จากความเดิมตอนที่แล้ว ROMANIA #7 : Bran Castle https://th.readme.me/p/5245
จากปราสาทบราน ผมมุ่งหน้ากลับมายังบราชอฟอีกครั้ง ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่ทำคือการเก็บข้าวของเข้าที่พักให้เรียบร้อยก่อนที่จะออกไปเดินสำรวจในเมืองกัน คืนนี้ผมพักที่ Centrum House Hostel ครับ
Centrum House Hostel อยู่ในซอยเล็กๆ ที่ใช้ชั้นสองของอาคารทำเป็นที่พักครับ
Lobby แบบเรียบง่ายมากๆ ดูไม่ต่างอะไรกับโต๊ะทำงานเลยครับ
ชั้นบนของ Lobby จะเป็นห้องครัว ห้องนั่งเล่น รวมถึงห้องน้ำรวมด้วยครับ
ห้องที่ผมเข้าพักอยู่ติด Lobby เลย มีห้องน้ำในตัว แถมมีโต๊ะเขียนหนังสือ รวมถึงโต๊ะยาวให้นอนเล่นด้วย สนนราคาอยู่ที่ 35 Euro ต่อห้องครับ
หลังจากเก็บของเข้าที่เรียบร้อยแล้วก็เริ่มออกเดินสำรวจเมืองกันครับ สองข้างของถนนหน้า Hostel ขนาบข้างด้วยร้านรวงตลอดแนวยาว และกึ่งกลางของถนน ช่วงยามบ่ายไปจนถึงค่ำจะคึกคักไปด้วยชาวโรมาเนียที่มานั่งทานอาหารกันครับ
บราชอฟ (Brasov) เป็น 1 ใน 7 เมืองป้อมปราการที่ยังคงหลงเหลือซากกำแพงเมืองและหอคอยที่เป็นผลพวงมาจากสงคราม เช่นเดียวกับ ซิบิว, ชิกิโชอะรา, คลูส นาโปก้า, เมดีอาช 4 เมืองที่ผมได้มีโอกาสไปสัมผัสมาแล้ว บราชอฟได้รับการขนานนามจากนักท่องเที่ยวว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์น้อยแห่งยุโรปตะวันออก ตัวเมืองอยู่ในอ้อมกอดของภูเขาแทมป้า (Mount Tampa) และเนินเขาวาเธร (Warthe Hill) ครับ
ใจกลางเมืองบราชอฟเป็นที่ตั้งของจัตุรัสที่ว่าการเมือง (The Council Square) เป็นที่ตั้งของอาคารที่ว่าการเมืองที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสร้างเมือง โดยรอบของจัตุรัสที่ว่าการเมืองแห่งนี้มีหอนาฬิกาของอดีตอาคารศาลาว่าการเมือง (Casa Sfatului หรือ Council's House) ที่เป็นทั้งสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และ Tourist information บริเวณนี้น่าจะเป็นที่พักผ่อนของชาวโรมาเนีย เพราะช่วงที่ผมไปคราค่ำไปด้วยผู้คน มีการจัดเวทีแสดงการละเล่นของชาวโรมาเนีย มีร้านรวงมาออกบูธขายของมากมายครับ
บนเวที มีทั้งการร้องเพลง และเต้นรำ สนุกสนานเพลิดเพลินดีครับ
ติดกับจัตุรัสที่ว่าการเมืองเป็นที่ตั้งของโบสถ์ดำ (Black Church)โบสถ์สไตล์โกธิคโบราณขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1383 มีหอระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโรมาเนีย โบสถ์แห่งนี้ถูกไฟไหม้เมื่อปี ค.ศ.1689 ทำให้เกิดคราบสีดำจากเขม่าเกาะติดอยู่ที่ผนังโบสถ์จนเป็นสีดำทะมึน นี่เองจึงเป็นเหตุให้โบสถ์แห่งนี้ถูกเรียกขานกันต่อๆ มาว่า "โบสถ์ดำ" โดยรอบของโบสถ์ดำจะมีรูปปั้นพระแม่มารีและนักบุญสำคัญๆ ตั้งอยู่ทั่วทั้งโบสถ์ เสียดายที่วันนั้นมีการจัดคอนเสิร์ตด้านในโบสถ์ ผมเลยไม่มีโอกาสได้เข้าไปชมความงดงามด้านใน เห็นว่าด้านในมีงานหัตถกรรมพรมตุรกีถักมือโบราณลวดลายสวยงาม 119 ผืน ประดับอยู่ด้านในโดยรอบ นอกจากนี้ยังมีไปป์ออร์แกนขนาดใหญ่ 4,000 ชิ้น ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1839 นึกแล้วก็เสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้เข้าไปชมครับ
ใกล้ๆ กับโบสถ์ดำยังมีสถานที่เล็กๆ อีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาด นั่นคือถนนสฟอริ (Sforii Strada) หรือถนนเชือก (Rope Street) ว่ากันว่าเป็นถนนที่แคบที่สุดในโรมาเนีย แคบเพียง 111 – 135 เซนติเมตรเท่านั้น ถนนสายนี้ได้ถูกกล่าวถึงในเอกสารทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่คริสตศวรรษที่ 17 ว่าเป็นถนนที่ในอดีตมีไว้สำหรับนักดับเพลิง ใช้ในกรณีเกิดเพลิงไหม้ครับ ผมว่าถนนสายนี้แคบพอๆ กับซอยเข้าที่พักของผมในคืนนี้เลยครับ
เดินชมโน่นชมนี่ไปเรื่อย ตามแผนที่ที่หยิบมาจากโรงแรม เข้าซอยโน้น ออกซอยนี้ไปเรื่อย เพลินดีครับ
Sinagoga Beith Israel ไม่ได้เข้าไปชมครับ เพราะรั้วปิด ในแผนที่บอกว่าเป็น Museum ครับ
Schei Gate เป็นประตูเมืองเพียงบานเดียวที่ให้ชาวโรมาเนียสมัยก่อนที่อาศัยอยู่ในเขต Schei เข้าออกได้ครับ
Catherine's Gate รูปทรงดูไม่ต่างจากปราสาทในเทพนิยายเลยครับ สร้างโดยช่างเย็บผ้า ผมว่าประตูแห่งนี้ดูสวยที่สุดในในบรรดาหลายๆ ประตูของบราชอฟ อันนี้จากมุมมองผมนะครับ
ผมกลับมาที่จัตุรัสที่ว่าการเมืองอีกครั้ง เพื่อไปทานมื้อค่ำที่ร้าน Bistro de l'Arte ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสครับ
ภายในร้านตกแต่งดูหรูหราเลยทีเดียว บรรยากาศน่านั่งมากๆ ครับ
เริ่มด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ อย่างน้ำผลไม้ หรือจะเป็นกาแฟร้อนๆ ก็มีครับ
รสชาติอาหารถือว่าดีเลยทีเดียว ซัดกันซะจนเกลี้ยงจาน สนนราคามื้อนี้อยู่ที่ 158 lei ครับ
ช่วงที่ออกจากร้านอาหารเป็นจังหวะที่ฟ้ากำลังเปลี่ยนเป็นสีบลู เลยขอเดินเก็บบรรยากาศโดยรอบจัตุรัสที่ว่าการเมืองอีกสักรอบก่อนกลับที่พัก คืนนี้คงต้องรีบนอนตุนเอาแรงซะหน่อย เพราะพรุ่งนี้ผมมีโปรแกรมจะไปชมวิวมุมสูงเมืองบราชอฟจากบนภูเขาแทมป้า และเนินเขาวาเธรครับ
เช้านี้ผมมีโปรแกรมจะเดินเท้าขึ้นไปชมวิวบนเนินเขาวาเธร ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอคอยโบราณสองแห่ง คือหอคอยขาว และหอคอยดำครับ
เดินผ่านจัตุรัสที่ว่าการเมือง บรรยากาศตอนเช้านี่เงียบเอามากๆ ผิดกับบรรยากาศตอนเย็นๆ อย่างสิ้นเชิง รอบๆ จัตุรัสที่ว่าการเมืองมีตึกเก่าๆ ทั้งศิลปะโรมาเนสก์ ไบเซนไทน์ ร็อกโคโค่ เรเนซองส์ และบาโรคที่บ่งบอกว่าเมืองนี้ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมานานหลายยุคสมัยครับ
ผมเดินลัดเลาะไปตามกำแพงเมืองที่ทอดยาวคู่ไปกับลำธารเส้นเล็กๆ ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่นมากๆ ครับ เดินไปจนเจอ Graft Bastion แล้วจะมีสะพานข้ามลำธารเล็กๆ จากจุดนี้ไปจนถึงหอคอยขาว สภาพเส้นทางเปลี่ยนเป็นบันไดสูงชันประมาณ 60 องศาเห็นจะได้ สองข้างทางค่อนข้างรกเลยทีเดียว ผมกัดฟันเดินขึ้นจนถึงยอดเนินเขาวาเธร โดยไม่พักเลย เพราะถ้าหยุดพักกลางทาง กลัวจะมีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์โผล่มาทักทายครับ
บนยอดเขาวาเธร เป็นที่ตั้งของหอคอยขาว (White Tower) ที่ด้านนอกหอคอยทำเป็นระเบียงให้นักท่องเที่ยวได้ยืนชมวิวมุมสูงของเมืองบราชอฟที่มีฉากหลังเป็นภูเขาแทมป้าครับ เดินไปก็ต้องอาศัยวิชาตัวเบาไป เพราะทุกย่างก้าวจะมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดจากพื้นไม้ของระเบียงอยู่ตลอดเวลาครับ
แสงอุ่นๆ สีทองกำลังสาดส่องไปยังอาคารบ้านเรือน ปลุกให้ชาวบราชอฟเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสดใส
จากหอคอยขาว เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็กๆ ท่ามกลางป่าเขา เส้นทางเดินสบายๆ ไม่ทันเหนื่อยเราก็มาถึงหอคอยดำ (Black Tower) ที่หอคอยดำก็มีระเบียงไว้เป็นจุดชมวิวเหมือนกัน แต่ผมว่าวิวบริเวณหอคอยขาวจะสวยกว่าและได้มุมกว้างกว่าวิวบริเวณหอคอยดำครับ
มองเห็นตัวหนังสือสีขาวที่เขียนว่า "BRASOV" บนยอดเขาแทมป้านั่นไหมครับ ช่วงสายๆ ผมจะพาไปชมวิวบริเวณจุดชมวิวตรงนั้นกัน
หลังจากขึ้นไปเก็บบรรยากาศยามเช้าบนยอดเนินเขาวาเธรแล้ว ผมกลับมาตั้งต้นที่ที่พักของผมอีกครั้งเพื่อมาทานอาหารเช้าที่กี้ได้จัดเตรียมไว้ให้
หลังมื้อเช้าเรามีโปรแกรมไปชมวิวมุมสูงกันบนภูเขาแทมป้ากันบ้างครับ แต่รอบนี้คงไม่เดินขึ้นเขานะครับ ขอนั่ง Cable car ดีกว่า
เส้นทางที่จะไปยังสถานี Cable car ร่มรื่นดีครับ มีชาวโรมาเนียมาออกกำลังกายเยอะเลย
บริเวณทางเดินที่จะไปยังสถานี Cable car มองอีกฝั่งเห็น White Tower ที่ผมขึ้นไปชมวิวมาเมื่อเช้าครับ
จากที่พัก ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 20 นาทีก็มาถึงสถานี Cable car ครับ
Cable car เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30-18.00 น. ยกเว้นวันจันทร์ที่จะเริ่มให้บริการเวลา 12.00 -18.00 น. ค่าบริการ 16 lei ครับ (รวมขาขึ้นและขาลง)
1 ตู้ Cable car สามารถบรรทุกคนได้ประมาณ 20 คน เมื่อ Cable car เริ่มเคลื่อนตัวผ่านพ้นทิวยอดไม้ที่ปกคลุมสถานี มือไม้ผมเริ่มสั่นระรัว ภาพของหลังคาบ้านเรือนสีส้มค่อยๆ ปรากฏโฉมขึ้นมาแทนผืนป่าสีเขียว ผมกดชัตเตอร์ไม่ยั้ง
จากสถานีด้านล่างถึงสถานีด้านบนใช้เวลาประมาณ 2 นาทีครึ่ง โดยระหว่างเส้นทางที่ขึ้นจะต้องมีอีก 1 Cable car สวนขึ้นมา เพื่อให้สมดุลน้ำหนักครับ
เมื่อขึ้นมาถึงสถานีด้านบน จะมีร้านอาหารตั้งอยู่บริเวณสถานีเลย แต่ถ้าอยากไปชมวิวสวยๆ แบบไม่มีอะไรบดบัง จะต้องเดินเท้าต่อไปอีกสักเล็กน้อยครับ
จุดชมวิวที่ผมว่านี้จะอยู่ท้ายตัวหนังสือ "V" ของคำว่า BRASOV วิวที่เห็นตรงหน้ามันสุดลูกหูลูกตาจริงๆ สามารถมองเห็นเมืองบราชอฟได้ทั้งเมือง ผมใช้เวลาซึมซับกับบรรยากาศ ณ จุดนี้อยู่นานพอสมควรครับ
ติดตามชม ROMANIA #9 : Peles Castle ได้ที่
https://th.readme.me/p/5248
ลุงเสื้อเขียว
วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.49 น.