...วังเวียง ใครๆก็แชร์โพสต์วังเวียง... จนทนไม่ไหวเอาบ้างสิ เริ่มจากแชร์โพสต์วังเวียงในเฟซบุ๊กแล้วเพื่อนก็มาเม้นชวนไปเที่ยว บวกกับช่วงนั้นมีโปรหางแดง 0 บาท จองสิจ๊ะรอไร ได้ในราคาไป-กลับอุดรธานีประมาณ 900 บาท ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้วางแพลนล่วงหน้าหลายเดือน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าพวกเราไปทำอะไรที่วังเวียงบ้าง..
4 - 8 พฤษภาคม 2560
DAY 1 - ออกเดินทางจากกรุงเทพ ไป อุดรธานี เรากับเพื่อนใช้บริการสายการบินแอร์เอเชีย ค้างอุดรธานี 1 คืน เหตุผลที่ค้างเพราะเพื่อนอีก 1 คนลางานได้ครึ่งวันบ่ายและบ้านก็อยู่ชลบุรี นางบินตามมาถึงอุดรธานีตอนสามทุ่มกว่าๆเกือบสี่ทุ่ม ทริปนี้มีกัน 3 คนจ้า
DAY 2 - ออกเดินทางจากอุดรธานี ไป วังเวียง ถึงวังเวียงประมาณบ่าย 3 โมงกว่า เข้าที่พักเช็คอินจ่ายเงิน แล้วก็ออกมาเซอร์เวย์ราคาทัวร์ สุดท้ายไม่ได้ซื้อทัวร์ เหมารถไปผาเงินกัน 3 คน กลับจากผาเงินอาบน้ำแต่งตัวออกมากินข้าว ต่อด้วยซากูระบาร์ ไปจบที่สุดท้าย Jungle Party กลับที่พักตี 2 ฝันดีราตรีสวัสดิ์
DAY 3 - หลังจากเมื่อคืนกลับดึกเลยตื่นสาย 10 โมงกว่า เช็คเอ๊าท์ออกจากที่พักย้ายไปอีกที่นึง มันสายมากๆแล้ว พวกเราไม่ซื้อทัวร์เลยตัดสินใจเช่ามอไซด์ขี่เที่ยวกัน บวกกับพายเรือคายักด้วยเลยเอ้า โชคดีที่เรามีเพื่อนขับมอไซด์แข็ง ขี่พาเราไปบลูลากูน 2 และแพลนกันไว้จะไปสะพานสีส้ม แต่ไม่ได้ไปจ้าฝนตกไปอีก กลับจากบลูลากูน 2 ก็ไปพายเรือคายักกันต่อ พายเรือไปฝนตกไป ได้อีกฟิลที่มันดีมากๆ โครตชิล วิวหลักล้านจริงๆ กลับจากพายเรือก็กลับไปอาบน้ำแต่งตัว ออกมาหาข้าวกิน แล้วต่อด้วยซากูระบาร์คืนสุดท้าย เห้ยยย ไรวะ คืนสุดท้ายแล้วหรอ เวลาผ่านไปไวมากแกเอ๊ย..
DAY 4 - เช้าวันสุดท้ายที่วังเวียง ไม่อยากกลับ อยากอยู่ต่อ ตื่นเช้ามาถ่ายรูปวิวที่พักเวียงธาราวิลล่า คือวิวดีมาก มีหมอกปกคลุมภูเขา มองไปนี่บับสบายตาโครตๆ ตื่นเช้ามาทำไมอ่ะหรา ดูบอลลูนไงแกร๊ ถถถถถถถถถ บอลลูนอยู่ไกลเหลือเกินสงสัยจะผิดเวลาไปหน่อย เอ้อ..อาหารเช้าที่เวียงธาราวิลล่ามีให้เลือกหลายอย่างแล้วแต่จะชอบ อย่างเราต้องอเมริกันเบรคฟาสท์งี้ อิอิ และเวลาที่ไม่อยากให้ถึง ก็มาถึงแล้วสินะ 10 โมงขึ้นรถตู้นั่งรถไปเวียงจันทน์ พอดีเพื่อนเรามีญาติอยู่ที่นั่นเลยแวะไปหาญาติเพื่อนซักนิด..
ณ เวียงจันทน์ ถึงขนส่งโดยสารสายเหนือประมาณบ่าย 2 โมงนิดๆ ญาติเพื่อนมารับพวกเราไปเช็คอินที่พัก พาไปเที่ยวในเมืองตามแลนด์มาร์คต่างๆ พาไปบ้าน เลี้ยงข้าว พาไปเดินเล่นตลาดกลางคืนริมแม่น้ำโขง และก็พาไปส่งที่พัก
DAY 5 - เช้าวันที่ 5 วันสุดท้ายของทริป พวกเราตื่นกันแต่เช้าออกมาซื้อตั๋วกลับอุดรธานี เดินออกจากที่พักไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงตลาดเช้า จองตั๋วรอบ 08.00 น. รถออกตรงเวลามาก ถึงอุดรธานี 10 โมงครึ่งนิดๆ และก็เหมารถสามล้อไปสนามบิน เครื่องออก 13.00 น. ถึง กทม. 14.00 น. กว่า จบแล้วจ้าาา.. ทริปนี้มีชื่อแฮชแท็กว่า #ทริปโสดแล้วไงไปไหนก็ได้ ก็พวกเราโสดไงหล่ะ โสดทั้ง 3 คน ง่อวว 5555
DAY - 1
ออกเดินทางจาก สนบ.ดอนเมือง 08.00 น. ถึง สนบ.อุดรฯ 09.00 น. กว่าๆ
ถึง สนบ.อุดรฯ เหมารถแท็กซี่ไปที่พัก โดนไป 200 บาทจ้า ดีนะที่หารกัน 2 คน จริงๆมีรถตู้เข้าเมือง ราคา 80 บาท แต่ต้องรอคนเต็มถึงจะออก แต่ด้วยความหิวจึงยอมเสียเงินไงล่ะ ระหว่างทางไปโรงแรมก็ถามไถ่พี่คนขับแท็กซี่ อุดรฯมีอะไรอร่อยบ้าง แกบอกส้มตำเจ๊ไก่ เอ้า..รถเพิ่งผ่านมาเมื่อกี๊นี้เอง
ถึงที่พัก check-in เราพักที่โรงแรมบีทูอุดรธานีกันนะคืนนี้ ห้องนอนพวกเรา 3 คน ก็จะประมาณนี้แหละ หลังจากเก็บของก็ลงมา Lobby ให้พนักงานโทรเรียกแท็กซี่ให้ เราจะไปกินส้มตำเจ้าเด็ดเจ้าดังของอุดรฯกัน ส้มตำร้านเจ๊ไก่ เค้าจัดว่าเด็ด
ถึงร้านส้มตำไจ๊ไก่ เมนูที่สั่งคือ ส้มตำไทยไข่เค็ม ส้มตำปูปลาร้า รสชาติจัดว่าเด็ดจริง มีเมนูหลากหลายให้เลือกสรรค์ ไก่โครตน่ากิน แต่.. ติดที่เพื่อนเราไม่กินไก่ นางกลัวไก่จ้า... 5555 เพิ่งเคยเจอเนี่ยแหละ
หลังจากกินส้มตำเสร็จ ก็เหมารถสามล้อไปเดินเล่นที่เซ็นทรัลอุดรฯ ในรูปนี่เพื่อนเราเอง คนกลัวไก่2017 5555555 ขำนางอ่ะ แต่นางน่ารัก คริคริ / พวกเราเดินเล่นทั่วเซ็นทรัลอุดร เดินจนไม่มีอะไรให้เดินละ สุดท้ายก็กลับที่พัก ออกไปหาไรกินอีกทีตอนค่ำๆ ที่ UD TOWN ของกินเยอะแยะมากมาย ละก็กลับที่พักไปรอเพื่อน เพื่อนบินมาถึงสี่ทุ่ม ถึงเวลาพักผ่อน ฝันดีราตรีสวัสดิ์
DAY - 2
ตั้งนาฬิกาปลุกตี 5 ตื่นอาบน้ำแต่งตัว รถของโรงแรมไปส่งที่สถานีขนส่งอุดร จุดพีคอยู่ที่ตั๋วไปวังเวียงเต็ม OMG! คือมีแค่ 1 เที่ยวต่อวันเองอ่ะ ไม่ได้โทรจองล่วงหน้าไว้ก่อน โชคดีที่รถไปเวียงจันทน์มีหลายรอบ เรากับเพื่อนได้ตั๋วรอบแรกเลยคือ 08.00 น. ตารางเวลาเดินรถก็จะประมาณนี้แหละ ตามรูปด้านบน..
ซื้อตั๋วเสร็จไปเซเว่นตุนเสบียงขนมไว้กินบนรถ แล้วก็มานั่งรอเวลารถออก รถไปเวียงจันทน์ออกตรงเวลามาก 8 โมง ลุ้นหมุน บนตั๋วจะระบุเลขที่นั่งไว้แล้วให้เราเลือกนั่งตามเลขที่นั่งของเราได้เลย นั่งรถไปซักพักจะมีเจ้าหน้าที่เดินมาแจกใบขาเข้า-ขาออก เราก็กรอกบนรถนั่นแหละจะได้ไม่เสียเวลาเพราะคนเยอะมาก
ทางผ่านวิวแม่น้ำโขง เรากำลังจะข้ามไปฝั่งลาวกันละจ้าาาา
ถึงด่าน ตม.ลงจากรถ จริงๆลงจากรถ 2 รอบ ลงไปปั๊มตราขาออกไทย กับขาเข้าลาว ในรูปนี่ด่าน ตม.ลาว มั้งนะถ้าจำไม่ผิด55555+ เห็นแถวสั้นแบบนี้จริงๆต่อหลังเรายาวเหยียดจ้า คนโครตเยอะ ตม.ที่เราเจอเป็น ผญ. สวยซะด้วย ถึงคิวก็ตรวจพาสปอร์ตเสร็จปั๊มตราขาเข้า ไม่มีไรมากเลยสบายๆ
**แลกเงิน เรากับเพื่อนแลกเงินกีบก่อนผ่านด่าน ตม.ลาว แต่เพื่อนอีกคนข้ามไปแลกอีกฝั่ง แนะนำให้แลกก่อนผ่านด่าน ตม.ลาว จะได้เหลดดีกว่านะ
พอผ่าน ตม. เข้ามาจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยพาสปอร์ตอีกทีนึง ก็ยื่นๆไปอ่ะ นี่แอบถ่ายไว้ตอนเค้าตรวจของเพื่อน ไม่ใช่ไรพี่เค้าหล่อดีอ่ะ 55555555 หน้าตาดีจริงๆโลยยย
เดินเลยเจ้าหน้าที่สุดหล่อมา ให้สังเกตุจะมีพนักงาน Lao telecom ยืนอยู่เป็นกลุ่มๆใส่เสื้อสีฟ้านุ่งผ้าซิ่น คนรุมกันเพียบ เราก็เข้าไปเลยจ้าถามราคาแพคเก็จ ได้ซิมเน็ตมาในราคา 100 บาท 1.5 GB ใช้ได้นาน 7 วัน
ทุกอย่างเรียบร้อย แลกเงินกีบแล้ว มีซิมเน็ตแล้ว ขึ้นรถกันเลย นั่งรถไปซักพักพนักงานเดินมาบอกให้เตรียมตัวลง จะถึงทางแยกที่รถตู้ไปวังเวียงจอดรอ พอถึงก็ลงจากรถไปเอากระเป๋าขึ้นรถตู้ แรกๆจะงงหน่อยเพราะประตูรถอยู่ทางขวา 555 พอขึ้นรถก็จะมีคุณป้าเก็บเงินค่ารถ จ่ายคนละ 300 บาทไทย ความโชคดีคือบนรถตู้เป็นคนไทยที่ไปเที่ยววังเวียงทั้งคัน ได้เพื่อนใหม่เพิ่มไปอีก
ระยะทางจากเวียงจันทน์ไปวังเวียงใช้เวลาพอสมควรเพราะทางชันขึ้นลงปวดหัวชะมัดเลยอ่ะ นี่หลับตลอดทาง หลับๆตื่นๆ หลับแล้วหลับอีกไม่ถึงซะที กว่าจะถึงวังเวียงก็บ่าย 3 โมงกว่าๆ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง
รถตู้จอดส่งพวกเราหน้า ซากูระบาร์ เอาล่ะคืนนี้มาแน่ ไม่ต้องเสียเวลาตามหา เจอซากูระบาร์ก่อนที่แรกเลย
ลงจากรถก็เดินตามหาที่พักกัน คืนแรกพักที่ จำปาลาวบังกะโล จองผ่าน Booking.com ก่อนมา ไม่ต้องเสียเวลาว็อคอิน วังเวียงเป็นเมืองที่เล็กมากคิดว่าที่พักจะอยู่ไกลเพราะเห็นจากในรีวิว วิวด้านหลังเป็นภูเขาโครตสวย เดินไปแปปเดียวถึงที่พัก
มาถึงแล้วจ้า... จำปาลาวบังกะโล ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้าน
ถึงที่พักเช็คอิน เอาของไปเก็บ ที่พักต้องเดินข้ามสะพานแขวนไป นี่เม้าส์กับเพื่อนว่าถ้าเมาจะทำไงวะ จะตกป่ะวะ 555555555
ถึงหน้าบังกะโลของพวกเราแล้ว ราคาคืนละ 280000.00 กีบ หาร 3 คนละ 93333.33 กีบ นอนได้ 3 คน ห้องพัดลม แต่ไม่ร้อนเลยนะ หลับสบายจนอีกวันตื่นสาย
ห้องพักของพวกเราคืนแรก เตียงน่านอนไปอีก เตียงสำหรับ 2 คน
เตียงเดี่ยว สำหรับ 1 คน
หน้าบ้านมีเปลให้นอนเล่นด้วยอ่ะ ไรจะชิลขนาดนี้
เก็บของเสร็จชวนกันออกไปเดินเล่นถ่ายรูป ไปเซอร์เวย์ราคา One Day Trip
อ่ะถ่ายกับวิวภูเขาสักหน่อย สวยจริงๆ
เดินเล่นไปถ่ายรูปไป เจอแต่ร้านขายทัวร์ คือมีให้เลือกเยอะมาก จนเลือกไม่ถูกจะไปไหนกันดี จนไปเจอที่นึง อ่ะเข้าไปเจรจาสักหน่อย คุยไปคุยมาไม่ได้ซื้อ One Day Trip เพราะที่เราอยากไปมีไม่ครบ เลยตัดสินใจเหมารถไปผาเงิน
กำลังต่อราคาเหมารถไปผาเงิน สุดท้ายได้ราคา 150000.00 กีบ หาร 3 คนละ 50000.00 กีบ
วิวแม่น้ำซองระหว่างข้ามสะพาน
เสียค่าข้ามสะพานคนละ 5000.00 กีบ
ถึงผาเงิน เสียค่าเข้าคนละ 10000.00 กีบ เงินไทยประมาณ 42 บาท
พวกเราเดินขึ้นผาเงินบ่าย 4 โมงกว่า ระยะทางประมาณ 650 เมตร ทางโครตชัน ใช้เวลาเดิน 40 นาที เห็นจะได้ จุดพีคอยู่ที่ 50 เมตรสุดท้าย แม่งไม่ถึงซักที แต่พอถึงจุดชมวิวผาเงินเท่านั้นแหละหายเหนื่อย วิวสวยมาก บวกกับพระอาทิตย์เริ่มตก โอ้โห..โครตคุ้ม อะไรจะสวยขนาดนี้
ทางขึ้นผาเงิน
วิวระหว่างทางขึ้นผาเงิน แค่นี้ก็สวยละ
อีก 50 เมตร เป็น 50 เมตร ที่โครตจะทรมาน ขาขอลาออก
ถึงแล้ว..จุดชมวิวผาเงิน ได้มาเห็นกับตาตัวเอง มันโครต Amazing
ข้างบนมีน้ำขายนะ แต่ราคาก็คูณสองไปค่ะ เรากินสปอนเซอร์ขวดละ 10000.00 กีบ โห..แพงเว่อวังอลังการ
อ่ะมาดูรูปพวกเรากันบ้าง รูปก็จะเยอะๆหน่อย
เคยเห็นจากในรีวิวเค้ายืนถ่ายรูปตรงหินกันนี่ก็อยากยืนบ้างแต่ไม่ไหวสูงจัง นั่งถ่ายรูปแทนละกันเนอะ 55555
ความประทับใจบนผาเงินคือ เราเจอพี่คู่รักคนไทย 2 คนเป็นตากล้องถ่ายรูปให้ พี่เค้าถ่ายรูปสวยมาก รูปพวกเรา 3 คนพี่เค้าถ่ายให้ทั้งหมด เราแต่งเพิ่มนิดหน่อยเอง ดีงามมากจริงๆ
ถึงเวลาที่ต้องบอกลาผาเงิน ลาไปด้วยรูปพระอาทิตย์ตกละกัน บาย..
ขาลงจากผาเงิน 6 โมงกว่าใกล้จะมืดละ ด้วยความที่เพื่อนเรากลัวความสูง เลยเดินช้ากว่าปกตินิดหน่อย ทำให้ขาลงจากเขามันมืดเว้ยเฮ้ย โชคดีที่ยังมีพี่คนไทย 2 คนเดินตามหลังมา อีก 50 เมตรจะถึงข้างล่างฟ้าเริ่มมืดมองทางไม่เห็น พี่คนไทยส่องไฟฉายจากโทรศัพท์ให้ คือดีอ่ะคนไทยน้ำใจงาม ลงถึงข้างล่างก็ล่ำลากับพี่คนไทย ขึ้นรถกลับที่พัก
19.00 น. ถึงที่พักอาบน้ำแต่งตัว ออกไปหาข้าวกิน ลองกินบะหมี่เกี๊ยวอยากรู้รสชาติจะเหมือนบ้านเราไหม ก็ใช้ได้นะกินได้หรือว่าหิวแยกไม่ออก ค่าเสียหายชามละ 15000.00 กีบ
มาต่อที่ซากูระบาร์ มี free drink 20.00-21.00 น. ทุกวันมั้งนะ แต่พวกเรามาไม่ทัน 55555 แล้วไงใครแคร์ ซื้อเบียร์ลาวกินก็ได้ ขวดละ 20000.00 กีบ ใช้เงินกีบจะงงๆหน่อย ใช้แบงค์ 20000.00 ซื้อเบียร์ อย่างเอ๋อไปทวงเงินเค้านึกว่าจ่ายแบงค์หกหมื่น มันมีซะที่ไหนล่ะ เดินหน้านิ่งออกมาอย่างเนียนๆ อ๊ากกก
ยังนะนี่ยังไม่เมา หลังจากนั้นไม่เหลือค่า เมาสะเด็ดสะเด่า ไปโผล่อีกทีที่ Jungle Party ยังงงอยู่เลยไปได้ไงวะ
อ่ะมาค่ะ Jungle Party คนไทยเสียค่าเข้า 30000.00 กีบ ต่างชาติ 40000.00 กีบ แถมเบียร์ลาวฟรี 1 กระป๋อง คุ้มไหมพูด!
ขามาจากซากูระบาร์มีรถมาส่งฟรี แต่ขากลับต้องรวมๆกันไปให้เต็มคันรถนางถึงจะยอมไปส่ง คิดค่ารถคนละ 20000.00 กีบ แพงไปไหมละ ด้วยความที่เพื่อนเมานางต่อค่ารถเหลือคนละ 10000.00 กีบ เออต่อสำเร็จด้วยเว้ย..
รถมาส่งหน้าร้านโรตีพอดีงี้อ่ะ ก็ลองกินหน่อยอยากรู้โรตีลาวอร่อยไหม ค่าเสียหาย 20000.00 กีบ รสชาติก็พอกินได้
ถึงที่พักตี 2 อาบน้ำนอน ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ เจอกันใหม่พรุ่งนี้
DAY - 3
วันที่ 3 ของทริป แต่เป็นเช้าวันที่ 2 กับการใช้ชีวิตในวังเวียง เมืองโครตชิล วิวหลักล้าน ตื่นเช้ามาก็ว่าดิทำไมร้อนจังวะ อ่อ..ที่พักไฟดับ แถมน้ำไม่ไหล เลยเดินไปหาพี่เจ้าของที่พัก พี่แกก็เปิดน้ำจากข้างบนให้ใช้ก่อน น้ำไหลช้าจรุงเลยอ่ะ แต่ก็ดีกว่าไม่มีน้ำอาบ
วิวภูเขาหลังที่พักตอนเช้า มันดีมาก ฟินกับบรรยากาศ
11 โมงออกจากที่พัก เช็คเอ๊าท์ เดินไปเรื่อยๆ ถามทางไปเวียงธาราวิลล่า จนไปเจอร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ เลยตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวกัน เหตุผลที่เช่ามอเตอร์ไซค์เพราะเราไม่ได้ซื้อ One Day Trip ไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ซื้อวันนี้ก็ไม่คุ้มละ นี่ล่ะขับมอไซค์กันเองก็ได้ ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 60000.00 กีบ หาร 3 คนละ 20000.00 กีบ บวกกับซื้อทัวร์พายเรือคายัค อย่างเดียว ราคาคนละ 80000.00 กีบ
หลังจากเช่ามอเตอร์ไซค์ ก็ขับรถมาเติมน้ำมันกัน เติมเต็มถัง ราคา 22000.00 กีบ
เติมน้ำมันเรียบร้อยแล้วก็ขับรถเอาของไปเก็บที่พัก ซึ่งคันเดียวไม่พอสำหรับเรา 3 คน โชคดีมีพี่ผู้ชายอาสาขับรถพาไปส่งหน้าเวียงธารา ก็ดีมากๆเลยล่ะจะได้ไม่เสียเวลาย้อนไปย้อนมา
มาถึงแล้ว.. เวียงธาราวิลล่า
ถึงเวียงธาราวิลล่า ก็ตรงดิ่งไปที่ Lobby เพื่อเช็คอิน เพื่อนจองผ่าน Booking.com อีกเช่นเคย แต่ลืมเพิ่มเตียงเสริม เพื่อนอีกคนเลยนอนคนเดียวพักกันใกล้ๆหน้าเวียงธารานี่เอง ห้องพักเวียงธารา จองแบบ บังกะโล วิวแม่น้ำ ราคาคืนละ 416000.00 กีบ หาร 2 คนละ 208000 กีบ
ห้องพักตกแต่งน่ารักดี เตียงนอนน่านอนมาก ผ้าเช็ดตัวรูปหงส์หันหน้าชนกันเป็นรูปหัวใจด้วยล่ะ นึกว่ามาฮันนีมูนงี้อ่ะ 55555555
เก็บของเสร็จ ไปเที่ยวกันต่อเลยจ้า ขับรถมอเตอร์ไซด์ซ้อน 3 ไปบลูลากูนกัน ระหว่างทางเป็นหมู่บ้านชนบท ทางขรุขระนิดหน่อย อีกไม่กี่โลก็จะถึงบลูลากูน 2 ละ เห่ยย ฝนดันตก และตกหนักมาก เพราะฝนตกจึงทำให้เราไม่ได้เก็บภาพระหว่างทาง เสียใจง่า T_T
ฝนตกแล้วหลบฝนไหม ไม่หลบจ้า อีคุณเพื่อนขับรถผ่าฝนไปจนถึงบลูลากูน มีคุณยายรอเก็บค่าเข้าอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้า จ่ายคนละ 10000.00 กีบ
มาถึงแล้ว บลูลากูน 2 คนน้อยมาก
บ่อน้ำอะไรสักอย่าง น้ำใสเว่อร์
มีเด็กน้อย 2 คนกำลังเล่นน้ำ และก็เพื่อนเรากำลังโหนเชือก ประหนึ่งว่าสระน้ำนี่คือของเรา ง่อววว
อ่ะมาดูรูปพวกเรากันหน่อยเนอะ จะเยอะมากหน่อยนะ 5555555
บลูลากูนมีทั้งหมด 3 ที่ บลูลากูน 2 ไกลสุดละ ห่างจากตัวเมืองวังเวียงประมาณ 15 กิโลเมตร ส่วนตัวชอบที่นี่เพราะคนน้อย
ถ่ายรูปเล่นที่บลูลากูนจนหนำใจก็ถึงเวลาต้องกลับแล้ว บาย..บลูลากูน 2 จะกลับมาอีกแน่นอน
สถานีต่อไปคือพายเรือคายัค นัดไกด์ไว้ประมาณ 15.00 น. ถึงที่พัก 14.00 น. พักผ่อนนอนเอาแรงกันสักหน่อย และหลังจากฝนตกหมอกก็ลอยมา วิวภูเขาสวยมาก ณ เวลานั้นคิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ซึมซับบรรยากาศได้มากที่สุด
แอบถ่ายเพื่อน
เพื่อนแอบถ่ายเรา
15.00 น. ได้เวลาออกไปสนุกกันละ ไปพายเรือคายัคกันดีกว่า ไกด์จะพาเราไปยังจุดเริ่มต้นพายเรือ มีรถไปส่งถึงที่เลย พี่ไกด์ใจดีมาก เป็นกันเอง
ระหว่างทางไปหาไกด์ก็เดินข้ามสะพานกัน สะพานไม้ข้ามฟรี แต่จะเดินเสียวๆหน่อย ที่จริงขับรถมอไซด์มากันนะ แต่สะพานแคบมากไม่เอื้ออำนวยสำหรับนั่งซ้อน 3 ขี่ข้ามสะพาน
ถ่ายจากบนสะพานไม้ วิวภูเขาปกคลุมไปด้วยหมอก และร้านนั่งชิลริมแม่น้ำซอง อะไรจะดีขนาดนี้
วิวแม่น้ำซองอีกฝั่งนึง ที่วังเวียงเป็นเมืองโครตชิลจริงๆ
มาถึงแล้ว... จุดเริ่มต้นของกิจกรรม Adventure พายเรือคายัค ที่เห็นในรูปคือกรุ๊ปทัวร์จีน ส่วนเรามากัน 3 คนเอง
และนี่ก็คือเรือที่เราต้องพายกันสินะ ครั้งแรกเลยล่ะที่ต้องพายเรือคายัค ไปลุยกันเถอะ...
พายเรือไปฝนก็ตกไป วิวภูเขาระหว่างพายเรือ คือมันดีมาก สวยมาก
ระยะทางในการพายเรือประมาณ 2-3 กิโลเมตร ใช้เวลา 1-2 ชั่งโมงมั้งนะจำไม่ได้ จำได้แค่ว่าหินเยอะ น้ำไหลแรง โครตปวดแขน แต่เป็นกิจกรรมที่เราชอบมากอย่างนึง ประทับใจมาก
พี่เสื้อเขียวที่ยืนตรงเรือคือพี่ไกด์ที่ดูแลพวกเรา ต้องบอกลาพี่เค้าแล้วสิ จะกลับมาพายเรืออีกแน่นอน บาย..
ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตก วิวแม่น้ำซองก็จะสวยมากหน่อย ถ่ายตอนขากลับจากพายเรือ
ขาไปไม่ได้ถ่ายตอนเพื่อนขับรถ ขากลับถ่ายสักหน่อย หลังจากที่ฝนตกทางก็เละแบบนี้ โชคดีที่เพื่อนขับรถแข็ง ทริปนี้ยกให้นางเป็น Grabbike เลยจ้า...
ถ่ายตอนนั่งรถ ที่พักใกล้ๆกับ เวียงธาราวิลล่า
กลับถึงที่พัก 18.00 น. กว่า ถ่ายรูปเล่นกันสักหน่อย ถ่ายอีกและ 555555 ถ่ายบ่อยมาก
วิวตอนเย็นก็จะสวยไปอีกแบบ
ถ่ายรูปเสร็จ อาบน้ำแต่งตัวออกไปหาข้าวกิน เดินไปเดินมาสรุปนั่งกินร้านอาหารตามสั่งกัน เมนูก็ทั่วๆไป ข้าวผัดหมู ผัดไทย บลาๆ
เราสั่งผัดไทยมากิน จานละ 15000.00 กีบ เงินไทยประมาณ 64 บาท
หลังจากกินข้าวเสร็จก็ไปต่อที่ซากูระบาร์ คืนนี้นัดกับเพื่อนคนไทยที่เจอบนรถตู้ไว้ และก็ได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกคนคือหนุ่มเกาหลี อหห หล่อสัส 555555 เรียกได้ว่ามองเพลิน
00.00 น. ซากูระบาร์ปิด ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับที่พัก ฝันดี ราตรีสวัสดิ์
DAY - 4
เช้าวันสุดท้ายที่วังเวียง ตั้งนาฬิกาปลุกตี 5 ครึ่งตื่นมาดูบอลลูน สรุปลุกตอน 6 โมงไปอีก เช้านี้หมอกลงหนามาก อากาศโครตดี ก็จะฟินมากหน่อย
ที่แห่งนี้เป็นของเรา ไม่มีใครเลยนอกจากเรากับเพื่อน 2 คน มันอาจจะเช้ามากไปหน่อย
แอบถ่ายเพื่อน
เพื่อนแอบถ่าย
เช้านี้ฟินกว่าเมื่อวาน ยืนซึบซับบรรยากาศนานหน่อย
เห็นบอลลูนแล้ว แต่ไกลมาก โอยยย อุตส่าห์ตื่นแต่เช้า
วิวภูเขายามเช้าตัดกับหญ้าสีเขียว
เอาเลนส์ฟิกมาเพิ่งได้ใช้ หมอกลงต้นข้าวเลยเปียก ธรรมชาติสุดๆ
แอบถ่ายเพื่อนอีกและ ไม่ใช่โรคจิตนะ แค่ชอบถ่ายโมเม้นทีเผลอ
ถึงเวลากินอาหารเช้า ที่เวียงธาราวิลล่า อาหารเช้ามีตั้งแต่ 07.00 - 10.00 น. วิวจากโต๊ะกินข้าวก็ดีซะเหลือเกิน
อาหารเช้าจะมีให้เลือกเยอะมาก แล้วแต่จะชอบ อย่างเราชอบง่ายๆก็เลยสั่ง American Breakfast มากิน และที่นี่เค้ามีบริการตัวเอง ใครอยากกินก็เดินไปเองได้เลย กาแฟ น้ำผลไม้ นม บลาๆ
ตอนกินข้าวก็ไม่เลิกถ่ายรูปสักที คือมันสวยจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้ดูเยอะๆอ่ะ นี่ถ่ายจากโต๊ะกินข้าวนะ ฟินๆ
ถึงเวลาต้องบอกลาวังเวียง ไปก่อนนะ บาย..
เรากับเพื่อนซื้อตั๋วรถไปเวียงจันทน์ตั้งแต่เมื่อวาน ราคาคนละ 50000.00 กีบ ถึงเวลาจะมีคนมารับไปขึ้นรถ รถออกจากวังเวียง 10 โมงเช้า เป็นรถตู้นั่งสบาย ระยะทางจากวังเวียงไปเวียงจันทน์ ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ถึงสถานีขนส่งสายเหนือเวียงจันทน์ 14.00 น. กว่าๆ รอญาติเพื่อนมารับ
ญาติเพื่อนมารับไป check-in ที่พักในตัวเมืองเวียงจันทน์ พวกเราพักที่ New lao Paris Hotel นอนได้ 3 คน คืนละ 219000.00 กีบ หาร 3 คนละ 73000.00 กีบ
คุณลุงคุณป้าใจดีพาไปเที่ยวในเมือง สถานที่แรกคือ วัดหอคำแก้ว เสียค่าเข้า 45 บาทไทย จริงๆจ่ายเป็นเงิบกีบ 10000.00 กีบ เหมือนโดนเอาเปรียบเลยอ่ะ
คนนี้ชื่อไนซ์ โสดมากจีบได้ ง่อว 55555
นี่ จขกท. เองค่า 5555555
ที่วัดหอคำแก้วมีผ้าซิ่นให้ยืมนุ่งก่อนเข้าไปกราบพระ ซึ่งเรากับเพื่อนใส่ขาสั้นเลยต้องนุ่งผ้าซิ่นกันแบบนี้ จะออกเรียบร้อยมากหน่อย
ปล. มีโปสการ์ดวางขายหน้าทางเข้าด้วยนะ เราซื้อโปสการ์ด 2 แผ่น + แสตมป์ ราคา 22000.00 กีบ ถือว่าแพงไหมวะ5555
สถานที่สองคือ วัดสีสะเกด ตอนเราไปถึงวัดปิดแล้ว แต่เค้าอนุญาติให้ยืนไหว้ข้างนอกได้
ถ่ายทางเข้าวัดสักหน่อย
ด้านในจะมีพื้นที่ให้เดินชม มีพระพุทธรูปให้กราบไหว้ เสียดายที่มาช้าเลยไม่ได้เข้าไปในโบสถ์
เพื่อนกำลังเลือกซื้อของฝาก
ของฝากก็จะมีพวงกุญแจ แม่เหล็กติดตู้เย็น ราคาอันละ 20000.00 กีบ เงินไทยอันละ 100 บาท เช๊ดดด....
ระหว่างทางเดินไปที่รถ รถเก๋งคันสีดำที่จอดอยู่นั่นแหละ
ขึ้นรถกันดีกว่า สถานที่ต่อไปคือแลนมาร์กสำคัญ เราจะพลาดประตูไซไม่ได้
ถ่ายระหว่างทางไปประตูไซ
มาถึงแล้ว ประตูไซ ถ้าไม่มาถือว่ามาไม่ถึงเวียงจันทน์
ตึกสีขาว สถานที่ราชการของเวียงจันทน์
ทริปมาเป็นคี่ มากัน 3 คน
อยากถ่ายรูปชิคๆคูลๆ แต่ออกมาแบบนี้ 55555555
ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเดี่ยว
หมดเวลาสำหรับประตูไซ เสียดายเวลาน้อยอดขึ้นไปบนจุดชมวิว ครั้งหน้าจะไม่พลาดแน่นอน
พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี เปิดให้เข้าชม 08.00-1700 น. แต่พวกเราไม่ทันเลยอดเข้าไปสักการะ
พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าอภัยพุทบวร ไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา
เย็นวันนี้ได้กินข้าวฟรีเพราะญาติเพื่อนพาไปเลี้ยงข้าวที่บ้าน ทำอาหารพื้นเมืองของลาวให้กิน เขาเอิ้นว่า..พันหูหมู จะคล้ายๆกินแหนมเนือง แค่วัตถุดิบต่างกัน อร่อยมาก ประทับใจมาก
หลังจากกินข้าว พูดคุยกับญาติเพื่อนเสร็จแล้ว คุณลุงคุณป้าพาไปเดินเล่นที่ตลาดมืดริมแม่น้ำโขง มีของขายเหมือนที่ไทย ส่วนใหญ่ของนำเข้าจากไทยหมด
เหมือนตลาดนัดที่ไทย แค่ราคาต่างกัน
ร้านขายเสื้อผ้ามัดย้อม เจอทีไรต้องแวะทุกที ราคาพอกับที่ไทย
บรรยากาศตอนกลางคืนที่เวียงจันทน์
น้ำราคา 4000.00 กีบ ในมินิมาร์ทตรงข้ามที่พัก ของส่วนใหญ่นำเข้าจากไทย จะคล้ายๆเซเว่นบ้านเรา
เพื่อนกำลังเลือกซื้อของกิน เราก็แอบถ่ายพนักงานสักหน่อย หนุ่มลาวคนขวาหน้าตาดีชะมัดเลยอ่ะ 5555555
22.00 น. กลับถึงที่พัก อาบน้ำนอน...
DAY - 5
เช้าวันที่ 5 วันสุดท้ายของทริป ตื่นแต่เช้าอีกเช่นเคย ตื่นตี 5 อาบน้ำแต่งตัว ออกจากที่พัก 7 โมงเช้า เดินไปซื้อตั๋วรถกลับอุดรฯที่ตลาดเช้า ระยะทางที่เดินก็ไม่ไกลมาก
ระหว่างทางไปตลาดเช้า เจอเจดีย์อยู่กลางสี่แยก
มาถึงตลาดเช้ารีบไปซื้อตั๋วรถทัวร์ ได้รอบ 08.00 น. ราคาคนละ 22000.00 กีบ
ปัญหาของเราคือยังไม่ได้ส่งโปสการ์ด และตู้ไปรษณีย์อยู่ไกลมาก บังเอิญเจอคุณลุงคนลาวมานั่งคุยด้วยตอนรอรถ เลยฝากคุณลุงส่งให้ ( ปล.โปสการ์ดถึงไทย ใช้เวลา 7 วันเอง)
ร้านขายข้าวจี่ ขายถูกมาก ราคาอันละ 5000.00 กีบ ถูกกว่าที่วังเวียงตั้งเยอะ
รถทัวร์ไปอุดรฯ ออก 08.00 น. ตรงเวลาเป๊ะ นั่งรถไปซักพักถึงด่านขาออกลาวต้องลงไปปั๊มขาออก และนั่งไปอักซักพักถึงขาเข้าไทย ทุกอย่างไวไปหมด
10.30 น. ถึงสถานีขนส่งอุดรธานี ลงจากรถ เหมารถตุ๊กๆไปสนามบินคนละ 40 บาท
เข้าเกทมาเจอสแตนดี้ณเดชถ่ายเก็บไว้สักหน่อย หล่อจัง 555555
11.00 น. ถึงสนามบินอุดรฯ กว่าเครื่องจะออกบ่ายโมง นั่งแก่วไปพักใหญ่
13.00 น. เครื่องออกจากสนามบินดุดรฯ ถึงสนามบินดอนเมือง 14.00 น. กว่า ถึงเวลาต้องล่ำลากับเพื่อน ต้องแยกย้ายกันไปทำงานจริงๆละใช่ไหม เวลาแห่งความสุขผ่านไปไวมาก บาย...
จบแล้ว.. ทริปโสดแล้วไงไปไหนก็ได้ ทริปนี้ได้อะไรมากมายที่บรรยากาศเป็นคำพูดก็ไม่หมด ได้เพื่อนใหม่ ได้เห็นอะไรใหม่ๆที่ไม่เคยเจอมาก่อน มันดีมากๆ
สุดท้ายนี้ เหมือนทุกทริปที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายไม่สำคัญ เท่ากับเจอมิตรภาพดีๆระหว่างทาง
นี่คือรีวิวแรกของเรา ถ้าผิดพลาดยังไงขออภัยด้วย...
Jarchinmaitravel
วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.54 น.