สวัสดีทุกๆท่านครับ ผมใหม่นะครับ ชอบการเดินทางท่องเทียวตามสถานที่ต่างๆ และชอบถ่ายรูปมากๆ สำหรับรีวิวครั้งนี้เป็นครั้งแรกกับการรีวิวที่ห้องบลูแพลนเน็ต ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย หากมีข้อมูลตรงไหน ผิดพลาดก็ขออภัย และติชมได้นะครับ ขอบคุณครับผม



และฝากเพจ เรื่องราวของการเดินทางที่เพิ่งตั้งมาเพื่อ แบ่งปัน การเดินทางของพี่น้อง 2 คนฝาแฝดที่ชอบการเดินทางครับ

https://www.facebook.com/TwinTraveller



ในการรีวิวครั้งนี้ผมเลือกจะพาไปเทียว อิสตัลบูล ประเทศตุรกีกันครับ เหตุผลที่เลือกไปเทียวประเทศตุรกี เมืองอิสตัลบูล ทั้งๆที่ประเทศตุรกีมีที่เทียวเยอะแยะมากมาย ทั้ง เมืองเอเฟซุส (Ephesus) , เอเฟส (Efes) มหานครโบราณของโรมัน , Cappadocia , Pamukkale และอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง เพราะอิสตัลบูลเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่า เป็นดินแดน 2 ทวีป อยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ก็คือเทียวเมืองเดียว ได้เทียวตั้ง 2 ทวีปแหนะ อิอิ และไฮไลท์สำคัญอย่างหนึ่งคือ ช่องแคบบอสพอรัส ซึ่งแยก ฝั่งยุโรบ และฝั่งเอเชียออกจากกันดังนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ที่จะเดินทางไปเทียวชม สักครั้งของชีวิต



วันเดินทางของเรา ผมเลือกเดินทางไป ตอนหน้าร้อน คือช่วงกันยายน ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากเทียวเต็มวัน ฟ้าใส แดดดีๆ ฝนไม่ตก อยากเก็บไฮไลท์ทุกอย่างในอิสตัลบูล เท่าที่จะทำได้ ในเวลา 7 วัน เพราะช่วงหน้าหนาว เวลาของวันจะหมดไปเร็ว อย่าง 4 โมงกว่าๆ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว เทียวกลัวไม่คุ้ม



การขอ VISA


เป็นข่าวดีสำหรับคนไทย ที่การไปเทียวตุรกั ไม่ต้องขอวีซ่า !! สามารถอยู่เทียวตุรกีได้ ภายใน 30 วัน ครับ



ข้อควรรู้ก่อนไปเทียว ตรวจดูสภาพอากาศ และเวลาท้อนถิ่น



เวลาของตุรกีเทียบเท่า GMT GMT+3 ช่วงเดือนเมษายน - กันยายน (ช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) GMT+2 ช่วงเดือนตุลาคม - มีนาคม (ช้ากว่ประเทศไทย 5 ชั่วโมง) สภาพอากาศชายฝั่งทะเลมาร์มารา อีเจียน และเมดิเตอร์เรเนียนมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ฤดูร้อน ร้อนจัด ฤดูหนาวอากาศเย็นสบาอุณหภูมิจะต่ำกว่าเขตภาคเหนือเล็กน้อย แถบชายฝั่งทะเลดำอากาศอบอุ่นในฤดูร้อน อากาศเย็นสบายในฤดูหนาว และมีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างสูง ส่วนในอนาโตเลียกลางและตะวันออก ฤดูร้อนจะมีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ฤดูหนาวอากาศหนาวจัด ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินทางท่องเที่ยวตุรกีคือฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน ถึง พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน ถึง ตุลาคม) ยกเว้นถ้าไปเล่นสกีจะไปในฤดูหนาว



ศุลกากร สกุลเงิน และอัตราแลกเปลี่ยน



ใช้เงินสกุลนิวเตอร์กิชลีร่า (New Turkish Lira : TRY) มีสกุลเงินย่อยเป็น นิวกุรุส (New Kurush : YKr)

[1 TRY = 100 YKr] 1 TRY = 25.89 บาท แต่ในตุรกีนิยมใช้เงินยูโร 1 EUR = 1.96 TRY และเงินดอลลาร์สหรัฐ 1 USD = 1.24 TRY (อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551) สามารถแลกเงินยูโร และเงินดอลลาร์ไปใช้ที่ตุรกี โดยไม่จำเป็นต้องแลกเป็นเงินลีร่า หรืออาจแลกเพียงเล็กน้อยสำหรับซื้อของตามริมทาง



วิธีการเดินทาง



การเดินทางโดยเครื่องบิน ผมเลือก ราคาที่น่าจะถูกที่สุด โดยเลือกสายการบิน Egypt Air ซึ่งไม่ใช่บินตรง ต้องไปต่อเครื่องที่ ไคโร ประเทศอียิปต์ครับ



Flight MS 1961

Depart 01-Dec-14 (Mon) 00:50 Bangkok (BKK)

Arrive 01-Dec-14 (Mon) 05:50 Cairo (CAI)

Flight Time 10hr 00min | Economy

Aircraft Boeing 777-300

Stops 0



Flight MS 737

Depart 01-Dec-14 (Mon) 10:05 Cairo (CAI)

Arrive 01-Dec-14 (Mon) 12:25 Istanbul (IST)

Flight Time 02hr 20min | Economy

Aircraft Boeing 737 All Series

Stops 0



฿27,259 ราคารวมหมดทุกอย่างแล้ว จองผ่านเว็ป Skyscanner



ส่วนตัวอาหารที่เขาบริการ รสชาติอร่อย ถูกปากคนไทยนะครับ ขาไปมีให้เลือกระหว่างไก่ กับ ปลา ส่วนตัวสายการบินนี้ อาหารประเภทไก่อร่อยมาก กินกับข้าวผัดกับเครื่องเทศอร่อยเลยทีเดียว ส่วนเครื่องบินขาไป ไม่ใช่เครื่องใหม่ครับ เก่าพอสมควรใช้งานมาเยอะเหมือนกัน จาก BKK-CAI เป็นเครื่องใหญ่นั่งสบายๆ แต่พอถึง CAI-IST เปลื่ยนเป็นเครื่องเล็ก นั่งแคบๆ หน่อย ยิ่งสายการบินนี้ ส่วนมาก เป็นแขกใช้บริการครับ จึงมีแต่คนตัวใหญ่ เบียดหน่อย ส่วนห้องน้ำ ไม่ค่อยดีเลยครับ ไม่สะอาดและก็แคบ การบริการบนเครื่องบิน ไม่ออกความเห็นนะ เพราะ ไม่ค่อยคาดหวังอะไรมากอยู่ละ สบายๆ แต่ถ้าให้ไป ตุรกีอีกคง เลือก Turkish airlines บินตรง 10 ชั่วโมง นั่ง Airbus A330 แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ครับการเดินทางในเมืองอิสตัลบูล



ตัวอย่างบัตรเดินทาง โดยสารต่างๆ ภายในเมืองอิสตัลบูล ครับ สามารถใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า รถบัสและเรือข้ามฟาก สามารถเติมเงินได้ตลอดครับ มีอายุเก็บรักษานาน



แผนที่รถไฟในเมืองอิสตัลบูลครับhttp://urll.us/pgCsRE



ป้ายสถานีรถไฟฟ้า เวลาหา สังเกตุเจ้าป้ายตัวนี้ครับบ



ภาพจาก internet


รถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่แนะนำเลยครับ ว่าสะดวกที่สุด ในการเดินทางท่องเทียวในเมืองอิสตัลบูล รวดเร็ว เส้นทางรถไฟฟ้าครอบคลุมทั้งเมือง แต่ช่วงเวลาเร่งด่วนคนจะเยอะมาก



ภาพจาก internet


รถโดยสารประจำทาง เป็นอีกหนทางหนึ่งสำหรับการเดินทาง แต่ไม่แนะนำเพราะคนเยอะ และเมืองอิสตัลบูล คนหนาแน่นมาก รถยนต์เยอะแยะมากมาย รถติดเป็นว่าเล่น เสียเวลาเทียวครับ



ภาพจาก internet


รถไฟฟ้าใต้ดินก็มีนะครับ แต่ไมไ่ด้ค่อยได้ใช้บริการ หากเดินทางเทียวใน แหล่งท่อเงทียว จะใช้รถไฟฟ้าบนดินซะส่วนใหญ่



ภาพจาก internet


รถรางครับ จะมีเป็นบางสถานที่ เดินทางสั้นๆ สีสันสวยงาม ต้องลองมานั่งครับ



แผนที่สถานที่ท่องเทียวในเมืองอิสตัลบูลhttp://urll.us/hSWDJC



เมืองอิสตัลบูล โดดเด่นในเรื่องสถาปัตยกรรมออตโตมัน ศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์และอารยธรรมที่เก่าแก่ เชื้อชาติโดยส่วนใหญ่ร้อยละ 99 นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลือเป็นคริสต์และยิว และประชากรที่อาศัยอยู่มีปริมาณความหนาแน่นมาก ตอนช่วงเย็นในเมืองถจะติดและวุ่นวาย เสียงดังมาก รถไฟฟ้า จะเต็มไปด้วยคน ละก็เรือโดยสาร รถยนต์จะคึกคักเป็นพิเศษ ในช่วงเลิกงาน และช่วงเช้าไปทำงาน ค่าครองชีพที่นี้ไม่สูงมาก มีอาหารให้เลือกหลากหลายแบบ คือค่าอาหารเริ่มต้นมื้อละประมาณ 100 บาท ค่าน้ำดื่มขวดละประมาณ 20 บาท ค่าการเดินทาง แท๊กซี่เริ่มต้นที่ประมาณ 38 บาท ส่วนเรื่องที่พักมีให้เลือก หลากหลายแบบ มีทั้งอพาร์ทเม้นต์ที่ เกสเฮ้าส์ โรงแรม


ไว้บริการนักท่องเทียวมากมายอาหารการกิน



ส่วนอาหารการกินของชาวตุรกี ในเมืองอิสตัลบูล ส่วนใหญ่จะมีเป็นเนื้อสัตว์ต่างๆ ไก่ เนื้อ เนื้อแกะ และอาหารทะเลต่างๆ และแป้ง ขนมปัง เนื่องจากเป็นประเทศมุสลิมจึงไม่มี เนื้อหมู ครับ



อย่างจานนี้ มีร้านไก่ย่างกลิ่นหอมมากๆ เปิดอยู่ใกล้ๆ grand bazaar เป็นไก่ย่างย่างกับเครื่องเทศ อร่อยๆ เสริฟพร้อมกับขนมปัง สลัดผักสไตล์ตุรกี พริกหยวกยาวย่างหอม กับข้าวผัดซอยมะเขือเทศ ไก่ที่นี้รสชาติอร่อยมาก เสริฟมาจานใหญ่ มาแล้วต้องลอง!!



สิ่งหนึ่งที่สำคัญถ้าอยากไปลองอาหาร ตุรกีแบบท้อนถิ่น คือเข้าร้านอาหารแบบ ที่มีให้เลือกหลายๆแบบ เหมือนร้านข้าวแกงบ้านเรา คือ จะมีอาหารวางอยู่ เยอะแยะ และให้เราเลือกสั่งเลย ว่าเราจะเอาอะไร แล้วเขาก็จะหยิบใส่ถาดให้ สั่งน้ำ สั่งซุป สลัดผัก เสร็จเขาก็จะคิดอาหารรวมหมดทุกอย่าง ละจ่ายเงิน มีขนมปังให้หยิบไปกินด้วย ฟรีๆ และที่สำคัญราคาไม่แพงด้วยครับ



ไฮไลท์สำคัญมากๆ สำหรับเรื่องกินๆ ที่ตุรกี คือ ของหวานครับ นั้นก็คือ "เตอร์กิชดีไลต์ (Turkish Delight)" หรือที่เรียกภาษาตุรกีว่า “โลคุม (Lokum)" มีรุปร่างเป็นลูกเต๋าคลุกด้วยแป้งสีขาว เนื้อของของหวานมีลักษณะเหนียว และมีรสหวานมากกก จึงเหมาะที่จะรับประทานพร้อมกับ ชา หรือ กาแฟ ครับ



Baklava- บัคลาวา เป็นขนมชั้นเลิศที่เกิดมาแต่โบราณบนเส้นทางสายไหม ย่านเมืองโบราณกาเซ็นเทรปแห่งนี้ ที่นี่เป็นต้นกำเนิดและแหล่งผลิตสำคัญ เพราะส่วนประกอบหลักของบัคลาวาคือผงถั่วพิชทาชิโอ และเจ้าถั่วนี้ก็ปลูกมากที่สุดที่เมืองนี้ ส่วนประกอบอื่นๆก็เป็นแป้งสาลี น้ำตาลและน้ำมัน รสชาติหวานมัน รสหวานจะโดดมากเพื่อให้กลมกล่อมกับการดื่มชมขมๆ แบบอาหรับ ลองกินตามวิธีนี้แล้วต้องขอบอกว่ามันอร่อยติดอยู่ในความทรงจำจริงๆ



บัคลาวา มีหลายชนิด หลายรูปหลายทรง สัดส่วนของเครื่องปรุงไม่เท่ากัน มีเติมนั่นเติมนี่ในแต่ละอย่าง แต่ส่วนประกอบหลักก็ยังเป็น ถั่วพิชทาชิโอ แป้งและน้ำตาล รสก็หวานมันเป็นหลักอยู่ดี ส่วนสนนราคาไม่ถูกค่ะกล่องเล็กประมาณกล่องทิชชูแบน ก็ราว 500-700 บาท มันไม่ธรรมดาจริงๆ สำหนับขนมขั้นเทพ

ข้อมูล อย่างละเอียดจาก ตุรกีชวนเทียว



จริงๆแล้ว ตุรกี มีอาหารมากมาย ให้เลือกลองรับประทาน ผมไปเองก็ทานไม่หมดมันมีให้เลือกเยอะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร


ร้านน้ำชา ร้านผลไม้ น้ำผลไม้ ร้านอาหารข้างทาง เยอะแยะไปหมด เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว



ร้านข้างถนน ก็มีเยอะแยะมากมาย ที่เห็นเยอะแยะ ก็คงจะเป็น ร้านข้าวโพดปิ้ง และก็ต้ม เป็นอาหารรองท้องสบายๆ อร่อยๆ ราคาไม่แพงด้วยครับ



หอยแมลงภู่ยัดไส้ Stuffed mussel



ร้านจะตั้งอยู่ง่ายๆ ตั้งโต๊ะ วางถาด ยืนตามข้างถนน มีให้เห็นอยู่เยอะแยะ ตามร้านอาหารกฌมี วิธีการกิน ก็จะบีบเลมอนใส่ก่อน แล้วกิน อร่อยมากๆ ข้าวกับเนื้อหอยแมลงภู่ เข้ากันดีมากๆ ราคาไม่แพงมาก ตามขนาดของหอย



หรือจะเป็นเกาลัดย่าง ร้อนๆ อร่อยๆก็มีให้ชิมกันครับ หาร้านที่ทำใหม่ๆ เพราะไปลองมา เจอร้านที่เขาทำเก่าๆ แข็งมาก ไม่อร่อยเลยยย



ส่วนอาหารอีกอย่างหน่งที่แนะนำให้ไปลองกัน เป็นสูตรโปราณ นั้นก็คือ


ร้าน Vefe Bozacisi.

Boza น้ำข้าวสาลีหมัก เป็นเครื่องดื่มหน้าร้อนที่ใช้เวลาทำประมาณ 2-3 วัน เป็นเครื่องดื่มทานเล่น แต่กินหมดนี่ อิ่มเลย เวลาเสริฟจะโรยด้วยอบเชยบนหน้า เวลากินใช้ช้อนตัก หรือ ยกดื่มเลยก็ได้ และมีรสชาติเปรี้ยว หวาน หอม และ ข้นมาก ใครไป ตุรกี เมือง Istanbul ต้องลองไปชิมครับ



ขนมปังที่ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของตุรกี ที่ผมเห็นบ่อยครั้งไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ก็คือ simit ขนมปังที่ทำเป็นรูปวงแหวนโรยด้วยงา ถือเป็นอาหารว่างยอดนิยมของคนตุรกี ที่ทุกบ้านต้องมีติดบ้านไว้



ร้านนี้เป็นรถเข็น ย่างกันสดๆริมถนนเลย จะเสริฟปลามาพร้อมขนมปังบ้องโตๆ ปลาย่างร้อนๆ มีผักใส่มาด้วย อร่อยมากกก ราคาไม่แพงเลย เห็นได้ทั่วไปในอิสตัลบูล



ปลาที่นี้จะสดมากกก เพราะแถวๆ สะพาน Galata มีคนตกปลาเยอะแยะมากมาย พอเขาตกเสร็จ เขาจะนำมาขายให้กับร้านอาหาร เพราะฉะนั้นปลาที่นี้จะสดใหม่อยู่เสมอครับ

และที่ไม่ควรพลาดเลย คือ ชาตุรกี ราคาไม่แพงเลย มีทุกร้านอาหาร รสชาติอร่อย หอม กินได้เรือยๆ มีสีสันสวยงาม ชวนให้ดื่ม


อย่าพลาดที่จะลองนะครับ



ขอแนะนำอาหารคร่าวๆ เพียงเท่านี้นะครับ เพราะผมเองยังลองไม่หมดเลย มีเยอะแยะมากมายยยย



และแล้วก็ได้เวลาแนะนำสถานที่ท่องเทียว ที่สำคัญในอิสตัลบูล ที่ได้ไปเทียวมานะครับ อาจจะไม่ครบ เพราะบางวันฝนตกหนักเหมิอนกันเลย เก็บไม่ครบHagia Sophia - Istanbul, Turkey

ภาพนี้ขอยืมจากในเน็ต นะครับ มาจาก google.com



Hagia Sophia หรือ Aya Sofya Museum เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกส์ สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ์คอนสแตนติน ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่าหรือมัสยิด และเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน



และนี้คือภายในของวิหารเซนต์โซเฟียหรือสุเหร่าโซเฟีย (Hagia Sophia หรือ Aya Sofya) เป็นสิ่งหนึ่งที่ไปแล้ว ต้องไปให้ได้ครับ ในอิสตัลบูลและถือว่าเป็น สุเหร่าที่รับการคัดเลือกจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1985 เพราะฉะนั้นพลาดไมไ่ด้ แต่ค่าเข้าแพงเอาการเลย ตอนไป อยู่ในช่วงซ่อมแซม จึงไม่สามารถถ่ายแบบเต็มๆ มาให้ชม ถือว่าพลาดมา เพราะอยากถ่ายแบบกว้างๆ เลยถ่ายออกมาได้แค่ข้างเดียวครับ ใครชอบสถาปัตยกรรมแบบนี้ แนะนำเลยครับ



"Zoe Mosaic" (ซ้ายบน) "Komnenos Mosaic" (ขวาบน) "Deisis Composition" (ล่างซ้าย)" Minbar" (ล่างขวา)



Deisis Compositionภาพพระเยซูในวันพิพากษาโลก (Doomsday) โดยมีพระแม่มารีกับเซนต์จอห์นแบ๊บติสต์วิงวอนขอพระเมตตาแก่ชาวโลก ภาพโมเสกอันเก่าแก่ชิ้นนี้มีการถกเถียงถึงกำเนิดวันของโมเสกอยู่พอสมควร เนื่องจากช่วงล่างของภาพเสียหายไปมาก แต่สรุปแล้วให้ถือเป็นภาพในยุคศตวรรษที่ 12

Zoe Mozaic อีกหนึ่งภาพโมเสกเก่าแก่ศิลปะไบแซนไทน์ เป็นภาพพระเยซูประทานพรให้แก่จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 9 ซึ่งถือถุงเงินบริจาคแก่การบูรณะโบสถ์อยู่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเป็นจักรพรรดินีโซถือม้วนหนังสือในมือ

Komnenos Mosaic เป็นภาพของจักรพรรดิ Komnenos Loannes II และจักรพรรดินีไอรีนชาวฮังกาเรียน โดยมีพระแม่มารีอุ้มพระเยซูอยู่ตรงกลาง ภาพโมเสกนี้ทำขึ้นเป็นสัญลักษณ์การบริจาคเงินเพื่อการบูรณะสุเหร่าโซเฟีย และอุทิศให้กับเจ้าชาย Prince

Aleksios (อยู่อีกมุมของผนังภาพ-ข้างจักรพรรดินีไอรีน) ที่สิ้นพระชนม์จากการเจ็บป่วยตั้งแต่ยังพระเยาว์ โดยภาพนี้เป็นโมเสกในสมัยศตวรรษที่ 12

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=844101



ความสวยงาม เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปบนเพดาน



ภาพนี้ ใช้โปรแกรมPhotoshop Filp ครับ เพราะอีกด้านนึงซ่อมแซมเลยอดถ่ายมุมเต็มมา เป็นไรที่เสียดายมากๆ



พอเข้ามาภาพที่เห็นคือแบบนี้ เสียดายมากๆเลยครับ ถ้ามองในภาพ มุมด้านล่าง จะเห็นคนอยู่ ลองเทียบสเกลดูนะครับ ว่า สุเหร่าโซเฟียยิ่งใหญ่ ใหญ่โตขนาดไหนส่วนอื่นๆ ภายใน สุเหร่าโซเฟีย ครับ



ปิดด้วยภาพนี้ครับ ภาพ Hagia Sophia ตอนเช้ามืด แนะนำหากใครจะมาถ่ายภาพ แนะนำมาช่วงเช้าครับ จะได้ภาพที่สวยงาม น้ำนิ่งๆ น้ำพุไม่เปิด ได้แสงสะท้อนของตัวสุเหร่าโซเฟีย กับเปิดไฟสวยงามโดดเด่น



สถานที่ต่อไปคือ “จตุรัสตักซิม" (Taksim square) นั้นเองครับ

เราจะเดินจากจุด Istiklal Streetจุดๆนี้ถือว่าเป็นจุดเดินเล่น ยิ่งตอนเย็นๆ คนยิ่งเยอะ อากาศดีๆ เดินชิลๆ ตึกบ้านเรือนสวยงาม ร้านค้า ร้านอาหารมีเยอะแยะมากมาย ระยะทางจาก Istiklal Street ไป Taksim square ไกลพอสมควรแต่ระหว่างทางมีสิ่งน่าสนใจมาก บ้านเรือนสมัยเก่า ที่ดึงดูดใจ ร้านขายหนังสือเก่า ร้านกาแฟ หรือจะเป็นคาเฟ่เล็กๆ ตกแต่งสวยงาม



Istiklal Street



จุดเด่นของ Istiklal Street คือ ตรงกลางถนน จะมีราง สำหรับนรถราง สีแดง เอาไว้ให้นักท่องเทียวนั่งเทียวชมถนนเส้นนี้ ราคาไม่แพงมากครับ สามารถไปลงสถานี Taksim square ได้เลย หากไม่อยากเดิน

ถึงแล้วว Taksim square สวยงามมากๆ



ถ่ายเข้าไปใกล้ๆหน่อย จะได้เห็นรายละเอียด


พอเดินเทียวชมได้สักพักแล้ว เวลาเริ่มเย็น ย่านแห่งนี้ ก็ยิ่งคึกคักขึ้นอีก ตอนเย็นๆ จะมีดนตรีเปิดหมวก มีเสียงเพลงเพราะๆ มีดนตรีสดให้ฟังกัน ข้างถนนเลย ได้บรรยากศมากๆ



บรรยากาศยามค่ำคืน


Istiklal Street



Galata Tower



ที่เทียวต่อไปที่เมื่อมาเมืองอิสตัลบูลแล้ว อยากชมวิวกว้างๆ บรรยากศของเมืองโดยรอบทั้งหมด Galata Tower เวลาที่แนะนำเลยคือ ช่วงพระอาทิตย์ตก แต่ต้องกะเวลาดีๆนะครับ เพราะช่วงนั้นคนต่อคิวเยอะมากกก เผือเวลาพระอาทิตย์ตกก่อนสัก ชั่วโมงนึงเพราะช่วงที่ผมไป รอประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ แหนะ ไม่จำกัดเวลาขึ้น แต่ทางข้างบนแคบมาก เลยใช้ขาตั้งกล้องถ่ายรูปไม่ได้ มาชมบรรยากาศกันเลยดีกว่าครับ



หน้าตาภายนอก ของ Galata Tower ครับ



วิวตอนพระอาทิตย์กำลังจะตก ผมไปรอแสง ตั้งแต่ 4 โมงกว่าๆ อยู่ถึง 1 ทุ่มกว่าๆเลย ฟินมากๆเลยครับ จากจุดนี้เราสามารถเห็นได้หมดเลย



มองเห็น Galata Bridge



ภาพนี้ใช้ Lens tele ระยะที่ 200 ถ่าย Topkapi Palace



Topkapi Palace หรือ ฮาเล็ม บริเวณนี้ถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ของอิสตันบูลที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี 1985 หากใครชอบเดินชม อะไรนานๆ แนะนำมาเลยครับ เพราะ มีหลายส่วนให้เข้าชมกัน

ข้อมูลเพิ่มเติมหากใครสนใจ http://www.oknation.net/blog/mena/2013/01/19/entry-1

และแล้วช่วงเวลาสำคัญก็มาถึงครับ นั้นคือช่วง Twilight เมื่อพระอาทิตย์ตกแล้ว แสงสีตัวเมืองก็ค่อยๆ เกิดขึ้น เกิดความสวยงามมากๆ ประทับใจไปนาน คุ้มค่ากับการที่รอคอยต่อคิวเป็นชั่วโมง เพื่อรอชมเวลานี้ครับ



Aqueduct Bridge Roman in Turkey.



ท่อส่งน้ำ สิ่งมหัศจรรย์ด้านวิศวกรรม และเป็นท่อส่งน้ำของโรมันเป็นผลงานที่โดดเด่นที่สุดด้านวิศวกรรมในสมัยโบราณ ก่อนสร้างท่อน้ำวิศวกรจะประเมินคุณภาพของแหล่งน้ำโดยตรวจดูว่าน้ำใสไหม ไหลเยอะไหม และรสชาติเป็นอย่างไร พวกเขาสังเกตด้วยว่าผู้คนในท้องถิ่นที่ดื่มน้ำนั้นสุขภาพเป็นอย่างไร เมื่อผ่านขั้นตอนนี้แล้ว ผู้สำรวจจะคำนวณความถูกต้องของเส้นทางและความชันของท่อน้ำ รวมทั้งขนาดและความยาวของท่อด้วย ส่วนแรงงานหลักในการก่อสร้างคือทาส การก่อสร้างอาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะสร้างเสร็จทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงโดยเฉพาะส่วนที่เป็นสะพานโค้งอน้ำ ส่วนใหญ่ถูกใช้ในการ อาบน้ำ เพราะสมัยก่อน จะมีเป็นโรงอาบน้ำ ดังนั้นชาวเมืองเลย ต้องการน้ำอย่างมาก ในการใช้

Info: http://goo.gl/ZmhB4n



ฮิปโปโดรม (Hippodrome)



ฮิปโปโดรม (Hippodrome) สร้างในสมัยจักรพรรดิเซ็ปติมุส เซเวรุส เป็นสนามอาเรน่าที่ใช้สำหรับการแข่งม้า และกิจกรรมต่างๆสามารถจุผู้คนได้กว่า 100,000 คน ในฮิปโปโดรมมีอนุสาวรีย์เด่นๆสามแห่งคือ


-เสาโอบีลิสก์ฟาโรหืธุตโมส (Obelisk of Pharaoh Thutmose) ซึ่งคอนคอนสแตนตินมหาราชนำมาจากเมืองคาร์นัคประเทศอียิปในสมัยที่มีการขนย้ายอนุสาวรีย์ต่างๆมาจากอาณาจักรยุคโบราณ

-เสางู (Serpentine colum) สลักเป็นรูปสามเหลี่ยมตัวกระหวัดรัดพันกันเดิทตั้งอยู่ที่วิหารเทพอพอลโล่แห่งเมืองเดลฟี

-เสาคอลัมน์คอนสแตนตินที่ 7 (Column of Constantine VII) ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.940 แต่ไม่ทราบประวัติที่แน่ชัด

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.tripdeedee.com/traveldata/turkey/turkey03.phpพระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahce Palace)



พระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabachce palace) สุดปลายถนนอีเนอนุจากทัคซิมมาถึงบอสฟอรัสคือ พระราชวังโดลมาบาห์เชที่แลดูงดงามอย่างประหลาด ซึ่งสร้างโดยสุลต่านอับดุลเมจีดใรช่วงศตวรรษที่ 19 เพื่อประชันกับทางยุโรป การสร้างพระราชวังโดลมาบาห์เชต้องสิ้นเปลืองทองไปหลายตันทำให้จักรวรรดิต้องล้มละลาย พอสร้างเสร็จได้ไม่นานสุลต่านก็สิ้นพระชนม์ พระอนุชาอับดุลอาซีสทรงขึ้นครองราชย์ต่อแต่ไม่ทรงโปรดที่นี่ จึงมีบัญชาให้สร้างพระราชวังที่ประทับขึ้นใหม่ที่อีกฟากหนึ่งของช่องแคบบอสฟอรัสคือพระราชวังเบย์แลร์เบย์ โดยไม่สนพระทัยว่าเงินในท้องพระคลังไม่มีเหลืออีกแล้ว แม้โดลมาบาห์เชจะมีพรมและงานศิลปะงามๆอยู่ไม่น้อย แต่ตัวพระราชวังมักให้ความรู้สึกว่าเป็นการสิ้นเปลืองเงินแผ่นดินโดยใช่เหตุ ทั้งยังสะท้อนรสนิยมที่ไม่ดีอีกด้วย แต่นั่นอาจเป็นการมองแบบใจแคบไปบ้าง การที่เมห์เมตที่ 6 ทรงตัดสินพระทัยละทิ้งราชบัลลังก์ไปนั้นหาใช่เพราะถูกคณะผู้รักชาติภายใต้การนำของอาตาตุร์คข่มขู่คุกคามไม่ แต่ทรงปริวิตกว่าจะต้องใช้พระชนม์ชีพที่เหลืออยู่ ณ พระราชวังโดลมาบาห์เชที่วกวนและฉูดฉาดบาดตาแห่งนี้ต่างหาก



Grand Bazaar.



เป็นตลาดขนาดใหญ่ ขายของที่ละลึกมากมาย ให้เลือกสรร ใครชอบช้อปคงชอบไม่น้อย มีเสือผ้า ธงชาติ โคมไฟสวยงาม และของฝาก ขนมหวานมากมาย ราคาแตกต่างกันไปแต่ละร้าน ควรเดินถามเปรียบเทียบราคาก่อน อย่าเพิ่งรีบชื้อ บางร้านถูก บางร้านแพงมาก และควรต่อราคา ลดประมาณ 20-30% จากราคาจริง



Spice Market.



ป็นตลาดขายยขนมหวานเยอะแยะมากมาย และมีเครื่องเทศขายด้วย มีพวกผลไม้อบแห้ง ต่างๆ ให้เลือกมากมาย ราคาแต่ละร้านไม่เหมือนกัน ขอชิมได้ แต่พี่แขกเขาชวนคุยเยอะแยะมากมาย ให้ชิมหมดทุกอย่าง ไม่งก ให้ลองว่าอันนี้รสชาตินี้นะ ขนมหวานมีราคาแพงพอสมควร



The Balisilica Cistern



Yerebatan Sarnici/Basilica Cistern อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินใหญ่สุดในอิสตันบูล

อ่างเก็บน้ำแห่งนี้มักจะถูกเรียกว่า 'พระราชวังใต้น้ำ'เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นอ่างเก็บน้ำใต้ดินโบราณที่ใหญ่ที่สุดท่ามกลางอ่างเก็บน้ำโบราณกว่าร้อยแห่งของเมือง มีลักษณะเป็นอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่ราวๆ กับมหาวิหารและสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 80,000 ลูกบาศก์เมตรซึ่งเก็บน้ำได้เยอะ ซึ่งถายในอ่างเก็บน้ำ มีขนาดมืดมาก และมีความชื้นสูง และเย็นพอดีๆ



Yerebatan Sarayi



เป็นสิ่งหนึ่งที่เข้ามาในอุโมงค์เก็บน้ำแล้ว ต้องเข้าไปดูคือ เมดูซ่าผู้หญิงที่มีผมเป็นงู เป็นที่ก่อนเดินทางได้อ่านหนังสือ ละตะลึงว่าทำไมต้องมีเจ้าตัวนี้ในอุโมงค์เก็บน้ำแห่งนี้ " เล่ากันในตำนานของกรีกว่า เดิมเมดูซ่าเป็นสาวงามน้องคนสุดท้องของสามพี่น้องตระกูลกอร์กอน แต่โดนเทพโพไซดอน เทพแห่งท้องทะเลขืนใจในวิหารของเทพีอธีนา เทพีอธีนารู้สึกถูกลบหลู่ จึงสาบเมดูซ่าให้เป็นหญิงอัปลักษณ์มีผมเป็นงู และมีดวงตาเป็นอำนาจลึกลับ หากผู้ใดจ้องมองจะกลายเป็นหินทันที " ชาวกรีกเชื่อว่าหากมีเจ้าตัวนี้อยู่ในนี้ จะสามารถปกป้องการปองร้ายของศัตรูที่จะเข้ามาก็ได้ แต่คนสร้างอาจจะเกรงกลัวว่าจะต้องกลายเป็นหินเมื่อไปจ้องตานางเมดูซ่าเข้า ก็เลยสลักวางกลับหัวหนึ่งต้น ตะแคงอีกหนึ่งต้น เลี่ยงการสลักวางให้ไม่ตรงซะ จะได้ไม่เหมือนถูกจ้องมอง.



Maiden's Tower / Leander's Tower หรือที่คนตุรกีจะรู้จักกันนาม Kız Kulesi



ชมบรรยากาศฝั่ง Üsküdar กับ Maiden's Tower กันครับ จุดนี้ต้องเดินทางหน่อย เพราะต้องข้ามเรือมา ผมเดินทางจากท่า Kabatas โดยนั่งเรือจาก Kabatas Motor iskelesi ไปเส้น Kabatas -Üsküdar ไปลง ที่ Üsküdar ค่าโดยสารไม่แพงครับ ประมาณคนละ 2 TL นั่งแปปเดียวครับ พอถึงท่า เดินไปจุดชมวิว ประมาณ กิโลกว่าๆ เพราะฝั่งนี้ คนอยู่หนาแน่นมากๆ เดินทางโดยรถไม่สะดวกครับ เดินดีกว่า พอไปถึงแถวนั้น จะดูเป็น ที่นั่งชมวิว มีน้ำ อาหาร ขนมขาย ด้วยครับ บรรยากาศดีมาก



ประวัติของที่แห่งนี้คือ


หอคอยแห่งนี้ถูกสร้างในสมัยจักรพรรดิอเล็กซิออสที่ 1 โคมเนนอส (Alexios I Komnenos) ซึ่งจักรพรรดิ์องค์นี้ก็มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดสงครามครูเสด( สงครามศาสนาระหว่างศาสนายูดาย ศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม ) เพราะสมัยนั้น อสิลามได้มีการแผ่ขยายอาณาจักรมากขึ้นจนขยายเข้าไปทางกรุงคอนสแตนติโนเปิ้ล เป็นผลให้พระองค์ต้องทำการขอความช่วยเหลือไปยังพระสันตะปาปา เพื่อชวยกันปราบปราม เซลจุคตุรกี (Seljuk Turks)โดยตลอดระยะเวลาก็มีการรบต่อสู้กัน หอคอยแห่งนี้อาจจะถูกถูกสร้างเพื่อเป็นสถานีของกองทัพเรือ บนพื้นที่เกาะเล็กๆ หน้าไครโซโพริส (Chrysopolis ) ปัจจุบ้นคือ Üsküdar

หลังจากที่โดยฝ่ายออโตมันตีแตก สลุตาน ได้ใช้หอแห่งนี้เป็นนาฬิกาปี ค.ศ 1509 เกิดแผ่นดินไหว และในปี ค.ศ 1721 ได้ถูกเผาทำให้ได้รับความเสียหายมาก หลังจากนั้นก็ได้ถูกใช้ทำเป็นประภาคาร ต่อมาในปี ค.ศ 1763มันได้รับการสร้างใหม่โดยใช้หิน และก็มีการบูรณะซ่อมแซมกันหลายครั้งเนื่องจากเกิดแผ่นดินไหว จนปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเทียว และเป็นร้านอาหาร



ขอบคุณข้อมูลจาก http://papersanook.blogspot.com/2013/04/maidens-tower-leanders-tower-kz-kulesi.html



จุดชมวิวหอคอยแห่งนี้ เป็นสถานที่พักผ่อนของชาวเมือง และนักท่องเทียวที่ต้องการนั่งชมบรรยากาศของหอคอยแห่งนี้ตอนพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมากๆ จุดนี้จะมีร้านค้า บริการเครื่องดื่ม ชาตุรกี กาแฟรสเยื่ยม ขนมปังไว้ทานเล่น มีร่มบริการกันแดด อย่างดี ที่นั่งสบายย ลมเย็นๆ เป็นอะไรที่ประทับใจมากเลยครับ


เมื่อพระอาทิตย์ค่อยๆ ตกดิน ความสวยงามค่อยๆเริ่มเกิดขึ้น แสงพระอาทิตย์สาดเข้าตัวหอคอย Maiden's Tower เป็นอะไรที่สวยงามมากๆ



เมื่อพระอาทิตย์ตกดินไฟหอคอยเปิดสวยงาม และ ฉากหลังที่ช่วยเสริมเรื่องราวของตัวหอคอย มันลงตัวจริงๆเลย



บริเวณจุดถ่าย maiden's tower หากเดินกลับไปยังท่าเรือ ระหว่างทางกลับจะเห็น bosphorus bridge ซึ่งงสามารถถ่ายรูปได้แสงไฟสีสันของสะพานแห่งนี้ สวยงามมากๆ



Galata bridge


เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงของเมืองอิสตัลบูล โดยรอบของสะพานจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่เยอะแยะมากมาย มีตลาดขายอาหารทะเลสดๆ หรือจะคาเฟ่ริมน้ำ และ street food ต่างๆ ราคาไม่แพงมาก มีให้เลือกหลายร้าน และมี ท่าเรือ ต่างๆ ไว้บริการ ในบริเวณเมืองอิสตัลบูล หรือออกไปไกล เมืองอื่นเลยก็มี การจราจรแถวนี้ จะคับคั่งมากๆ ในช่วงเย็น และคนก็เยอะมากกด้วย เสียงดัง แต่ได้บรรยากาศเมืองดีนะครับ วุ่นวายดี ฮ่าๆ



บรรยากาศตอนเย็น สวยงาม โรแมนติกมากๆ เหมาะสำหรับคู่รักมาเดินเล่นจริงๆ ชมนก ชมเรือ ชมบรรยากาศรอบๆ ที่สวยงาม



ตอนเย็นๆ จะมีคนมาตกปลา ปลาที่เขาได้มา จะนำไปขายให้ตามร้านอาหารต่างๆ ในเมืองอิสตัลบูล อาหารทะเล จำพวกปลาที่นี้เลยสดใหม่ตลอดเวลา



คนทุกรุ่นทุกวัย มาตกปลากันหมด



ร้านอาหารลอยน้ำ เป็นจุดเด่นที่อยู่ข้างๆ สะพาน Galata เป็นที่นิยมให้หมู่นักท่องเทียวได้มาลองอาหารสดๆ ใหม่ๆ จากร้านอาหารแห่งนี้



มุมกว้างๆ ของลานตรงหน้าสะพาน Galata เป็นที่นั่งเล่นของชาวเมืองและนักท่องเทียว ผู้คนเยอะแยะมากมาย มีสถานีรถบัสเยอะแยะมากมาย



ความสวยงามของสุเหร่ายามค่ำคืน



มาเทียวกันต่อ กับสถานที่ท่องเทียวอีกแห่งหนึ่งคือ Bosphorus bridge กับ Ortaköy Mosque ครับ



สถานที่แห่งนี้ สามารถมองเห็น Bosphorus bridge กับ Ortaköy Mosque ได้อย่างสวยงามครับ ลงตัวมากๆ บริเวณรอบๆ จะเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก เยอะแยะมากมาย นักท่องเทียวจุดนี้เยอะครับ ต่างมาถ่ายรูปเก็บเป็นที่ละลึกกันไป



จุดท้ายแล้วครับ กับที่ท่องเทียวที่ผมได้ไปเทียวและแนะนำมา บางจุดอาจไมไ่ด้ไปเพราะ บางวันฝนตกเลยไม่ได้ออกไปไหนเลย เลยเอามานำเสนอเท่าที่ได้ไปมาครับ และจุดสุดท้ายที่จะแนะนำ คือ Bosphorus Tours, Bosphorus Cruise สิ่งสำคัญมากๆ ที่ควรทำ ผมตั้งใจให้ทริปวันสุดท้าย กับการเทียวอิสตัลบูล เป็นวันพักผ่อน คือ การนั่งเรือชมความสวยงามผ่านช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบที่กั้นระหว่างตุรกีเธรซที่อยู่ในทวีปยุโรปกับคาบสมุทรอานาโตเลียในทวีปเอเชียเป็นช่องแคบหนึ่งของตุรกี และช่องแคบบอสฟอรัสมีความยาวราว 30 กิโลเมตรอีกด้วย



ขั้นตอนแรก หาท่าเรือเพื่อชื้อตั๋ว นั่งเรือชม ท่าที่ผมขึ้นคือท่าแถวๆสะพาน Galata ครับ เวลามีให้เลือกเยอะแยะครับ แต่รอบที่แนะนำคือรอบเย็น เพราะเวลานั้นจะไม่ร้อนและมีบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินด้วย เย็นสบายและวิวสวยงามมากๆ



โดยการล่องเรือชมเมืองอิมตัลบูล เราจะพบเจอสถานที่เยอะแยะมากมายมากๆ เพลินเลยทีเดียว บนเรือจะมีบริการน้ำดื่ม ชา และขนมไว้ทานเล่น


ชมบรรยากาศรอบๆ ช่องแคบบอสฟอรัส กันดีกว่าครับ รูปอาจจะเยอะหน่อย แต่คุ้มค่ามากๆครับ กับการล่องเรือ เป็นประสบการณ์ที่มีค่าจริงๆ



ขอบคุณที่ติดตามนะครับ กำลังจะร่วมรวมเนื้อหา และรูปภาพอยู่คร้าบบSultan Ahmed Mosque



ภาพภายนอกครับ ว่า ยิ่งใหญ่แค่ไหน



ซูมเข้าไป ให้ชัดเจน



หรือจะเรียกว่า Blue Mosque ก็ได้ครับ สวยงามไม่แพ้กับ Hagia Sophia เลย ทั้งสีสัน ความสวยงาม และสถาปัตยกรรม

โดยปกติแล้ว ชาวมุสลิมจะทำการละหมาดวันละ 5 เวลา คือ ย่ำรุ่ง (ประมาณ 5-6 โมงเช้า) กลางวัน (เที่ยงครึ่งถึงบ่ายเศษ) เย็น (บ่ายสามถึงห้าโมงเย็น) พลบค่ำ (18.30-19.30น.) และกลางคืน (ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไป) ดังนั้น ทางมัสยิดสีฟ้าจึงเปิดให้เข้าชมด้านในได้ 3 ช่วงเวลา คือ ช่วงเช้า 09.00 - 11.00น. ช่วงเที่ยง 12.30 - 14.15น. และช่วงเย็น 15.15 - 16.30น.

ดังนั้นเวลาเข้าไปชม ต้องดูเวลาดีๆด้วยนะครับ คนเข้าชมเยอะมากกก ก่อนเข้าไป ต้องถอดรองเท้าก่อน ละใส่ถุงใส และก็ชื้อบัตรเข้าชมครับ

ความสวยงามเมื่อเข้ามาด้านใน นั้นสวยงามมากๆ เป็นห้องกว้างๆ ด้านสถาปัตยกรรมของมัสยิดสีฟ้าแห่งนี้ ถือเป็นสุดยอดของสองจักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบบางส่วนมาจากวิหารเซนต์โซเฟีย ผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม Blue Mosque ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน และตัวมัสยิดตั้งอยู่ในพื้นที่ประวัติศาสตร์ของอิสตันบูลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2528



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มัสยิดสีฟ้าหรือมัสยิดสุลต่านอาห์เมต (Sultan Ahmed Mosque) ตั้งตามชื่อของผู้สร้างเลย เป็นมัสยิดในประวัติศาสตร์ของอิสตันบูล สุลต่านอาห์เมตได้สานฝันของพระองค์เมื่อตอนอายุ 19 ปี เพื่อสร้างมัสยิดแห่งนี้ โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง 7 ปี คือ ระหว่างปี ค.ศ.1609-1616 พอสร้างเสร็จไม่ถึงปี พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ตอนอายุ 27 ปี



แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเรียกว่ามัสยิดสีฟ้า เนื่องจากเวลาเข้าไปชมด้านในแล้วบางครั้งไม่อยู่ในช่วงที่มีแสงอาิทตย์ส่อง และจะมองเห็นแต่กระเบื้องสีแดงน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ สาเหตุเป็นเพราะกระเบื้องที่อยู่ระดับล่างจะเป็นการออกแบบแบบดั้งเดิม ขณะที่ระดับแกลลอรี่หรือด้านบนที่ออกแบบให้มีสีสัน เช่น ลายผลไม้ ดอกไม้ โดยที่กระเบื้องกว่า 2 หมื่นชิ้นเหล่านี้อยู่ในกำกับดูแลของช่างจากเมืองคัปปาโดเกีย ซึ่งได้รับค่ากระเบื้องแต่ละชิ้นในระดับราคาคงที่จากการกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาของสุลต่าน ในขณะที่ราคากระเบื้องทั่วไปสูงขึ้นตลอดเวลา จึงเป็นผลให้คุณภาพของกระเบื้องที่ใช้ในอาคารค่อยๆ ลดลง จากสีแดงกลายเป็นสีน้ำตาล สีเขียวกลายเป็นสีฟ้าขาวจุดด่างดำ บางส่วนเป็นกระเบื้องรีไซเคิลจากฮาเร็มใน Topkapi Palace เมื่อครั้งเสียหายจากไฟไหม้ในปี 1574 ด้วย



ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/mena/2013/01/04/entry-1



หลังคาโดมซึ่งสูงถึง 43 เมตร และมีลวดลายอันสวยงาม

ภาพภายนอกของ Hagia Sophia ครับถ่ายจากตรงน้ำพุ


เรื่องนักท่องเทียวส่วนใหญ่ที่มาเทียวกัน มีทั้งจีน ฝรั่งอาหรับ แขก ทั้งนั้นและนักท่องเทียวเยอะมากกก ช่วงเวลาเทียงๆ เย็นๆ คนเลยเยอะเป็นพิเศษการเดินทางอาจจะลำบากนิดนึง เพราะคนแออัด แต่คนตุรกีเอง ขอบอกเลยว่า ดีครับ ไม่ค่อยโกงราคานักท่องเทียวเท่าไหร่ ยิ้มแย้ม ไม่น่ากลัวอย่างที่ใครคิดว่า ตุรกีจะน่ากลัว จะมีสงครามกลางเมืองไม่มีเด็ดขาดครับ เทียวสบายๆ ผู้คนเป็นมิตรดี



Blue Mosque มุมจากสุเหร่า Hagia Sophia ของช่างภาพและนักท่องเทียวววสถานที่ต่อไปคือ Santa Maria Draperis Church ตั้งอยู่ตรงถนน Istiklal Street

เป็นโบสถ์คริสต์ครับ สวยงามเหมือนกัน ในตุรกี เมืองอีสตัลบูล จะมี ยิว คริสต์ และ อิสลาม อยู่ร่วมกันครับ ดังนั้นจะเห็นโบสถ์สุเหร่า ต่างๆ ทั่วไปครับ

ใครที่ชอบงานสถาปัตยกรรม แบบยุคโบราณเก่าๆ ควรมาเลยครับ สวยสุดยอดมากๆ คุณจะหลงรัก ประเทศตุรกีเลยทีเดียวเลยครับ



จบการรีวิวแล้วครับ สำหรับการเดินทางท่องเทียว อิสตัลบูล ประเทศตุรกี เป็นอย่างไรบ้างครับ


หากข้อมูลมีผิดพลาดประการใดข้ออภัยด้วยครับ เป็นรีวิวแรกๆ เรื่องของการท่องเทียว



สำหรับเมืองอิสตัลบูลแล้ว ในความรู้สึกผม เป็นเมืองที่โรแมนติกมากๆ เพราะแก่การมาฮันนีมูน คู่รัก หรือจะมาเป็นกลุ่มเพื่อนๆ หรือจะลุยเดี่ยวเลยก็ได้เพราะด้วยตัวอาคารบ้านเรือนสวยงาม ตามแบบยุโรบ การเดินทางขนส่งคมนาคมที่ทันสมัย อากาศดี มีลมตลอดเวลา เพราะตั้งอยู่ในช่องแคบ เดินทางง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก สถาปัตยกรรมสวยงาม ที่มีมาเป็นร้อยๆ พันๆปี ยังคงอยู่รักษา ให้นักท่องเทียว เดินชมกัน ความยิ่งใหญ่ ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ อาหารรสเริศที่ควรลิ้มลอง เป็นอะไรที่ในชีวิต สักครั้งต้องมาเทียวให้ได้ครับ อิสตัลบูล ประเทศตุรกี ครับ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง ขอบคุณครับ :: ใหม่ นัท



ร่วมรวมเรื่องราวการท่องเทียวเดินทางตามสถานที่ต่างๆ จากสองพี่น้องฝาแฝด ที่รักการเดินทาง.

https://www.facebook.com/TwinTraveller

Twin Traveller

 วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.44 น.

ความคิดเห็น