ช่วงปลายฤดูหนาว ใกล้เข้าสู่ฤดูร้อน สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ตามภาคเหนือ ผู้คนเริ่มจะเงียบลง อุณหภูมิเริ่มร้อนเริ่มขึ้น ช่วงนี้ถือเป็นจังหวะดี ที่เราสองคนเก็บกระเป๋า เตรียมเดินทางไปยังจังหวัดเชียงราย

จุดเริ่มต้นของทริปนี้ เริ่มจากวันแรก ตอนเย็น ๆ พักค้างคืนกันก่อนเดินทางแถว ๆ สนามบินดอนเมือง และจะเริ่มบินไฟว์เช้า ที่พักของเราคืนนี้ กังวาล แมนชัน ตั้งอยู่ที่ ซ.ช่างอากาศอุทิศ หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่า ซ.สำนักงานเขตดอนเมือง นั่นเอง ราคาแค่ 450.- จองผ่าน NIDA ROOM (ไม่รวมอาหารเช้า แต่รวมรถไปส่งยังโรงแรมอมารี ตรงข้ามสนามบินดอนเมืองฟรี)

อาศัยแค่นอนพักเอาแรงก่อนขึ้นเครื่องรอบเช้าก็พอ แถว ๆ ที่พักมีร้านอาหารสำหรับมื้อเย็นเยอะพอสมควร เซเว่น โลตัส มีครบ



ห้องก็ประมาณนี้ครับ แต่ขอตินิดตรงที่ ทำไมถึงเลี้ยงยุงไว้เยอะแยะจังครับ


เครื่องเราออกจากสนามบินดอนเมือง 7.30 น. แต่เจ๊แกเล่นเช็คอิน 05.30 น.

เย่...!! เครื่องออกแล้ว


มองจากหน้าต่างเครื่องบิน วิวดีจริง ๆ


ภายในเครื่อง แอร์ฯเริ่มเดินแจกอาหารว่างกันแล้วครับ


มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวงแล้ว แต่ยังลงจอดไม่ได้ T_T

กว่าได้ลงสนามบิน ร่วมเกือบ 3 ชั่วโมง เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ประกาศว่า สนามบินเต็ม ต้องรอเคลียเครื่องบินบางส่วนก่อน เครื่องเราถึงจะลงจอดได้ครับ ทำให้เราได้ชมวิว และทะเลหมอกเพลินไปเลย


แต่ได้เห็นทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตา สวยมากครับ


มองเห็นเครื่องบินอีกลำด้วย รอลงจอดเหมือนเราเลย


บินวนอยู่พักใหญ่ ดูวิวไป รออย่างใจจด ใจจ่อไป ว่าเมื่อไหร่จะได้ลง


เย่ได้ลงจอดซะที่ครับผม...กว่าเครื่องจะได้ลงจอด แดดเริ่มเข้มขึ้น หมอกเริ่มจางหมดแล้ว เห็นวิวตัวเมิองเชียงรายชัดเจน


หลังลงจากเครื่อง เรารีบเดินไปติดต่อรถเช่าทันที ครั้งนี้เราใช้บริการรถเช่าของ บ. Asap Car Rental ซึ่งซื้อมาจากงาน ท่องเที่ยวไทย โปรโมชั่น 5 แถม 1 ขนาดเครื่อง 1,500 CC รถโตโยต้า วีออส

ราคารถต่อวัน+ค่าประกันชั้น 1

รวม 660.- ต่อวัน ใช้ได้เฉพาะ อา.-พฤ


ระหว่างรอเจ้าหน้าที่เชคเอกสารก็ฟังดนตรีพื้นบ้านเพลิน ๆ ครับ


พอเราได้รถแล้ว ก็รีบขับออกมาจากสนามบิน มุ่งหน้าสู่ดอยตุงทันที ที่แรกตามโปรแกรมของเรา แวะเที่ยวกันที่พระธาตุดอยตุง ขอไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายซะหน่อยครับ


พระธาตุดอยตุง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของ คนเกิดปีกุน

ถือเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดของเชียงราย ตั้งประดิษฐานอยู่บนยอดดอยตุง ในอำเภอแม่ฟ้าหลวง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 2,000 เมตร

พระธาตุดอยตุง เป็นเจดีย์สีทองขนาดเล็กสององค์ สูงประมาณ 5 ม. บนฐานสี่เหลี่ยมย่อมุม มีซุ้มจระนำสี่ทิศ องค์ระฆัง และยอด มีขนาดเล็ก


ไหว้พระอิ่มบุญ และเป็นสิริมงคลกันแล้ว ก็ขับรถต่อไปยังฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ อยู่ในพื้นที่ของกองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ซึ่งที่นี่เป็นหน่วยกำลังป้องกันชายแดน ไทย-พม่า ที่นี่ถือเป็นจุดชมทะเลหมอก และพระอาทิตย์ตก ที่สวยอีกแห่งหนึ่งในเมืองไทย อากาศช่วงนี้ ถือว่าเย็นสบายไม่หนาวเกินไปนัก


จุดชมวิวดอยช้างมูบ จะมองเห็นประเทศพม่าแบบพาโนรามา ได้อย่างชัดเจน


บริเวณฐานปฏิบัติการช้างมูบ จะมีเจ้าหน้าที่ทหารคอยเดินตรวจตราอยู่ครับ


ถ่ายจากบังเกอร์


วิวที่นี่มองได้ไกลสุดสายตาครับ สวย เย็นสบาย นั่งมองเพลินเลย


ตรงถนน บริเวณที่จอดรถ มีป้ายบอกเส้นทางจากดอยช้างมูบสู่แม่สาย เส้นทางนี้จะเป็นถนนเลาะชายแดนไทย-เมียนมา ไปจนถึงแม่สาย หากใครสนใจจะไปเที่ยวชิมกาแฟ ดอยผาฮี้ และดอยผาหมี สามารถใช้เส้นทางนี้ได้ แต่ถนนเส้นทางค่อนข้างแคบ คดเคี้ยว เป็นทางขึ้นลงเขาตลอด แต่วิวระหว่างทางสวยมาก ๆ เสียดายเราไม่ได้ไปแม่สายวันนี้ เพราะเราตั้งใจไปพักกันที่ดอยแม่สลอง


ลงมากจากดอยตุง แวะมาชิมชาที่ไร่ชาฉุยฟง อีกหนึ่งสถานที่มหาชน คนยอดนิยม วันนี้คนค่อยข้างเยอะ ไม่สิคนค่อนข้างน้อย (เจ้าหน้าที่บอก) เพราะเป็นวันธรรมดา ถ้ามาวันหยุด คนจะเยอะมากกว่านี้ 10 เท่า ที่จอดรถหายาก รถติด โห...นี่ขนาดน้อยแล้วนะ ล้นร้านออกมา รถนี่มีแอบติดเล็กน้อยด้วย

นั่งรอเครื่องดื่มชาเขียว กับเค้ก พร้อมมองวิวไร่ชา สีเขียวสบายตา


มาแล้วเครื่องดื่มชาเขียว และเค้กที่ทำจากชาเขียว สด ๆ จากไร่เลยครับ แอบนึกในใจ ทำไมไม่มีใครทำเบียร์ชาเขียวมั่งก็ไม่รู้....ฮา ฮา


จิบชาไป ชมวิวไป เพลิน ๆ ฟินเฟอร์ อากาศเย็นสบาย



ขับรถออกมานิดเดียว ใกล้ ๆ ไร่ชาฉุยฟง มีไร่สตรอว์เบอร์รีด้วย สามารถเก็บ หรือซื้อสตรอว์เบอร์รีสด ๆ จากไร่ได้เลยครับ ขอบอกรสหวาน ทานง่าย


แม่ค้าคนสวยกำลังส่งไวน์สตรอว์เบอร์รี ให้เราชิมครับ แต่ผมว่ารสชาติค่อนข้างฝาด ๆ จืด ๆ ไปนิดครับ เผอิญผมคอเบียร์ ฮา ฮา


คนมาเที่ยว ก็เดินเก็บ และถ่ายแปลงรูปสตรอว์เบอร์รี ดูน่าสนุก


ออกจากไร่สตรอว์เบอร์รี เราไม่รอช้า ขับรถขึ้นดอยแม่สลองทันที ไร่ชาฉุยฟงห่างจากดอยแม่สลองประมาณ 38 กม. แต่ต้องใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมง เพราะทางชั่น และคดเคี้ยวมาก สำหรับใครที่จะขึ้นมาบนดอยแม่สลอง ขับระมัดระวังกันหน่อยนะ

ถ้ามาช่วงหน้าหนาว ข้างทางมีเพิงขายส้มอยู่ริมทางหลายจุด (เผื่อใครชอบกินส้ม) ผมแวะซื้อไป 2 โล กินคนเดียวไม่แบ่งใคร

และก็มาถึงที่พักสำหรับวันนี้ ภูเมฆตะวัน รีสอร์ทซะที เราจองผ่านโดยตรงกับทางรีสอร์ท เป็นห้อง VIP. ซึ่งเป็นลักษณะบ้านหลังเดี่ยว ดูส่วนตัวที่สุดของที่นี่ ราคาอยู่ที่ 1,500.- ต่อคืน รวมอาหารเช้า นอกจากนั้นที่นี่ ยังมีที่พักแบบตึกให้เลือกอีกด้วยครับ


ที่เห็นจากภาพนี้ไม่ใช่โซนบ้านพักนะ เป็นโซนรับรองเฉย ๆ ส่วนที่เป็นหลังคาด้านขวามือจากภาพ เป็นร้านอาหาร และที่รับประทานอาหารของแขกที่มากพัก ส่วนของบ้านพักลงข้างล่างปู้นครับ


ทางลงไปยังบ้านพักครับ ขนาดทางลงไปยังชันมาก เกียร์ 1 สถานเดียว


วิวระหว่างทางลงไปบ้านพัก ที่เห็นซ้ายมือของภาพคือโซนตึกครับ


ลงมาถึงแล้วห้องพักของเราคืนนี้ สามารถขับรถมาจอดหน้าบ้านได้เลยครับ ห้องเราอยู่ในสุด และส่วนตัวสุด ๆ



ภายในห้องพัก โปร่งโล่ง มีระเบียงให้นังชมวิวด้วย ระเบียงกว้างขวาง ตั้งวงได้ถึงสิบคนสบาย ๆ

เจ๊แกหนีไปนั่งชิวตรงระเบียงซะและ ไม่รอกันเลย อากาศที่ดอยแม่สลองหนาวมากครับ


ภายในห้องพักก็ประมาณนี้ แค่นี้สำหรับผมก็โอเคนะคะ


ห้องน้ำก็สะอาดใช้ได้ มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วย แนะนำถ้ามาหน้าหนาวให้ใส่ถุงเท้าเข้าห้องน้ำนะครับ พื้นเย็นมาก


บรรยากาศรอบ ๆ บ้านพักครับ


ช่วงที่เราไป ทางรีสอร์ทเค้ากำลังจะสร้างห้องพักเพิ่ม จุดก่อสร้างอยู่ใกล้กับห้องที่เราพักเลย


วิวก็เป็นอย่างที่เห็น มองเห็นวิวภูเขา รับลมเย็น ๆ แต่ผมว่าอากาศมันออกไปทางหนาวมากกว่า บ้านพักของเราอยู่ริมขวาสุดตรงที่รถจอด ดูแล้วโอไหมครับท่านผู้อ่าน แต่สำหรับผมโอมาก ฟินเฟอร์


มองจากหน้าบ้านพักมาก็เห็นร้านอาหารของทางรีสอร์ท แต่ปัญหาคือ ต้องเดินไต่เขาขึ้นไปทางเดียวกับที่รถลงมานี่แหละ แต่ถ้าใครขี้เกียจเดิน หรือเดินขึ้นไม่ไหวก็ขับรถขึ้นไปได้ครับ ผมนี่เดินขึ้นไปรู้เรื่องเหมือนกันทำเอาหอบ แฮก แฮก


มีใบเมเปิ้ลด้วย


เดินขึ้นมาถึงร้านอาหารของทางรีสอร์ท เป็นเหมือนแนวร้านอาหารตามสั่งบนดอยทั่วไปครับ แต่อาหารค่อยข้างหลากหลาย รสชาติโอเค วิวดีอีกต่างหากครับ


โซนนั่งรับประทานอาหาร นั่งกินอาหารไปชมวิวไป อากาศตอนเย็น ๆ เริ่มหนาวลงมาก ยิ่งถ้าลมแรง ๆ นี่ นั่งลำบากเลยครับ เพราะหนาวมาก แต่ผมชอบ


ถ่ายจากวิวตรงโต๊ะที่เรานั่ง วิวยามเย็นของทางรีสอร์ท สวยมากครับ


อาหารมื้อนี้เราไม่ได้ถ่ายจากกล้องถ่ายรูป ใช้แค่มือถือถ่าย มื้อนี้แนะนำ ขาหมูหมั่นโถ ยำใบชา (ยำใบชาเค้าใช้ปลาทูน่ากระป๋องเป็นส่วนผสม) ต่อไปผัดเห็ดหอมน้ำมันหอย เหมาะกับแกล้มเบียร์ได้เป็นอย่างดี เชคบิลมาก็ 680.-

หลังจากกินเสร็จก็เดินลงไปนอนพักผ่อน ก่อนนอนเราออกมานั่งชมดาวตรงระเบียง เห็นดาวพอสมควร อากาศคืนนี้ หนาวสุด ๆ



เช้าแล้ว...ตื่นมามองเห็นหมอกจาง ๆ ปกคลุมภูเขาแบบอ่อน ๆ


แดดเริ่มออก เห็นหมู่บ้านอยู่ไกล ๆ


ขึ้นมากินอาหารเช้าถ่ายวิวห้องพักให้ดูอีกรอบครับ


อีกมุม วิวจากตรงนี้มองเห็นหมู่บ้าน บนดอยแม่สลองมีที่พักให้เลือกหลายแห่ง ลองหาข้อมูลกันดู แต่ผมแนะนำที่นี่ ภูเมฆตะวัน รีสอร์ท สำหรับผมถือว่าโอเค โปรโมทให้เป็นพิเศษ แต่ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ ฮา ฮา


ที่ภูเมฆตะวัน รีสอร์ท นอกจากจะเด่นเรื่องที่พัก กับวิวแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องชา และแก้วชาสวย ๆ สีสด ๆ สำหรับซื้อไว้เป็นของฝากอาม่า อากง อาป๊าที่บ้านได้อีกด้วย ชาอูหลงรสชาติดีครับ

โดยรวม สำหรับเราแล้ว ภูเมฆตะวัน รีสอร์ท คะแนนเต็ม 10 ผมให้ 9 เลย อีก 1 คะแนน ขอตัดเรื่องมีการก่อนสร้างที่พักเพิ่ม ทำให้เวลาจะนอนตื่นสาย ๆ ทำไม่ได้ เสียงก่อสร้างค่อนข้างดัง เพราะติดกับห้องที่เราพักครับ


ออกจากดอยแม่สลอง มุ่งหน้าไปยังแม่สาย ก่อนเดินทางไปตลาดชายแดนแม่สาย เราตั้งใจแวะกันที่ดอยผาหมี เพื่อไปชิมกาแฟของดอยผาหมีกันก่อน

บรรยากาศระหว่างทางเข้าดอยผาหมี ริมเส้นทางไปแม่สาย อดจอดรถถ่ายไม่ได้ วิวสวยมาก ๆ ครับ


ริมเส้นทางเข้าดอยบ้านผาหมี ดูสวยแปลกตามาก ๆ ตลอดเส้นทางผมจอดรถลงมาถ่ายรูปอยู่หลายรอบ


สุดอันซีนจริง ๆ


ดอยผาหมีของจริง ต้องมีรูปปั้นหมี ๆ ให้เห็น ระหว่างปากทางก่อนเข้าหมู่บ้าน สงสัยที่นี่สมัยก่อนหมีคงจะชุกชุม



ถึงแล้วหมู่บ้านผาหมี ขึ้นเขามาเล็กน้อยก็เจอ หมู่บ้านเริ่มมีการขยายมากขึ้นแล้ว


ภาพแห่งประวัติศาสตร์ของชาวหมู่บ้านผาหมี องค์ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ได้ทรงเสด็จมาที่ดอยผาหมี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ขอชาวบ้านผาหมีครับ



เราเดินมาที่ร้านกาแฟดอยผาหมี ต้องขอชิมกาแฟผาหมีสักหน่อย


บรรยากาศหน้าร้านครับ


เดินเข้ามาภายในร้าน ขึ้นมาที่ชั้น 2 โห...บรรยากาศน่านั่งมาก ๆ สวยสุด ๆ


มีที่นั่งให้เลือกหลากหลายมุม อากาศตอนที่เรามาเย็นสบายมาก นั่งเพลิน ๆ ทั้งวันได้อย่างสบาย


วิวสวยมาก


ซูมเข้าไปอีก


วิวมุมนี้มองเห็นไร่กาแฟ ที่นี่หากใครสนใจมาพัก ทางหมู่บ้านเค้ามีจุดกางเต็นท์ให้ด้วย

ในสมัยก่อนพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นแหล่งพัก และจุดผ่านของขบวนการค้ายาเสพติด เนื่องจากติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้านไม่ถึง 1 กิโลเมตร

ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จฯมาเมื่อปี พ.ศ.2514 ปี 2516 และปี 2517 ได้ทรงให้คำแนะนำ และสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านผาหมี ให้มีการผลักดันอาชีพปลูกกาแฟ จนกาแฟดอยผาหมีเป็นที่รู้จักระดับโลก ต่อมากลุ่มคนรุ่นใหม่ได้นำแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านมาพัฒนาหมู่บ้าน โดยจัดทำแหล่งท่องเที่ยวภายในหมู่บ้าน ถือเป็นการลบภาพเก่าที่คนภายนอกมองว่าหมู่บ้านผาหมีเป็นหมู่บ้านยาเสพติด ให้เป็นที่รู้จักในด้านการท่องเที่ยว


ทางเข้าห้องน้ำ จัดได้กลมกลืนครับ


ห้องน้ำ เปิดโอเพ่นแอร์นิดนึง นั่งไป ชมวิวไป แต่อย่านั่งนานเลยครับ เพราะมันหนาว


หมอนผาหมี ขายอยู่เท่าไหร่ไม่รู้นะครับผมลืมถาม



ออกจากดอยผาหมี ระหว่างทางลงดอย เห็นไร่นี้เลยจอดรถถ่ายซักหน่อย เพราะโลเคชั่นสวย แต่ผมไม่มั่นใจว่าเค้าปลูกใบยาสูบ หรือใบอะไรครับ


ก่อนจะไปตลาดแม่สาย ขอแวะมื้อเที่ยงกันที่จันกะผักสักหน่อย


ที่นี่เค้ามีสวนดอกไม้ รวมถึงสวนผักให้เดินชม ที่พักก็มีนะครับ หากใครมาแล้ว ติดใจที่นี่ไม่อยากรีบกลับ สามารถติดต่อเข้าพักได้เลย ผมเดินไปถามพนักงานมา น้องเค้าบอกว่า คืนละ 1,500.-


มีลำธารเล็ก ๆ แต่ดูเหมือนเค้าจะทำขึ้นเองครับ


เดินมาถึงบริเวณโซนร้านอาหาร


เมนูที่นี่เค้าเน้นเรื่องสุขภาพ เลยมีผักสด ๆ เป็นเมนหลัก เมนูแรกมาค่อนข้างมาเร็วมาก ส้มตำไทย รสชาติไม่จัดจ้านเกินไปถือว่ากลาง ๆ ครับ


เมนูนี้ถือว่าใช้ได้ เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของที่นี่ แหนมเนือง เราสั่งแบบชุดเล็กมากิน รสชาติผมบอกเลยว่าอร่อย ยิงใครชอบกินแหนมเนืองด้วยแล้ว ต้องชอบ


ผักนี่ไม่ต้องพูดถึง เค้ามีให้เต็มที่อย่างไม่อั้น คงถูกใจคนรักสุขภาพ พวกขากินผัก ลดหุ่น ลดเชฟ หลากหลายผักมาก หันมาก็เจอแต่ผักเต็มไปหมด จะเยอะไปไหนเนี่ย


น้ำพริกลงเรือ จานนี้รสชาติไทย ๆ กินแกล้มกับผัก


แกงส้มผักรวม ผักอีกและ กินจนหน้าผมจะเป็นผักเลย ฮา ฮา แต่จานนี้สำหรับผมว่า ยังขาดความเข้มข้นของเครื่องแกงไปครับ เมนูนี้ไม่ผ่านครับ (สำหรับผม)


ถ่ายรวมให้ดูครับ กินกันสองคน แต่อาหารดูเยอะไป บอกเลยว่ากินกันไม่หมดครับ แต่ห่อไปกินต่อที่พัก อิ๊ อิ๊


ไอติมของที่นี่อร่อย เป็นไอติมแบบเชอร์เบท จัดไปสองลูก สตรอว์เบอร์รี กับชอคโกแลต


มื้อนี้เชคบิลมา 475.- ครับ กับเมนู 4 อย่าง รวมไอติมแล้ว ถือว่าไม่แพง สมเหตุสมผลครับ โดยรวม ผมให้ 4.5 ดาว เต็ม 5 ดาวครับ (มาตรฐานของเรา)

จันกะผัก เป็นร้านอาหารที่เน้นกินผัก อยู่ใกล้ตัวอำเภอแม่สาย และด่านท่าขี้เหล็ก


มาถึงตลาดแม่สายช่วงบ่าย ครึกครืนมากครับ เราเดินสำรวจกันอยู่พักใหญ่ ได้ของติดไม้ติดมือไปฝาก และเอาเข้าไปกินในที่พักของเราคืนนี้


ถนนเข้าสู่ประเทศเมียร์มา มีแม่น้ำรวกแบ่งเขตแดน


ด่านท่าขี้เหล็ก ผ่านไปยังประเทศเมียร์มาครับ


หลักเขตแดนฝั่งบ้านเราครับ


ขับรถออกมาจากด่านแม่สาย เดินทางต่อมาที่สามเหลี่ยมทองคำ แวะอีกสักที่ก่อนเข้าที่พัก


สามเหลี่ยมทองคำ เป็นจุดที่มองเห็นประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศลาว กับประเทศพม่า คนที่มาสามเหลี่ยมทองคำมักนิยมมานมัสการพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือพระพุทธนวล้านตื้อ ตั้งประดิษฐานกลางแจ้ง ณ สามเหลี่ยมทองคำ

พระเชียงแสนสี่แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ ได้สร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่จมลงแม่น้ำโขง ตัวองค์พระเป็นทองสัมฤทธิ์ น้ำหนักถึง 69 ตัน หน้าตักกว้าง 9.99 ม. สูง 15.99 ม. ประทับนั่งบน "เรือแก้วกุศลธรรม" ขนาดใหญ่

ทัวร์จีนเดินผ่านมาทีเจี๊ยวจ้าวกันใหญ่เลยครับ นึกว่ามาเปิดตลาดนัด

อีกกิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามเหลี่ยมทองคำ ล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำโขง จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และพม่า หากใครอยากจะสัมผัสวิถีชีวิตของเพื่อนบ้าน ค่าเช่าเรือก็ประมาณ 300-400 บาท นั่งได้ 6 คน ที่สามเหลี่ยมทองคำ จะมีท่าเรือไว้บริการหลายท่า หากต้องการนั่งชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขง ไปไกลถึงเชียงแสน และเชียงของ สามารถหาเช่าเรือได้ ค่าเรือขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ ไกล

นักท่องเที่ยว ที่สนใจ ล่องแม่น้ำโขง ไปเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศจีน เช่นสิบสองปันนาคุนหมิง สามารถติดต่อกับบริษัทนำเที่ยวใน จังหวัดเชียงรายได้

อีกจุดที่สำคัญ ใครมาที่นี่ไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับซุ้มประตู ถือว่ามาไม่ถึงนะครับ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ ส่วนใหญ่มักไม่พลาดที่จะถ่ายรูปกับซุ้มประตู ที่มีวิวแม่น้ำโขงเป็นฉากหลัง

นอกจากนั้นที่นี่มีแหล่งช้อปปิ้งซื้อของที่ระลึก ไว้ให้คอยซื้อหาของฝากขายอยู่หลายร้านครับ


ขับเลาะโขงมาเรื่อย ๆ ระยะทางไกลพอสมควร ก็ถึงที่พักของเราวันนี้ ไร่แสงอรุณ รีสอร์ท

บ้านพักของเราคืนนี้ บ้านริมโขง 3 อยู่ด้านในสุด สงบ ส่วนตัวสุด ๆ (เฉพาะช่วงเย็น) เราซื้อห้องพักมาจาก งานไทยเที่ยวไทย 3,500.- ทางเจ้าหน้าที่ ที่มาออกงานให้มัดจำไว้ก่อน 1,500.-


มาสำรวจบรรยากาศภายในห้องพักบ้างครับ สามารถมองเห็นวิวโขง นอนดูวิวจากบนเตียงนอนได้อย่างเพลิน ไม่ต้องเปิดแอร์ ก็หนาวแล้วครับ


อีกมุม จะเห็นประตูเข้าห้องพัก


มาตรงมุมระเบียงห้องพักมั่ง นั่งเล่น ชมวิวเพลิน ๆ อากาศยามเย็น หนาวมากช่วงนี้ ถ้ามากับคนรู้ใจแล้ว โรแมนติคแบบสุด ๆ แต่ช่วงที่เรามาจังหวะไม่ดีจริง ๆ เพราะทางการเค้ากำลังสร้างเขื่อนกันการกัดเซาะของน้ำอยู่ เลยเห็นอุปกรณ์ก่อสร้าง และกองหิน กองทราย


มองออกไปอีกมุมของระเบียง จะเห็นสวนของชาวบ้านครับ


ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังตกแล้ว เตรียมตัวออกไปกินข้าวเย็นกัน


บริเวรทางเดินเข้าห้องพักบ้านริมโขง และด้านหน้าระเบียงสำหรับทานข้าว มีสวนผัก และผลไม้ที่ทางรีสอร์ทปลูกเอาไว้ ช่วงที่ไปสตรอว์เบอร์รีสามารถเก็บกินได้ ผมเก็บไปหลายลูก แกล้มเบียร์เพลินเลยครับผม อิ๊ อิ๊ บรรยากาศดีมาก ๆ เย็นสบาย



ระหว่างรออาหารเดินลงไปถ่ายภาพตรงด้านระเบียงของห้องริมโขงที่เราพัก ห้องริมโขงสามของเราอยู่ทางขวามือครับ



แฮ่...สักแก้วไหมครับ


มื้อเย็นสั่งกับข้าวมา 4 อย่าง

จานแรกต้มยำปลาบึก รสชาติจานนี้สำหรับผม ผมว่าเฉย ๆ ไม่ค่อยจัดจ้ามากนัก แต่พอกินได้


จานที่สองยำถั่วพูล จานนี้โอเค แกล้มเบียร์ได้เป็นอย่างดี


จานที่สาม ไส้อั่ว รสชาติยังไม่สุด ผมเคยกินไส้อั่วอร่อยจริง ๆ มาแล้วแต่ไส้อั่วที่นี่ยังไม่โดนครับ


จานที่สี่ ชุดน้ำพริกหนุ่ม จานนี้โอเค รสชาติโดนปากมาก เพราะชอบน้ำพริกหนุ่มอยู่แล้ว กินจนเกลี้ยงครับ


เค้ามีแคบหมูใส่ถุงมาให้ด้วยครับ


มื้อนี้ราคาก็ไม่แพง ไม่ถูก 800.- เนต ๆ กินมื้อเย็นไปมองวิวริมโขงไปอะไรจะสุดยอดขนาดนี้ ช่วงเริ่มมืด อาจจะมียุงอยู่บ้าง แต่บรรยากาศ กับอาหาร โดยรวมถือว่าโอเค ตกกลางคืนไปนอนดูดาวที่ระเบียงห้องพัก เห็นดาวเต็มท้องฟ้า สวยมากครับ


ยามเช้าถ่ายภาพจากระเบียงห้องพัก หมอกโชยอยู่ริมเขา ได้ยินเสียงสายน้ำไหลตลอดเวลา สวยมาก ๆ ครับวิวช่วงเช้าของที่นี่


เฮ้อ...เสียดายที่ดันมีการก่อสร้าง ไม่ใช่ความผิดของทางรีสอร์ทครับ เพราะว่าเป็นของทางราชการมาทำเขื่อนกันน้ำกัดเซาะตลิ่ง ได้ยินเสียงรถ และเครื่องยนต์ดังมาก ทำให้นอนพักผ่อนได้อย่างไม่เต็มที่ เราไปจังหวะผิดเอง ก็ถือว่าพลาดไป ไว้มีโอกาสจะกลับไปอีกรอบครับ


เชคเอาท์ และเดินถ่ายรูปสักพัก มุมนี้เป็นโซนห้องพัก บ้านริมบึง บ้านเพียงออ เดือนแจ่ม แสงอรุณ เสียดายไม่มีเวลาเก็บภาพให้ครบทุกห้องเพราะต้องเดินทางอีกนับชั่วโมง เลยต้องรีบออกเดินทาง





เส้นทางเดินไปบ้านต่าง ๆ ในโซนนี้ครับ บ้านเดือนแจ่มอยู่บนเขานู้น เดินขึ้นเขาพอสมควร แต่ผมคิดว่า ถ้าได้ขึ้นไปพัก วิวคงจะสวยอีกแบบ เห็นน้ำโขงจากมุมสูงครับ


เจ๊บอกขอดูแต่ตา เท้าไม่ต้องดีกว่าคะ เดินขึ้นไปชมบ้านพักบนเขาไม่ไหว


บ้านบึงบัว ดูบรรยากาศ ใครมาพัก ก็ได้วิวริมบึง เงียบสงบ ที่พักของ ไร่แสงอรุณ โดยรวมผมก็ว่าโอเค มีให้เลือกหลากหลายบรรยากาศ ทั้งริมบึง บนเขา ริมโขง มีวิวนาขั้นบันไดให้ชมด้วย (ต้องมาช่วงที่ทำนา)


ขับรถออกจากไร่แสงอรุณมาได้สักพัก ก็มาถึงจุดชมวิวผาพระ ระหว่างทางมาจุดนี้ก็จะเห็นวิวแม่น้ำโขงตลอดทาง ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางขับรถ เส้นทางหนึ่งที่สวยงาม และอันซีนครับ


จุดชมวิวห้วยทรายมาน อ.เชียงของ


ขับออกมาจากไร่แสงอรุณสักพัก ก็มาถึงตัวเมืองเชียงของ เรามาแวะกินมื้อเที่ยงกันที่นี่


เจอร้านอาหารตามสั่งอยู่ข้างวัดพระแก้ว เห็นน่าสนใจเลยลองดูครับ มีกระหรี่พัพขาย ชิ้นละ 2 บาท ซื้อมากินกับกาแฟดูอย่างละอัน


มาแล้วกระเผากุ้งไข่ดาว อาหารมื้อง่าย ๆ ครับ


อีกจานกระเพาหมูกรอบ


เค้ามีน้ำซุปให้ด้วยครับ


สั่งข้าวซอยมาอีกชาม ชามละ 30 บาท เองครับถูกอร่อย



เก็บตังแล้ว 170.- ราคาสบายกระเป๋า อิ่มท้องแล้ว ออกเดินทางต่อไปยัง อ.เวียงแก่น จุดหมายของเราวันนี้อยู่ที่ดอยผาตั้งครับ


ระยะทางจากไร่แสงอรุณมาที่ดอยผาตั้ง แวะตรงนั้นที ตรงนี้ที ก็ใช้เวลาร่วม 2 ชม. กว่ามาถึงผาตั้ง ประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว แต่อากาศเย็นมาก ลมพัดตลอดเวลา


เตรียมตัวเดินทางขึ้นสู่ดอยผาตั้งครับ


ยอดเขาแต่ละยอดที่เราต้องไปพิชิต ช่องเขาขาด เนิน 102 และ 103 ครับ


เดินขึ้นมาสักพักก็จะมาเจอกับลานพระพุทธรูป


วิวระหว่างทางเดินไปช่องเขาขาด เนิน 102 และ 103 สวยมาก ๆ ครับ


หันหลังกลับมา เห็นเส้นทางถนนที่เราขับขึ้นมา


เจ๊แกเดินชิวเลยครับ มองเห็นเนิน 102 และ 103 อยู่ไม่ไกลแล้ว


ระหว่างทางเดินสวนกับม้าที่กำลังพานักท่องเที่ยวขี่ชมดอย ที่นี่มีม้าให้เช่าสำหรับ ใครอยากขี่ม้าชมดอยครับ


ทางเดินขึ้นเนิน 102 จุดยอดนิยมที่ใคร ๆ ต้องเดินขึ้นไปชมวิวกัน ช่วงที่ไปเป็นวันธรรมดา คนเลยไม่เยอะมาก ไม่วุ่นวายดีครับ


ก่อนจะเดินขึ้นเนิน 102 ใกล้ ๆ กันจะเป็นจุดชมวิวช่องเขาขาด สำหรับเดินไปชมวิวฝั่งเพื่อนบ้าน และลำน้ำโขง โชคดีช่วงที่เราไปหมอกไม่หนาน เลยทำให้เห็นวิวได้ชัดเจน


เห็นแม่น้ำโขงกั้นพรมแดนบ้านเรากับประเทศลาว เป็นวิวที่สวยมาก ๆ


อากาศเย็น ๆ ว่าแล้วเตรียมตัวเดินขึ้นเนิน 102 ต่อเลย


บนเนิน 102 มองเห็นวิวได้กว้าง 360 องศา สวยจริง ๆ เรานั่งมองวิวกันเพลิน ๆ อยู่สักพัก


นับว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย เจ๊ขอเซลฟี่สักภาพ แช๊ะ


สุดยอด ยอดเขาที่อยู่ข้างหน้าคือเนิน 103 เราไม่ได้เดินไป เพราะใกล้ค่ำแล้ว ต้องเดินทางต่อไปยัง บ้านออยโฮมสเตย์ ภูชีฟ้า ซึ่งอยู่ห่างจากดอยผาตั้งประมาณเกือบ 1 ชม. ตลอดเส้นทางเป็นเขาคดเคี้ยว ไม่อยากขับรถบนเขาตอนกลางคืนครับ


เวลาไม่พอต้องเดินลงดอยแล้ว




ม้าที่ชาวบ้านใช้ให้นักท่องเที่ยวเช่าขี่ชมดอย เค้ามีเพิงไว้สำหรับพักม้า


กุหลาบพันปีสีขาว


ก่อนออกจากผาตั้ง ไปเก็บผาที่ประตูผาบ่องสักนิด ประตูแห่งความรัก เค้าว่ากันอย่างงี้นะครับ


ขับออกมาจากดอยผาตั้งมุ่งหน้าสู่ภูชี้ฟ้า ลัดเลาะไปตามไหล่เขา พระอาทิตย์กำลังเริ่มตกแล้ว



ระหว่างทางขับไปจอดรถชมวิวไป วิวสองข้างทางสวยมาก ๆ ครับ



เส้นทางไปยังภูชี้ฟ้า


บรรยากาศยามเย็นที่บ้านฟ้าไทยงาม


พระอาทิตย์ตกที่บ้านฟ้าไทยงาม


มาถึงแล้วบ้านออยโฮมสเตย์ ยังไม่ทันได้เก็บกระเป๋าสัมภาระเลย ทางเจ้าของโฮมสเตย์บอกกับเราว่ายังไม่ต้องเข้าห้องหรอกคะ กินมื้อเย็นกันก่อนแล้วค่อยเข้าห้องพัก หิวพอดีเลย และเหนื่อยจากการขับรถมาระยะทางไกลมาด้วย แค่นี้ก็ประทับใจกับการต้อนรับของ บ้านออย โฮมสเตย์ แล้วครับ

นั่งโต๊ะยังไม่ทันก้นอุ่นเลย อาหารจานแรกก็ยกมาเสริ์ฟ ผัดผักรวม ต้องชิม รสชาติอร่อยครับ รสหวานทานง่าย อิ๊ อิ๊


อาหารเบสิค ไข่เจียว แต่ใครหลาย ๆ คนชอบมาก รวมถึงตัวผม


แต่ที่ชอบสุด ๆ ไก่ทอดชาวเขา ชอบมาก จานนี้กรอบนอกนุ่มใน ทอดมาร้อน ๆ จิ้มกับซอสพริก ผมเผลอตัว ไม่รู้เห็นอากาศหวาน ๆ เล่นกัดซะ ไม่ได้ดูว่าร้อน คายแทบไม่ทัน ตอนกัดควันยังขึ้นอยู่เลยครับ เหมาะมาก เป็นกับแกล้มเบียร์ ฮา ฮา


ต้มยำปลานิล เมนูนี้ช่วยคลายความหนาวได้ครับ รสจัดกำลังดี


ระหว่างกินอาหาร ทางที่พักก็มีน้องมาร้องเพลง และเต้นให้แขกที่มาพักดูด้วยนะครับ 555 ชอบ ๆ เพลิน ๆ สนุกสนาน เรียกรอยยิ้มให้แขกผู้มาเยือนหลายท่าน ขอบคุณครับน้อง


นอนดึกตื่นเช้า มาชมบรรยากาศยามเช้าของบ้านออยโฮมสเตย์ เมื่อคืนกว่าจะมาถึงก็มืดแล้ว เลยไม่ค่อยได้เก็บภาพครับ


เห็นมีเต็นท์กางอยู่ 2 หลัง


บ้านที่เราพัก เมื่อคืนผมนั่งเล่นอยู่ตรงระเบียงนี้ ยันตี 2 ตี 3 กว่าจะนอน "ก็ลมมันเย็นอะ"


วิวจากระเบียงบ้าน



กว่าจะเก็บสัมภาระ กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ปาไปเที่ยงครึ่งแล้ว คิดว่าอาหารเช้า คงไม่มีอะไรเหลือให้เรากินแล้ว แต่เดินขึ้นมา เห็นน้องพนักงานนั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว ถามเราว่า "จะรับข้าวต้มไหมคะ" เราแปลกใจ "อ้าวเที่ยงแล้วยังมีเหลือยู่หรอ" พนักงานบอกว่า "เตรียมไว้ให้แล้วคะ"

โห นี่ก็อีกหนึ่งความประทับใจ ตั้งแต่เข้ามาถึงที่พักเมื่อคืน ยันตอนจะกลับ นี่ถ้าเป็นที่อื่น เค้าไม่มานั่งรอ หรือเก็บอาหารเช้าให้เรากินแบบนี้แน่นอน ได้กิน ข้าวต้มผักรวมหมูสับ มื้อเช้าตอนเที่ยง ร้อน ๆ สดชื่น แก้แฮงค์ครับ


หวานเห็ดหอมกับผักมากครับ


ถ่ายจากที่กินข้าว


ลานจอดรถบ้านออย

ผมประทับใจที่นี่มาก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งที่ ที่อยากแนะนำ การบริการแบบ บ้าน บ้าน แต่ประทับใจแบบโรงแรม 5 ดาว จองผ่านทางรีสอร์ท ตกหัวละ 500.- ต่อคืน รวมที่พักพร้อมอาหาร 2 มื้อ มื้อเย็น กับมื้อเช้า


ออกมาจากที่พักแวะอีกสักสองสามที่ ก่อนขึ้นเครื่องกลับบ้าน มาถึงเชียงรายทั้งที ไม่ไปไม่ได้ ภูชี้ฟ้า ตรงปากทางเดินขึ้น มีทำซุ้มไว้ด้วย จัดซะหวานเลย "บอกรักที่ภูชี้ฟ้า"

จากข้อมูลบอกว่า ภูชี้ฟ้า เป็นยอดเขาสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น ซึ่งติดกับชายแดนไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จุดเด่นคือ มีหน้าผาปลายยอดแหลมเป็นแนวยาว ที่ชี้ไปบนฟ้าทางฝั่งลาว สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,200 เมตร ถึง 1,628 เมตร โห...สูงเหมือนกันนะเนี่ย


ระยะทางเดินขึ้นสู่ยอดภูชี้ฟา ประมาณ 800 เมตร เราเดินกันมาเรื่อย ๆ ชมวิวไปเรื่อย ๆ จนเห็นยอดภูอยู่ไกล ๆ


ช่วงหน้าแล้งอย่างนี้ เห็นทางเจ้าหน้าที่เค้ากำลังทำแนวกันไฟ หรือดับไฟป่าอยู่ก็ไม่รู้ครับ


เดินไปชมวิวไป อากาศเย็น ผสมกับแดดออก


วิวระหว่างทางสวยมมาก


เจ๊เดินตามหลังผมอยู่ห่าง ๆ กลัวแกจะเดินขึ้นไม่ไหวจริง ๆ อีกนิดเดียวแล้ว ฮีบ ฮีบ


ขึ้นมาถึงยอด มองดูวิวบนนี้ สวยมาก ๆ ครับ


หลักกิโลฯ แบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทย กับประเทศลาว


วิวสวยจริง ๆ


เดินชมวิวไปเรื่อย ๆ เห็นรั้วกั้น และเห็นชาวบ้านเอาวัวมาเลี้ยงครับ ไม่รู้ว่าเป็นคอกวัว หรือรั้วกั้นเขตแดน



พี่วัวมองหน้าผมใหญ่เลย แน่จริงมาขวิดกันไหม


ยืนชมวิว และรับอากาศหนาวอยู่ซักพัก ก็เดินลงภู เพราะต้องเดินทางเข้าเมืองไปขึ้นเครื่องกลับแล้วครับ


ผมขับรถกลับเส้นทาง อ.เทิง ต้องบอกว่าเส้นทางนี้ ค่อนข้างชัน จนถึงชันมาก ๆ และเส้นทางคดเคี้ยวตอลด แต่ที่สุดของไฮไลท์ คือ วิวระหว่างทางสวยสุด ๆ ไปเลย เอาไป 10 คะแนนเต็ม...10 คะแนนเต็ม ...10 คะแนนเต็ม .....10 คะแนนเต็ม เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ชมครับ เพราะไม่สามารถปล่อยมือจากพวงมาลัย มาจับกล้องถ่ายได้ กลัวว่าเดี๋ยวจะลงไปคุยกับเหวด้านล่างซะก่อน ฮา ฮา


ระหว่างทางเห็นตึกแปลก ๆ ไม่รู้ว่าเป็นโรงแรมหรือว่าบ้านคนครับ


แวะถ่ายดอกไม้ และดอกหญ้าระหว่างทาง


อีกที่หนึ่งหลังจากเข้ามายังตัวเมือง ไม่มาไม่ได้ วัดร่องขุ่น แต่ช่วงเวลาที่เรามาเวลาปิดทำการพอดีครับ เลยอดเข้าไปถ่ายภาพแบบใกล้ชิด เสียดายจริง ๆ แต่ขนาดมาวันธรรดา คนเยอะแยะมหาศาลมาก โดยเฉพาะทัวร์จีน ดูจะเยอะกว่าทัวร์ไทยอีกครับ



ก่อนจะคืนรถ และขึ้นเครื่องกลับบ้าน แวะกินมื้อเย็นที่ ร้านอาหารสลุงคำ มาถึงเหนือสุดของประเทศทั้งที เราอยากกินอาหารพื้นบ้านของเชียงรายนิดนึง


จานแรกยำเห็ดเข็มทอง แซปอยู่ครับจานนี้ (มันบ้านตรงไหนอะ เจ๊แกอยากกิน)


แกงฮังเล จานนี้ก็ดูจะออกรสหวานไปนิด แต่ก็เป็นปกติของแกงฮังเล แต่ก็ถึงเครื่องแกงครับ


น้ำพริกหนุ่ม จานนี้ผมว่ายังไม่จัดจาน สำหรับความเป็นน้ำพริกหนุ่มครับ หรือว่าเค้ากินรสชาติกันแบบนี้


ร้านนี้ผมว่ารวม ๆ โอเคครับ แต่ถ้ามาหัวค่ำขอบอกว่ายุงเยอะมาก ตัวไม่เล็กนะ ตัวเท่าบ้านเลยหละ แนะนำให้เข้ามานั่งข้างในดีกว่าครับ ยุงจะได้ไม่กัด

หลังจากกินกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชคบิลมากก็ประมาณ 680.-

ทริปนี้เป็นอีกหนึ่งทริป ที่ผมพูดได้อย่างเต็มปากว่า เป็นอีกหนึ่งทริปที่สุดแสนประทับใจ เชียงรายยังมีอีกหลายมุม หลายสถานที่ ที่ยังมีความ Unseen รอให้เรากลับมาค้นหาอีกรอบ ครั้งหน้ามีโอกาสจะกลับมายืน จังหวัดเชียงรายอีกแน่นอนครับ


ขอบคุณครับแล้วเจอกันใหม่ทริปหน้า

ความคิดเห็น