สวัสดีครับชาว ชาวนักอ่านทุกท่าน ทริปนี้ต้องขอเขียนย้อนหลังไปหลายปีสักนิด เพราะเพิ่งเข้าสู่ READ ME ไม่ถึงปี ไปเที่ยวมาหลายที่ อาจจะต้องขอหยิบเรื่องราวเก่า ๆ มาเขียนนิดนะครับ

ทริปนี้ของเราออกเดินทาง เมื่อวันที่ 6-9 ธันวาคม 2557 ถือว่าย้อนหลังไปนานสักนิดครับ แหะ แหะ แต่อยากหยิบมาแชร์เรื่องราวประทับใจของทริปนี้ครับ

ทริปนี้เราออกเดินทางกันช่วงเย็น ไปถึงที่พักตัวเมืองกาญจนบุรี ตอนหัวค่ำ เราเข้าเชคอินที่ ธารา ราฟท์ ซึ่งจองผ่านอโกด้า ในราคา 700.- คือจังหวะที่เราไปเป็นช่วง เทศกาลงานสะพานข้ามแม่น้ำแคว พอดี เลยหาที่พัก แค่อาศัยนอนก่อนเดินทางไป อ.ศรีสวัสดิ์ ในวันพรุ่งนี้ แต่แนะนำนิดนะครับ ถ้าใครไม่ซีเรียส แค่อาศัยนอนไม่กี่ชั่วโมง ก็โอเคอยู่ แต่ถ้าหวังความโอ่โถง ความสบาย พักผ่อนเงียบสงบ ไม่แนะนำ เพราะที่พักค่อนข้างแคบ และเป็นไม้ทั้งหลัง (อยู่ในแพ) เวลาคนเดิน หรือพูดคุยค่อนข้างมีเสียงเข้ามาอย่างชัดเจน

ดูภาพภายในห้องก็ประมาณนี้ครับ จะแคบ ๆ ไปนิด แต่พอนอนได้ ที่นี่จริง ๆ มีห้องพักแบบที่สามารถมองเห็น วิวดี ๆ ติดแม่น้ำแควครับ แต่เราจองไม่ทัน เต็มก่อน


เก็บสัมภาระเสร็จ ก็ขับรถออกไปที่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว เราจะไปเดิน งานประจำปีกัน แต่แนะนำนิด ถ้าเป็นไปได้ ใครสามารถนั่ง รถสาธารณะ มาก็จะดีมาก ๆ ครับ เพราะหาที่จอดรถยากมาก อีกทั้้งรถยังติดอีกด้วย กว่าจะได้ที่จอดผมนี่รอร่วมชั่วโมง (ผมคิดว่าน่าจะเป็นลักษณะนี้ทุกปี เป็นเรื่องปกติของงานประจำปี งานใหญ่ประจำแต่ละจังหวัด)

ระหว่างเดินเพลิน ๆ ในงาน เห็นทาง โซนงานแสดงแสง สี เสียง เค้าจุดพุลกัน โห....สวยอะ ใครอยากดู งาน แสง สี สียง สะพานข้ามแม่น้ำแคว มีค่าเข้าด้วยครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าค่าเข้าเท่าไหร่ ผมไม่ได้เข้าไปดู

ช่วงวันที่เรามาเดินอากาศก็เย็น ๆ ไม่ถึงกับหนาว ในงานก็มีทั้ง ของกิน ของฝาก ของทีระลึก มากมายหลายร้าน ยิ่งไปกว่านั้นมี จับฉลาก ด้วย รางวัลใหญ่คือมอเตอร์ไซต์ จักยาน ประมาณนี้ แต่ที่จำได้ ของรางวัล ทื่เราจับได้เป็นรางวัลใหญ่อย่าง นมกล่อง น้ำส้ม ดินสอ ปากกา โชคดีจริง ๆ ฮา ฮา...น้ำตาจะไหล

ตอนเช้า บรรยากาศก็ประมาณนี้ หลังคาสีน้ำเงินก็เป็นโซนห้องพักของเรา แต่ภายใต้หลังคามีหลายห้องครับ

วิวจากรีสอร์ท ก็ประมาณนี้ บรรยากาศริมน้ำแคว มีแพเทค ชิ่งฉาบทัวร์ เรือวิ่งผ่านไปมาตลอดเป็นปกติ

เรา เชคเอาท์ออกจากรีสอร์ท ขับมาอีกนิดเดียวก็แวะกินข้าวเช้ากันที่ ร้านข้าวแกงเจ๊แหม่ม เป็นจำพวกข้าวแกง มีทั้งผัดเผ็ดแนวอาหารป่า รสชาติออกไปทางเผ็ดจัดจ้าน แต่อร่อยครับผมชอบ ระแวกนี้มีร้านข้าวแกคล้าย ๆ กันอยู่หลายร้าน ใครชอบรสชาติแบบนี้ลองเลือกกันดู ร้านอยู่ตรงข้ามกับ สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก ครับ



จานนี้ผมราดข้าวเป็น ผัดเผ็ดไข่ปลายี่สก กับผัดเผ็ดไก่บ้าน

แกงจืดผักกาดดอง

มี ผักให้กินแกล้ม ลดความเผ็ด และเลี่ยนด้วยครับ

การกินข้าวแกง สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็ น้ำปลาพริก เอาให้มันเผ็ดสุด ๆ ไปเลย ผมนี่กินไปเหงื่อแตกอย่างกับไปวิ่งจ๊อกกิ้งมา

ตบด้วย กาแฟสดร้อน ๆ



หลังจากเติ่มพลัง มื้อเช้า กันแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไป อ.ศรีสวัสดิ์ ทันที เป้าหมายแรกของเราจะแวะเที่ยวกันที่ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ซึ่งห่างจาก อำเภอเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 108 กิโลเมตร ก็ใช้เวลาขับ ประมาณ 2 ชั่วโมง ได้ครับ


ขับมาจนถึง เขื่อนศรีฯ เรายังไม่แวะ ตั้งใจจะแวะวันกลับ ตั้งใจไปน้ำตกก่อน ขับผ่านตัวเขื่อนออกมานิดเดียว มองเห็นร้านนี้น่าสนใจ เลยต้องแวะ แต่ไม่ซิเราขับเลยร้านด้วย ต้องหาทางกลับรถย้อนมา พอเข้าไปข้างในบรรยกาศดีใช้ได้เลย กินลม ชมวิว รีสอร์ท เขื่อนศรีนครินทร์

บรรยากาศภายใน กินลม ชมวิว มีกาแฟสดขาย ซื้อไปนั่งจิบ ชมวิวไปพราง เพลินสุด ๆ

ที่นี่เค้ามี บ้านพัก ด้วย แต่คืนละเท่าไหร่ผมไม่ทราบจริง ๆ เพราะไม่ได้ตั้งใจมาพัก ผมก็ลืมถามด้วยครับ ถ้าใครสนใจลองหาข้อมูลดูได้ แล้วรบกวนมาแชร์บอกเราด้วยนะ เผื่อจะกลับมาพัก ฮ่า ฮ่า

จากตรงนี้ไป น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ก็อยู่ห่าง ประมาณ 40 กิโลเมตร (ทางขึ้นเขาตลอด แต่ตัวกิน ลม ชมวิวเองนั้นไม่ห่างจากเขื่อนศรีนครินทร์ มากนัก)

บรรยกาศในร้านกาแฟ ก็ประมาณนี้ มีอาหารขายด้วยครับ

วิวดีมาก ๆ อากาศเย็น ๆ สบาย ๆ

มองเห็น ทะเลสาบเขื่อศรีนครินทร์

ตอนเย็น ๆ มานั่งเล่นตรงนี้ ชิลแน่นอน

ออกจาก กินลม ชมวิว ขับเลาะเขาไปเรื่อย ๆ ถึงซะที น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ตัวน้ำตกอยู่ในเขตของ อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ครับ

เดินเข้ามาจาก จุดจอดรถ ไม่ไกล เจอเด็ก ๆ เล่นน้ำกันน่าสนุก ว่าจะโดดลงไปเล่นด้วย แต่เกรงใจ ไม่กล้าเปียก มันหนาว ไม่รู้น้องไม่หนาวกันมั่งหรอครับ

ตัว น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น มีทั้งหมด 7 ชั้น มีชื่อเรียกต่างๆ กันไปแต่ละชั้น

ชั้นที่ 1 ดงว่าน

ชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น

ชั้นที่ 3 วังหน้าผา

ชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว

ชั้นที่ 5 ไหลจนหลง

ชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ

ชั้นที่ 7 ร่มเกล้า

แต่ละชั้นมีความสูง และความงดงามต่างกันไป ทางอุทยานฯ ได้ทำเส้นทางเดิน สำหรับขึ้นไปชมน้ำตกแต่ละชั้น และยังเป็น เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี เราเคยมาช่วงหน้าแล้ง ยังมีน้ำให้ได้แช่คล้ายร้อนเลย ส่วนหน้าฝนช่วงน้ำหลาก เราก็เคยลงไปแช่แล้วนะครับ แต่น้ำจะเยอะ และไหลแรงมาก ทั้งมีสีแดงของหน้าดิน ขุ่นมาก ไม่ใสเหมือนฤดูอื่น ๆ

เดินมาได้สักพัก ก็เจอเข้ากับ หมาป่า เอ้ย หมาปั๊ก เจ้าของเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พามาเล่นน้ำด้วย กะจะวิ่งไปกัด เอ้ย...!! เล่นด้วย น่ารักน่าฟัด

หากใครมาเที่ยว แล้วอยากเดินชมครบทุกชั้น ต้องใช้เวลามากครับ แต่ถ้าเริ่มเดินเท้าจาก ชั้นที่ 4 ถึง 7 ระยะทางไม่ไกลมากนัก เดินไปสบาย ๆ ใช้เวลาไม่นาน

แต่ถ้าเดินจาก ชั้นที่ 1 ถึง 7 คงต้องใช้เวลาเดินไปกลับนานเกือบ สามชั่วโมง เลยทีเดียว ก็แล้วแต่ความต้องการ และเรี่ยวแรงของแต่ละคนครับ แต่เราเคยเดินครบมาแล้วทุกชั้น

เดินมาถึง ชั้นที่ 7 ร่มกล้า นั่งแช่เท้าเพลิน ๆ สักพัก

เดินกลับทางเดิม แวะถ่ายภาพ ชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ สักภาพสองภาพ แต่ไม่ค่อยเห็นผีเสื้อเท่าไหร่ คงไม่ใช่ช่วงของผีเสื้อ


ชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว ผมว่าในทุกชั้นของน้ำตก ชั้นนี้ดูจะสวยที่สุดแล้ว เป็นม่านน้ำสวยงามครับ

ออกมาจาก น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เกือบจะเย็นมากแล้ว ต้องขับไปที่พักของเราในคืนนี้กันต่อ คืนนี้เราพักกันที่ รายาบุรี รีสอร์ท ซึ่งอยู่อีกฝั่งนึงของ เขื่อนศรีนครินทร์ ห่างจากตัว น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ประมาณ 63 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถก็ร่วมชั่วโมงกว่า ๆ เลาะเขื่อนไปตลอด

วิวระหว่างทาง มองเห็น วิวเขื่อน เกือบตลอด



วิวภูเขา สบายตา

ขับออกมาจากตัว โรงไฟฟ้าเขื่อนศรีนครินทร์ ได้ไม่นาน เจอขาใหญ่เจ้าถิ่น ( ช้างป่า) ออกมาป่วนถนน เรามองเห็นมอเตอร์ไซด์ สองสามคัน กลับรถหนีกันแทบไม่ทัน ผมจอดรอ พี่ช้าง อยู่พักนึง ให้พี่แกเดินหลบเข้าข้างทาง ได้จังหวะก็รีบขับหนีทันที ระหว่างขับผ่านยังมีการหันมาจะวิ่งใส่ด้วยนะครับ แต่ผมรีบเหยีบคันเร่งทันที ฮา ฮา

หันมามองรถผมกำลังจะขับผ่าน

ขับมาถึงปากทางเข้า รายาบุรี รีสอร์ท ก็ปาไปเกือบค่ำแล้ว เสียเวลารอ พี่ช้าง

เห็นทะเลสาบแล้ว

ถึงซะที รายาบุรี รีสอร์ท ฟ้าเริ่มมืดแล้ว

รอเจ๊แก เชคอินเข้าพัก

เชคอินเสร็จ เดินลงไปที่ห้องพักกันเลย เราเข้าพัก รายาบุรี รีสอร์ท สองคืน จองห้องมาจาก งานท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็น โปรโมชั่น ลด 50%

คืนแรกเราพักกันที่ ห้องรายาไอส์แลนด์ ราคาเต็ม 3,900.- ลดเหลือ 1,950.-

คืนที่สองเราพักที่ ห้องริเวอร์วิว ราคาเต็ม 4,900.- ลดเหลือ 2,450.-

เข้ามาดู ภายในห้องพัก จะมีเตียงอยู่ 2 เตียง สามารถพักได้ 3 ท่าน แต่เรามาสอง เตียงเล็กเราใช้เป็นที่วางกระเป๋าสัมภาระซะเลย


บรรยากาศห้องก็ประมาณนี้ อาจจะมีโคงเคงบ้างเล็กน้อย (ไม่มาก ไม่มีผลกระทบการพักผ่อน) แต่บรรยากาศเป็นแพอยู่ในน้ำ ถือว่าดีมาก ๆ ครับ

อีกมุมนึง ช่องขวามือเป็นประตูทางเข้า มี ทีวี ตู้เย็น แอร์ ครบครับ

ภายในห้องน้ำ พื้นเป็นไม้ โดยรวมก็ถือว่าโอเคครับ



คืนนี้ พระจันทร์ สวยมาก ๆ อากาศเย็นสบายจริง ๆ

มานั่งเล่น หลังห้อง เป็น ชานไม้ มีเก้าอี้ผ้าใบ 2 ตัว กับโต๊ะ นอนดูวิวเพลิน ๆ วันนี้ไม่มีใครเข้าพักเลยครับ มีแค่เรา 2 คน เงียบสงบมาก ๆ

ตอนเช้าหมอกลงจาง ๆ มานั่งกินข้าวเช้าที่นี่ แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายไลน์อาหารเช้ามาให้ดูครับ แต่วันที่เราไปลูกค้าน้อย ต้องสั่งจากเมนู ซึ่งจะมี ข้าวผัด อเมริกันเบรคฟาสท์ สลัด แต่น้ำดืม ชา กาแฟ เราต้องชงเองกินเอง

โซนห้องพักของเราครับ


เดินกลับมาจากกินข้าวเช้า อ้าว...!! มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยมเยือนซะและ

แหม๋ม สบายกว่าเราอีก จะชิลไปไหน

มาแย่งเตียงผ้าใบเราเฉยเลย อย่างงี้ต้องจัดการ เอาให้ขนมกินซะเลย ล่อให้ลุกจากเตียงมากินขนม ฮา ฮา

ใกล้เที่ยง เก็บสัมภาระ ลาน้องแมว ย้ายขึ้นมาพักกันต่ออีกหนึ่งคืนที่ ห้องริเวอร์วิว

ภาพนี้เป็น โซนรายาสวีท

ที่ รายาบุรี รีสอร์ท เค้ามี กระเช้าสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงไว้ขนสัมภาระด้วย เวลามีแขกมาเยอะ ๆ จะได้ขนกระเป๋าลงไปทีเดียวได้เลยครับ

บรรยากาศแถวล็อบบี้

มี มินิมารท์ ของทางรีสอร์ท ไว้แอบเจ๊มากินเบียร์ได้ตลอด ฮา ฮา



ทางลงไปที่พักโซนแพ

ศาลาไว้นั่งชมวิวรับลม

ทางเข้า โซนรายาริเวอร์วิว เราไปดูกันครับ

ทางเดินเข้าห้องพักของเรา

โซนนี้ จะดูสงบส่วนตัวกว่าโซนแพครับ

ห้องพักเราอยู่ในสุด คืนนี้มีเราพักแค่ 2 คนทั้งโซน เงียบสงบอีกคืนแล้ว

เข้ามา ภายในห้องพัก ห้องกว้างขวาง เป็นห้องนอนที่ไว้สำหรับพักผ่อนอย่างแท้จริง ห้องนี้สามารถพักได้ถึง 4 ท่านเลยครับ แต่เรามาสองคน พักสบายเลย

ออกมาดู ภายนอกระเบียงบ้าง ขอบอกว่ามุมนี้เป็นอะไรที่ฟินเฟอร์มาก มี อ่างน้ำไว้นอนแช่ดูวิว ได้ทั้งวัน ส่วนตัวสุด ๆ ไม่ไหวแล้วอยากแช่ทันที แต่ยังแช่ไม่ได้ เพราะต้องออกไปเที่ยว น้ำตกเอราวัณ ก่อน เดี๋ยวกลับมาแช่นะ

มุมนี้เป็นอีกหนึ่งมุมที่ดีต่อใจ มีโต๊ะ เก้าอี้ ให้นั่ง จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ มองวิวเพลิน ๆ โดยเฉพาะอากาศช่วงเดือน ธ.ค. เย็นสบาย นั่งได้ทั้งวัน ลมเย็นตลอดเวลา


ให้ดูอีกมุมตรง อ่างน้ำ

เห็น ชาวบ้านพายเรือหาปลา ด้วยครับ



มาดู ภายในห้องน้ำ กันบาง ก็ไม่มีอะไรเด่นมาก ผมว่าธรรมดา ไม่ได้โดนเด่นอะไรครับ

ด้านหน้าห้องพัก ดูสงบร่มรื่น

ออกมาหา มื้อเที่ยงกินแถวเขื่อน และแวะเข้าไปเที่ยว น้ำตกเอราวัณ เราเดินไปไม่ไกลมาก แค่อาศัยนั่งเล่นแช่เท้า

เห็น ปลาตัวใหญ่ ว่ายอยู่หลายฝูงครับ


เพลินเลย นั่งแช่เท้าปล่อยใจ แต่ไม่ปล่อยเธอ เชยได้อีกอะ

ออกจาก น้ำตกเอราวัณ จะรีบเข้าที่พักไป นอนแช่อ่าง

พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว ต้องรีบไปแช่ตัวในอ่าง ห้องพัก แต่ซะงั้น เจ๊แกดันมองเห็นป้ายเขียนไว้ว่า "ภูนกเงือก " ไม่รู้อารมณ์ไหนเปลี่ยนใจที่จะกลับที่พัก บังคับให้ผมขับไปตามป้ายซะงั้น ไรว้า...!! จะรีบไปนอน แช่อ่างดูวิว ว้า...!!



ทางเข้า ถนนเป็นทางดินลูกรัง ตลอดทาง ขับเร็วมากไม่ได้ และมีช่วงที่เป็นเขาชันด้วย

ขับมาถึงบนนี้ ภูนกเงือก เราไม่รู้ว่าเป็นสถานที่เที่ยวหรือที่พัก แต่ขึ้นมาแล้วก็ต้องสำรวจให้หายสงสัย



สรุปภูนกเงือกคือที่พัก ครับ

เราสั่งเครื่องดื่มมาคนละแก้ว



พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว

มีคนมาเดินเล่นภายใน ภูนกเงือก ด้วย ตอนแรกนึกว่าแขกที่มาพัก แต่ไม่ใช่ เป็นชาวบ้านที่พักอยู่ระแวกนี้ พาลูก หลาน มาวิ่งเล่น ดูเหมือนเจ้าของจะใจดีเป็นมิตรครับ



เดินสำรวจภายในเห็นมีที่พักอยู่ไม่กี่หลังครับ แต่รู้สึกอันซีนกับที่พักมาก ๆ ครับ


วิวตรงที่พักสวยมาก ๆ ถามทางพี่เจ้าของ เค้าบอกว่าค่าที่พัก ทุกหลัง ราคา 800.-

แค่เห็นวิวก็สุดยอดมาก ๆ แล้ว ดูจากภาพนะครับ วิวสวยจริง ๆ มองเห็นทัั้ง ทะเลสาบ และภูเขาได้ 180 องศา อย่างชัดเจน

เป็นรีสอร์ทที่ผมพูดคำเดียวว่าสงบ สวยงาม กลมกลืน ยิ่งมาช่วงหน้าหนาวแล้ว บนนี้อากาศดีสุด ๆ

ยืนถ่ายวิวได้สักพัก เจ้าของเรียกให้เงยหน้าขึ้นไปดู นกเงือกบินผ่านอยู่ฝูงหนึ่ง ทางพี่เจ้าของบอกว่าเป็นชื่อที่มาของ ภูนกเงือก แห่งนี้ พี่เค้ายังบอกอีกว่า บางวันบินลงมาเกาะให้ได้เห็นใกล้ ๆ ด้วย

ยามเย็น อากาศดี วิวสวย

บ้านหลังนี้อยู่ริมผา มองเห็นวิวได้ 180 องศา มีระเบียงให้ออกไปรับลมเย็นสบาย และ ดูพระอาทิตย์ลับภูเขา โรแมนติกสุด ๆ

เสียดายที่ไม่รู้จักที่นี่มาก่อน ถ้ารู้นะจะไปในทันใด จะไปยืนเคียงข้างเธอ ถ้าได้มาพักก็ฟิน และคุ้มสุด ๆ กินลม ชมวิวอย่างแท้จริง

อีกมุม ชอบบ้านหลังนี้มาก ๆ

ตรงระเบียง มีเก้าอี้ให้นั่งชิล

เค้าทำ จุดชมวิวเป็นระเบียงไม้ ให้ไปยืน กินลม ชมวิว ด้วยครับ

พระอาทิตย์กำลังตก

พระอาทิตย์ลับภูเขาไปและ

วิวสวยจริง ๆ

บ้านหลังนี้ผมจะกลับมาพักแน่นอน ฟันเฟริ์ม

เดินมาขึ้นรถจะกลับที่พัก ตรงรั้วติดป้ายนี้ไว้ ทีแรกผมเห็นแทบจะขึ้นรถกลับไม่ทัน ฮา ฮา โหดเกิน

ภาพนี้ เป็นภาพที่ทาง "เจ้าของรีสอร์ทภูนกเงือก" เค้าแอบถ่ายเราครับ ถือเป็นภาพที่ผมเห็นแล้ว รู้สึกถึงโมเมมที่สุดแสนประทับใจ น่าเสียดายหลังจากเรากลับจากทริปนี้ได้ไม่นาน ก็ได้ยินข่าวร้าย สถานที่แห่งนี้ได้ปิดตัวลง ผมอดนึกเสียดายไม่ได้จริง ๆ ทั้งที่นี่มีชัยภูมิที่ดีมาก แต่ทำไมถึงทิ้งมันไปอย่างนี้ แม้เราอยากจะรู้เหตุผลของรีสอร์ทภูนกเงือกมากแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายทุกคนก็ล้วนแต่มีเหตุผลของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น เสียดายที่เราไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวอีกต่อไป

เราเจอที่นี่ช้าไป แต่เราถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่สุดจริง ๆ ที่ได้มานั่งชมพระอาทิตย์ตกกันที่ "ภูนกเงือก" เราจะรำลึกถึงที่นี่ครับ

กลับมาถึงที่พัก โชคดีที่ช่วงเราไปเป็น วันพระจันทร์เต็มดวง ออกมานั่งมอง วิวทะเลสาบ ภายใต้แสงจันทร์กัน สวยมาก ๆ ครับ

แสงจันนวลผ่อง พระจันทร์กลมบล็อก

ได้นอน แช่ตัวในอ่าง ปิดไฟ อาบแสงจันทร์ โรแมนติก และฟินสุด ๆ ไปเลย แต่ขอบอกว่า แอบหนาวนิดนึง เพราะน้ำที่เปิดลงอ่างแช่ตัวไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เราต้องใช้ถังเข้าไปลองน้ำอุ่นจากห้องน้ำมาเทลงอ่าง แต่ก็ถือว่าช่วยได้เยอะ อ่อ...อีกอย่างที่อุดรูระบายน้ำในอ่าง มันอุดได้ไม่ค่อยแน่น แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้น้ำไหลหายไปเร็วนัก แต่ก็ทำให้น้ำในอ่างค่อยลดลงไป

"อยากขอรีเควสทาง รีสอร์ท รายาบุรี ถ้ามีน้ำอุ่นตรงอ่างแช่ตัว ห้องรายาริเวอร์วิว จะดีมาก ๆ ครับ"

ตื่นสาย ๆ มาเก็บภาพ บรรยากาศวิว จากตรง ระเบียงห้องพัก


วิวดีจริง ๆ

เดินมาแถว ล็อบบี้ เตรียม เชคเอาท์ ตรง โซนที่เราพักในคืนแรก มีคนมาพักกันและ



ซนรายาไอส์แลนด์ ที่เราพักคืนแรก

เชคเอาท์กลับ แล้วนะครับ

ก่อนกลับแวะ ทำบุญถวายสังฆทาน ที่ วัดท่ากระดาน เพื่อเป็นศิริมงคล สักหน่อยครับ

ถวายสัมฆทาน เสร็จ หลวงพ่อพาเดินสำรวจวัด เรียกให้เราดูว่า หินก้อนนี้หน้าเหมือนคน ไหม เหมือนนะมองจากมุมนี้

บรรยากาศภายในวัด นอกจากเราจะได้ทำบุญแล้ว หลวงพ่อยังใจดี พาเราเดินชมรอบวัดอีกด้วยครับ

ออกจาก วัดท่ากระดาน แวะ เขื่อนศรีนครินทร์ ก่อนกลับบ้าน

หมาเดินมาสีตรงขา ตกใจนึกว่าตัวอะไร เราเลยจับป้อนสาหร่าย กับมันฝรั่งซะเลย มันกินด้วย กินง่ายดีเนอะเจ้าหมาตัวนี้

เดินชม วิวสันเขื่อน ช่วงนี้ไม่ร้อนมาก เพราะอากาศเย็น แม้จะมีแดดก็ตาม

ออกจาก เขื่อนศรีนครินทร์ เราก็เดินทางยาวกลับบ้าน ทริปนี้เป็นอีกหนึ่งทริป ที่มีได้ความประทับใจ ทั้งบรรยากาศที่พัก วิวทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์ แต่ที่ประทับใจสุด ๆ ก็คงหนีที่ "ภูนกเงือก" ไปไม่ได้ น่าเสียดาย ไม่น่าปิดตัวลงเลย

เราคุยกันว่าจะกลับไปพักที่ รายาบุรี รีสอร์ท อีกครั้งแน่นอน เพราะส่วนตัวชอบ ห้องรายาริเวอร์วิว มาก ๆ เป็นห้องที่เหมาะพักผ่อนอย่างแท้จริงและจะแวะไปดู ภูนกเงือก ว่า ยังอยู่ดี มีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วแค่ไหน

ขอบคุณมากครับที่อ่านกระทู้ของเราในทริปนี้

ความคิดเห็น