้รองเท้ามาคู่หนึ่ง Oni tiger เหลือ 1,200 บาท ช็อคคคครับ ตอนไปญี่ปุ่น ไต้หวันยังไม่ถูกขนาดนี้เลยส่วนแบรนด์อื่นๆสาวๆเค้าก็ช็อปกันมาตรึม ถูกกว่าที่อื่นเยอะเลยครับ
หมายเหตุ : ถ้าไม่ได้เช่ารถขับ เค้ามีรถรับ-ส่งจากตัวเมืองบาเซ ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีจะถึง outlet นี้ครับ ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.larocavillage.com/en/
Day6 : Barcelona – BKK
วันสุดท้ายก่อนตกสวรรค์ ผมเลือกที่จะเติมรางวัลให้ชีวิตอีกครั้งด้วยการขึ้นชมวิวที่จุดชมวิว “Tibidabo" ผมขอคำแนะนำจากพนักงานโรงแรม เค้าว่าจุดนี้หล่ะ มองเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยที่สุดแล้ว
รออะไรหล่ะครับ จะไปคนเดียวก็เปลือง เลยชักชวนพี่ๆในทริปไป(หารค่าแท็กซี่)กัน หลอกล่อด้วยเอาภาพในอินเทอร์เน็ตมาให้ดู พรุ่งนี้เจอกันตี 4 ครึ่งนะคร้าบเราจะไปฟินด้วยกัน
Tibidabo เป็นสวนสนุกที่อยู่บนเขา ทำให้ที่บนนี้เราสามารถมองเห็นวิวเมืองทั้งเมืองได้แบบสุดฟิน สำหรับใครอยากมาด้วยรถสาธารณะก็มาได้เช่นกัน ต่อประมาณ 3 ต่อครับ แต่รถรอบเช้าสุดก็ไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นครับดังนั้นถ้าอยากมาเช้าต้องแท็กซี่เท่านั้น นั่งจากเมืองมาประมาณ 30 EU ( เรานั่งมา 5 คนเหลือคนละแค่ 6EU )
ตอนขากลับเราใช้บริการรถสาธารณะ นั่งรถบัส -> ต่อ Tram -> ต่อรถไฟ และเดินกลับโรงแรม เสียไปคนละประมาณ 10 EU
เพิ่มเติม : จุดถ่ายรูปที่สวยสุด จากปากทางเข้าสวนสนุกให้เดินย้อนกลับไปยังถนนที่ขึ้นเขามาสัก 300 เมตรจะเป็นเวิ้งส่องไปเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ ( พวกเราเพิ่งรู้ตอนรถขากลับแล้ว T-T )
ดูเพิ่มได้ที่ http://www.tibidabo.cat/en/
ผมมักเรียกแสงเช้าอาบเมืองว่า 'รางวัลชีวิต'
เมือง Barcelona เป็นเมืองที่มีผังเมืองติดอันดับดีสุดในโลก ตึกเป็นบล็อคๆอยู่บนนี้เห็นได้ชัดเลยครับ
.หมดครึ่งวันเช้าในสเปน ได้เวลาถูกถีบตกสวรรค์ไล่กลับประเทศ เราบินกลับกันด้วยสายการบิน Qatar airways ชั้น Business class กลับสู่กรุงเทพมหานคร ด้วยที่นั่งสุดสบาย และการบริการชั้นเลิศ สมรางวัลสายการบินดีที่สุดในโลกในปีที่ผ่านมา
ก่อนจบผมต้องกราบขอบพระคุณสปอนเซอร์ใจดีของทริปนี้ทั้งสองเจ้าสายการบิน Qatar Airways และการท่องเที่ยวสเปน ( Spain tourism board ) รวมทั้งดวงและสิ่งศักดิ์ทุกองค์ที่ไปไล่ขอให้ได้เดินทางเยอะๆมาตลอดทุกๆทริปที่ผ่านมา ที่ทำให้ผมได้มีประสบการณ์ดีๆในสเปน มาบอกเล่าต่อเพื่อนครับ
พูดคุย ติดตาม เม้ามอย สอบถาม กับหนุ่มออฟฟิศ ฝันไกล จะไปรอบโลกได้ที่
http://www.facebook.com/ChillJourney
Chill Journey
วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 14.03 น.