“ผมอยากถ่ายภาพชาวบ้านใส่บาตรกับพระ บนสะพานซูตองเป้ กับทุ่งนาเขียว ๆ เหลือง ๆ” ครับ



นี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดทริปนี้..และที่นี่ อยู่โซนเดียวกับ ก๋วยเตี๋ยวหลักสิบ วิวหลักล้าน บ้านจ่าโบ ยอดฮิต ที่ใครมาแม่ฮ่องสอนแล้วต้องไม่พลาด รวมถึงถ้ำน้ำลอด ที่งดงามยิ่งใหญ่อลังการ ไม่ไกลกันนัก.....เลยจัดให้รวมอยู่ในทริปนี้สบายๆ



4 เดือนล่วงหน้า วางแผนหาข้อมูลว่า ช่วงที่ปลูกข้าวทุ่งนาสีเขียว ๆ เหลือง ๆ น่าจะเป็นช่วงออกพรรษา เลยจัดโปรแกรมชวนสมาชิกร่วมทริป 13 คน แล้วหาข้อมูล จองที่พักรวมทั้งหมด 3 คืน 4-7 ตค 2560 ซึ่งวันออกพรรษา คือวันที่ 6 ตค. เราจะไปถ่ายภาพที่สะพาน.....นี่คือ โจทย์หลัก..ที่เหลือ ผลพลอยได้ของการท่องเที่ยวในทริปนี้ครับ



โปรแกรมดังนี้ (รายละเอียดดูในเมนท์)

4 ตค 2560 ..เที่ยวถ้ำน้ำลอด พักบ้านจ่าโบ่

5 ตค 2560 ...กินก๋วยเตี๋ยวห้อยขาจ่าโบ่ เย็นพักโรงแรมงามตา แม่ฮ่องสอน

6 ตค 2560...ถ่ายภาพตักบาตรเทโว สะพานซูตองเป้ – เที่ยวหมู่บ้านรักไทย ตอนเย็นพักบ้านจิ่งโฮมเสตย์ ปางอุ๋ง



รายละเอียดรีวิวนี้ เน้นเที่ยวถ่ายภาพเป็นหลัก อยากให้เพื่อนสมาชิกทุกท่าน เห็นภาพ และช่วงเวลาถ่ายภาพกันครับ...จุดไหนมีจุดเด่น จุดด้อยยังไง ต่อไปใครตามรอยก็จะได้รู้ว่า ถ้าไปเที่ยวในช่วงเดือนนี้ จะเจอธรรมชาติสภาพแบบไหนนะครับ



สำหรับการถ่ายภาพทริปนี้ผมใช้อุปกรณ์ดังนี้



Nikon D800 + Nikon 80-200/2.8 + Nikon 28/1.8 Nikon 24-120/4N + Sigma 12-24/4.5 -5.6



แต่ละภาพใช้เลนส์ช่วงระยะเท่าไหร่ จะพยามบอกเอาไว้นะครับ เผื่อใครตามรอยเที่ยวจะได้นึกภาพออกว่า จุดไหนควรใช้เลนส์ระยะไหนครับ



ทุกภาพผ่านโปรแกรมปรับภาพ PS/LR ตามอารมณ์ของผมล้วน ๆ (ใครมีอะไรสงสัยถามไว้ในเมนท์ได้เลยครับ

หมายเหตุ...ราคาที่พัก ที่บอกคือ ราคา ณ. วันที่ผมเดินทางนะครับ...ใครจะไปเที่ยวแนะนำให้โทรเช็คราคากันอีกทีครับ

วันที่ 4 ต.ค. เช้าพวกเราถึงสนามบิน แล้วก็มาเช่ารถตู้ไปเที่ยวกันต่อเลยครับ จากสนามบินเชียงใหม่ ไปเรื่อย ๆ จุดหมายท่องเที่ยวแรก ของวันนี้คือ “ถ้ำน้ำลอด” นั้นเองครับ



ถ้ำลอดปางมะผ้า เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียง สวยงาม สำหรับการชมถ้ำนั้น ต้องอาศัยการนั่งแพเข้าไปมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร มีสถานที่น่าสนใจ คือ ถ้ำลอด ซึ่งมีลำห้วยชื่อ น้ำลางไหล ลอดภูเขาไปทะลุ ออกอีกด้านหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ภูเขาไปทะลุออกอีกด้านหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม เป็นถ้ำเก่าแก่สันนิษฐานได้ว่ามีอายุประมาณ 2,000 ปี ภายใน ประกอบด้วยห้องโถงใหญ่ 3 ห้อง เรียกชื่อต่าง ๆ กัน คือ "ถ้ำเสาหินหลวง" ตรงกลางห้องโถงมีแท่งหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่เป็นจุดเด่น "ถ้ำตุ๊กตา" มีหินงอกเป็นปุ่ม ปมเล็ก ๆ คล้ายตุ๊กตาตั้งเรียงรายอยู่มากมาย ถ้ำสุดท้ายอยู่ด้านทางออกคือ "ถ้ำผีแมน" เป็นที่พบเศษ ภาชนะดินเผา มีซึกฟัน และกระดูกของมนุษย์ เมล็ดพืช เครื่องมือหิน รวมทั้ง "โลงผีแมน" ซึ่งมีลักษณะเป็นท่อนไม้ ที่ถูกขุดตรงส่วนกลางออกเป็นร่องคล้ายเรือ หรือรางไม้ใส่อาหารให้สัตว์เลี้ยง

เครดิตข้อมูล Touronthai.com ครับ



กว่าพวกเราจะเดินทางจากเชียงใหม่ มาถึงถ้ำน้ำลอด ก็ห้าโมงเย็นแล้วครับ รีบเข้าไปเที่ยวในถ้ำกันครับ แวะเก็บภาพหน้าถ้ำเป็นที่ระลึกหน่อย

Sigma 12-24@18mm F11 Speed 0.8sec ISO 100 + Tripod

มุมจากปากถ้ำ มองออกไปด้านหน้าถ้ำ มุมนี้ผมเคยเห็นในนิตยสารท่องเที่ยวมานานแล้ว คราวนี้ขอบันทึกภาพด้วยตัวเองซักทีครับ (เสียดาย ไม่มีแพล่องมาซักลำ) .....การที่พวกผมมาถึงที่ถ้ำกันเย็นมาก ก็เป็นข้อดีของการถ่ายภาพย้อนแสงแบบนี้ครับ คือแสงภาพนอก มันเริ่มนุ่มแล้ว เราวัดแสงจากภายนอกให้พอดี แล้วมาดึงส่วนมืดภายในถ้ำเอาทีหลัง...ซึ่งเคสนี้ ช่างภาพสายนิคจะรู้ดี ว่ากล้องเราสามารถ ขุดส่วนมืดได้มากน้อยขนาดไหนครับ (จริง ๆ ใช้เทคนิคเก็บแสงด้านนอกด้านในให้พอดีหลาย ๆ ใบแล้วมารวมแสงในโปรแกรม แบบ HDR ก็ได้เหมือนกันครับ แต่ภาพนี้ผมลองดึงใบเดียวแล้วพอไหว เลยไม่ต้องเอาหลายภาพมายำครับ)



เลนส์ Sigma 12-24@12mm F11 Speed 1/3sec ISO 100 + Tripod

การพาเที่ยวถ้ำน้ำลอด จะมีคนถ่อแพ และไกด์ ที่คนถือตะเกียง แพละ 3-4 คน ทยอยเข้าไปทีละแพครับ



(ภาพนี้ใช้เลนส์ Sigma 12-24@12mm F8 Speed 1/2sec ISO 500 + Tripod นับดัง ๆ แล้วตะโกนบอกให้พี่เค้าอยู่นิ่ง ๆ ครับ)

เส้นทางการถ่อแพเข้าไปชมถ้ำ ที่มีความยาว 1 กม. ครับ ทริปนี้ ผมยืนเก็บภาพแบบใจเย็น อยู่หน้าถ้ำ ปล่อยให้เพื่อนเข้าไปเที่ยวกัน (ไม่มีภาพภายในถ้ำให้ดูนะครับ รอเพื่อนร่วมทริปมาแจมภาพละกัน)



Sigma 12-24@12mm F8 Speed 30sec ISO 100 + Tripod

ผมยังคงสนุกกับการถ่ายภาพอยู่หน้าถ้ำแบบไม่รีบร้อนครับ (ปล่อยให้เพื่อน ๆ นั่งแพไปชมความงามภายในถ้ำ หลายคนบอกว่าด้านในสวยมาก)



Sigma 12-24@12mm F11 Speed 1/4sec ISO 100 + Tripod



ไม่นานนัก เพื่อน ๆ ร่วมทริปก็เริ่มทยอยออกมาจากถ้ำกันแล้วครับ ก็ถ่ายภาพเอาไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อย

Sigma 12-24@12mm F4.5 Speed 1/8sec ISO 1600 + Tripod

หลังจากเราออกจากถ้ำน้ำลอด ก็มุ่งหน้ามาที่ บ้านจ่าโบ่ กันต่อครับ..มาถึงก็เย็นซะแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวก็ปิด เลยเก็บภาพแบบโล่ง ๆ กับแสงเย็น ....สายหมอก ที่หายไปไหนก็ไม่รู้..เอาไว้เป็นที่ระลึกก่อนเข้าที่พักครับ



Sigma 12-24@12mm F11 Speed 30sec ISO 100 + Tripod

สำหรับบ้านพักโฮมสเตย์ที่ผมพักคราวนี้ ไม่ได้บ้านติดวิวภูเขาแบบร้าน ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ครับ.....ตื่นเช้าเลยไปสำรวจแล้วคุยกับเจ้าของบ้านมาให้เพื่อน ๆ ที่คิดจะมาเที่ยวที่นี่...ติดต่อ นะกอ 099- 894 – 6654 กันดูเอาเองนะครับว่าว่างรึเปล่า มีบ้านหลายหลัง เพิ่งสร้างใหม่ วิวสวย ณ.วันที่ผมถามคือ คืนละ 300 บาทต่อคน รวมอาหารเย็น ครับ วิวเดียวกับที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเลย....เพราะอยู่ฝั่งเดียวกัน(ใกล้กัน)



แก้ไข..เพิ่มภาพวิวหลังบ้านพักนี้ครับ

ตื่นเช้ารีบแหกขี้ตาตื่น คว้ากล้องไปรอแสงเช้า ตรงร้านก๋วยเตี๋ยวก่อนเลย (ร้านเปิด 07.00 นะครับ) เช้านี้ถึงฟ้าจะไม่สวยระเบิดเทิดเทิงอะไรนัก แต่ก็ถือว่ายังพอมีสีสันให้ดึงเล่นกันสนุก ๆ บ้าง...ช่วงเช้าร้านยังไม่เปิดนะครับ ผมขออนุญาตเค้าเข้ามาเก็บภาพเงียบ ๆ เป็นที่ระลึกก่อน



บริเวณด้านหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาจ่าโบ่ ที่เลื่องลือกันว่า ราคาก๋วยเตี๋ยวหลักสิบ วิวหลักล้าน จะเป็นแบบนี้ครับ เผื่อใครยังไม่เคยมาจะได้ดูกันครับ…ร้านอยู่ติดถนน เห็นวิวสวย ๆ แบบนี้เลย



แล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราจะได้กินก๋วยเตี๋ยวแบบว่า เปิดประเดิมกันชามแรกเลยครับ นักท่องเที่ยวทุกคนหน้าตาแฮปปี้มาก จะได้มากินมื้อเช้ากับวิวหลักล้านกันแบบนี้

นี่ไงครับ ก๋วยเตี๋ยวหลักสิบ (40) วิวหลักล้าน.....ผมว่าคำพูดไม่เกินเลยครับ...ที่สำคัญ อร่อยมากกกก...น้ำซุปรสเด็ด ใช้หมูสับ และลูกชิ้น อย่างดี เรียกว่า กินอิ่มแล้วถือว่าคุ้มค่ามากที่สุดครับ

ดูกันชัด ๆ ว่าใช้วัตถุดิบคุณภาพดี อร่อยเกินราคาจริง ๆ ครับ

เลนส์ Nikon 24-120/4N @32mm F5.6 Speed 1/160sec ISO 100

ก๋วยเตี๋ยวชามละ 40 บาท ความอร่อยล้ำ กับ วิวแบบนี้ แนะนำให้มาถึงก่อน 8 โมง นะครับ นักท่องเที่ยวน้อยดี มีเพื่อนบางท่านบอกเคยมาตอนเที่ยง คนเยอะมาก ไม่ได้กินเลย...จุดนี้..คนที่นอนพักโฮมสเตย์ที่หมู่บ้านจะได้เปรียบครับ ตื่นเช้ามาถ่ายภาพแสงเช้าเล่นก่อน รอน้ำก๋วยเตี๋ยวเดือดแล้วก็กินกันได้เลย



ช่วงเช้าก่อนที่จะไปกินก๋วยเตี๋ยว เดินผ่านบ้านคุณยาย ก็ขออนุญาตถ่ายภาพ ยายพูดไทยไม่ได้ แต่ยิ้มและพยักหน้า ผมก็เลยถ่ายภาพยายไปเรื่อย ๆ ครับ

เลนส์ Nikon 24-120/4N @30mm F5.6 Speed 1/250sec ISO 400



ยิ้มหวานมั๊ยครับ

เลนส์ Nikon 24-120/4N @38mm F5.6 Speed 1/200sec ISO 400

หลังจากกลับจากกินก๋วยเตี๋ยว จะเดินกลับที่พัก เห็นยายกำลังทำกับข้าวเช้ากิน ก็เลยไปขออนุญาตคุณยายถ่ายภาพอีกรอบครับ วิถีชีวิต อยู่ง่าย กินง่ายดีจริง ๆ



เลนส์ Nikon 24-120/4N @52mm F4.5 Speed 1/100sec ISO 1250



หลังจากกลับไปบ้านที่ผมพัก เก็บของขึ้นรถตู้เรียบร้อยแล้ว เดินผ่านบ้านยาย เห็นยายนั่งอยู่กับหลาน ก็ขออนุญาตยายถ่ายภาพ (อีกแล้ว) ครับ.....สรุปคือ ผมมาบ้านจ่าโบ่ ทริปนี้ ผมฟินกับรสชาติก๋วยเตี๋ยวและวิวหลักล้าน และการได้ถ่ายภาพคุณยายนี่แหล่ะครับ........(แสงเช้าเย็นไม่ถูกใจเอาไว้ไปซ่อมใหม่ ..แฮ่ ๆ)



เลนส์ Nikon 24-120/4N @24mm F8 Speed 1/250sec ISO 400

จากนั้นก่อนเข้าเมืองแม่ฮ่องสอน ผมแวะไปสะพานซูตองเป้ เพื่อไปดูสถานที่รอบ ๆ ก่อน (เพิ่งเคยไปครั้งแรก) จะได้วางแผนสำหรับการถ่ายภาพพรุ่งนี้ แล้วค่อยมาพักที่ โรงแรมงามตา แม่ฮ่องสอน (700 บาท) แล้วออกมาเก็บแสงเย็นที่ วัดหนองจองคำ จองกลาง ริมสระน้ำในเมืองครับ



เลนส์ Nikon 28/1.8N F16 Speed 25sec ISO 50

วันรุ่งขึ้น นัดกันตีห้า Chek Out จากโรงแรม เพื่อไปรอถ่ายภาพ การตักบาตรเทโว วันออกพรรษา......แต่ความที่ เมืองแม่ฮ่องสอน กับวัด ไม่ไกลกันมากนัก เลยทำให้พวกผมถึงวัดแต่เช้ามืดเลย พระกำลังสวดมนต์กันอยู่ เลยเข้าไปเก็บภาพด้านใน (ส่งภาพให้หลวงพ่อไปใช้ในกิจกรรมวัดเรียบร้อยแล้ว)



Sigma 12-24@22mm F5.6 Speed 1/30sec ISO 2000



หลังจากลองถ่ายภาพแรกแล้ว คิดว่าสถานการณ์ แสงน้อย และ ระยะขนาดนี้ ควรงัด Nikon 28/1.8N ออกมาใช้งานแทนดีกว่า ชีวิตสบายขึ้นเยอะเลย

เลนส์ Nikon 28/1.8N F2.8 Speed 1/50sec ISO 1250



เลนส์ Nikon 28/1.8N F2.8 Speed 1/50sec ISO 1250

หลังจากนั้นออกมาหาโลเคชั่นถ่ายภาพครับ...บันทึกความทรงจำเอาไว้ ว่า ต้นเดือน ตค พระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้นะ...อากาศยามเช้า กับสายหมอก กระท่อม และต้นข้าวในทุ่งนา มันทำให้ดูสดชื่นมากเลยครับ

เลนส์ Nikon 80-200/2.8@86mm F5.6 Speed 1/100sec ISO 400



ผมชอบภาพนี้จริง ๆ ดูแล้วสดชื่นมาก

เลนส์ Nikon 80-200/2.8@92mm F5.6 Speed 1/250sec ISO 400

ระหว่างรอพระเดินบิณฑบาต ก็หามุมที่ต้องการ และดักถ่ายเพื่อน ๆ ที่ไปด้วยกันสนุก ๆ ครับ



เลนส์ Nikon 80-200/2.8@112mm F4 Speed 1/320sec ISO 400



ระหว่างรอพระ ก็มองหาสาว ๆ ไทยใหญ่ที่ใส่ชุดพื้นเมือง แล้วขออนุญาตน้องเค้าถ่ายภาพครับ

เลนส์ Nikon 80-200/2.8@100mm F3.5 Speed 1/500sec ISO 400

ใครจะตามรอยถ่ายภาพสะพานซูตองเป้ช่วงเทศกาลทางศาสนา เช่นวันออกพรรษา ตักบาตรเทโว ผมเล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่าช่วงเช้า ชาวบ้านจะมากันบนสะพานน้อยมาก พอสายใกล้ 08.30 ชาวบ้านจะทยอยกันมารอใส่บาตรเต็มสะพานสองด้านเลยครับ พระจะเดินลงมาบิณฑบาตรประมาณ 08.30 ...ช่างภาพจะรอถ่ายภาพบนสะพาน (เหมือนผม) หรือ จะลงไปรอถ่ายภาพที่คันนาด้านล่าง (เหมือนเพื่อนผม) ก็ได้แล้วแต่ เลือกมุมเอาเองครับ



ผมเลือกถ่ายภาพบนสะพาน เพราะเพื่อนผมลงไปถ่ายบนคันนากันเยอะแล้ว (ภาพจะได้ไม่เหมือนกันดี) ครับ เทคนิค พิเศษคือ...พระที่รับบิณฑบาต อาหารจะเต็มบาตรเร็วมาก ลูกศิษย์วัด จะแบ่งหน้าที่กัน ถือถุงพลาสติคสีส้ม คอยหยิบอาหารที่ใส่บาตร ออกมาใส่ไว้ในถุง ตรงนี้อาจจะทำให้ลูกศิษย์บังมุมกล้องได้.... ซึ่งจังหวะนี้อาจจะถ่ายยากนิดหน่อย....แต่ เราสามารถบอกลูกศิษย์ได้ว่า ขอถ่ายภาพนิดนึง เค้าจะเค้าใจครับ เว้นเวลาให้เราถ่ายภาพสะดวกขึ้น



Sigma 12-24@12mm F8 Speed 1/160 sec ISO 400

“ทีเด็ดอยู่ตรงนี้”

หลังจากนั้น พระจะเดินจนสุดสะพานไม้ไผ่ซูตองเป้ ระยะทางประมาณ 600 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นสะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยเลยครับ....ที่สุดทางฝั่งโน้น ก็จะมีชาวบ้านรอใส่บาตร อยู่ที่ด้านล่างของปลายสะพาน ตรงนี้จะใช้เวลาอยู่พอสมควร......ช่างภาพที่อยู่บนสะพาน หรือ อยู่บนคันนา สามารถเดินย้อนกลับมาทางวัด หามุมถ่ายภาพใหม่ ๆ ได้ครับ



เลนส์ Nikon 80-200/2.8@125mm F5.6 Speed 1/500sec ISO 400



ช่วงนี้ผมย้ายมุมถ่ายภาพจากบนสะพานไม้ไผ่ เดินมาดักรอถ่ายช่วงพระเดินกลับมาวัด บนสะพานมุมขวาล่างนี่แล้วครับ....ช่วงนี้ ถ้ามี Sigma 100-400 หรือ Nikon 80-400 จะดีมากเลยครับ...ภาพจากการเซอร์เวย์ก่อนงานตักบาตร เมื่อวานนี้



พระเริ่มเดินมาแล้วครับ...ตอนนี้มุมใครมุมมัน รักชอบมุมไหน ก็เลือกกันเอาเอง...เพราะช่วงขากลับนี่แหล่ะ ชาวบ้านที่รอใส่บาตรกลับไปหมดแล้ว เราเลยได้ถ่ายภาพเดินมาเป็นแถวสวยงามมากครับ ช่วงนี้ใช้ Nikon 80-200/2.8 ตลอดครับ

หลังจากนี้ผมย้ายจุดขึ้นมาถ่ายบนวัด เพื่อถ่ายลงไปด้านล่าง มีชาวบ้านบางคนรอใส่บาตรตอนขากลับ เลยมีเวลาวิ่งเปลี่ยนมุม (สนุกดีจัง)



จากนั้นขบวนพระก็เดินขึ้นวัดครับ

หลังจากถ่ายภาพการตักบาตรเทโว วันออกพรรษา เรียบร้อยแล้ว ผมได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ได้ความว่า จริง ๆ แล้วช่วงก่อนออกพรรษา จะมีเทศกาล จองพารา จะมีกิจกรรมของชาวไทยใหญ่ สวยงามมาก...ถ้าปีหน้ามา ลองเช็คข้อมูลให้ดีอีกที....เลยเก็บมาเป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ เข้าใจกันครับ

จากนั้นผมวิ่งไปเที่ยว ม.รักไทย หาก๋วยเตี๋ยวยูนาน ป้านวย กินกันก่อน (เคยมากินเมื่อ 3 ปีที่แล้วอร่อยมาก ติดใจครับ) ปัจจุบันร้านป้านวย อยู่หน้าทางเข้า ม.รักไทย ด้านซ้ายมือเลยครับ หาไม่ยาก อยู่หัวมุมทางขึ้นรีสอร์ท ลีไวน์รักไทย นั่นเองครับ



ทีเด็ดอยู่ที่ กวาเม็ง เป็นก๋วยเตี๋ยวยูนาน แบบแห้ง ใช้เส้นที่ทำข้าวซอยหนานุ่ม คลุกด้วยน้ำมันงา น้ำพริกเผา งาป่น ฯลฯ ใส่หมูสับ ไข่ต้ม ผักถั่วน้อย กินกับน้ำซุปร้อน ๆ แยกมาให้อีก 1 ถ้วย อร่อยมากกกกกกก....ห้ามพลาดเลยครับ

นี่กวาเม็ง แบบเส้นเล็กครับ อร่อยเหมือนกันครับ แล้วแต่ว่าใครจะชอบเส้นอะไร

ม.รักไทย คงจะเหมาะกับมาเที่ยวช่วงฤดูหนาว ครับ อากาศจะดี มีหมอกระเรี่ยวผิวน้ำสวยมากเลย มาช่วงเดือน ตค. ก็จะเป็นแบบนี้ครับ เมืองเงียบ ๆ นักท่องเที่ยวน้อยดีครับ



บ้านต้าเล่าซือ หลังนี้ในอดีตฮ๊อทฮิตมาก ๆ จองยาก เต็มยาว ๆ .....แต่วันนี้...สภาพทรุดโทรลงไปมากแล้วครับ

จากนั้นก็เช่าจักรยาน ที่ร้านลีไวน์รักไทย คันละ 30 บาท ปั่นรอบหมู่บ้าน ถ่ายภาพเล่น ดีกว่าเดินครับ ..555

วันธรรมดา ร้านอาหาร ร้านขายของฝากนักท่องเที่ยว...เงียบมากครับ...สงบดี



ปั่นจักรยานมาเกือบรอบหมู่บ้าน แวะที่ร้านชา จาต๋า อยู่ตรงหัวมุมสามแยกครับ...ที่นี่ทำเป็น พิพิทธภัณฑ์ของเก่าจีนยูนาน สมัยกองพล 93 ก๊กมินตั้ง สู้รบกับคอมมิวนิสต์ มีอุปกรณ์เกี่ยวกับการรบในโบราณ ให้ดูเยอะดีครับ



นายจาต๋า แซ่ห่วง จะคอยตอนรับนักท่องเที่ยว และเล่าเรื่องราว การสู้รบในอดีต ให้กับนักท่องเที่ยวฟัง ได้ความรู้ดีครับ

ฟังนายจาต๋า คุยอยู่นาน เลยขอตัวปั่นจักรยาน มากินกาแฟเย็นริมทะเลสาบ ชื่นใจดีแล้ว ขับรถขึ้นซอยรีสอร์ท ชาสารักไทย ไปถ่ายภาพทะเลสาบ มุมนี้ครับ

จากนั้นค่อยไปถ่ายภาพที่สถานีอนามัย ม.รักไทย ฝั่งตรงข้ามทางด้านขวาของภาพบนครับ

อยู่บนนี้ ถ่ายภาพมุมสูง ที่รีสอร์ท ชาสารักไทย ที่กำลังต่อเติม ตอนรับนักท่องเที่ยวให้ทันฤดูหนาวที่จะถึงนี้ครับ

ยืนขยับมุมอีกนิด สามารถถ่าย รีสอร์ทลีไวน์รักไทย ในไร่ชา ยอดฮิตถ่ายภาพได้จากมุมสถานีอนามัย เหมือนกันครับ

ภาพกลางคืน ของ ม.รักไทย ผมถ่ายไว้เมื่อปี ธ.ค. 2014 ครับ..เอามาให้ดูกันเผื่อใครยังไม่เคยไป ตอนกลางคืน ที่นี้สวย อากาศดีมาก (ปีนี้ผมตัดสินใจนอนปางอุ๋งครับ)...ยืนถ่ายจาก บ้านต้าเล่าซือ รีสอร์ท ครับ



ถนนใน ม.รักไทย ยามค่ำคืนวันธรรมดา...เงียบกริ๊บ

ก่อนมืดผมมุ่งหน้าไปปางอุ๋ง คืนนี้ผมจะนอนพักกันที่ จิ่งโฮมเสตย์ (600 บาท) ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลสาบปางอุ๋ง เลยครับ ก็ถือว่า เป็นบ้านพักใหม่ สะอาดดีครับ ห้องเล็กกะทัดรัด ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ใกล้อ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง เดินนิดเดียวก็ถึงครับ...หน้าที่พัก มีร้านขายของชำ เครื่องดื่มไว้บริการ ด้านข้างที่พักมีร้านอาหาร ราคาไม่แพง รสชาติพอใช้ได้ครับ



ตื่นเช้า ก็แบกกล้องเดินไปเก็บแสงเช้าที่ทะเลสาบปางอุ๋ง ครับ...มาช่วง ตค บอกเลยว่า ไม่มีหมอกเลย แนะนำว่าควรมาช่วงฤดูหนาว ครับ โอกาสได้ภาพหมอกบนผิวน้ำแน่นอน...แต่ไหน ๆ มาแล้วก็ขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกหน่อยครับ

เดือน ตค เช้า ๆ พระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้เลยครับ ถ้ามีหมอกบนผิวน้ำจะดีมาก



ผมพก Sigma 12-24/4.5-5.6 เดินถ่ายภาพเรื่อยเปื่อยแบบว่า ไหน ๆ แสงลอดต้นสน ไหน หมอกอยู่ไหน..ฮ่า ๆ …ฝากไว้ก่อน ๆ ๆ

ช่วง 06.30 ถ่ยภาพตามแสง ทางนี้ฟ้าสีเข้มดีครับ

จะว่าไป หมอก น่ะมีนะครับ ...กระจึ๋งนึง..ฮ่า ๆ

ภาพนี้ใช้ 80-200/2.8 เก็บภาพมาแล้วเอามาทำเบลอที่ผิวน้ำนิดหน่อยครับ….สายหมอกของฉันอยู่ไหน ๆ ๆ

สุดท้าย แบก 80-200/2.8 เดินกลับมาทางที่พัก จิ่งโฮมเสตย์ ครับ เดินมาส่องภาพบนสันเขื่อนมุมนี้ได้ครับ

ขอปิดกระทู้รีวิวเที่ยวถ่ายภาพ ด้วยภาพประทับใจประจำทริปนี้ แทนที่จะเป็นก๋วยเตี๋ยวจ่าโบ่ กลับกลายเป็น คุณยายยิ้มหวานน่ารัก แห่งบ้านจ่าโบ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ครับ



โชคดี มีเงินใช้ทุกท่านครับ



(งงตรงไหนทิ้งคำถามไว้นะครับ เดี๋ยวกลับมาตอบครับ)

ความคิดเห็น