สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาว Readme รีวิวนี้เขียนหลังจากกลับมาจากเที่ยวจังหวัดอุทัยธานีเมื่อปีที่แล้ว ปี 2560 ช่วงเดินอตุลาคม ปลายฝนต้นหนาว ซึ่งยังมีน้ำยังท่วมอยู่หลายแห่ง และท่วมในหลาย ๆ จังหวัด ซึ่งอุทัยธานีก็ไม่ต่างกัน

วันแรกเริ่มออกเดินทางช่วงเย็น โดยผ่านเส้นสุพรรณบุรี ระหว่างทางแวะซื้อกุ้งสด ๆ เป็น ๆ มีขายอยู่หลายร้านริมข้างทาง ซื้อไปปิ้ง ๆ ย่าง ๆ มื้อเย็นที่บ้านภูผาในวันพรุ่งนี้ซะหน่อย น๊อคน้ำแข็งซะ




มีอยู่หลายขนาด เราซื้อขนาดใหญ่สุด



ระหว่างทางฝนเริ่มโปรยปรายมากขึ้น จุดหมายเราอยู่ที่อ่า่งเก็บน้ำกระเสียวครับ



วันนี้พักค้างคืนที่ด่านช้าง ของสุพรรณบุรีกันก่อน แถว ๆ เขื่อนกระเสียว ชื่อจันเพ็ญ รีสอร์ท คืนละ 600.- กว่าจะมาถึงที่พักก็เย็นมากแล้ว ฝนก็หยุดตกพอดี

บรรยากาศแถว ๆ รีสอร์ทยามเย็นครับ


เข้าไปถึงรีสอร์ทเย็นมากแล้ว เลยยังไม่ได้ถ่ายที่พักมา บวกกับหิวด้วย เลยถามเรื่องร้านอาหารจากคุณป้าที่ดูแลรีสอร์ท คุณป้าเค้าแนะนำให้ไป ร้านสวนน้ำรวมใจ บรรยากาศเป็นบึ้งน้ำกว้าง เงียบสงบมาก ๆ ครับ แต่ช่วงที่เราไปไม่รู้จะเงียบสงบเกินไปไหม เพราะทั้งร้านมีโต๊ะเรานั่งกินอยู่โต๊ะเดียว วังเวง ฮ่า ฮ่า



อาหารมาเร็วมาก (ก็แน่หละ มีเราอยู่โต๊ะเดียวนิ) เมนูแรกแหนมซีกโครงหมูทอด โอเคอยู่ เครื่องเคียงทางร้านให้เยอะอยู่ เหมาะเป็นกลับแกล้มได้เป็นอย่างดี


จานที่สองตามมาติด ๆ ยำคะน้ากุ้วสด จานนี้ผมเฉย ๆ ครับ เหมือนยำทั่วไปครับ


จานที่สามปลาช่อนแป๊ะซะ ก็โอเคอยู่ครับแต่ก็ถือว่าไม่ถึงกับอร่อยมากนัก แต่ปลาตัวใหญ่ครับ


โดยรวม กับข้าวทางร้านก็ให้เยอะอยู่ กินกันไม่หมดด้วย ต้องห่อเอากลับไปกินต่อที่ห้อง แต่ที่เป็นจุดเด่นของร้านคือบรรยากาศดีมาก ถ้าอากาศหนาวคงชิลไม่น้อย


กลับมาถึงที่พักก็เข้าห้องพักผ่อน เก็บภาพภายในห้องสักหน่อย ห้องพักก็ประมาณนี้ครับ ห้องน้ำอยู่ข้างนอก ตรงระเบียงข้างหลังห้อง ซึ่งส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบ เพราะต้องเปิดประตูเดินออกไป เวลาเปิดประตูทีแมลงก็บินเข้ามา แมลงเยอะมาก ในห้องน้ำก็เต็มไปด้วยแมลงมาเล่นไฟ แมลงไม่เท่าไหร่ ยุงนี่แหละตัวดีเลยยืนแปรงฟันโดนกัดไปหลายทีครับ


อีกมุมครับ


ช่วงเช้าก็มาเก็บภาพบรรยกาศ รีสอร์ท อากาศช่วงนี้เย็นสบาย ภาพนี้ตรงระเบียงหลังห้องพักครับ


ห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกห้องพักครับ


ก็ประมาณนี้



ระเบียงหลังห้องสำหรับนั่งเล่น ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ตลอดเวลาครับ


มีโต๊ะเก้าสำหรับนั่งเล่นด้วย



เดินออกมาสำรวจด้านหน้าห้องพัก ที่เป็นนประตูกระจกบานเลื่อนก็ห้องที่เราพักครับ


สำรวจรอบ ๆ รีสอร์ทดีกว่า




ด้านหน้ารีสอร์ท






ประตูฝั่งนี้ติดกับสะพาน


เดินเล่นมาถึงบนสะพาน


เห็นทางเขื่อนกระเสียวกำลังปล่อยน้ำทิ้งออกมา ปีนี้น้ำเยอะมาก ๆ ครับ



มองจากสะพานไป จะเห็นบริเวณโซนริมน้ำหลังรีสอร์ทที่เราพัก เดี๋ยวคงต้องลงเดินไปสำรวจสักหน่อย



ทางเดินลงไปริมลำธาร


มีโต๊ะให้นั่งเล่น เหมาะมานั่งปิ้งย่างกันมากครับ




น้ำแรงมาก ๆ ช่วงนี้


มุมตรงนี้ด้านหลังห้องพักเรา บรรยากาศของทางจันเพ็ญ รีสอร์ท เหมาะกับครอบครัวมาพักปิ้งย่างกัน ยิ่งถ้าหน้าหนาวอากาศจะชิบกว่านี้ครับ



ออกจากรีสอร์ทก็มุ่งหน้าสู่ จ.อุทัยธานี แต่ขอแวะเที่ยวชมอ่างเก็บนัำกระเสียวอีกสักที่ แต่พอไปถึง ว้า...!!! ทางเจ้าหน้าที่ประจำป้อมยามทางเข้าบอกกับเราว่า ปิด อยู่ระว่างปรับปรุง อดเลยเรา เลยตัดสินใจดู GPS ว่าไหน ๆ มาแล้วขอแวะไปชมอ่างเก็บน้ำจากมุมอื่นก็ได้



แต่พอเข้ามาก็เจอสภาพแบบนี้ครับ น้ำท่วมขับผ่านไม่ได้ T_T


ตัดสินใจออกมาจากเขื่อนกระเสียว จะเที่ยวเลาะริมเขื่อนคงไม่ได้ ทางขาดหลายจุด เนื่องจากน้ำท่วม ระหว่างทางแวะกินมื้อเช้ากันที่ร้านอาหารริมถนนเส้นด่านช้าง-อุทัยธานี




เมนูก็มีประมาณนี้



เราสั่งอาหารมากิน 3 อย่าง

จานแรกก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ได้ซดน้ำร้อน ๆ เผ็ด ๆ หายแฮ้งค์ สดชื่นขึ้นมาทันทีเลยครับ ฮา ฮา


จานที่สองก็ผัดไททะเล กุ้งกับปลาหมึกสดใช้ได้ แต่แปลกใจว่าทำไมปลาหมึกยังสดได้ ทั้ง ๆ ที่สุพรรณบุรีไม่ได้อยู่ใกล้ทะเล มองในแง่ดีคงแช่...เอ่อ...เย็นจัด ๆ มาจากทะเลแน่ ๆ ถึงได้สดขนาดนี้ ฮ่า ฮ่า


จานนี้ผมแนะนำเลยครับ ข้าวคลุกกระปิ อร่อยใช้ได้เลยครับ ถือเป็นซิกเนอเจอร์ของทางร้านก็ว่าได้


มีน้ำซุปมาให้ด้วย โดยรวมถือว่าผ่านครับ



ขับออกจากด่านช้างมุ่งหน้าสู่ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี




เข้าสู่ อ.บ้านไร จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นทางไป อ.ลานสัก เราแวะไหว้พระกันที่วัดถ้ำเขาวง สักหน่อย


ถนนทางไปวัดถ้ำเขาวง สองข้างทางเป็นไร่ข้าวโพด



ถึงแล้ววัดถ้ำเขาวง สวยมาก ๆ ครับวัดนี้


วัดถ้ำเขาวง ตั้งอยู่ในตำบลบ้านไร่ ตัววัดเป็นอาคาร 4 ชั้น มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทย ใต้ถุนเป็นลานเอนกประสงค์รวมทั้งร้านขายของ ชั้นที่ 2 เป็นวิหาร ชั้นที่ 3 เป็นกุฏิ ส่วนโบสถ์จะอยู่ชั้นที่ 4 สร้างด้วยไม้สัก และไม้มะค่า เห็นทางข้อมูลบอกว่าได้ไม้เก่า ๆ จากเรือนไทยแถวอยุธยา อ่างทอง ส่วนหลังคานำมาจากลำพูน ช่างผู้ที่เป็นคนเข้าตัวเรือน รวมทั้งทำส่วนตัว ทั้งเหงา ป้านลม และจั่ว มาจากอยุธยา

 การจัดภูมิทัศน์ในวัดผมว่าสวยงามมาก ๆ ฉากหลังเป็นเขาหินปูนสูงตระหง่าน ด้านหน้ามีบ่อน้ำ เห็นปลาว่าบอยู่มากมาย ทางวัดเค้าจัดสวนตกแต่งด้วยหิน ไม้ดัด และไม้ประดับ เราเดินขึ้นไปชมกุฎิ มองเห็นทางที่จะขึ้นไปชมถ้ำ มีน้ำตกเทียมที่ดูแล้วเข้ากับบรรยากาศมาก ๆ ด้านหลังจะมีถ้ำอยู่ 7-8 ถ้ำ บางถ้ำเป็นที่นั่งวิปัสสนาสำหรับพระภิกษุ บางถ้ำเป็นถ้ำค้างคาว บางถ้ำมีหินงอกหินย้อยให้ชม เข้าว่าบนเขามีที่ราบกว้าง มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่บ้าง ยังมีหมูป่าลงมาในบางครั้ง แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปเนื่องจากทางเดินช่วงนี้ค่อยข้างลำบากเพราะน้ำขังอยู่หลายแห่ง ฝนก็เริ่มจะตกแล้วเหมือนกัน


เดินมาสุดทางได้แค่นี้ มองเห็นน้ำตกเล็ก ๆ ด้วย



ออกจากวัดถ้ำเขาวง เรามุ่งหน้าไปเที่ยวกันต่อที่เขาสมอทอง ระหว่างเส้นทางมีชาวบ้านนำสัปปะรดสด ๆ จากสวนมาขาย


ก่อนถึงน้ำพุร้อนสมองทอง ผ่านสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำ สามารถชมวิวสวย ๆ ของอ่างเก็บน้ำคลองคอกควายได้


วิวสองฝั่งสวยงามมาก ๆ ครับ ยิ่งเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตก


ถึงบ่อน้ำพุร้อนสมอทอง


ช่วงที่เรามามีผิดหวังนิดหน่อย ตรงที่อาบน้ำร้อนริมเขื่อนน้ำท่วมหมดเลย ปีนี้น้ำมากเกินไป อดเลย


หมดและ ไม่ได้แช่น้ำชมวิว


ท่วมซะขนาดนี้ไม่แช่ก็ได้



เดินสำรวจบริเวณน้ำพุร้อนสมอทองต่อดีกว่า ตรงนี้เป็นห้องแช่น้ำพุร้อน แต่วันที่เราไปเต็มหมดทุกห้อง ได้แต่เดินชมบริเวณน้ำพุร้อน


อาคารห้องอาบน้ำแร่ขนาดใหญ่มีสองหลัง
แบ่งเป็นห้องเล็กขนาด 6-7 คน
ห้องใหญ่ขนาด 7-10 คน
โดยจะมีเจ้าหน้าที่จะบริการ ปล่อยน้ำเก่าทิ้งและล้างทำความสะอาด
เปิดน้ำร้อน และเย็น พร้อมสอนให้เราปรับน้ำให้เหมาะสม
ควรแช่ประมาณ 15-20 นาที เท่านั้นนะครับ ส่วนในเรื่องของราคา ผมไม่ทราบจริงๆ เพราะไม่ได้แช่เลยไม่ได้ถามเรื่องราคามาด้วย


ตรงนี้เป็นมุมแช่เท้า


เดินสำรวจบริเวณบ้านพัก แต่ช่วงที่เราไปยังไม่เปิดให้ใช้บริการ เห็นทางเจ้าหน้าที่บอกว่า ตอนนี้ยังเคลียร์ไม่ลงตัวระหว่างว่าจะให้ใครเป็นคนจัดการดูแลเรื่องบ้านพัก ระหว่างป่าไม้หรือ อบต. เอาที่สบายใจกันเลยครับ การเมืองริวจะไม่ยุ่ง



แต่ถ้าได้มาพักนี่คงชิลหน้าดู โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว โอ้ยยากพัก วิวดีจริง ๆ ดันมามีปัญหาซะงั้น


บ้านหลังนี้วิวดีมาก


โห...สวยอะ แต่อดพัก


บ้านมีหลายหลังให้เลือก


ออกจากบ่อน้ำพุร้อนสมอทองก็เดินทางต่อไปยังบ้านภูผา ซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนนี้ ระหว่างเส้นทางไปบ้านภูผา ผ่านทุ่งปอเทืองยาวเป็นทิวแถว บรรยากาศเป็นภาพดอกปอเทืองตัดกับเขาหินปูน ดูสวยงามตลอดทางเลยครับ



ก่อนเข้าสู่บ้านภูผานิดเดียว ผ่านถ้ำหุบป่าตาด แต่วันนี้เราไม่ได้แวะเที่ยว ตั้งใจแวะเที่ยววันเดินทางเชคเอาท์ออกจากบ้านภูผา เพราะเรามาพักกัน 2 คืน วิวสวยมาก



ถึงแล้ว บ้านภูผา รีสอร์ท เราจองที่พักโดยตรงกับทางรีสอร์ท และยิ่งไปกว่านั้นโชคดีของเราด้วยที่ได้รางวัลจากการซุ่มเลือกของทางรีสอร์ท ในเฟสบุ๊ค เลยทำให้ได้พักฟรี 1 คืนที่ห้อง เย่...โชคดีฝุด ๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ด้วย ฮา ฮา ต้องขอบคุณกิจกรรมดี ๆ จากทาง บ้านภูผา รีสอร์ทจริง ๆ ครับ ห้องพักแต่ละหลัง หากใครจะมาพักต้องโทรมาถามราคาจากที่พักเองนะครับ เพราะแต่ละช่วงซีซัน ราคาจะไม่เท่ากัน แต่ช่วงที่เรามาประมาณ 1,500.-


เรามาถึงก็เกือบหัวค่ำแล้ว เลยไม่มีเวลาเก็บภาพบรรยากาศในวันนี้ หลังนี้เป็นห้องที่เราได้รางวัลจากทางรีสอร์ท เป็นบ้านพัก VIP ตึกนี้มี 2 ชั้น แยกกันระหว่างชั้นล่างกับบน เราพักชั้น 2 ชั้นล่าง แต่คืนนี้ไม่มีใครมาพัก รีสอร์ทเป็นของเราทั้งหมด ส่วนตัวสุด ๆ อากาศเย็นสบายด้วย



เดินเข้ามาในห้องพัก ก็เข้ามาถ่ายในห้องน้ำ ถ่ายรูปนะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าถ่ายหนัก ถ่ายเบา ห้องน้ำที่นี่เปิดโอเพ่น นั่งไปชมวิวเขาหินปูนไป กลัวมีลิงมาแอบดูตอนอาบน้ำจริง ๆ


เตรียมอาหารสำหรับปิ้งย่างคืนนี้ เดี๋ยวจะดึกไปกว่านี้


กุ้งจากสุพรรณบุรี หอยจากตลาด


กุ้งปิ้ง...กุ้งปิ้ง หอมมาก ๆ


น้ำจิ่มซีฟู๊ดผสมวาซาบิ กลายเป็นสูตรวาซาบ ของพี่หม่อถนัดแดก


หลังจากย่างกุ้งเสร็จ จะนั่งทานแถวที่ปิ้งย่างซะหน่อย ไม่ไหว แมลงกับยุงเยอะมาก บางตัวหิวจัดบินลงมาในถ้วยน้ำจิ้มซะหลายตัว เลยต้องถอยทัพกลับเข้าที่มั่นก่อน


เข้ามาก็ไม่ให้เสียเที่ยว ถ่ายภาพภายในห้องพักของเราซะเลย


เช้าแล้ว วิวจากห้องพักของเรา วิวดีจริง ๆ นี่ถ้ามาหน้าหนาว ไม่ต้องเปิดแอร์ก็ได้นะครับ



มองออกไปเห็นที่ปิ้งย่างของเราเมื่อคืน



ถ่ายช่วงเช้า ๆ อีกสักภาพ ห้อง VIP

เดินลงมากินมื้อเช้าโซนโรงอาหาร (เมื่อคืนเราปิ้งย่างกันที่นี่)


เมื่อคินกับตอนเช้าคนละเรื่องเลย ฮา ฮา



มื้อเช้าของรีสอร์ทวันนี้ก็มีขนมปัง โอวันติน กาแฟแบบซอง และข้าวต้ม



หลังมื้อเช้าเดินมาที่ห้อง เก็บภาพวิวจากระเบียงห้องสักหน่อย


วิวห้องน้ำอีกภาพนึง นั่งไปมองวิวไปก็เพลินๆ ดีนะครับ



วันนี้เราต้องย้ายจากห้องพัก VIP มาพักที่บ้านเล็ก ซึ่งเป็นห้องอีกเรทนึง ราคา 1,000.- หลังจะไม่ใหญ่มาก


วิวจากหน้าต่าง


หลังจากมื้อเช้า เตรียมตัวออกเดินทางไปเที่ยวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งกันเลย


ถึงปากทางเข้าสู่ที่ทำการรออะไรเลี้ยวเลย



หลังจากขับมาได้สักพัก จากทางเรียบ ๆ ก็เริมเป็นทางลูกรังแบบนี้ครับ นี่ถ้ามาหน้าฝนนี่ผมบอกได้คำเดียวว่า 4X4 สถานเดียว


ขับ ๆ อยู่เจอหมาจิ้งจอกวิ่งตัดหน้าซะงั้น แต่เสียดายหยิบกล้องมาถ่ายไม่ทัน มันวิ่งหายเข้าป่าไปเร็วมาก



บรรยากาศระหว่างทางเจอลำธารอยู่หลายสาย



ถึงที่ทำการ ก็เดินเที่ยว และมาเยี่ยมบ้านพักของลุงสืบ นาคะเสถียร


ด้านหน้าบ้านมีลำห้วยขาแข้งไหลผ่าน



บรรยากาศบริเวณบ้านพักลุงสีบ



ออกจากห้วยขาแข้งแวะเที่ยวเขื่อนระบำอีกสักที่



ท้องฟ้าวันนี้เมฆเยอะมาก ๆ


มาเวลานี้ เจอชาวบ้านหาปลากันอยู่


ฟ้าสวยใสดีจริง ๆ


ตรงจุดชมวิวเดินไปไม่ได้ น้ำท่วม มาเที่ยวช่วงนี้เจอน้ำคลุกคลามหลายที่เลย ดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ก็ได้


ขับมาเซอรเวย์บ้านพักของทางเขื่อนทับเสลา


ยังไม่เหลือสภาพดินให้เดินเล่นเลยครับ น้ำท่วมยันบ้านพัก ฮา ฮา


มุมนั่งตั้งวง ถ้าคิดจะนั่งให้เตรียมเบ็ดมาตกปลาด้วยก็ดีนะครับ อาจได้กลับแกล้มเป็นปลามากิน



ก่อนเข้าที่พักแวะมื้อเย็นกันที่ร้านแตน เห็นในพันทิพพูดถึงกันเยอะ ต้องลอง


อยู่ริมถนนเส้นลานสักเลยครับ


บรรยากาศในร้านก็ประมาณนี้


เมนูแนะนำของทางร้าน


เราสั่งกับข้าวมา 4 อย่าง

แกงป่ากุ้งสด รสชาติแกงป่าถือว่าเข้มข้นสุด ๆ รสชาติแบบอาหารป่าดั้งเดิม หากใครกินเผ็ดมากไม่ได้ไม่แนะนำครับ เพราะรสจัด แต่ผมชอบ



ยำตะไคร้ เมนูสุขภาพ แต่รสชาติถือว่าเฉย ๆ นะครับ แล้วแต่คนชอบ แต่ก็ไม่ขี้เหร่นัก


ลาบปลาแรด อันนี้ถือว่าอร่อยครับผมชอบนะ แกล้มเบียร์เข้ากันดีมาก ผ่านครับ


ไก่ทอดยอดหญ้า เหมือนสลัดไก่ทอดทั่ว ๆ ไป ไม่ถึงกับว้าว จานนี้ผมไม่ค่อยโดน

รวม ๆ ถือว่าโอเคครับ หากใครอยากหาของกินพื้นบ้านรสชาติแบบอาหารป่า ลองมากินที่ร้านอาหารแตนได้ครับ เพราะแถวนี้มีร้านอาหารให้เลือกอยู่ไม่มากนัก แต่สำหรับผมไม่ถึงกับว้าว...!! เหมือนที่พันทิพย์แนะนำกัน


ระหว่างทางเข้าที่พักอดไม่ได้เลยแวะลงจากรถไปถ่ายภาพเก็บไว้สักหน่อย อากาศดีจริง ๆ


เช้า ๆ วันเชคเอาท์บรรยาดาศดีจริงๆ


ที่นี่เลี้ยงแพะด้วย ไม่กลัวคน ผมมายืนริมรั้ว มันก็เดินมาหาอย่างที่เห็นในภาพนี่แหละ กลัวมากระโดดข้ามมาจริง ๆ



ไก่ไข่ เดินมาคุ้ยหาอาหารกันอยู่หลายตัว


แอบมาดูเล้าไก่ เผื่อจะมีไข่ให้เก็บสักฟอง สองฟอง


ก่อนออกจากที่พักขอเก็บภาพทิ้งทวน



ออกจากที่พักก็แวะมาเที่ยวต่อที่หุบป่าตาด ห่างจากบ้านภูผาไม่ถึงโล

ตัวหุบป่าตาด ตั้งอยู่ในอำเภอลานสัก อุทัยธานี อยู่ในความดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน

ค่าบริการเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ต่างชาติ 200 บาท ทางเจ้าหน้าที่เค้าจะมีไฟฉายให้ 1 อัน บริเวณทางก่อนเข้าถ้ำ จะมีกลุ่มมักคุเทศน์น้อยนำทาง ทางน้อง ๆ จะคอยเล่าเรื่องราวของหุบป่าตาดให้แก่นักท่องเที่ยวฟัง ค่าบริการแล้วแต่จะให้ ผมว่าดีมาก ๆ นะครับ ที่มีน้อง ๆ มาช่วยเล่าเรื่อง ให้ความรู้นักท่องเที่ยว ทำให้ผู้มาเที่ยวได้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ สิ่งมีชีวิตภายในถ้ำ และพืชพันธุ์ต่างๆ มากขึ้น

ระยะทางเดินชมธรรมชาติในหุบป่าตาด ไป-กลับประมาณ 700 เมตร ใช้เวลาชมประมาณขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแต่ละบุคคล เป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่ เดินแบบไม่ลำบาก เดินเพลิดเพลิน โดยจุดเริ่มเดินจากโถงถ้ำที่มืดสนิท มายังปลายทาง คือปล่องขนาดใหญ่ที่มีแสงส่องลงมา เห็นต้นตาดขึ้นปกคลุมหนาแน่นในวงล้อมของผาหินที่เต็มไปด้วยหินงอก หินย้อย รูปร่างดูสวยแปลกตา




จุดเริ่มเดิน เข้ามาในถ้ำเห็นค้างคาวบินเต็มไปหมด


ลงมายังโถงถ้ำ จะเห็นหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตา


ป้ายหินที่ประทับ หินก้อนนี้เคยเป็นที่ประทับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งทรงเสด็จหุบป่าตาด เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2543


ออกจากหุบป่าตาด เรามุ่งหน้าต่อไปยังตัวเมืองอุทัยธานี ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แวะกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ริมทางเส้นทางเข้าเมืองอุทัยธานี ร้านนี้มีหลายเมนู ทั้งข้าว ทั้งก๋วยเตี๋ยว



ก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ตุ๋น



เย็นตาโฟ



เติมพลังกันเสร็จก็เดินทางมาถึงเขาสะแกกรัง

ทางขึ้นสู่ยอดเขาสะแกกรังขึ้นได้สองทาง คือทางรถยนต์ กับทางบริเวณลานวัด ซึ่งมีบันได 449 ขั้น ตัดตรงขึ้น สู่ยอดเขาสะแกกรัง แต่ถ้าใครไม่อยากเดินขึ้นบันได ก็สามารถขับรถขึ้นจากทางด้านข้างสนามกีฬาจังหวัด

ด้านบนยอดเขานั้นมีศาสนสถานที่สำคัญหลายแห่งคือพระมณฑปทรงไทยสวยงาม ส่วนที่สำคัญมีนามว่า สิริมหามายากุฎาคาร ซึ่งเขาเปรียบให้เป็นสถานที่สำหรับพระพุทธเจ้าเสด็จไปเทศนาธรรม โปรดพระพุทธมารดาข้างบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ ซึ่งตามพุทธประวัติกล่าวว่าพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาที่เมืองกัสนคร และกลายมาเป็นชื่อวัดสังกัสรัตนคีรี ช่วงออกพรรษา เราจะเห็นพิธีตักบาตรเทโว ชาวบ้านจะนำ ข้าวสาร อาหารแห้ง ข้าวต้มลูกโยนมาใส่บาตรกันณวัดแห่งนี้ อย่างที่เราเคยเห็นจากภาพ

บนยอดเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองอุทัยธานีได้กว้างขวาง


บันได 449 ขั้น สู่ยอดเขาสะแกกรัง


มณฑปและรอยพระพุทธบาทจำลอง ระฆังศักดิ์สิทธิ์ใครมาแล้วต้องตีเพื่อความเป็นสิริมงคล


พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์


วิวทิวทัศน์เมืองอุทัยมองจากยอดเขาสะแกกรัง


ศาลพระชนกจักรี เป็นรูปหล่อขนาดสองเท่าขององค์จริงประทับนั่งบนแท่นพระหัตถ์ซ้ายถือดาบประจำตำแหน่งเจ้าพระยาจักรี






จากตัวศาลพระชนกจักรี สามารถชมวิวตัวเมืองอุทัยธานีได้ด้วย



ลงจากเขาพระชนกจักรี ก็แวะเชคอินที่บ้านกลางเมืองวิลล่า เราจองโดยตรงกับทางที่พักห้องมีหลายเรทราคา เราพักห้องราชวดี เตียงเดี่ยว คืนละ 800.-

ห้องพักราคาไม่แพง ห้องสะอาดใช้ได้ ถือว่าโอเคครับ


ตกเย็นไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ห่างจากที่พักประมาณ 1 กิโลฯ ดกเครื่องดื่มเย็น ๆ ไป เดินไป ชิล ๆ ไป ถ้าขับรถไป กลัวจะไม่มีที่จอด


ถึงแล้วถนนคนเดินตรอกโรงยา



มีกับแกล้ม เอ้ย ขนมขายเต็มไปหมดเลยครับ


มุมวาดรูป เด็ก ๆ ชอบ



ที่ประทับใจสุดก็อันนี้ครับ ชอบมากที่สุด อร่อยอะ



ช่วงนี้ที่เราไปขนาดเดินยังลำบากเลยครับ เพราะยุงชุมมาก ๆ ยืนเฉยไม่ได้ครับ ช่วงน้ำท่วมไม่คิดว่ายุงยะเยอะได้มากขนาดนี้


เชคเอาท์ออกจากโรงแรมก็มาหาซื้อของฝาก และมื้อเช้ากิน



ขนม ของฝากตลาดเช้า มีให้เลือกอยู่หลายร้าน


แต่ที่สะดุดตา ก็ร้านนี้ครับ มีทั้งขนมปังสัขยายขาย ยังหมีซาลาเปาด้วย ของโปรดผมเลย มีคนมาซื้อกันเยอะ เลยดูว่าน่าจะอร่อยเลยลองซื้อดู


แต่ที่โดนใจเรา ต้องขนมถ้วยแคระ อร่อย เป็นขนมโบราณหากินยาก ในเมืองไม่มีให้เห็นแล้วครับ ทำให้นึกถึงตอนเด็ก ๆ สมัยก่อนผมชอบไปเกาะรถคุณป้าที่เค้ามาขายแถวบ้าน



เดินมาได้สักพักก็มาถึงร้านที่เป็นจุดหมายของเรา ตั้งใจมากินเลยครับ โกตี๋ ข้าวมันไก่


รายการอาหารก็ประมราณนี้ครับ


รสชาติไม่ถึงกับว้าว...!!! สำหรับผม เฉย ๆ ครับ แล้วแต่วิจารณญาณ ว่าใครชอบไม่ชอบรสแบบไหน


ต้มซุปเยื้อไผ่


หมูสเต็ะ

กินเสร็จก็มาเดินย่อยแถวริมน้ำสะแกกรัง แต่ก็อย่างว่าครับ น้ำท่วม เดินได้แค่นี้ครับ ช่วงนี้สงสัยการมาเที่ยวของผมคงจะมีแต่โชก (เปียก)โชกไปหมดทุกที่ เดี๋ยวต้องซื้อหวยดู เผื่อจะมีโชค ฮา ฮา มันใช่เหรอ...!!!


ท่วมยันวัดครับ เดินลงไปเที่ยว ไหว้พระไม่ได้ ต้องกลับมานั่งเล่นร้านกาแฟ


ร้านกาแฟ มุมสะแก มองเห็นจากสะพาน ร้านอยู่ติดริมน้ำเลยครับ




จิบกาแฟเบา ๆ นั่งมองน้ำท่วมไป เพลินอีกแบบ ผมหมายถึง แม่น้ำครับ ฮา ฮา




ออกจากร้านกาแฟก็มาไหว้พระก่อนกลับที่วัดบ้านไร่ คนเยอะมาก ๆ เดินลำบาก หาที่จอดรถยากมาก



หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว ขับรถกลับบ้านตามระเบียบ แต่กว่าจะออกมาถึงถนนสายเอเชียได้นี่ ทุลักทุเลมาก ๆ ต้องขับรถลุยน้ำท่วมออกมาหลายกิโลเมตร โชคดีที่มีชาวบ้านมาคอยช่วยโบก บอกทางให้ กลัวตกข้างทางมาก ๆ จบทริปสำหรับเที่ยว สุพรรณบุรี - อุทัยธานี ครั้งหน้าหากจะจัดทริปเที่ยวช่วงหน้าน้ำหลาก คงต้องคิดและคำนวนให้ดี ๆ เพราะหลายสถานที่ต้อง Fail ไม่สามารถเข้าไปเที่ยวได้


ความคิดเห็น